ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 348-2 คิดว่าฉันความจำเสื่อมหรือไง (2)
ตอนที่ 348 คิดว่าฉันความจำเสื่อมหรือไง (2)
ฉินเฟิ่งชิงคุ้นเคยอยู่แล้ว
แต่ความคุ้นเคยนี้ เป็นการคุ้นเคยคนละเรื่องกัน
ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนหูหย่งจะก้าวขึ้นมา เอ่ยเสียงเบาว่า “ฉินเฟิ่งชิง ได้ยินว่านายเคลื่อนไหวฝีเท้าได้เร็ว ครั้งนี้ประมือกับโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง ฟางผิงวางแผนให้นายลงสนามลำดับที่เท่าไหร่?”
ฉินเฟิ่งชิงชำเลืองมองเขา ส่ายหัวว่า “ฉันไม่ได้เร็วอะไร ฟางผิงถึงจะเร็วกว่า อีกอย่างนายอย่ามาหยั่งเชิงข้อมูลจากพวกเราเลย ฟางผิงไม่พอใจนายตั้งนานแล้ว ถ้าเขาได้ยินเข้า ต้องหาโอกาสสร้างปัญหาให้นายแน่”
“ฟางผิงไม่พอใจฉัน?”
หูหย่งทำหน้าแปลกใจ ฉันไม่ได้ไปหาเรื่องเขาสักหน่อย
“ครั้งก่อนนายประมือกับวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ไม่ใช่หรือไง? แล้วก็ยังพูดถึงฟางผิง ฟางผิงโมโหอย่างหนัก เอาแต่คิดหาเรื่องนายตลอดมา…”
หูหย่งสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ขำแห้งว่า “ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง?”
“ไม่ขนาดนั้น?” ฉินเฟิ่งชิงแค่นหัวเราะ “งั้นนายน่าจะไม่รู้จักเขาดีพอ เขาเป็นคนที่มีแค้นแล้วต้องชำระ”
“แค่กๆ ใช่สิ เมื่อวานฟางผิงไม่ได้มาดูการแข่งใช่หรือเปล่า?”
“อืม เขาบอกว่าต้องเตรียมตัวต่อสู้กับโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง ไม่ได้ออกจากโรงแรมเลย”
“อ่อ ฟางผิงตั้งใจจริงๆ” หูหย่งพยักหน้า เอ่ยราวกับไม่รู้เรื่องอะไร “ฟางผิงเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ฉันเคยได้ยินมาเหมือนกัน ก่อนหน้านี้หนีรอดจากขั้นหกมาได้?”
“ไม่ใช่แค่นั้น ขนาดราชาเจี่ยวขั้นแปดเขาก็เคยหนีรอดมาเหมือนกัน…”
พูดจบ ฉินเฟิ่งชิงก็เอ่ยอย่างระแวดระวังว่า “ทำไม นายเป็นตัวสอดแนมให้โรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งหรือไง?”
หูหย่งยิ้มเจื่อนๆ “ดูพูดเข้า ครุศาสตร์หวาตงไม่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งสักหน่อย ช่างเถอะ ฉันไม่ถามแล้ว จบนะ”
หูหย่งไม่รั้งตัวอยู่นานอีก ตอนที่จะออกไปยังมองไปทางฟางผิงแวบหนึ่ง
เอาสิ!
เมื่อวานฟางผิงไม่ได้มาดูการแข่งขัน ไม่มีใครเห็นเขาทั้งวัน!
เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว!
มีแค้นต้องชำระ!
ใจ…ก็ไม่ได้กว้างเท่าไหร่
เวลาและโอกาสต่างมีพร้อม
ลำพังปรมาจารย์ในโรงแรมยังไม่พูดอีกว่าใครลอบโจมตีตัวเอง หากรู้ว่าเป็นฟางผิง นั่นก็เป็นเรื่องปกติแล้ว
ฟางผิงเป็นอัจฉริยะของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้หรือจะพูดว่าเป็นบุคคลระดับแนวหน้าในประเทศจีน
เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ถูกเปิดเผย หากฟางผิงอาฆาตแค้นจริงๆ ปรมาจารย์ก็ต้องปวดหัวเช่นกัน ไม่พูดออกมานั่นสมเหตุสมผลแล้ว
“ฟางผิง!”
หูหย่งกัดฟันแน่น นายคอยดูเถอะ ฉันเป็นคู่ต่อสู้นายหรือเปล่า ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ฉันยังมีอาจารย์ กลับไปฉันจะให้อาจารย์หาโอกาสระเบิดชุดนายให้วิ่งหนีล่อนจ้อนแน่!
—
“ฮัดชิ้ว!”
ฟางผิงจามออกมา ถูจมูกเล็กน้อย ก่อนจะมองเหยาเฉิงจวินที่อยู่ไม่ไกล แค่นยิ้มว่า “ลอบด่าฉันในใจ? คิดว่าฉันไม่รู้จริงๆ หรือไง?”
เหยาเฉิงจวินใบหน้าดำทะมึน!
ใช่ ฉันกำลังด่านาย จมูกนายไวดีจริงๆ!
ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงเดินเอ้อละเหยเข้ามา หาวหวอดก่อนจะชำเลืองมองฟางผิง โยนบาปได้อย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากนี้ฟางผิงคิดจะใช้เรื่องนี้ข่มขู่ตัวเองก็ไม่เป็นไร หูหย่งจะเชื่อใคร แทบไม่ต้องพูดก็รู้แล้ว
ชื่อเสียงของนายไม่ได้ดีไปกว่าฉันหรอก
หากฟางผิงโยนบาปมาหาตัวเอง ตัวเองก็แค่รับไว้ ทำเป็นไม่ได้รับความยุติธรรม เพื่อรักษาภาพรวมของครุศาสตร์หวาตงและมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ฉันต้องเป็นแพะรับบาปให้ฟางผิง ยังไงฟางผิงก็เป็นประธาน จะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง ฉันคนนี้จึงทำได้แค่เป็นแพะรับบาปแทนเท่านั้น!
คุณธรรมสูงส่ง นึกถึงส่วนรวม แม้ว่าเขาจะถูกคนของครุศาสตร์หวาตงอัดชุดใหญ่ ไม่แน่ว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อาจจะชดเชยผลประโยชน์ให้ตัวเองก็ได้!
ฉินเฟิ่งชิงลอบลิงโลดอยู่ในใจ สิ่งที่น่าปวดหัวอย่างเดียวคือแม่เสือร้ายเหมือนจะเกาะแกะตัวเองจริงๆ เป็นปัญหาอยู่บ้างแล้ว
ตอนนี้ทั้งสองคนย่อมไม่ทันตระหนักว่าต่างฝ่ายต่างโยนบาปให้แก่กัน
ฟางผิงไม่สนใจฉินเฟิ่งชิงที่เดินเข้ามา กวาดสายตาออกไปไกลๆ หวังจินหยางและหลี่หานซงอยู่ทั้งคู่
“อยากพูดประโยคนี้จังเลย พวกนายสามคนเข้ามาพร้อมกันให้หมด!”
ฟางผิงพึมพำเบาๆ ตอนนี้เขาอ่อนไปอยู่บ้าง
เพราะต้องไล่ตามการเลื่อนระดับขั้น แต่หลังจากทะลวงขั้นห้าแล้ว ระดับของทุกคนจะเท่ากัน เวลาที่เข้าสู่ขั้นห้าไม่ได้ต่างกันมาก ฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ พวกเขายังจะสามารถเร็วกว่าตัวเองได้อีกหรือไง?
ถึงเวลานั้นพูดว่าพวกนายสามคนเข้ามาพร้อมกันเลย ฟางผิงคงไม่คิดจะลังเลอีกแล้ว
“น่าเสียดาย”
น่าเสียดายที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จำเป็นต้องได้อันดับหนึ่ง อย่างน้อยเป็นความต่างถึงห้าพันล้าน ทั้งยังไม่ใช่แค่ปีเดียว แต่เป็นทุกปี
เรื่องใหญ่แบบนี้ไม่อาจทำเป็นเล่นๆ ได้
เหยาเฉิงจวินทำเป็นไม่ได้ยิน อยากล้ำหน้าคนอื่น ไม่ว่าใครก็มีความคิดนี้ทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ฟางผิงคนเดียว
มองไปที่ดาบคู่กายของฟางผิงอีกครั้ง ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันจนถึงตอนนี้ ฟางผิงไม่เคยชักดาบมาก่อนเลย
แกล้งทำไปอย่างนั้นหรือว่าแข็งแกร่งจริงๆ กันแน่?
—
ในเวลาเดียวกัน
พวกปรมาจารย์ยอดฝีมือต่างถกเถียงเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
“ฟางผิงกำลังเลียนแบบหลี่ฉางเซิง?”
ปรมาจารย์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่งคนหนึ่งถามขึ้นมา หวงจิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เลียนแค่รูปแบบ กระบี่ของหลี่ฉางเซิง ไม่ใช่ใครก็สามารถฝึกได้”
“นั่นก็ถูก…” ปรมาจารย์มหาวิทยาลัยปักกิ่งเอ่ยต่อ “ถ้ำใต้ดินหนานเจียงใกล้จะอุบัติแล้ว ช่วงนี้นับวันคลื่นพลังงานก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หลี่ฉางเซิงจะไปหรือเปล่า?”
“อืม” รอยยิ้มของหวงจิ่งค่อยๆ เลือนหายไป ขานรับแล้วก็ไม่เปิดปากอีก
ในสนามปรมาจารย์หลายคนต่างเงียบลงเช่นกัน
ผ่านไปพักใหญ่ ปรมาจารย์ของปักกิ่งจึงเอ่ยขึ้นว่า “เวลานั้นพวกเราถูกเขารังแกอย่างหนัก ไม่มีเรื่องก็จะหาเรื่องให้ได้ เขาอยู่ขั้นห้าเอาชนะขั้นหกได้ กระบี่อมตะออกจากฝักก็สั่นสะเทือนไปทั่วหล้า ตอนนี้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ซะแล้ว ครั้งก่อนถูกฉันกดดัน คงลอบด่าฉันในใจไม่น้อย แต่ไม่เป็นไร ด่าก็ด่าไปเถอะ ไม่ได้เจ็บเสียหน่อย ฉันยังรอให้เขามาล้างแค้นอยู่ ตอนนี้ถ้ำใต้ดินหนานเจียงอุบัติ ถ้าเขาไปแล้ว ชั่วชีวิตนี้ยังจะมาล้างแค้นฉันได้อีกยังไง?”
หวงจิ่งยังคงเงียบต่อไป
ปรมาจารย์ของปักกิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตายไปก็ดี ยังไงก็นับว่าใช้ชีวิตมานมนานแล้ว แค่ไม่ยินดีอยู่บ้างเท่านั้น เขาบอกว่าอยู่ระดับเดียวกับฉันแล้วจะตีให้เหมือนเด็กคนหนึ่ง เจ้าไร้ประโยชน์นี้กลับไม่อาจเข้าสู่ขั้นเจ็ดได้ชั่วชีวิต ฉันอยากเห็นว่าทะลวงขั้นเจ็ดแล้ว เขาจะสามารถตีฉันให้เหมือนเด็กคนหนึ่งได้หรือเปล่า!”
หวงจิ่งเอ่ยเสียงเบาว่า “เขาไม่มีโอกาสแล้ว เกรงว่าฟางผิงทะลวงขั้นเจ็ดแล้วจะมาคิดบัญชีกับนายแทน”
“ฟางผิงเป็นลูกศิษย์ของหลู่เฟิ่งโหรวไม่ใช่หรือไง?”
“นับว่าเป็นศิษย์ของเขาครึ่งหนึ่งเช่นกัน”
ปรมาจารย์มหาวิทยาลัยปักกิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ไม่น่าล่ะ วิชาบ่มเพาะดาบของหลี่ฉางเซิง ไม่ได้เผยแพร่ให้ใครง่ายๆ
“งั้นฉันกลับอยากตั้งหน้าตั้งตาคอยอยู่บ้าง”
ปรมาจารย์ปักกิ่งหัวเราะ จู่ๆ ก็เอ่ยอย่างเสียใจเล็กน้อย “ชั่วชีวิตนี้ของฉัน ไม่เคยเอาชนะเจ้าคนไร้ประโยชน์นั่นในระดับเดียวกันได้ หลี่หานซงนับว่าเป็นศิษย์ฉันครึ่งหนึ่ง นายว่าถ้าหลี่หานซงชนะ จะนับว่าฉันแข็งแกร่งกว่าเจ้าไร้ประโยชน์นั่นหรือเปล่า?”
ทุกคนจมดิ่งในความเงียบ หวงจิ่งพึมพำว่า “นายทำไม่ได้ ลูกศิษย์นายก็ทำไม่ได้…กระบี่อมตะ…กระบี่เดียวตัดชะตา…น่าเสียดายศิษย์น้องคนนี้ของฉัน”
บรรยากาศดำดิ่งลงทันที
คนอายุอย่างพวกเขา ตอนนี้มีตำแหน่งสูงส่ง ได้เกียรติเป็นปรมาจารย์ ชื่อเสียงสะท้านฟ้า
แต่จะมีสักกี่คนที่จดจำกระบี่อมตะ ผู้สง่างามน่าเกรงขาม กวาดล้างระดับเดียวกันเมื่อในวันวานได้?
—
สง่างามน่าเกรงขาม?
ตาเฒ่าหลี่ขยี้เส้นผมที่ยุ่งเหยิง หาวหวอดเดินออกมาจากสวน
“เจ้าด้วน คนอื่นล่ะ? ทำไมคนน้อยขนาดนี้?”
ในสวนดอกไม้ ชายชราแขนขาดเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “การแข่งขันแลกเปลี่ยนใกล้จะถึงรอบชิงชนะเลิศแล้ว แห่ไปดูการแข่งกันหมด”
“ทีมของพวกเราเป็นยังไงบ้าง?”
“พอใช้ได้ วันก่อนฟางผิงเอาชนะหลิวซื่อเจี๋ยจากมหาวิทยาลัยหวากั๋วได้อย่างสบายๆ เชียวล่ะ”
ตาเฒ่าหลี่ยิ้มเผล่ “เจ้าเด็กนี่ใช้ได้นี่หว่า!”
พูดจบตาเฒ่าหลี่ก็หันไปมองแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เดี๋ยวเขากลับมา จะให้เขาช่วยฉันเก็บข้าวของสักหน่อย”
ชายชราแขนขาดมองเขาพักใหญ่ เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ต้องไปให้ได้หรือไง?”
“ไม่เกี่ยวกับนาย!”
ตาเฒ่าหลี่ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เอ่ยอย่างเบิกบานว่า “ครั้งนี้ฉันจะดังระเบิดแล้ว เจ้าด้วน รอฟังข่าวดีของฉันเถอะ กระบี่อมตะตัดชะตา ไม่ถึงขั้นแปดนับว่าเป็นอมตะยังไง!”
ทิ้งคำพูดนี้แล้วตาเฒ่าหลี่ก็หัวเราะเสียงดัง ลอยผ่านอากาศออกไป
—
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง
การแข่งขันใกล้จะเริ่มแล้ว
ฟางผิงลูบดาบที่เอวของตัวเอง มองไปทางทิศใต้
ผ่านไปสักพักก็ฟื้นฟูรอยยิ้มขึ้น หันไปหาฉินเฟิ่งชิง “ครั้งนี้ต้องให้ฉันยืมดาบแล้ว ไม่งั้นคงไม่อาจสู้ได้”
ฉินเฟิ่งชิงครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยเสียดังว่า “สิบล้าน!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนที่อยู่ด้านข้างจึงพากันมองมาทางพวกเขา
ฟางผิงไม่ใส่ใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ได้”
ฉินเฟิ่งชิงมองพวกจางอวี่แวบหนึ่ง เอ่ยว่า “พวกนายได้ยินกันแล้วใช่หรือเปล่า ให้ยืมหนึ่งครั้งต่อสิบล้าน เขารับปากเองนะ!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทุกคนเป็นพยานได้ ฉันคนนี้รักหน้าตาเป็นที่สุด ไม่ทำเรื่องอย่างเบี้ยวหนี้หรอก”
เวลานี้ฉินเฟิ่งชิงค่อยยื่นดาบให้ฟางผิง ฟางผิงรับดาบยาวมา ชั่งน้ำหนักเล็กน้อย พูดอย่างพอใจว่า “ไม่เลว หนี้ที่นายติดฉันสี่สิบล้าน ครั้งนี้หักออกไปสิบล้าน”
“หา?”
“อะไร? แกล้งโง่? วันนั้นในถ้ำใต้ดิน มีคนได้ยินไม่น้อย นายไปถามพวกอาจารย์ไป๋สิ ใครไม่รู้บ้าง? คิดจะเบี้ยวหนี้? ฉันเห็นว่านายจนเลยจงใจเปิดโอกาสลดหนี้ให้ อย่าปฏิเสธความหวังดีสิ เงินสี่สิบล้านนี้ต้องคืนอยู่แล้ว ไม่งั้นฉันจะคิดดอกเบี้ยจริงๆ ด้วย!”
ฟางผิงเผยสีหน้าไม่พอใจ ทั้งไม่สนใจเขาอีก สาวเท้าเดินขึ้นเวทีไป
ด้านล่างนั้นฉินเฟิ่งชิงสีหน้าดำคล้ำ เอาเถอะ คิดว่าฉันลืมจริงๆ หรือไงกัน อย่างมากสุดฉันก็ติดนายไม่กี่ล้านเท่านั้น เอาไหนมาตั้งสี่สิบล้าน คิดว่าฉันฝึกวิชาจนความจำเสื่อมไปแล้วหรือไง มารีดไถกันแบบนี้?
————————