ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 363-2 หลอกฆ่า (2)
ตอนที่ 363 หลอกฆ่า (2)
“ขั้นหกสองคน…”
“ฟางผิงยังอยู่ที่นั่น!”
หวังจินหยางเผยแววตาประหลาดใจ เจ้าหมอนี่เอาเรื่องจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะแฝงตัวเข้าไปได้!
มีฟางผิงอยู่ บางทีอาจจะหลอกฆ่าอีกฝ่ายได้ทั้งหมด
ระดับกลางไม่ได้มีแต่พวกอ่อนหัด ครั้งนี้ในสนามรบรวบรวมผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางมาประมาณหนึ่งพันคน ทั้งผู้อาวุโสที่ไม่หวั่นเกรงต่อความตายพวกนั้น ตอนนี้สังหารไปนับร้อยคนแล้ว!
หากพวกเขาหลอกยอดฝีมือที่ตามมาพวกนี้ไปฆ่าได้ พวกถ้ำใต้ดินก็จะสูญเสียมากยิ่งขึ้น
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำพวกนี้ต่อกรง่ายกว่าทางเซี่ยงไฮ้ไม่น้อย
ยอดฝีมือถ้ำของเซี่ยงไฮ้ ยังไงก็รบรากับมนุษย์มาหลายปี โหดเหี้ยมและเจ้าเล่ห์
ถ้ำใต้ดินหนานเจียงเพิ่งอุบัติใหม่ ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้ไอสังหารไม่เข้มข้นเท่าไหร่ แม้จะเป็นขั้นหกก็ไม่ได้สร้างแรงกดดันให้พวกหวังจินหยางมากมาย
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำใต้ดินไม่เหมือนกับมนุษย์ที่ออกไปรบทั่วทุกหนทุกแห่ง
ในหมู่พวกเขานี้ แม้จะเป็นคนที่ประสบการณ์รบน้อยที่สุดอย่างฟางผิงก็เคยเข้าร่วมสงครามจู่โจมเมืองถ้ำใต้ดินมาก่อน เคยเห็นการนองเลือดแล้ว เกรงว่าจะมีประสบการณ์มากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำพวกนี้ซะอีก
ได้ยินว่าฟางผิงอยู่ตรงนั่น ฉินเฟิ่งชิงก็ตาเป็นประกาย!
ใช่ ฟางผิงยังอยู่ในกลุ่มพวกนั้น บางทีอีกเดี๋ยวอาจจะหลอกฆ่าเจ้าพวกนั้นได้จริงๆ!
—
หลายนาทีต่อจากนั้น พวกฉินเฟิ่งชิงก็วิ่งออกมาเกือบสิบลี้
ด้านหลังยังคงมีผู้ฝึกยุทธ์ไล่ตามมาอย่างไม่คิดเลิกรา
เทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ดินแดนแห่งการเกิดใหม่ที่ไม่คุ้นเคยพื้นที่แล้ว พวกเขาต่างหากที่เป็นเจ้าบ้าน อยากจะวิ่งหนีจากอาณาเขตของตัวเอง จะเป็นไปได้ยังไง!
เวลานี้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสองคนมารวมตัวกัน
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกที่ไล่ฆ่าก่อนหน้านี้ไม่ได้สวมเสื้อเกราะ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ทหาร ตอนนี้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ทหารที่ตามเข้ามาทีหลังก็เผยท่าทีประสบสอพลออยู่บ้าง
ไล่ตามพร้อมทั้งเอ่ยด้วยรอยยิ้มไปพลาง “ขุนพลหลิ่วมู่ คนพวกนี้อยู่ขั้นไม่สูงนัก ฝีมือไม่อ่อนด้อย จะจับเป็นหรือจับตายดี?”
“จับเป็นได้จะดีที่สุด จับไม่ได้ก็ฆ่าทิ้งซะ!”
ขุนพลหลิ่วมู่พูดอย่างเลือดเย็น น้ำเสียงก็ไม่ได้อ่อนโยนอะไร ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกอีกคนกลับไม่มีท่าทีโกรธเคืองแม้แต่น้อย เงยหน้ามองท้องฟ้า เอ่ยพึมพำว่า “ยอดฝีมือดินแดนแห่งการเกิดใหม่มีไม่น้อยจริงๆ โชคดีที่พวกเราเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า!”
ขุนพลหลิ่วมู่ไม่ได้สนใจเขา จ้องมองสามคนด้านหน้า เวลานี้ความเร็วทั้งสามคนค่อยๆ ลดลงแล้ว
ฟางผิงที่อยู่ด้านหลังไม่ไกลจากสองคนขยับหูเล็กน้อย ทางถ้ำใต้ดินได้รับข้อมูลล่วงหน้าจริงๆ ด้วย
พื้นที่ส่วนกลางส่งข่าวมาอย่างนั้นเหรอ?
หรือจะบอกว่าการอุบัติของทางเดินอยู่ในการควบคุมของพวกเขา?
ตอนนี้เสียงของสงครามด้านหลังแทบไม่ได้ยินแล้ว พวกฟางผิงปลีกตัวออกมาจากใจกลางพื้นที่ต่อสู้แล้ว
ด้านหน้านั้นพวกฉินเฟิ่งชิงชะงักฝีเท้าเล็กน้อยเช่นกัน พวกผู้ฝึกยุทธ์ที่ไล่ตามมาโอบล้อมพวกเขาเอาไว้แล้ว
ยอดฝีมือขั้นหกสองคนมองลงมาจากที่สูง ไม่คิดจะพูดมาก ทั้งสองคนไม่คิดจะยืนมองความสนุก ปล่อยให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขั้นห้าพวกนั้นเป็นคนลงมือ
ชั่วพริบตาที่ถูกโอบล้อมเป็นวงกลม ทั้งสองคนก็แยกไปจู่โจมหวังจินหยางและหลี่หานซงทันที
ฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ขั้นสี่ถึงจะเป็นเป้าหมายของคนอื่นๆ!
ขั้นห้ากว่าสิบคนและขั้นสี่นับสิบคน ฆ่าขั้นสี่คนหนึ่งไม่ได้ยากอยู่แล้ว!
ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงไม่ทำหน้าทะเล้นอีกต่อไปแล้ว เห็นหวังจินหยางและหลี่หานซงถูกแยกไปโดยยอดฝีมือขั้นหกจึงระเบิดพลัง กัดฟันยกดาบบุกเข้าไปกลางฝูงชนทันที!
ฟางผิงไม่ได้รีบไปช่วยพวกหวังจินหยาง เสี้ยวนาทีที่ฉินเฟิ่งชิงบุกเข้าไป ฟางผิงก็ระเบิดพลังจิตใจทันที สั่นคลอนผู้คนรอบๆ ฉินเฟิ่งชิง!
ตรงนี้ไม่มียอดฝีมือขั้นหกสูงสุด ไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง!
ฟางผิงระเบิดพลังจิตใจอยู่เหนือการคาดการณ์ของทุกคน คนพวกนั้นยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถูกฉินเฟิ่งชิงฟันเอวขาดเป็นสองท่อนแล้ว!
ฉินเฟิ่งชิงงุนงงไปชั่วขณะเช่นกัน ทว่ากลับไม่ได้ลงมือชักช้า เขารู้ทันทีว่าฟางผิงชักใยอยู่เบื้องหลัง!
เวลานี้ฉินเฟิ่งชิงเลือดร้อนขึ้นมาแล้ว คำรามเสียงดัง ก่อนดาบใหญ่จะฟันจนเกิดประกายปราณที่รุนแรงขึ้น
ฟางผิงปะปนอยู่รอบนอก ปล่อยพลังจิตใจอย่างต่อเนื่องจนถึงกระทั่งหยุดปล่อยไป ขั้นสี่ขั้นห้าเยอะขนาดนี้ เขายากจะสะกดไว้ได้ เวลานี้ฟางผิงจึงระเบิดพลังจิตใจของคนพวกนี้แทน
พลังจิตใจถูกระเบิด ตอนนี้ค่อยสะกดขั้นสี่ขั้นห้าพวกนี้ไว้ได้
ฉินเฟิ่งชิงสำแดงพลังเต็มที่ ดาบยาวฟันลงมาราวกับฟ้าฝ่า แทบจะหนึ่งดาบต่อหนึ่งคน เวลาชั่วพริบตาก็สังหารไปเกือบสิบคนแล้ว
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาสั้นๆ ไม่นานกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำที่โอบล้อมก็โกลาหลวุ่นวายไปอยู่บ้าง
ขั้นสี่คนหนึ่งแข็งแกร่งขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ซ่อนเร้นความสามารถงั้นหรือ?”
“ระวังตัวกันด้วย!”
“…”
พวกเขาแย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์ มองฉินเฟิ่งชิงอย่างระแวดระวังอยู่บ้าง
ฟางผิงระเบิดพลังจิตใจใส่คนอื่น ฉินเฟิ่งชิงก็ออกดาบสมทบอย่างรวดเร็ว คนพวกนี้แทบสัมผัสไม่ได้ แม้จะสัมผัสได้อาจจะไม่เชื่อเสมอไป
หากมียอดฝีมือปล่อยพลังจิตใจอยู่ในนี้ คนพวกนี้ย่อมไม่มีความสามารถพอจะฆ่าอีกฝ่ายเพียงคนเดียวได้ เพราะอย่างน้อยต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุด
“รีบหน่อย!”
ตอนที่พวกเขาตื่นตระหนก ฟางผิงก็ตะโกนด้วยภาษาถ้ำใต้ดิน แต่กลับเป็นการเตือนฉินเฟิ่งชิงว่าอย่าชักช้า!
ไม่ไกลนั้นหวังจินหยางและหลี่หานซงแทบจะต้านไม่อยู่แล้ว
พวกเขาสองคนร่วมมือต่อกรหนึ่งคนยังพอไหว แต่ประมือกับขั้นหกตามลำพัง แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะ แต่ยังไงก็เพิ่งเข้าสู่ขั้นห้า เป็นเรื่องง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน
หากอยู่ขั้นห้าสูงสุด ทั้งสองคนต่อสู้กับขั้นหกลำพังยังพอมีหวัง แต่ตอนนี้ยังเร็วเกินไป
ฉินเฟิ่งชิงเห็นแบบนั้นจึงกัดฟัน ตะโกนว่า “ฉันจะออกกระบวนท่าใหญ่แล้ว พวกนายรอตายซะเถอะ!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมาฟางผิงก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเริ่มทำงานแล้ว พลังจิตใจพรั่งพรูออกมาชั่วพริบตา ก่อนจะตะโกนว่า “ข่ากู่!”
ภายใต้เสียงคำรามนั้น คนอื่นๆ ต่างถลาตัวเข้าไปทันที
ในเวลาเดียวกันพลังจิตใจก็ระเบิดอีกครั้ง ฟางผิงใบหน้าซีดเผือด ฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ตรงกลางตะโกนอย่างโมโห ดาบยาวประกายปราณเจิดจ้า วาดออกไปเป็นวงกลม!
“ฉึกๆๆ…”
เสียงคมโลหะบาดสู่เนื้อดังขึ้นระลอกใหญ่ กระดูกและโลหะกระทบกันดังก้อง กลุ่มคนที่อยู่ชั้นในสุดถูกฟันขาดในทันที
“ถอย!”
ยอดฝีมือถ้ำคนหนึ่งตะโกนขึ้น ทุกคนขยับถอยออกมา ฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ตรงกลางนั้นเริ่มหน้าซีดแล้วเช่นกัน ทว่ากลับเผยรอยยิ้มอวดดี มองไปทางทุกคนอย่างยั่วยุ
“ผิดปกติ!”
มีคนเอ่ยเสียงดัง แม้ว่าคนๆ นั้นจะระเบิดพลังแข็งแกร่ง แต่ยังไม่ถึงขั้นที่ฆ่าคนเยอะขนาดนี้ในดาบเดียวได้
อย่าลืมว่าในคนกลุ่มนี้ยังมียอดฝีมือขั้นห้าอยู่ด้วย!
หลายคนมองสำรวจไปรอบๆ เมื่อครู่คลื่นพลังจิตใจระเบิดอย่างรุนแรง มีคนรับรู้ได้ ตอนนี้จึงพากันสอดส่องไปทั่ว แววตาเผยความหวาดระแวง
ดินแดนแห่งการเกิดใหม่มียอดฝีมือขุนพลมาเพิ่มอีกคนงั้นเหรอ?
ฟางผิงไม่สนใจเรื่องนี้ มองไปรอบๆ ครั้งหนึ่ง คนยังเยอะอยู่บ้าง ไม่อาจฆ่าได้ง่ายๆ
เจ้าฉินเฟิ่งชิงเป็นคนไร้ประโยชน์จริงๆ ด้วย หากเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าร่วมมือกับฟางผิง เกรงว่าจะหลอกฆ่าทั้งหมดได้ในเวลาอันรวดเร็วแล้ว
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะค่อยๆ ฝึกฝนขัดเกลา
หวังจินหยางและหลี่หานซงแทบจะไม่อาจควบคุมได้แล้ว ส่วนใจกลางของพื้นที่ต่อสู้ สถานการณ์คนอื่นอาจไม่ชัดเจน แต่ร่างทองของโจวติ้งกั๋วเริ่มเลือนรางลดเรื่อยๆ แล้ว
มองไปทางฉินเฟิ่งชิงอีกครั้ง ฟางผิงถอนหายใจ นายอธิษฐานเอาเถอะ ฉันต้องไปช่วยจัดการขั้นหกสักคนก่อน ไม่งั้นคงไม่อาจสู้กันต่อไปได้แล้ว
ขุนพลหลิ่วมู่คนนั้นคือเป้าหมายของฟางผิง
เวลานี้ผู้ฝึกยุทธ์ทหารคนนั้นแทบกำลังอัดหลี่หานซงอยู่ฝ่ายเดียว กะโหลกของหลี่หานซงปรากฏแสงสีทองแล้ว แบบนี้ยิ่งล่อใจขุนพลหลิ่วมู่ เห็นได้ชัดว่าเขาตระหนักได้เหมือนกัน ครั้งนี้จับปลาตัวใหญ่ได้แล้ว!
ด้านฟางผิง ตอนนี้ทะยานขึ้นฟ้า บินลงไปทางนั้น ตะโกนว่า “ขุนพลหลิ่วมู่ คนข้างล่างนี้ผิดปกติ!”
ขุนพลหลิ่วมู่ที่กำลังต่อกรกับหลี่หานซงอย่างเต็มกำลังชะงักไปเล็กน้อย ไม่ได้ตกใจเรื่องข้อมูลที่ฟางผิงรายงาน แต่เป็นคำเรียกของฟางผิง…
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่คนหนึ่ง กล้าเรียกเขาแบบนี้?
ถ้ำใต้ดินแบ่งแยกชนชั้นอย่างเข้มงวด หากจะเรียกก็ควรเรียกว่า “นายท่าน” ผู้ฝึกยุทธ์พื้นเมืองยังไม่ถึงขั้นที่ไม่รู้จักความเหมาะสมแบบนี้เช่นกัน
ความคิดเช่นนี้แวบขึ้นมาในหัวของขุนพลหลิ่วมู่อย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้พูดอะไร หรือจะบอกว่าเดิมทีอีกฝ่ายก็นึกไม่ถึงว่าจะถูกคนแฝงตัวเข้ามา
ในเวลานี้หลี่หานซงที่อยู่ตรงข้ามเห็นฟางผิงพุ่งเข้ามา ตาก็เป็นประกายทันที คำรามเสียงดัง กะโหลกนั้นเปล่งแสงสีทองอร่าม สองหมัดเปลี่ยนเป็นฝ่ามือ ฟันลงไปที่แขนสองข้างของหลิ่วมู่ แม้แขนเขาจะปริแตกในชั่วพริบตา หลี่หานซงก็ไม่คิดปล่อยมือ!
ขุนพลหลิ่วมู่แค่นเสียงเย็น ดิ้นรนเฮือกสุดท้ายสินะ!
ความคิดนี้เพิ่งจะวาบขึ้นมา ขุนพลหลิ่วมู่ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้นข้างหลัง “ฉันจะช่วยนายเอง!”
หลิ่วมู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฉันจำเป็นต้องให้นายช่วยด้วยหรือไง?
ความคิดนี้เพิ่งจะโผล่ขึ้นมา ด้านหลังกลับมีดาบยาวประกายสีแดงปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ ไร้คลื่นพลังงานโดยสิ้นเชิง ฟันลงมาบนหัวเขาในชั่วพริบตาราวกับสายฟ้าฟาด!
ไม่ใช่ทุกคนที่หัวแข็งเหมือนเจ้าหลี่หัวเหล็กสักหน่อย!
———————