ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 352-2 บอกไปตั้งนานแล้วว่านายอ่อนแอที่สุด (2)
ตอนที่ 352 บอกไปตั้งนานแล้วว่านายอ่อนแอที่สุด (2)
เห็นว่าทั้งสองคนสู้เกือบมาถึงจุดที่เขาอยู่แล้ว ฟางผิงมองหัวที่โผล่ออกมาข้างนอกของฉินเฟิ่งชิงเล็กน้อย นี่ถ้าพวกเขาสู้มาถึงตรงนี้จริงๆ ฉินเฟิ่งชิงจะกลายเป็นผู้เข้าร่วมแข่งขันคนแรกที่สละชีวิตในการแข่งขันแลกเปลี่ยนหรือเปล่า?
ดีที่ตรงนี้อยู่ในเขตของผู้ชม มีปรมาจารย์ลงมือสร้างม่านพลังจิตใจ ทั้งสองคนจึงไม่ได้เคลื่อนมาทางนี้ต่อ
ภายในสนามกีฬามีพลังงานกระจัดกระจาย ปราณปกคลุมอย่างหนาแน่น
หลี่หานซงที่กลายร่างทองเป็นเทพสงคราม ต่อสู้อย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร ดูห้าวหาญดุดัน
เหยาเฉิงจวินกลับไม่ได้เปล่งแสงเจิดจ้าจนเกินไป แต่เทียบกับเมื่อวานมีท่าทีใจเย็นไม่น้อย พลังจิตใจเคลื่อนไหวตามใจนึก คนทั่วไปมองไม่เห็น ฟางผิงกลับสามารถสัมผัสได้ พลังจิตใจของเหยาเฉิงจวินกลายเป็นหอกยาว จู่โจมหัวของหลี่หานซงไม่หยุดหย่อน
“ล้ำหน้าฉันไปแล้วจริงๆ อาจจะแตะเกินกว่าเจ็ดร้อยเฮิรตซ์ขึ้นไป…หมอนี่ บางทีอาจจะทะลวงเป็นปรมาจารย์ได้ง่ายกว่าหลี่หานซง”
“แต่หลังเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ ความเร็วเขาก็จะลดน้อยกว่าหลี่หานซงแล้ว หลี่หานซงจะเข้าสู่ขั้นร่างทองได้เร็วกว่า”
“หวังจินหยางไม่ต่างกันมาก ทะลวงขั้นปรมาจารย์อาจไม่เร็วกว่าเหยาเฉิงจวินเสมอไป แต่ขั้นเจ็ดเข้าสู่ขั้นแปดอาจจะไวขึ้นเล็กน้อย ไม่ก็อาจจะทะลวงขั้นแปดสูงสุดได้ง่ายกว่า?”
ฟางผิงคาดเดาอยู่ในใจยกใหญ่ ตอนนี้ยากจะคาดคะเนเช่นกัน
กำลังมองการแข่งขัน จู่ๆ เฉินเฮ่าหรานก็เดินเข้ามา หมอนี่เห็นน้องสาวตัวเองอยู่ตรงนี้เลยถือโอกาสเข้ามาสอดส่อง
เห็นว่าด้านข้างฟางผิงไม่มีใครนั่ง เฉินเฮ่าหรานจึงนั่งลง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฟางผิง สองคนนี้นับวันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นายมีความมั่นใจหรือเปล่า?”
ฟางผิงมองเขาอย่างแปลกๆ เฉินเฮ่าหรานรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง มองฉันทำไมกัน?
ก่อนหน้านี้ฟางผิงซัดหลิวซื่อเจี๋ยจนหมดสภาพ ตัวเองตีเสมอกับมหาวิทยาลัยหวากั๋วได้ รู้สึกดีกับฟางผิงขึ้นมาหลายส่วนจึงได้เดินเข้ามา
ตอนนี้กลับมาถูกเขามองแบบนี้ เฉินเฮ่าหรานรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
ฟางผิงเอ่ยเบาๆ ว่า “นายไม่รู้สึกว่าใต้เท้ามีอะไรแปลกๆ หรือไง?”
เฉินอวิ๋นซีที่อยู่ด้านข้างเผยสีหน้าตกใจ เวลานี้ค่อยเอ่ยด้วยใบหน้าขื่นขม “พี่ นายเหยียบรุ่นพี่ฉินอยู่ เขาต้องมาล้างแค้นพี่แน่!”
เฉินเฮ่าหรานตกตะลึงไป อดก้มหน้ามองไปข้างล่างไม่ได้ รอจนเห็นว่าเท้าเหยียบเส้นผมบางส่วนอยู่ก็พึมพำว่า “นี่…นี่คือฉินเฟิ่งชิง?”
พวกฟางผิงพากันพยักหน้างึกงัก มองเขาด้วยความเห็นใจ
นายไม่รอดแน่!
เดิมทีฉินเฟิ่งชิงก็ถูกปู่นายตอกเข้าไป เขาไม่กล้าไปคิดบัญชีกับปรมาจารย์ ทั้งอายเกินกว่าจะหาเรื่องเฉินอวิ๋นซี แต่สำหรับนายแล้ว นั่นทำได้เพียงรอตาย!
แน่นอนว่าทุกคนต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลาย เฉินเฮ่าหรานอาจไม่ได้ด้อยไปกว่าฉินเฟิ่งชิงเสมอไป…แต่ฟางผิงยังคงคิดลำเอียงไปทางฉินเฟิ่งชิงมากกว่า ไม่ช้าก็เร็วเฉินเฮ่าหรานต้องซวยแน่
ส่วนเรื่องปิดบัง ฟางผิงคงไม่ช่วยปิดบัง ประจวบเหมาะให้ฉินเฟิ่งชิงมีเรื่องทำพอดี เขาจะได้ไม่คิดสร้างเรื่องเพิ่มให้ตัวเอง
เฉินเฮ่าหรานนั่งไม่ติดที่แล้ว รีบดีดตัวขึ้นทันที อยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไร สาวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
ปู่ไม่ให้เขาไปยุ่งกับพวกมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ บอกว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนพวกนี้ เขาแค่อยากมาหาน้องสาวเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรมากมาย
ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ไม่ควรมาเลยจริงๆ
คนของเซี่ยงไฮ้ทำตัวพิสดาร นึกไม่ถึงว่าฉินเฟิ่งชิงจะฝังตัวเองไว้ใต้ดิน!
—
เรื่องที่ฉินเฟิ่งชิงถูกเหยียบ ฟางผิงไม่มีเวลาสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่
ในสนามได้สู้มาจนถึงช่วงตัดสินแพ้ชนะแล้ว!
เหยาเฉิงจวินดูเหมือนน่าอเนจอนาถ ความแข็งแกร่งของร่างกายสู้หลี่หานซงไม่ได้ ปะทะกับหลี่หานซงหลายกระบวนท่าแล้ว แขนสองข้างก็ปริแตกออกมา เลือดที่ราวกับหยกแดงไหลหยดอย่างไม่ขาดสาย
มองจากภายนอก เหยาเฉิงจวินสะบักสะบอมมากกว่า หลี่หานซงที่อยู่ตรงข้ามไม่ค่อยเป็นอะไร
แต่เวลานี้ประกายสีทองบนกะโหลกของหลี่หานซงเลือนรางลงไปเยอะ ไม่ได้สว่างไสวเหมือนตอนแรกขนาดนั้นแล้ว
ทั้งสองคนต่างหอบหายใจ ครู่ต่อมาก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน!
เหยาเฉิงจวินระเบิดพลังจิตใจจนถึงขีดสุดในชั่วพริบตา ถือหอกฝ่าเข้ามาหาหลี่หานซง
หลี่หานซงถูกจู่โจมหลายครั้ง เริ่มต้านไม่ไหวอยู่บ้าง ร่างกายไหวเอนเล็กน้อย ทำให้ล่าช้าไปอยู่บ้าง
ในช่วงเวลาพริบตานั้น เหยาเฉิงจวินก็คำรามออกมา แทงหอกทะลุช่วงอกเขาทันที!
หลังจากถูกโจมตี หลี่หานซงจึงมีสติขึ้นมาทันที คำรามอย่างโมโห ชกหมัดสีทองจนเหยาเฉิงจวินกระเด็นตัวลอยออกไป
เหยาเฉินจวินร่วงสู่พื้น พยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล
หลี่หานซงกลับสภาพเลวร้ายยิ่งกว่า หอกของเหยาเฉิงจวินแทงทะลุอกเขา พลังปราณมหาศาลระเบิดอยู่ภายใน นี่ทำให้สะพานฟ้าดินที่เพิ่งกลายเป็นวงจรเมื่อวานมีทีท่าจะกระจัดกระจาย หากแยกออกจากกันจริงๆ บางทีเขาอาจต้องตกลงมาสู่ขั้นเดิม
ทะลวงขั้นห้าครั้งที่สอง ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นแล้ว
หลี่หานซงจนใจอยู่บ้าง เอ่ยไปว่า “ยอมแพ้!”
เขายอมแพ้แล้ว เหยาเฉิงจวินก็ถอนหายใจ แข้งขาสั่นเทาอยู่บ้าง
ตอนที่ฉินเจ๋อสาวเท้าเข้ามา เหยาเฉิงจวินก็อัดยาบำรุงไปหลายเม็ด ฝืนต่อสู้กับฉินเจ๋อไปอีกสนาม แต่ตอนนี้เขาใช้พลังจิตใจจนหมดแล้ว สูญเสียความได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดไป รวมถึงอาการบาดเจ็บหนัก ท้ายที่สุดจึงพอจะเสมอกับฉินเจ๋อเท่านั้น
อันที่จริงแค่นี้ก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งแล้ว
คนของมหาวิทยาลัยปักกิ่งแทบจะเงียบเป็นเป่าสาก
พวกเขาจะแพ้ให้โรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งแล้วไปชิงอันดับสามกับมหาวิทยาลัยหนานเจียงอีกทีอย่างนั้นเหรอ?
มหาวิทยาลัยหนานเจียงแพ้ให้กับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แทบจะเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว หรือหากหวังจินหยางเอาชนะฟางผิงได้ มหาวิทยาลัยปักกิ่งก็ต้องมาชิงอันดับสามอันดับสี่อยู่ดี นั่นเป็นเรื่องที่น่าอายอย่างยิ่ง!
ดีที่คนต่อมาของมหาวิทยาลัยปักกิ่งไม่ได้ทำขายหน้าอีก หลังจากเอาชนะไป๋ซวี่ก็กำราบผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลายเพียงคนเดียวของอีกฝ่ายได้ เวลานี้จึงลงเวทีไปพร้อมบาดแผล
สองต่อสอง มหาวิทยาลัยปักกิ่งมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลายสองคน อีกฝ่ายมีขั้นสี่ตอนกลางสองคน
ต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ทุกคนแทบจะรู้ผลลัพธ์กันแล้ว
พวกเขาต่างเป็นอัจฉริยะ สองคนจากโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง บางทีอาจจะเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลายจากโลกข้างนอกได้ แต่อัจฉริยะจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งจะถูกคนก้าวข้ามง่ายๆ ได้ยังไงกัน
ผลลัพธ์ไม่ได้เหนือความคาดหมาย ภายใต้การทุ่มเทของทั้งสองคนก็จัดการคนที่สี่ของมหาวิทยาลัยปักกิ่งไปได้
รอจนคนที่ห้าขึ้นเวที คนจากโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งก็แทบไม่มีแรงเหลือลงมืออีกแล้ว
“มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นฝ่ายชนะ!”
ตอนที่เสียงของผู้ตัดสินดังขึ้น ฟางผิงก็ได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอก
พวกนักศึกษาของมหาวิทยาลัยปักกิ่งนับว่าสบายใจแล้ว
อีกนิด อีกนิดเดียวก็จะถูกเอาชนะแล้ว!
เมื่อวานก็เหมือนกัน!
วันนี้อีกด้วย!
หลี่หานซงที่ถูกมองเป็นเทพสงครามของมหาวิทยาลัยพ่ายแพ้ติดต่อกัน!
แพ้ให้หวังจินหยาง แพ้ให้เหยาเฉิงจวิน นี่หากรอบชิงชนะเลิศเจอกับฟางผิง แพ้ให้ฟางผิงอีกครั้ง…
ไม่สิ ฟางผิงเอาชนะเหยาเฉิงจวิน บางทีในสายตาของหลายคนอาจมองว่าหลี่หานซงนั้นสู้ฟางผิงไม่ได้อยู่แล้ว
สี่อัจฉริยะของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ตอนนี้ดูแล้วหลี่หานซงกลับอ่อนแอที่สุด ก่อนหน้านี้คนส่วนมากของมหาวิทยาลัยปักกิ่งต่างคิดว่าหลี่หานซงแข็งแกร่งที่สุดอย่างแน่นอน
มองจากผลการรบ ตอนนี้หลี่หานซงอยู่ล่างสุด เหยาเฉิงจวินแข็งแกร่งกว่าหนึ่งช่วง หวังจินหยางแกร่งกว่าเหยาเฉิงจวินเล็กน้อย เพราะเมื่อวานหวังจินหยางเอาชนะขั้นสี่สูงสุดถึงสามคน
ส่วนฟางผิงและหวังจินหยาง ตอนนี้ยังไม่อาจตัดสินได้ แต่หวังจินหยางเอาชนะหลี่หานซงด้วยอาการบาดเจ็บหนัก ฟางผิงกลับไม่ได้รับบาดเจ็บจากการเอาชนะเหยาเฉิงจวินเท่าไหร่
—
บนอัฒจันทร์
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ก่อนหน้านี้ฉันบอกไปแล้วว่าหลี่หานซงอ่อนแอที่สุด เขาไม่เชื่อ ยังจะเถียงกลับ ตอนนี้คงเชื่อแล้วสินะ? แต่ว่า…หากถึงขั้นหกสูงสุดจริงๆ พลังจิตใจของเขาถึงขั้นที่ปลดปล่อยได้ คนอื่นอาจสู้เขาไม่ได้เสมอไป”
จุดนี้ฟางผิงมองออก พวกยอดฝีมือก็เข้าใจเช่นกัน
แต่เรื่องของอนาคตยังคงเป็นอนาคต
ตอนนี้หลี่หานซงถูกคนอื่นกำราบกลับเป็นเรื่องที่โต้แย้งไม่ได้
พวกปรมาจารย์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่งเห็นได้ชัดว่าจนใจอยู่บ้าง
ครั้งนี้แม้ว่าสุดท้ายมหาวิทยาลัยปักกิ่งจะเอาชนะคว้าอันดับหนึ่งได้ก็คงจะขาดอำนาจการพูดไปอยู่บ้าง
หลี่หานซงที่อยู่ขั้นห้าเอาชนะฟางผิงที่อยู่ขั้นสี่ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรค่าให้โอ้อวดแต่อย่างใด
แน่นอนว่าฝีมือของมหาวิทยาลัยปักกิ่งแข็งแกร่งเป็นเรื่องจริง แต่สายตาของโลกภายนอกอาจไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป อย่างน้อยในความคิดคนส่วนมากคงจะมองว่ามหาวิทยาลัยปักกิ่งต่อสู้ในการแข่งขันแลกเปลี่ยนได้ยากลำบากอย่างยิ่ง
กลับเป็นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ที่ซัดโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งจนราบคาบ
ถ้าหาก…หลี่หานซงที่อยู่ขั้นห้าแพ้ให้กับฟางผิง…
ช่างเถอะ พวกปรมาจารย์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่งแทบไม่กล้าคิดแล้ว ถึงเวลานั้นมหาวิทยาลัยปักกิ่งประกาศว่าตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง ใครจะเชื่ออีก!
เจอกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ สู้ตั้งแต่ขั้นหนึ่งไปถึงขั้นห้าพบแต่ความพ่ายแพ้ งั้นปรมาจารย์ของคุณมีมากกว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้วยังไง?
ทางมหาวิทยาลัยปักกิ่งปวดหัว หวงจิ่งกลับอารมณ์ดีไม่น้อย
แต่รอจนเห็นดาบพกที่เอวของฟางผิงก็นึกไปถึงข่าวที่มหาวิทยาลัยส่งมาเมื่อวาน รอยยิ้มของหวงจิ่งค่อยๆ ลบเลือนไป หลี่ฉางเซิงไปหนานเจียงแล้ว!
—
“ไปเถอะ พรุ่งนี้ต้องสู้กับหนานเจียง วันมะรืนเจอกับปักกิ่ง คว้าที่หนึ่งมาให้ได้ พวกเรากลับไปฉลองที่มหาวิทยาลัย หลังจากนั้นรอปีใหม่มาถึง…”
ฟางผิงเอ่ยด้วยใบหน้าสุขอุรา เห็นได้ชัดว่ามั่นใจอย่างมาก
ทุกคนต่างมองโลกในแง่ดีเช่นกัน ทยอยเดินจากไป
เดินไปช่วงหนึ่งแล้ว เฉินอวิ๋นซีเหมือนจะนึกอะไรได้ เอ่ยอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “รุ่นพี่ฉินยังอยู่ที่นั่น”
ฟางผิงชะงักฝีเท้า เวลานี้ทุกคนได้ยินเสียงตะโกนอย่างโมโหดังขึ้นข้างหลัง
“ไอ้เวรตัวไหนมาลอบโจมตีฉัน ฉันจะหักคอมันให้ตาย!”
ฉินเฟิ่งชิงโมโหแทบตายแล้ว อยู่ในที่มืดมิดเกือบครึ่งชั่วโมง น่ากลัวเกินไป แทบจะขาดอากาศตายอยู่แล้ว
แน่นอน เขาเดาได้ว่าอาจเป็นฝีมือของปรมาจารย์เช่นกัน
แต่สภาพนี้ไม่อาจทนต่อไปได้จริงๆ!
ฉินเฟิ่งชิงตกต่ำน่าสมเพชขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ นึกถึงเมื่อก่อนที่เขาปล้นขั้นเจ็ด วิ่งหนีขั้นแปดในถ้ำใต้ดิน!
ฉินเฟิ่งชิงก็ไม่ใช่คนโง่เช่นกัน ก่นด่าแล้วก็พุ่งไปหาหวงจิ่งทันที ต้องหาที่พึ่งให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน
เห็นเขายังมีแรงเหลือเฟือ ฟางผิงคร้านจะสนใจอีก เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไปเถอะ ไม่ต้องสนใจเขาหรอก”
———————–