ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 360 ผู้อาวุโสบอกว่าบุกเบิกเท่านั้นถึงจะรวยได้ (1)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 360 ผู้อาวุโสบอกว่าบุกเบิกเท่านั้นถึงจะรวยได้ (1)
ตอนที่ 360 ผู้อาวุโสบอกว่าบุกเบิกเท่านั้นถึงจะรวยได้ (1)
กลับมาที่ฐานทัพ
จางอวี่เฉียงกำลังจะออกไปตามหาฟางผิง เห็นฟางผิงกลับมาจึงเอ่ยทันที “น้องฟาง ถ้าสะดวกพวกเราหารือเรื่องแผนการหน่อยเป็นยังไง?”
ฟางผิงฟื้นคืนท่าทีเป็นปกติ ถอนหายใจว่า “ครับ เอาแบบนี้ละกัน ให้ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์แต่ละมหาวิทยาลัยที่มาช่วยสนับสนุนในครั้งนี้มาประชุม พวกเรามาคุยกันสักหน่อย”
“งั้นก็รบกวนน้องฟางแล้ว!”
จางอวี่เฉียงเกรงใจอย่างยิ่ง แม้เขาจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า แต่ก็ไม่มีกำลังร้องขอแรงสนับสนุนแบบนี้เช่นกัน
แรงสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้ ไม่ได้มีแค่มหาวิทยาลัยปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ แต่หลายมหาวิทยาลัยก็ส่งคนมาเช่นกัน
แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยอื่นๆ ส่งคนมาไม่เยอะเท่าไหร่
ตอนนี้ทางหนานเจียงมีเรื่องให้ทำมากมาย นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้พวกนี้ บางคนก็เป็นตัวก่อเรื่อง จำเป็นต้องหาคนมาควบคุมไว้บ้าง
หวังจินหยางพอจะใช้ได้ แต่เขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยหนานเจียง ภาพรวมของหนานเจียงยังไม่นับว่ายอดเยี่ยม คนอื่นๆ อาจไม่เชื่อฟังเขาเสมอไป
—
ไม่กี่นาทีต่อจากนั้น
ในห้องประชุมที่สร้างขึ้นมาชั่วคราว
ฟางผิงมองไปรอบๆ ก่อนจะถามว่า “เหยาเฉิงจวินไม่มา?”
โรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งส่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่มาหลายคน การแข่งขันแลกเปลี่ยนก่อนหน้านี้ทุกคนคุ้นเคยกันดีเช่นกัน ตอนนี้ผู้ที่เป็นตัวแทนของโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งคือไป๋ซวี่ ฟังจบก็เอ่ยว่า “ประธานมีภารกิจ รอภารกิจเสร็จสิ้นแล้วจะตามมา”
ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย มองไปทางหวังจินหยาง “พวกเราไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของหนานเจียงเท่าไหร่ พี่หวัง นายพูดดีกว่า วางแผนจัดการยังไงบ้าง?”
หวังจินหยางไม่เกรงใจเช่นกัน เอ่ยทันที “หลังจากทางเดินถ้ำใต้ดินมั่นคงแล้ว พวกผู้ว่าจางจะเข้าไปเป็นกลุ่มแรก จากประสบการณ์ถ้ำใต้ดินอุบัติขึ้นที่ผ่านมา ปากทางเข้าถ้ำจะปรากฏขึ้นแบบสุ่ม จุดนี้น่าจะควบคุมไม่ได้ แต่ว่าทางพวกเราเจอปากทางเข้า พวกเขาก็ต้องค้นพบเหมือนกัน ทางเดินเถียรแล้ว หากพวกเราไม่เข้าไป พวกเขาก็จะออกมาอยู่ดี”
“หากไม่ถึงช่วงเวลาคับขันจริงๆ คงไม่อาจเลือกต่อสู้บนพื้นโลก พวกผู้ว่าจางเข้าสู่ทางเดินจะต้องเจอกับคู่ต่อสู้มากเท่าไหร่ ตอนนี้ไม่อาจคาดเดาออกมาได้ แต่โดยปกติสิ่งที่พวกเราต้องเผชิญหน้ามีเพียงเมืองใกล้ๆ แห่งเดียวเท่านั้น สถานการณ์ทั่วไปของเมืองๆ หนึ่ง จะมีเจ้าเมืองขั้นเก้าหนึ่งคน ยอดฝีมือขั้นแปดจำนวนหนึ่ง ขั้นเจ็ดอาจจะมีถึงสองเท่า…”
ฟางผิงยกมือขัดเล็กน้อย เวลานี้ค่อยเอ่ยว่า “ฉันไม่เข้าใจเรื่องนี้เท่าไหร่ ทุกครั้งที่ถ้ำใต้ดินอุบัติ ส่วนมากจะเจอกับสถานการณ์ประมาณนี้?”
หวังจินหยางพยักหน้าว่า “ใช่ ถ้ำใต้ดินควบคุมโดยระบบเมือง ทั้งน้อยนักที่จะปรากฏขั้นเก้าสองคน เพราะว่ายอดฝีมือขั้นเก้าต่างมีโอกาสที่จะสร้างเมืองตามลำพัง จนถึงตอนนี้นอกจากถ้ำใต้ดินปักกิ่งที่เคยปรากฏขั้นเก้าสองคนในหนึ่งเมือง สถานที่อื่นๆ ต่างไม่เคยพบเจอมาก่อน”
หวังจินหยางเอ่ยต่อว่า “ไม่ว่าระดับสูงจะมีเท่าไหร่ นี่ล้วนไม่ใช่ภารกิจของพวกเรา ผู้บังคับการอู๋และผู้ว่าจางจะลงมือจัดการเอง หน้าที่หลักของพวกเราคือเข้าไปช่วงหลัง…แน่นอนว่าความคิดของฉันคือรวบรวมทีมผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางเข้าไปในถ้ำใต้ดินเป็นกลุ่มที่สอง หลังจากทางเดินเสถียรแล้ว ปรมาจารย์ไม่อาจเข้าไปจำนวนมากได้ แต่พวกเราไม่มีข้อจำกัดนี้ ถ้ำใต้ดินอุบัติใหม่ต้องมีทหารของถ้ำใต้ดินจำนวนมากอารักขาปากทางเข้าถ้ำอยู่ สิ่งที่พวกเราต้องทำคือสังหารคนพวกนี้เพื่อสร้างฐานทัพขึ้นมา ความคิดของหนานเจียงนั้น รอสร้างฐานทัพขึ้นมาแล้วค่อยให้ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามเข้ามา ดังนั้นฉันแนะนำว่าผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามของแต่ละมหาวิทยาลัยให้ฟังแผนจากหน่วยทหาร รอการแจกจ่ายภารกิจ…”
เวลานี้หลี่หานซงแทรกขึ้นมา “เรื่องนี้ไม่มีปัญหา งั้นหลังจากสร้างฐานทัพแล้ว พวกเราก็สามารถเคลื่อนไหวตามสะดวกได้?”
“ต้องดูสถานการณ์เป็นหลัก ถ้าอันตรายเกินไป ฉันไม่แนะนำให้พวกนายเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง”
“ปากทางเข้าถ้ำสามารถปรากฏขึ้นกลางเมืองถ้ำใต้ดินได้หรือเปล่า?”
คนที่ถามคือประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยหนานหู
หวังจินหยางได้ฟังก็ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เอ่ยอย่างลังเลว่า “ไม่อาจตัดความเป็นไปได้นี้ออกไป ก่อนหน้านี้ไม่มี แต่บางครั้งก็มีปรากฏใกล้กับเมืองอยู่บ้าง ใครก็ไม่รู้ว่าถ้ำใต้ดินอุบัติใหม่จะไปปรากฏกลางเมืองหรือเปล่า…”
ทุกคนหนักอึ้งในใจอยู่บ้าง นี่เป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด
หากเป็นแบบนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือละทิ้งความคิดที่จะรบกันในถ้ำใต้ดิน ถอนตัวออกมาวางสนามรบไว้ในโลกมนุษย์แทน
ปากทางเข้าปรากฏอยู่กลางเมืองถ้ำใต้ดิน นั่นไม่อาจสู้ได้แล้ว
กำลังเสริมจะเคลื่อนเข้ามาอย่างต่อเนื่องเพราะอยู่ในถิ่นฐานของพวกถ้ำใต้ดิน เว้นเสียแต่จะสู้จนอีกฝ่ายหวาดกลัวจริงๆ ไม่งั้นใครก็ไม่อาจทิ้งรังของตัวเองไปได้
ทุกคนผลัดกันถามอีกหลายข้อสงสัย หวังจินหยางตอบกลับทั้งหมด
จนถึงสุดท้ายฟางผิงถามว่า “ถ้า…ฉันบอกว่าถ้า คนของพวกเราไม่สามารถทำให้ศัตรูล่าถอย สร้างฐานทัพขึ้นไม่ได้ จะทำยังไงต่อไป?”
“เรื่องพวกนี้วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วเหมือนกัน”
หวังจินหยางอธิบายว่า “อันที่จริงมีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกทางเข้าปรากฏในเมือง มีโอกาสสูงที่พวกเราจะเลือกละทิ้ง อพยพประชาชนรุ่ยอันออกไป แปลงรุ่ยอันให้กลายเป็นเขตสนามรบ อย่างที่สองไม่อยู่กลางเมือง อยู่ห่างจากเมืองเกินสามสิบลี้ นั่นคงไม่ละทิ้ง! ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องสร้างฐานทัพขึ้นมา! ปรมาจารย์กลุ่มแรกเข้าไปสำรวจเส้นทาง หลังจากนั้นจะส่งทหารกองหนุนเข้ามา ไม่ได้มีแค่พวกเขาอีกแล้ว หลักๆ คือทางเดินไม่เสถียรพอ ดังนั้นกลุ่มแรกจึงเข้าไปได้แค่บางส่วน หยั่งเชิงความสามารถของอีกฝ่าย ตรวจสอบสถานการณ์ของศัตรู สรุปแล้วต้องควบคุมให้ได้ วางสนามรบไว้ในโลกของถ้ำใต้ดิน!”
“งั้นก็หมายความว่าเพื่อสร้างฐานทัพแล้ว คนจะตายไปเท่าไหร่ก็ได้ทั้งนั้น?”
หวังจินหยางเอ่ยอย่างหนักใจ “ไม่มีทางเลือก พวกเราไม่สามารถวางสนามรบไว้บนโลกมนุษย์ได้ หากเป็นแบบนี้ยอดฝีมือของถ้ำใต้ดินจะไม่ตายอย่างสิ้นซาก พวกเขาจะโจมตีทางเดินอย่างไม่ขาดสาย เข้าสู่โลกมนุษย์ หากประมาทแค่เล็กน้อยก็เป็นหายนะอันใหญ่หลวงแล้ว! ถ้าขั้นเก้าคนหนึ่งบุกออกมาจากทางเดิน แม้ยอดฝีมือขั้นเก้าของพวกเราจะลงมือ ก็ไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ใน่ช่วงเวลาสั้นๆ ถึงกระทั่งมีสองสามคนก็อาจฆ่าอีกฝ่ายไม่ได้ง่ายๆ หากอีกฝ่ายมุ่งมั่นจะหลบหนี ความเร็วและควันหลงของพลังต่อสู้จะแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เวลานั้นจะก่อให้เกิดความสูญเสีย อาจจะพังพินาศทั้งเมือง!”
“หลายปีมานี้พวกเราจึงยอมเสียสละคนบางส่วนในถ้ำใต้ดิน ดีกว่าต้องย้ายสนามรบขึ้นมาด้านบน เพื่อป้องกันเรื่องพวกนี้ หากยอดฝีมือขั้นเก้าตั้งใจจะล้างบางทั้งเมือง ปลดปล่อยพลังจิตใจก็ครอบคลุมรัศมีกว่าพันเมตรแล้ว! บางทีผู้ฝึกยุทธ์อาจจะมีชีวิตรอด แต่คนธรรมดานั้นตายได้ในชั่วพริบตา ระหว่างที่หนีตายก็ใช้พลังจิตใจกดดันตลอดทาง ความสูญเสียคงไม่ใช่น้อยๆ แล้ว”
ประเทศจีนมีประชากรหนาแน่น ไม่เหมือนกับถ้ำใต้ดิน
ในถ้ำใต้ดินแม้ว่าขั้นเก้าจะปะทะกัน รอบๆ ต่างเป็นพื้นที่รกร้างไร้ผู้คน อาจไม่ได้รับผลกระทบเสมอไป
คนของพวกเขาหลักๆ จะรวมตัวอยู่ในเมือง ยอดฝีมือมนุษย์ไม่อาจบุกเข้าไปในเมืองสุ่มสี่สุ่มห้า นั่นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
แต่ยอดฝีมือถ้ำใต้ดิน ไม่มีอะไรต้องกังวลขนาดนั้นแล้ว
พวกเขาตาย ขอแค่ไม่ถูกพลังปราณหรือพลังจิตใจของยอดฝีมือมนุษย์ลบล้างร่องรอย ล้วนสามารถเกิดใหม่ในถ้ำใต้ดินได้
แน่นอนว่าไม่ถึงเวลาจำเป็นจริงๆ พวกเขาคงไม่ทำแบบนั้น ตายแล้วเกิดใหม่ นี่ต้องมีราคาแลกเปลี่ยนเช่นกัน หลักๆ แล้วต้องจ่ายค่าแลกเปลี่ยนอะไรออกไป ตอนนี้ยังไม่อาจรู้ได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นราคาแบบไหน เทียบกับความตายแล้วน่าอนาถยิ่งกว่า ยอดฝีมือถ้ำใต้ดินจึงไม่กังวลเรื่องพวกนี้ แต่ไม่ใช่กับมนุษยชาติ
ฟางผิงร้อนใจอยู่บ้าง กัดฟันว่า “ฉันเข้าใจแล้ว ขอแค่ทางเข้าไม่เกิดในเมือง งั้นก็สู้ตายไม่เลิกรา ต้องต่อต้านให้ได้ รอทหารกองหนุนเข้ามา เป็นหลักการนี้หรือเปล่า?”
“ใช่”
“งั้นถ้ำใต้ดินจะสงบได้ต้องใช้เวลาเท่าไหร่?”
“อย่างน้อยหนึ่งเดือน”
ความหมายจากคำพูดนี้คือหลังจากหนึ่งเดือนถึงจะปล่อยให้คนเข้าไปอย่างไร้กังวลได้ ปรมาจารย์เท่าไหร่ก็ได้ทั้งนั้น
แต่ช่วงแรกเข้าไปได้แค่กลุ่มเดียวเท่านั้น
“งั้นถ้ารอพวกถ้ำใต้ดินออกมาก่อน พวกเราค่อยเคลื่อนไหวกำลังพลจำนวนมากเข้าไปหลังหนึ่งเดือน สร้างฐานทัพขึ้นมาในรวดเดียวล่ะ!”
หวังจินหยางขมวดคิ้วมองเขา ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ไม่อาจรอเป็นฝ่ายตั้งรับได้ ไม่งั้นหากอีกฝ่ายให้ขั้นเก้าบุกออกมา ฉันบอกไปแล้ว พลังทำลายล้างนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก…”
“แต่พวกเราเข้าไปอาจจะเจอขั้นเก้าหลายคนเหมือนกัน”
“งั้นก็พยายามถ่วงเวลา ไม่ให้โอกาสพวกเขาเข้าสู่ทางเดิน รอทางเดินเสถียรซะก่อน”
“ยังไงก็จะไม่ปล่อยให้คนอื่นออกมา ต้องเข้าไปต่อสู้ข้างในอย่างเดียวสินะ?”
หวังจินหยางตอบกลับด้วยความเงียบ เป็นความหมายนี้แหละ
——————–