ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 360-2 ผู้อาวุโสบอกว่าบุกเบิกเท่านั้นถึงจะรวยได้ (2)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 360-2 ผู้อาวุโสบอกว่าบุกเบิกเท่านั้นถึงจะรวยได้ (2)
ตอนที่ 360 ผู้อาวุโสบอกว่าบุกเบิกเท่านั้นถึงจะรวยได้ (2)
“ถ้าต้านไม่ไหวล่ะ?”
“งั้นก็แยกย้าย!” หวังจินหยางเอ่ยทุ้มลึก “ปรมาจารย์กลุ่มแรกจะแยกกันหลบหนี เข้าไปสร้างความเสียหายในถ้ำใต้ดิน ทำสงครามกองโจรแทน เป็นแบบนี้พวกเขาก็จะไม่ละทิ้งรัง บุกขึ้นมาบนโลกแล้ว”
ระหว่างที่พูด หวังจินหยางเอ่ยต่อว่า “กลุ่มแรกที่เข้าไปมีขั้นเก้าอยู่ ยอดฝีมือขั้นเก้าไม่ได้ตายง่ายขนาดนั้น พวกถ้ำใต้ดินไม่อาจปล่อยให้ยอดฝีมือขั้นเก้าทำลายล้างอยู่ภายในได้ ดังนั้นขอแค่ประคองได้วันสองวัน รอทางเดินมั่นคงขึ้นแล้ว ปรมาจารย์กลุ่มที่สองก็จะเข้าไปได้”
ฟางผิงไม่พูดอีก อันที่จริงพูดไปก็เสียเปล่า ในเมื่อทางการตัดสินใจจะทำสงครามในถ้ำใต้ดินอย่างแน่นอนแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องที่ฟางผิงคนเดียวจะเกลี้ยกล่อมได้
อันที่จริงฟางผิงไม่อาจเข้าไปเสี่ยงเช่นกัน
หากถูกคนบุกออกมา มณฑลรอบๆ หนานเจียงจะเจอกับภัยพิบัติใหญ่หลวง
หากยอดฝีมือขั้นเก้าของมนุษย์ต้านอีกฝ่ายไม่ได้ ทำได้แค่ตรึงอีกฝ่ายไว้ที่เดิม งั้นคงมีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก
เมื่อถึงขั้นเก้า อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ต่างๆ นั้น…คุณลองโจมตีให้โดยอีกฝ่ายก่อนค่อยมาว่ากัน
ฟางผิงถอนหายใจ สุดท้ายจึงเอ่ยว่า “จะเกิดเหตุการณ์ที่พวกเราเป็นฝ่ายปิดผนึกถ้ำใต้ดินหรือเปล่า?”
“เป็นไปได้”
หวังจินหยางเอ่ยต่อ “แน่นอนว่าหากไม่ถึงช่วงเวลาคับขันคงไม่ทำ เพราะการปิดผนึกครั้งนี้ เมื่อถ้ำใต้ดินเทียนหนานอุบัติขึ้น ถ้ำใต้ดินใหม่อาจจะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน หากถ้ำใต้ดินสามแห่งเกิดขึ้นพร้อมกัน ปัญหาก็ใหญ่ขึ้นแล้ว ค่อยๆ แก้ไขไปทีละแห่ง ดีกว่าระเบิดตู้มขึ้นมาครั้งเดียวอยู่แล้ว”
“ฉันไม่มีข้อสงสัยแล้ว”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็หยัดกายขึ้น “อาจารย์ของพวกเราจะเข้าไปเป็นกลุ่มที่สอง นักศึกษารอสร้างฐานทัพแล้วค่อยเข้าไป ส่วนพวกเรา…”
ฟางผิงมองไปรอบๆ เอ่ยว่า “คนอื่นๆ เคลื่อนไหวพร้อมกลุ่มนักศึกษา ขั้นสี่ตอนปลายขึ้นไปสามารถเคลื่อนไหวพร้อมอาจารย์ได้”
หวังจินหยางพยักหน้าว่า “ฉันไม่มีปัญหา ขอแค่ไม่รบกวนแผนของหน่วยทหารก็พอ”
“ฉันไม่เห็นต่างอะไรเหมือนกัน”
“…”
ทุกคนทยอยพยักหน้า นับว่ายอมรับแผนการ
หารือกันแล้ว ทุกคนก็รายงานผลลัพธ์กับทางหนานเจียง ไม่นานหนานเจียงก็ตอบกลับมา
รอยอดฝีมือกลุ่มแรกเข้าไปก่อน กลุ่มที่สองรอคำสั่ง
ยอดฝีมือกลุ่มแรก หากมีโอกาสให้ตรวจสอบสถานการณ์ให้ชัดเจนแล้วส่งคนกลับมารายงานข้อมูล กลุ่มที่สองค่อยเข้าไป
หากภายในสองวันไม่มีข่าวคราวส่งกลับมา กลุ่มที่สองที่จะเข้าไปอาจจะมีการเปลี่ยนยอดฝีมือใหม่ หลักๆ เพื่อหยั่งเชิงข้อมูล
ภายในสามวันไม่มีการตอบกลับอีก มนุษยชาติจะไม่เข้าไปแล้ว ป้องกันไม่ให้ถูกผู้แข็งแกร่งกวาดเรียบไม่มีเหลือ
หนึ่งเดือนหลังจากนั้นทางเดินมั่นคงแล้ว ยอดฝีมือค่อยเข้าไปพร้อมกัน
ระหว่างนั้นหากมียอดฝีมือถ้ำบุกออกมา ถึงช่วงเวลาสำคัญจริงๆ ต้องปิดผนึกทางเดิน
ทุกคนต่างไม่คัดค้านแผนการนี้ นี่เป็นสิ่งที่ปฏิบัติกันต่อมาหลายปีแล้วเช่นกัน
—
กลับมาที่ฐานทัพของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ฉินเฟิ่งชิงก็เอ่ยอย่างร้อนใจ “แผนการเป็นยังไงบ้าง สามารถเข้าไปได้เมื่อไหร่?”
“รอ! รอยอดฝีมือกลุ่มแรกเข้าไป มีข่าวตอบกลับมาแล้ว พวกเราถึงจะเข้าไปได้ หากไม่มีข่าวกลับมาก็ต้องส่งหน่วยกล้าตายไปสืบข้อมูล ตัดสินใจจากสถานการณ์ ถ้าไม่ราบรื่นก็รอผ่านไปหนึ่งเดือนให้ทางเดินเสถียรดีค่อยรวมกลุ่มเข้าไปอีกครั้ง”
ฉินเฟิ่งชิงร้อนใจขึ้นมาทันที “งั้นถ้ายอดฝีมือกลุ่มแรกเข้าไปแล้วเจอหินพลังงานอยู่ทุกหนทุกแห่ง มัวแต่ดีใจจนลืมตัว ไม่กลับมารายงานข่าว ขุดแร่ไปก่อนจะทำยังไง?”
ฟางผิงปวดหัวแทบจะระเบิด เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “นายคิดว่าถ้ำใต้ดินเป็นบ้านนายหรือไง นายคิดว่ายอดฝีมือพวกนี้จะเห็นแก่เงินเหมือนกับตัวเอง?”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “นายลองคิดดู ถ้านายเจอแร่พลังงานในถ้ำใต้ดิน จะขุดก่อนหรือรอแจ้งข่าวไปแล้วค่อยรอขุดพร้อมกัน?”
พูดเหมือนเต็มไปด้วยเหตุผล!
แต่ความจริงกลับเป็นตรรกะเลื่อนลอย!
หากเข้าไปคนเดียว นั่นอาจเป็นไปได้
ครั้งนี้คนกลุ่มแรกเข้าไป รวมถึงจางติ้งหนานที่เป็นข้าราชการคุมมณฑล ความเห็นแก่ส่วนรวมย่อมไม่ขาดอยู่แล้ว
หากไม่กลับมารายงานข่าวเพราะมัวแต่ขุดแร่ ยักยอกผลประโยชน์จริงๆ นั่นอธิบายได้แค่ว่าคนพวกนี้กิเลศครอบงำจนหน้ามืดตามัว ทรยศมนุษยชาติ
ยิ่งไปกว่านั้น…นายคิดว่าผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำปัญญาอ่อนหรือไง?
หากมีแร่พลังงานจริงๆ ยังต้องรอให้ถึงมือนาย?
เว้นเสียแต่ว่าจะมีสัตว์ประหลาดระดับสูงครองอาณาเขตอยู่!
ฉินเฟิ่งชิงเจ้าหมอนี่คิดอะไรกัน? คิดว่าทุกหย่อมหญ้าของถ้ำใต้ดินมีแต่สมบัติหรือไง?
แน่นอนว่าถ้ำใต้ดินมีคนน้อย ถ้ำอุบัติใหม่มีโอกาสสูงที่เจอของดีๆ อยู่แล้ว
ฟางผิงเหนื่อยใจอยู่บ้าง คร้านจะสนใจเขา ไม่คิดจะพูดไร้สาระกับเขาอีก นายอยากจะคิดยังไงก็คิดไป
ฉินเฟิ่งชิงเบะปาก ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง กระซิบว่า “หรือ…พวกเราแอบเข้าไปเป็นกลุ่มแรกดี?”
ฟางผิงมองเขาอย่างตกตะลึงอยู่บ้าง
ฉินเฟิ่งชิงกดเสียงเบาอีกครั้ง “คนกล้าอิ่มคนขลาดอด รอสถานการณ์โดยรวมสงบแล้ว พวกเราเข้าไปทีหลัง เวลานั้นถ้ำใต้ดินตั้งฐานทัพขึ้นมาแล้ว พวกเราจะเคลื่อนไหวลำบาก กลับกันหากฉวยโอกาสตอนที่พวกปรมาจารย์ปะทะกับศัตรู อยู่ในสถานการณ์คลุมเครือ พวกเราคลำผิดคลำถูกไปอยู่ข้างหลัง ฉันรับประกันว่าต้องรวยเละแน่! แน่นอนว่าพวกเราก็ไม่ใช่คนโลภจนหน้ามืดตามัว เรียกว่าคอยปั่นป่วนอยู่ข้างหลังดีกว่า ข้างหลังไม่สงบ ยอดฝีมือถ้ำข้างหน้าจะมีใจคิดต่อสู้ได้ยังไง ไม่แน่ว่าอาจจะสลายตัว นายว่าไหมล่ะ?”
ฟางผิงหัวเราะว่า “ความสามารถรนหาที่ตายของนายนี้ ฉันยอมเลยจริงๆ นายรู้หรือเปล่าว่าต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเท่าไหร่? หากมีระดับสูงโผล่มาหนึ่งคน คนอย่างพวกเราทำได้แค่ตายเท่านั้น…”
“ต้องคิดในแง่บวกเข้าไว้ หากคนของพวกเราแข็งแกร่งกว่าล่ะ? ทั้งพวกเราอ่อนแอขนาดนี้ ระดับสูงไม่เพ่งความสนใจมาที่พวกเราอยู่แล้ว ได้บุกเบิกสมใจอยาก รวยเละอย่างแน่นอน!”
ฉินเฟิ่งชิงตาเป็นประกาย เอ่ยอย่างกระตือรือร้น “นายไม่รู้ประโยชน์ของการบุกเบิกซะแล้ว ฉันจะบอกให้ เวลานั้นตอนที่คนรุ่นก่อนบุกเบิก กลืนผลชนิดหนึ่งเข้าไป อวัยวะภายในหลอมเสร็จสิ้นภายในหนึ่งวัน จากขั้นสี่ทะลวงสู่ขั้นหกได้ทันที! ยังมีอีกคน ตอนที่บุกเบิกดื่มน้ำเข้าไปอึกเดียวก็ประสานพลังจิตใจและปราณรวมเป็นหนึ่ง เข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ได้โดยเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ยังมีอีกคน เท้าเตะโดนหินก้อนหนึ่ง นายลองทายดูคืออะไร? หินพลังงานฝึกวิชาขนาดเท่าอ่างล้างหน้า…ยังมีอีกคน…”
“พอได้แล้ว นายไปฟังมาจากไหน?”
“ในหนังสือ!”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยด้วยใบหน้าจริงจัง “จริงๆ นะ ห้องฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ชั้นสามของมหาวิทยาลัย นายน่าจะไม่เคยไป มีบันทึกพวกนี้อยู่เต็มไปหมด ยังมีบันทึกของโลกสำนักด้วยเช่นกัน บุกเบิกถึงจะทำให้ร่ำรวยได้ เป็นปรมาจารย์ได้แค่วันเดียวเท่านั้น นี่เป็นทางลัดที่เดินไปสู่เส้นทางของผู้แข็งแกร่ง พวกเราอุตส่าห์รอคอยถ้ำใต้ดินหนานเจียงอุบัติอย่างยากลำบาก ตามหลักแล้วสี่ปีถึงจะปรากฏหนึ่งครั้ง หรือจะต้องรออีกสี่ปี? ในสถานการณ์แบบนี้จะรออีกสี่ปีให้หลังได้เหรอ? ฟางผิง กอบโกยสักหน่อยเป็นยังไง?”
ฟางผิงจ้องเขาตาไม่กระพริบ ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ตายได้นะ”
“เชอะ มีใครไม่ตายบ้าง นายตาย นั่นก็นายดวงซวยเอง…”
พูดจบฉินเฟิ่งชิงก็ขัดแย้งในใจอยู่ครู่หนึ่ง “พวกเราร่วมมือกันสามารถฟันขั้นหกได้หรือเปล่า?”
“ฝันน่ะสิ”
“เป็นปัญหาอยู่บ้าง”
ฉินเฟิ่งชิงเดินวนไปวนมา ดูร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด
ยอดฝีมือระดับสูงอาจไม่ไล่ฆ่าเขาเสมอไป
แต่ขั้นหกมีโอกาสที่จะไล่ฆ่าสูงมาก ยังไงพวกเขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง
ทั้งสองคนไม่อาจสังหารขั้นหก นี่หมายความว่าไม่มีหลักประกันพอ
“หรือจะเรียกเจ้าหลี่หัวเหล็กไปด้วยกัน?”
ฟางผิงแปลกใจอยู่บ้าง “นายสนิทกับหวังจินหยางไม่ใช่หรือไง?”
ฉินเฟิ่งชิงเจ็บใจที่สอนคนไม่ได้อยู่บ้าง ก่นด่าว่า “โง่หรือเปล่า ไอ้เวรหวังจินหยางหลอกยากจะตายไป เจ้าหลี่หัวเหล็กนั่นปัญญาอ่อน ทั้งต้านการต่อสู้ได้ เรียกเจ้าหลี่หัวเหล็ก พวกเราถึงจะได้ผลประโยชน์เยอะที่สุด วิชาศีรษะเหล็กของขั้นห้า ต้านการโจมตีของขั้นหกได้หลายครั้ง อาจไม่ตายเสมอไป”
“งั้นถ้าพวกเรายังฆ่าขั้นหกไม่ได้ล่ะ…”
“ตกลงนายจะทำหรือไม่ทำ?”
“ไม่ทำ!”
“ไอ้คนขี้ขลาด!” ฉินเฟิ่งชิงหลุดด่าออกไป เขาคิดว่ารอจัดการเรียบร้อยแล้วค่อยเข้าไป ผลประโยชน์คงจะถูกคนอื่นแย่งชิงไปหมด
แต่เขาคนเดียว…ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่นั้นอันตรายจริงๆ
เจ้าฟางผิงนั้นเนื้อหนังหนา ทนทานต่อการต่อยตี
ถ้าเรียกหลี่หานซงมา ก็จะมีคนหนังหนาเพิ่มมาอีกคน เกราะสองตัวอยู่ข้างหน้า คนหนังกรอบอย่างเขาถึงจะมีความมั่นใจ
แต่นึกไม่ถึงว่าฟางผิงจะไม่ทำ!
ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียงในลำคอ ไม่ทำก็ช่างเถอะ นายคิดว่าฉันอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอไง?
รอดูเถอะ!
รอฉันกลายเป็นปรมาจารย์ก่อนนาย ดูสิใครจะรังแกใคร!
ทั้งจะล้ำหน้าฟางผิงได้หรือไม่ จุดสำคัญขึ้นอยู่กับการบุกเบิกถ้ำใต้ดินครั้งนี้แหละ
————————