ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 353 มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พบกับมหาวิทยาลัยหนานเจียง (1)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 353 มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พบกับมหาวิทยาลัยหนานเจียง (1)
ตอนที่ 353 มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พบกับมหาวิทยาลัยหนานเจียง (1)
ตอนที่เจอกับฉินเฟิ่งชิงอีกครั้งก็เป็นเวลาอาหารเย็นในโรงแรมแล้ว
มีรอยปูดเต็มไปทั่วหัว!
ฟางผิงยากจะจินตนาการว่าตกลงฉินเฟิ่งชิงถูกทรมานถึงขั้นไหน แทบจะเปลี่ยนหัวตัวเองกลายเป็นหัวพระพุทธรูปได้
ฉินเฟิ่งชิงเงียบลงไปมาก ไม่ปริปากพูดสักคำ อาหารขึ้นโต๊ะก็กินอย่างบ้าคลั่งทันที
เขาไม่บอกฟางผิงหรอกว่าเป็นเพราะตัวเองด่าปรมาจารย์เลยถูกปรมาจารย์ดักตี!
ใช่แล้ว!
เฉินเย่าถิงไม่ได้หาเรื่องต่อหน้าเขา ตาเฒ่านั่นดักตีเขากลางทาง!
จนถึงตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงยังไม่กล้าเชื่อเลยว่านี่เป็นเรื่องจริง
เขาคิดว่าด่ากราดในสนามกีฬา หาที่พึ่งได้แล้ว เรื่องราวคงจบไป
ใครจะรู้ว่า…เขาเพิ่งออกมาจากสนามกีฬากลับถูกคนตีสลบ!
คนที่สามารถทุบยอดฝีมือขั้นสี่อย่างเขาจนสลบอย่างเงียบๆ ได้ ไม่ใช่ปรมาจารย์แล้วจะเป็นใครได้อีก?
แต่นึกไม่ถึงว่า…นึกไม่ถึงว่าปรมาจารย์จะดักตีคนได้!
ฉินเฟิ่งชิงรู้ว่าแม้ตัวเองจะพูดออกไป เกรงว่าจะไม่มีใครเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ในสายตาทุกคนปรมาจารย์นั้นสูงส่ง ไร้คู่ต่อสู้ มีเกียรติและน่าเกรงขาม
เขาบอกว่ามีปรมาจารย์ใช้กระบองตีหัวเขาซึ่งอยู่ขั้นสี่ ใครล่ะจะเชื่อ แม้ไม่ยอมขาดทุนก็ต้องยอมขาดทุนแล้ว!
ฉินเฟิ่งชิงกินข้าวอย่างเงียบๆ ฟางผิงกลับคันไม้คันมืออยู่บ้าง ลูบหัวเขาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “พลังควบคุมนี้เจ๋งจริงๆ! ปูดโนแต่ไม่แตก เฉลี่ยอย่างสมดุล ขนาดพอเหมาะพอดี ประเด็นอยู่ที่ยังทำให้หัวนายอยู่ในสภาพนี้ได้ ฉันล่ะยอมเลยจริงๆ!”
พลังควบคุมนี้ นอกจากปรมาจารย์แล้วยากจะทำได้จริงๆ
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่หัวโนขึ้นมาหลายลูก แก้อาการบวมได้ง่ายๆ ฉินเฟิ่งชิงกลับแก้ไม่ได้ ไม่ใช่เพราะไม่อยาก แต่ทำไม่ได้
ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าดำคล้ำ ถลึงตาใส่เขา กัดฟันว่า “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ แปดถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์นายต้องเป็นคนวางแผนทำร้ายฉันแน่!”
แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องที่ฟางผิงฟ้องเฉินเย่าถิง แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าฟางผิงนั่นแหละที่ทำเรื่องงามหน้าไว้!
ฟางผิงแค่นยิ้ม “ให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น”
เห็นเขายังจะพูดไร้สาระอีก ฟางผิงจึงเบี่ยงประเด็นทันที “ไม่ต้องพูดมากแล้ว ตอนที่นายถูกฝังอยู่ในดิน เฉินเฮ่าหรานเหยียบหัวนาย หาโอกาสไปรีดไถซะล่ะ อย่าเอาแต่อวดเบ่งในมหาวิทยาลัย เป็นขั้นสี่ตอนปลายเหมือนกันทั้งนั้น ไม่ถือว่าใครรังแกใครหรอก ครั้งนี้อธิการเฉินไม่สอดมือยุ่งแน่”
ฉินเฟิ่งชิงตาเป็นประกายทันที “จริงหรือเปล่า?”
“จริง”
“ดีเหลือเกิน!” ฉินเฟิ่งชิงกัดฟันแน่น “เหยียบหัวฉัน…ทั้งยัง…”
ประเด็นอยู่ที่ยังเป็นหลานของปรมาจารย์ เป็นหลานปรมาจารย์ที่รังแกเขา พวกเศรษฐีนี่มันจริงๆ เลย!
ไอ้เวรเฉินเฮ่าหราน ครั้งนี้ไม่ได้ห้าสิบล้าน ฉันไม่ปล่อยนายไปแน่!
ฉินเฟิ่งชิงลูบหมัด ลืมเรื่องของเฉินเย่าถิงไป หาเรื่องปรมาจารย์ไม่ได้หรอก เปลี่ยนเป็นคนที่หาเรื่องได้จะดีกว่า
ฟางผิงไม่สนใจเขาอีก กินข้าวพร้อมพูดไปพลาง “นโยบายออกมาเกือบหมดแล้ว มหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับหนึ่ง ปีต่อไปจะได้รับเงินสนับสนุนสามหมื่นห้าพันล้าน อันดับที่สองสามหมื่นล้าน”
ทุกคนตกตะลึงไปเล็กน้อย ฟางผิงเอ่ยต่อ “ทุกคนน่าจะเข้าใจความหมายแล้ว ปีก่อนมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้รับการจัดสรรงบสองหมื่นหกพันล้าน แตกต่างกันอยู่ถึงเก้าพันล้าน! เก้าพันล้านไม่ใช่เรื่องเล็กๆ? สามารถดูแลสนับสนุนอาจารย์ทั้งมหาวิทยาลัยได้ด้วยซ้ำ! ได้เพิ่มมาเก้าพันล้าน พวกเราสามารถลงทุนกับนักศึกษารวมถึงเพิ่มสวัสดิการเงินเดือนให้พวกอาจารย์ได้ อาจารย์ของเซี่ยงไฮ้หลายคน อันที่จริงได้เงินแต่ละปีไม่เยอะ บางคนนึกถึงมิตรภาพของอธิการเฒ่าในวันวานจึงได้รั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ แต่พวกเราไม่ใช่อธิการเฒ่า ทั้งไม่อาจมองมิตรภาพเป็นเรื่องสิ้นเปลืองได้ เพิ่มสวัสดิการให้กับพวกอาจารย์จะเป็นผลดีในการหลอมรวมจิตใจคนเซี่ยงไฮ้ให้เป็นปึกแผ่นมากกว่า”
“ตั้งแต่ที่อธิการเฒ่าจากไป แม้ว่าอธิการอู๋จะทุ่มเทสุดกำลังอยากให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้โดดเด่นขึ้นมา แต่ดธิการอู๋ไม่ได้เปี่ยมบารมีเท่าอธิการเฒ่า จิตใจของคนในมหาวิทยาลัยวิทยาลัยกระจัดกระจายอยู่เล็กน้อย ครั้งนี้พวกเราคว้าอันดับหนึ่งได้ จะได้เงินจัดสรรเพิ่มมาเกือบหนึ่งหมื่นล้าน เน้นหนักไปที่ชดเชยให้อาจารย์บางส่วน บางทีอาจจะมีปรมาจารย์เพิ่มขึ้นอีกสองสามคนก็ได้”
ปรมาจารย์ไม่ได้อาศัยแค่เรื่องเงินทองเพียงอย่างเดียว
แต่มียอดฝีมือขั้นหกเพิ่มมากขึ้น โอกาสกลายเป็นปรมาจารย์ก็จะสูงขึ้น
ตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีปรมาจารย์ยอดฝีมือเพียงสามคน
มหาวิทยาลัยปักกิ่ง…มีห้าคน!
ทั้งหลังจากอธิการเฒ่าตายในสนามรบ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็มียอดฝีมือร่างทองขั้นแปดเพียงคนเดียวเท่านั้น ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยปักกิ่งก็มีแค่หนึ่งคน แต่ไม่นานนี้ยอดฝีมือขั้นเจ็ดสูงสุดคนหนึ่งเพิ่งจะทะลวงขั้นแปดไป ตอนนี้มหาวิทยาลัยปักกิ่งมียอดฝีมือร่างทองสองคน ขั้นเจ็ดอีกสามคน
เทียบกันแล้ว พลังระดับสูงของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังมีความแตกต่างกับมหาวิทยาลัยปักกิ่งไม่น้อย
แน่นอนว่าสำหรับมหาวิทยาลัยปักกิ่งเท่านั้น ปรมาจารย์ของโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งมีแค่สองคน ทั้งยังไม่ใช่อาจารย์เฉพาะทาง ในนั้นมีคนหนึ่งประจำการณ์ที่หน่วยทหาร
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หรือโรงเรียนเตรียมทหารอื่นๆ บางแห่งมีปรมาจารย์ บางแห่งก็ไม่มี
อย่างทางหนานเจียง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้สามแห่ง มีแค่มหาวิทยาลัยหนานเจียงที่มีปรมาจารย์ อีกสองแห่งนั้นแค่รับนักศึกษาสายศิลปะการต่อสู้ แต่ไม่มีปรมาจารย์นั่งรักษาการณ์
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เก้าสิบเก้าแห่งและโรงเรียนเตรียมทหารสามแห่งมีปรมาจารย์กี่คน ฟางผิงไม่เคยสรุปมาก่อน
แต่คาดการณ์คร่าวๆ น่าจะประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบคน
ปรมาจารย์ประเทศจีนอยู่สังกัดกระทรวงการศึกษามากที่สุด รวมผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาของมณฑลที่มีฝีมือแข็งแกร่งบางส่วน รัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยกระทรวงการศึกษา ปรมาจารย์ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ เกรงว่าจะเกือบหนึ่งร้อยคนแล้ว
ส่วนพลังต่อสู้ของระดับสูงเกรงว่ากระทรวงการศึกษาจะแข็งแกร่งที่สุด แต่ถึงจะบอกว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ขึ้นตรงต่อกระทรวงการศึกษา ในความเป็นจริงมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างเซี่ยงไฮ้ ส่วนมากจะฟังคำสั่งจากส่วนกลาง รวมถึงอธิการบดีหรือเบื้องบนของมหาวิทยาลัยเป็นหลัก หลายครั้งก็ตัดสินใจเองเช่นกัน
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อยากจะกลายเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่ง ควรมีปรมาจารย์ไม่ต่ำกว่าห้าคน นี่ถึงจะรักษาความเกรงขามเอาไว้ได้
จางอวี่พยักหน้าว่า “ถูกต้อง ได้งบประมาณเพิ่มเกือบหมื่นล้าน นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยปักกิ่งได้งบประมาณสามหมื่นห้าพันล้าน ครั้งนี้หากพวกเขาได้อันดับสองก็จะลดไปกว่าห้าพันล้าน ดังนั้นมหาวิทยาลัยปักกิ่งคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ”
ไม่เหมือนมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ แม้ว่าจะได้อันดับสอง อันที่จริงก็ได้งบเพิ่มขึ้นมาหลายพันล้าน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้อันดับสอง ทุกคนยังพอยอมรับได้ ไม่ได้รู้สึกแย่เท่าไหร่
แต่หากมหาวิทยาลัยปักกิ่งได้อันดับสอง เกรงว่าคงจะจิตใจว้าวุ่นแล้ว
เงินจัดสรรลดไปหลายพันล้าน!
นี่ยังไม่ใช่แค่ปีเดียว หากปีหน้าคว้าอันดับหนึ่งกลับมาไม่ได้ ยังต้องได้น้อยต่อไปอีก หลายปีเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็คงถูกมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ล้ำหน้าจริงๆ แล้ว
อีกอย่างฟางผิง…เพิ่งจะอยู่ปีสอง!
ปีนี้มหาวิทยาลัยปักกิ่งคว้าอันดับหนึ่งไม่ได้ ปีหน้าเกรงว่าโอกาสคงน้อยกว่านี้แล้ว ยังไงก็ต้องรักษาอันดับหนึ่งในปีนี้ไว้ให้ได้ จากนั้นค่อยเน้นบ่มเพาะไปที่นักศึกษาอัจฉริยะ
จุดนี้พวกฟางผิงมองออกเช่นกัน คนของมหาวิทยาลัยปักกิ่งก็น่าจะเข้าใจ
การแข่งขันอันดับหนึ่งและอันดับสองเกรงว่าจะดุเดือดเป็นพิเศษแล้ว
ส่วนมหาวิทยาลัยหนานเจียง…อย่าพูดเลยว่าหวังจินหยางคนเดียวมีโอกาสน้อย แม้จะมีหวังได้อันดับหนึ่ง ปีหน้าเกรงว่าตำแหน่งคงไม่มั่นคงเช่นกัน เว้นแต่หวังจินหยางจะยังแบกทีมแข่งขันต่ออีกปี
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันพูดเรื่องพวกนี้ ทุกคนน่าจะเข้าใจแล้ว อันที่จริงทางมหาวิทยาลัยหนานเจียง ฉันไม่ได้เห็นเป็นเรื่องสำคัญอะไร แค่อยากสู้กับหวังจินหยางสักครั้งเท่านั้น ผู้ที่ฉันเห็นเป็นคู่ต่อสู้อย่างแท้จริงคือมหาวิทยาลัยปักกิ่งต่างหาก”
“งั้นความหมายของนายคือ…”
“วันพรุ่งนี้ถ้าฉันต้านหวังจินหยางไม่ไหวจริงๆ ฉันจะถ่วงรั้งเขาพอหอมปากหอมคอแล้วก็จะยอมแพ้ เหลือแรงไว้ต่อสู้กับมหาวิทยาลัยปักกิ่ง รุ่นพี่เฉินต้องเอาชนะหวังจินหยางให้ได้ แม้จะบาดเจ็บก็ต้องทุ่มสุดกำลัง!”
ฟางผิงเอ่ยต่อว่า “ฉันต้องเหลือพลังไว้จัดการกับหลี่หานซง!”
ฟางผิงรักชื่อเสียงเพราะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้เท่านั้น ไม่ได้สนใจชื่อเสียงอย่างจริงจัง
เขาอยากเอาชนะหวังจินหยาง ฟางผิงมั่นใจว่าหลังจากตัวเองชักดาบ หวังจินหยางอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวเองเสมอไป
แต่ดาบนี้ เขาอยากใช้จัดการหลี่หานซง
ออกหนึ่งดาบ นั่นเป็นความแตกต่างถึงห้าพันล้าน เขาไม่อาจให้หวังจินหยางเป็นผู้ที่ทำให้เขาได้ชื่อเสียงไร้คู่ต่อสู้ของขั้นสี่มา
ชื่อเสียงของผู้ฝึกยุทธ์ที่ไร้คู่ต่อสู้ในขั้นสี่ยังไม่คู่ควรกับมูลค่านี้
———————-