ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 351-2 ทะลวงด่านไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป (2)
ตอนที่ 351 ทะลวงด่านไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป (2)
พวกผู้ชมต่างไม่มีใครไปไหน พากันจับจ้องไม่คลาดสายตา
ตอนนี้ฟางผิงดูดกลืนพลังปราณไปจำนวนมาก ทดแทนที่สิ้นเปลืองไปแล้วจึงไม่ทำต่ออีก
แม้ฟางผิงจะสามารถใช้โอกาสนี้ฝึกวิชาได้ก็ตาม แต่ฟื้นฟูเป็นปกติแล้ว ฟางผิงก็เป็นฝ่ายเลิกก่อน หัวเราะว่า “ไม่ฝึกดีกว่า ประหยัดให้มหาวิทยาลัยปักกิ่งและโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งหน่อย จะให้พวกปรมาจารย์สิ้นเปลืองเกินไปไม่ได้”
พวกปรมาจารย์ทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนหน้านี้ไม่เห็นเธอจะพูดแบบนี้เลย?
ฟางผิงไม่รั้งต่ออยู่นาน เดินลงจากอัฒจันทร์ไปอยู่อีกฝั่ง ส่งสายตาเป็นนัยให้หลิวต้าลี่
หลิวต้าลี่รีบวิ่งเข้ามา ละล่ำละลักว่า “ประธานฟาง พวกเขาทะลวงถึงขั้นห้าจริงๆ หรือเปล่า?”
“ยังหรอก ต้องรออีกหน่อย”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริงก่อนหน้านี้พวกเขาก็ทะลวงได้ แต่อยากจะสร้างชื่อไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสี่ซะก่อน น่าเสียดาย เฮ้อ ทุกคนคงเห็นแล้ว ฝันที่ไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสี่แตกสลายไปแล้ว จำเป็นต้องทะลวงด่าน น่าเสียดายจริงๆ”
ความหมายของฟางผิงนั้นแสดงให้เห็นว่าสองคนนี้ทะลวงขั้นห้า ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป กลับจะทำให้คนเสียดายมากกว่า
หลิวต้าลี่เข้าใจความนัย รีบเอ่ยว่า “งั้นประธานฟางจะเลือกทะลวงขั้นห้าเมื่อไหร่?”
“น่าจะหลังจากเอาชนะหวังจินหยาง เอาชนะเขาแล้ว อันที่จริงก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสี่แล้ว ฉันไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสาม ขั้นสี่ก็ไร้คู่ต่อสู้อีก ทะลวงขั้นห้าไม่จำเป็นต้องรีบ ยังเร็วเกินไป อาจไม่ใช่เรื่องดี ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาสองคนยังอยู่ปีสี่แล้ว ฉันเพิ่งจะปีสอง ไม่รีบหรอก ควรสั่งสมประสบการณ์อีกสักหน่อย”
เวลานี้หลิวต้าลี่หัวสมองฉับไวเป็นพิเศษ เอ่ยเน้นย้ำชัดเจนว่า “ก็ถูก พวกเขาใกล้จะจบการศึกษาแล้ว ประธานฟางยังเร็วไปอยู่บ้าง เป็นแบบนี้ตอนที่ประธานฟางเรียนจบ บางทีอาจจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกแล้ว”
“นั่นก็พูดได้ยาก ต้องดูกันที่โชคแล้ว หากโชคดีหน่อยอาจจะได้เป็นปรมาจารย์ แต่ถ้าแย่หน่อย ขั้นหกสูงสุดคงไม่ใช่เรื่องยาก”
ระหว่างที่ฟางผิงพูดก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่ารุ่นพี่ทั้งสองคนทะลวงถึงขั้นห้าแล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดีเช่นกัน พรุ่งนี้ทุกคนจะได้เห็นสงครามของขั้นห้าแล้ว แต่เพิ่งเข้าสู่ขั้นห้าก็ไม่ใช่ว่าจะแตกต่างจากก่อนหน้านี้มากมายเท่าไหร่”
“งั้นหากประธานฟางผิงเข้าสู่การแข่งรอบชิงชนะเลิศก็จะได้ประมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าแล้ว มีความมั่นใจหรือเปล่า?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ความมั่นใจต้องมีอยู่แล้ว อันที่จริงการแข่งขันก่อนหน้านี้ฉันก็ยังไม่เคยทุ่มสุดกำลังเลย ประเด็นเป็นเพราะว่าอยากรอให้พวกรุ่นพี่เข้าสู่ขั้นห้าซะก่อน ตอนนี้พวกรุ่นพี่มอบโอกาสให้ฉันแล้ว มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะไม่ทำให้คนผิดหวังเช่นกัน สร้างตำนานของพวกเราต่อไป!”
“สมแล้วที่ประธานฟางเป็นยอดฝีมือที่ไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสี่ งั้นพวกเราก็จะรอประธานฟางมอบความน่าตื่นตาตื่นใจกว่านี้ให้พวกเราแล้วกัน”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่ง หลิวต้าลี่ประจบประแจงอีกยกใหญ่ ส่วนเรื่องที่ฟางผิงและหวังจินหยางยังไม่เคยประมือกัน แต่ไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น มองได้อย่างง่ายดาย
ฟางผิงเอาชนะโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งได้รวดเดียว แต่หวังจินหยางเอาชนะมหาวิทยาลัยปักกิ่งได้หมดหรือไง?
—
การทะลวงขั้นห้าใช้เวลาติดต่อกันกว่าหนึ่งชั่วโมง
จวบจนผ่านหนึ่งชั่วโมงไปแล้ว สะพานฟ้าดินของหลี่หานซงและเหยาเฉิงจวินก็หลอมรวมกันอย่างเป็นทางการ กลายเป็นวงจรทางเดินที่ปิดผนึก
ต่อไปการฝึกวิชาของพวกเขา เมื่อดูดกลืนพลังงานและปราณจะออกไปข้างนอกได้น้อยลง เป็นผลดีกับการหลอมอวัยวะภายในมากกว่า
รอถึงขั้นหก ปิดผนึกประตูซานเจียวแล้ว ปราณและพลังงานก็จะไม่ออกไปข้างนอกอีก
ถึงเวลานั้น แม้จะอายุมากร่างกายเสื่อมโทรม ก็ยากที่ลดหลั่นลงไปอีก เว้นเสียแต่จะมีบาดแผลรุมเร้า
ทั้งสองคนทะลวงเสร็จแล้ว พวกปรมาจารย์ก็ไม่สิ้นเปลืองยาบำรุงและหินพลังงานอีก
ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงลืมตาขึ้นเช่นกัน พึมพำว่า “อะไรเนี่ย ฉันกำลังฝึกถึงช่วงสำคัญ…”
พูดจบก็รับรู้ถึงบรรยากาศที่ไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง ฉินเฟิ่งชิงมองไปรอบๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะว่า “ฟางผิง ครั้งหน้าก็อย่าให้พวกเราฝึกวิชากันข้างนอกสิ จะพลาดเอาได้ง่ายๆ…”
ฟางผิงชำเลืองตามองเขา ตอนที่ฉันพูดเรื่องฝึกวิชา นายทำไปตั้งนานแล้วเถอะ!
ฉินเฟิ่งชิงไม่สนใจเรื่องนี้เช่นกัน หัวเราะพลางหยัดกายขึ้น เอ่ยด้วยสีหน้านอบน้อม “ขอบคุณปรมาจารย์ทุกท่าน ฉินเฟิ่งชิงจะจดจำไปทั้งชั่วชีวิต วันนี้ฝึกวิชาได้ไม่ลึกล้ำพอเพราะขาดแคลนทรัพยากรอยู่บ้าง รอวันหน้าผมประสบความสำเร็จในเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ จะตอบแทนน้ำใจให้เหมือนกับสายน้ำแน่นอน!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็ตกตะลึงอยู่บ้าง
นึกไม่ถึงว่าฉินเฟิ่งชิงยังจะเอ่ยคำพูดพวกนี้ออกมาได้?
นี่เทียบกับเด็กเวรอย่างฟางผิงแล้วดีกว่าเยอะ เจ้าเด็กนั่นฝึกวิชาแล้วยังจะพูดเหน็บแนมอีก
ฉินเฟิ่งชิงเห็นพวกปรมาจารย์เผยแววตาชื่นชมก็ยิ้มขึ้นมาอย่างลำพองใจ ฉันประสบความสำเร็จในเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ อย่างน้อยต้องขั้นเก้า รอถึงขั้นเก้า…ไว้ค่อยว่ากัน เรื่องของอนาคตใครจะรู้ได้
ฉินเฟิ่งชิงทำเป็นตัวอย่างแล้ว คนอื่นๆ เมื่อฝึกกันเสร็จแล้วก็ทยอยขอบคุณเช่นกัน
ฟางผิงเห็นแบบนั้นจึงสมองแล่นอย่างว่องไว เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พวกนายไม่จำเป็นต้องเกรงใจเกินไป ใต้หล้านี้พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เหตุผลที่พวกปรมาจารย์เป็นปรมาจารย์ก็เพราะพวกเขาใจกว้างกับคนรุ่นหลัง ไม่ลำเอียงแค่คนใดคนหนึ่ง แม้พวกเราจะเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่น ก็ยังเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ทั้งหมดอยู่ดี พวกอาจารย์ดีต่อพวกเรา พวกเราจดจำไว้ในใจก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอ่ยให้มากความ รอวันไหนประสบความสำเร็จทางเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ พวกเราฆ่าศัตรูได้คนหนึ่ง พวกอาจารย์ก็ชื่นใจขึ้นมาแล้ว นี่ดียิ่งกว่าการตอบแทนบุญคุณของพวกเราอีก อาจารย์ทุกคนวางใจเถอะครับ รอผมประสบความสำเร็จจะฆ่าพวกที่แข็งแกร่งเพื่ออวยชัยให้กับปรมาจารย์!”
ทุกคนพากันมองไปที่เขา พวกปรมาจารย์ต่างเงียบเป็นเป่าสาก ยังจะพูดอะไรได้?
ฟางผิงเห็นแบบนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ปรมาจารย์ทุกท่าน หลังจากนี้ศิษย์จะไม่เกรงใจอาจารย์อีกแล้ว ครั้งหน้าหากมีข้อสงสัยในเรื่องพวกนี้ หวังว่าพวกอาจารย์จะช่วยชี้แนะให้ผมได้?”
คำพูดนี้ไม่อาจรับได้ง่ายๆ แล้ว พวกปรมาจารย์เหนื่อยใจอยู่บ้าง ไม่ได้พูดอะไร เวลาชั่วพริบตา…ก็พากันทะยานขึ้นไปในอากาศ!
ฟางผิงเบ้ปาก ขี้เหนียวจริงๆ!
หวงจิ่งชำเลืองมองเขา เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “กลับไป!”
คนที่สามารถไล่ปรมาจารย์เยอะขนาดนี้ได้ มีแค่ฟางผิงคนเดียวเท่านั้น
—
การแข่งขันวันนี้มีจุดที่น่าสนใจอย่างมาก
ฟางผิงเอาชนะเหยาเฉิงจวิน หวังจินหยางเอาชนะหลี่หานซง ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงเกรียงไกร ต่างผ่านความพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตมาแล้ว
แต่ทั้งสองคนทะลวงขั้นห้าติดต่อกัน ยิ่งล้มก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ทำให้คนตกตะลึงไม่น้อยเช่นกัน ผลกระทบและแรงโจมตีจากการพ่ายแพ้จึงน้อยลงมาก
นี่เกรงว่าอาจจะเป็นสาเหตุที่ทั้งสองคนเลือกทะลวงด่านเช่นกัน เพื่อเบี่ยงความสนใจจากทุกคน
ไม่งั้นการพ่ายแพ้ครั้งนี้เกรงว่ามหาวิทยาลัยปักกิ่งและโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งจะถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยแล้ว
สำหรับเรื่องนี้ฟางผิงกระจ่างใจดีเช่นกัน
น่าเสียดาย เขายังไม่ถึงขั้นนั้น ไม่งั้นคงไม่ปล่อยโอกาสให้พวกเขาหรอก พวกเขาทะลวงด่าน ฟางผิงก็จะทะลวงด่านเหมือนกัน กดหัวพวกเขาอย่างเช่นเคย น่าโมโหเจ้าคนพวกนี้จริงๆ
————————