ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 366-2 ฟางผิงไว้ใจได้ที่สุดแล้ว (2)
ตอนที่ 366 ฟางผิงไว้ใจได้ที่สุดแล้ว (2)
“กลัวก็แต่ว่า…พวกเราบาดเจ็บล้มตายไปมาก เผ่าเยามิ่งจะลงมือกับพวกเรา!” ราชาหลิวถอนหายใจ
“งั้นก็ให้เขตหวงห้ามส่งคนมา!”
ราชาหลิวส่ายหัวเล็กน้อย “ตอนนี้เขตหวงห้ามไม่ออกหน้าแน่ ดินแดนเกิดใหม่ก็มียอดฝีมือระดับราชา!”
“ยอดฝีมือระดับราชา…” คนที่อยู่ด้านข้างสีหน้าเปลี่ยนทันที “งั้นเดิมทีพวกเราเข้าไปในดินแดนเกิดใหม่ก็ไม่สามารถเอาชนะดินแดนเกิดใหม่ได้น่ะสิ!”
“ไม่ หากพวกเราจะบุกเข้าไปในดินแดนเกิดใหม่ เขตหวงห้ามจะลงมือเช่นกัน!”
ระหว่างที่ราชาหลิวพูดก็เปลี่ยนประเด็น “ท่านอารยะมู่ถูกขุนพลฆ่าจริงๆ งั้นเหรอ?”
“เป็นขุนพล…แต่ว่า…” คนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างครุ่นคิด “รู้สึกไม่เหมือนขุนพลเท่าไหร่ เหมือนขั้นอารยะครึ่งหนึ่งมากกว่า!”
“อารยะครึ่งหนึ่ง?” ราชาหลิวเอ่ยอย่างแปลกใจ “ยังไง?”
“ร่างทองเหมือนจะหลอมไปครึ่งใหญ่…แต่พลังจิตใจเหมือนว่า…เหมือนว่าจะแตกหักแล้ว…”
“หืม?”
ราชาหลิวขมวดคิ้วเล็กน้อย ผ่านไปสักพักก็เอ่ยอย่างปล่อยวาง “ฆ่าอารยะมู่ เขาก็สมควรตายแล้ว คนที่พวกเจ้าบอกว่าพาซากของเขาคนนั้นไปเจอตัวหรือยัง?”
“ยังไม่เจอขอรับ”
พูดจบก็มีคนเอ่ยว่า “ราชาหลิว…บางทีอาจจะเป็นฝีมือของคนเมืองไป๋เอ้อร์!”
ราชาหลิวสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
“คนที่แบกซากนั่นไปไม่มีกลิ่นอายของดินแดนเกิดใหม่ ก่อนหน้านี้ก็แฝงตัวอยู่ในหมู่พวกเรามาโดยตลอด…”
“เมืองไป๋เอ้อร์!”
ราชาหลิวเผยแววตาเยือกเย็นขึ้นมา “ครั้งนี้พวกเราสูญเสียไปมาก เมืองไป๋เอ้อร์รู้เข้า เกรงว่าจะไม่มองอยู่เฉยๆ แน่ เจ้าพาพวกแม่ทัพไปจับตาดูเมืองไป๋เอ้อร์เอาไว้!”
“งั้นทางนี้…”
“ทางนี้ข้าจะเฝ้าด้วยตัวเอง! อีกอย่างส่งคนไปขอกำลังสนับสนุนจากเมืองจู้ซงด้วย บอกว่าเป็นคำสั่งของเขตหวงห้าม!”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่ ข้าจะอธิบายกับเขตหวงห้ามด้วยตัวเอง ไม่งั้น…เมืองจู้หลิวทำได้แค่ถอยทัพเท่านั้น ไม่อาจเฝ้าดูที่ทางเดินดินแดนเกิดใหม่ได้อีก!”
“น้อมรับคำสั่ง!”
คนผู้นั้นไม่พูดมากอีก พาพวกแม่ทัพออกไปอย่างรวดเร็ว
—
อีกด้านหนึ่ง เขตแดนที่ห่างจากกระแสน้ำวนประมาณห้าหกร้อยลี้
ฉินเฟิ่งชิงดึงสมุนไพรขึ้นมาต้นหนึ่ง ก่อนจะเคี้ยวงุบงับลงไป เอ่ยด้วยสีหน้าดีใจ “ถอนขึ้นมาแบบไม่ตั้งใจก็ได้ของดีจริงๆ ด้วย ฟิน!”
หวังจินหยางชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยเรียบนิ่งว่า “ยังไม่รู้ว่าฟางผิงและพวกทีมอารักขาเป็นยังไงบ้าง”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างไม่คิดมาก “ร้อนใจมีประโยชน์หรือไง? ไร้ค่าเอง ให้ความช่วยเหลือไม่ได้ ร้อนใจเรื่องพวกนี้ไม่มีประโยชน์หรอก! มีแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้นถึงจะมีสิทธิ์กังวลเรื่องพวกนี้ได้ ไม่สิ หากแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ ยังจะควบคุมสถานการณ์ไว้ในมือตัวเองได้ด้วยซ้ำ! ครั้งนี้หากพวกเราสามารถทะลวงขั้นหกหรือเป็นปรมาจารย์ได้ในคืนเดียว นั่นก็มีอำนาจพอให้สนใจเรื่องพวกนี้แล้ว ตอนนี้รักษาชีวิตน้อยๆ ของตัวเองถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด หลบถอนหายใจอยู่ที่นี่ พวกเขาก็สามารถชนะได้แล้วหรือไง? เหล่าหวัง นายอย่าโง่! ฉันนับว่ามองทะลุปรุโปร่งนานแล้ว ฝีมือนายไม่เพียงพอ งั้นก็เป็นได้แค่เด็กน้อยร้องไห้งอแง ยังต้องเตรียมนมให้ดื่ม? คนอื่นอาจพูดยากอยู่บ้าง แต่ฟางผิงเจ้าคนต่ำช้านั่น หากเขาตายจริงๆ ฉันก็กล้าไปฆ่าระดับสูงเดี๋ยวนี้แหละ อย่ามาไร้สาระเลย!”
พูดจบ ฉินเฟิ่งชิงก็เคี้ยวสมุนไพรเข้าไปอีกคำ ไม่สนใจดินโคลนที่เปื้อนพวกนั้นเช่นกัน มองไปทางกลุ่มสิ่งก่อสร้างที่อยู่ด้านหน้ารางๆ กัดฟันว่า “ไม่ต้องพูดเหลวไหลแล้ว ไปหยั่งเชิงสถานการณ์ก่อน หากฝีมือแข็งแกร่ง งั้นก็ทำลายหมู่บ้าน ปล้นแล้วหนี! หากอ่อนแอก็ไม่ต้องแหวกหญ้าให้งูตื่น พวกเราไปค้นหาสมบัติที่อื่นกัน!”
หลี่หานซงเห็นเขาไม่มีความหวาดหวั่น ก็อดเอ่ยอย่างห่อเหี่ยวไม่ได้ “เมื่อกี้นายบาดเจ็บหนักมาไม่ใช่หรือไง? หายดีแล้ว? ”
ฉันมีกระดูกเป็นทองแท้ๆ!
ทำไมถึงรู้สึกว่าฉันอ่อนแอที่สุดยังไงไม่รู้!
เจ้าสองคนนี้ ตอนนี้ยังมีเวลาว่างมาคิดเรื่องพวกนี้อีก ทำไมเขาถึงคิดว่าควรรักษาบาดแผลก่อนแล้วค่อยว่ากัน?
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างดูแคลน “โง่หรือเปล่า จะสนใจอาการบาดเจ็บไปทำไม! ถ้ำใต้ดินมีของดีนับไม่ถ้วน ไม่แน่ว่าอาจจะปล้นน้ำพุศักดิ์สิทธิ์อะไรมาได้ ดื่มอึกเดียวบาดแผลก็สมานแล้ว รักษาบาดแผนสิ้นเปลืองเวลาจะตายไป?”
หลี่หานซงอ้าปากค้าง!
ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วย?
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อาการบาดเจ็บหายในพริบตาได้? ขอแค่ปล้นของดีก็รักษาได้แล้ว งั้นหากปล้นไม่ได้จะทำยังไง?
รักษาอาการบาดเจ็บ…นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นการสิ้นเปลืองเวลา!
คำพูดนี้กลับถูกคนอื่นเห็นด้วยซะงั้น!
ครู่ต่อมาหวังจินหยางก็พยักหน้าว่า “ใช่ รักษาอาการบาดเจ็บสิ้นเปลืองเวลาเกินไป ไปเถอะ ไปกอบโกยกันก่อน!”
ล้มล้างความคิดโดยสิ้นเชิง!
หลี่หานซงสีหน้าแทบดูไม่ได้แล้ว!
ไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย มหาวิทยาลัยยังไม่สอนอย่างนี้เลย!
บาดเจ็บอยู่ ควรต้องรักษาบาดแผลก่อนสิ ไม่งั้นอาการกำเริบขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องสิ้นเปลืองจริงๆ แล้ว ทั้งหากทิ้งไว้นานอาจจะบาดเจ็บถึงรากฐาน…
หลี่หานซงยังคิดจะโต้แย้ง ฉินเฟิ่งชิงกลับถือดาบหยัดกายขึ้นแล้ว เอ่ยอย่างเริงร่า “ไปๆๆ ครั้งนี้ทำการใหญ่สักหน่อย พวกนายว่าใกล้ๆ เมืองนั้นยังจะมียอดฝีมือนั่งรักษาการณ์อยู่หรือเปล่า? ครั้งนี้ออกมาซะไกล น่าเสียดาย ตอนนี้หากพวกเราเข้าไปในเมืองอาจจะสามารถกวาดรังพวกเขาจริงๆ ก็ได้!”
หวังจินหยางส่ายหัวว่า “อันตรายเกินไป อย่างน้อยต้องรอให้พวกเราถึงขั้นหกก่อน ตอนนี้อาจกวาดล้างไม่ได้เสมอไป”
“พวกเราไม่ไหว แต่ฟางผิงทำได้!”
ฉินเฟิ่งชิงอิจฉาตาร้อนอยู่บ้าง กลืนน้ำลายอึกใหญ่ “เขาแฝงตัวเข้าไปได้! ครั้งหน้าเจอเขา ฉันจะเรียกเขาว่าผู้อาวุโสแล้วเรียนรู้วิธีจากเขาซะ แม่งจะมีประโยชน์เกินไปแล้ว!”
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำและผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ สิ่งที่แตกต่างมากที่สุดอยู่ตรงนี้!
ลมหายใจไม่เหมือนกัน
นี่หากสามารถอำพราง ปะปนเข้าไปในเมืองได้ คงจะฟินไม่น้อย
หวังจินหยางมีสติมากกว่าเขา เอ่ยโจมตีว่า “หากทุกคนทำได้หมด นายคิดว่าเขาต้องปกปิดไม่พูดออกมาไปทำไม?”
ฟางผิงตอนที่ควรใจแคบก็ใจแคบ แต่วิชาลับแบบนี้ หากเรียนรู้ได้จริงๆ คงเป็นประโยชน์มหาศาลต่อมวลมนุษย์ชาติ ฟางผิงไม่อุบไว้คนเดียวอยู่แล้ว
ฉินเฟิ่งชิงกระจ่างใจขึ้นมา “เข้าใจแล้ว พรสวรรค์อย่างนั้นสินะ ถ้าฉันมีพรสวรรค์เพียงพอก็ไม่มีปัญหาแล้ว!”
ทั้งสองคนคุยอย่างออกรสออกชาติ ไม่สนใจหลี่หานซง สาวเท้าเดินออกไปไกล
หลี่หานใจเหนื่อยใจอย่างยิ่ง ฉันบาดเจ็บจริงๆ นะ!
เจ้าสองคนนี้ก็บาดเจ็บไม่ใช่หรือไง?
เวลานี้ควรจะรักษาบาดแผลฟื้นฟูตัวเองสิ!
น่าเสียดายที่เขาตัดสินใจไม่ได้ หากฟางผิงอยู่ที่นี่ น่าจะช่วยห้ามปรามสินะ?
คนอื่นคุมฉินเฟิ่งชิงไม่ได้ แต่ฟางผิงทำได้
น่าเสียดายที่ฟางผิงแยกกับพวกเขาไปแล้ว ตอนนี้ต้องมาตามเจ้าบ้าสองคนนี้มักรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงไม่รู้!
ช่วงเวลาสั้นๆ นั้น หลี่หายซงก็คิดถึงฟางผิงขึ้นมาอยู่บ้าง
—
ในเวลาเดียวกัน
ฟางผิงมองไปทางก้อนเนื้อ ถอนหายใจว่า “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เหมือนยังมีคนกำลังตามหาพวกเราอยู่ เหล่าหลี่ หรือผมจะพาคุณเข้าไปในเมืองดี? ตอนนี้ผมสามารถปิดบังลมหายใจได้แล้ว คุณ…คุณแทบไม่มีลมหายใจด้วยซ้ำ บอกคนอื่นว่าผมไปล่าสัตว์ป่ามาน่าจะเชื่อกัน พวกเราเข้าไปในเมืองดีหรือเปล่า?”
ก้อนเนื้อสั่นระริกขึ้นมาทันที!
แม่งเหอะ ไอ้หนูรนหาที่ตายหรือไง ถึงฉันจะเป็นก้อนเนื้อ ฉันก็อยากมีชีวิตอยู่!
“อย่าขยับไปขยับมา ผมรู้แล้ว ภายในเมืองมีของดีเยอะแยะ แต่ไม่ใช่ของพวกเรา ผมแค่จะไปดูว่ามีพวกสมุนไพรอะไรหรือเปล่า จะได้เอามารักษาคุณ รักษาเสร็จแล้วผมก็จะไป เหล่าหลี่ งั้นพวกเราเข้าไปในเมืองกันเถอะ? คุณไม่ตอบ แสดงว่าไม่คัดค้าน ผมถือว่าคุณเห็นด้วยแล้วกัน”
ฟางผิงพูดจบก็เอาหนังสัตว์ประหลาดผืนหนึ่งห่อก้อนเนื้อเอาไว้ แบกขึ้นข้างหลังสาวเท้าออกจากป่าไป พูดพึมพำกับตัวเอง “เมืองถ้ำใต้ดินจะมีการตรวจบัตรประชาชนอะไรพวกนี้หรือเปล่าเนี่ย?”
“ระหว่างเมืองกับเมืองมีประตูผ่านทางหรือเปล่า?”
“ฉันที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์แปลกหน้า ไปที่นั่นถูกคนสงสัยจะทำยังไง?”
“ไม่รู้ว่าจวนเจ้าเมืองอยู่ที่ไหน ทหารอารักขาแข็งแกร่งหรือเปล่า?”
“ช่างเถอะ ฉันไปหยั่งเชิงสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยไป ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถกวาดรังพวกเขาได้”
“เหล่าหลี่ ครั้งนี้พวกเราจะกอบโกยได้ก้อนใหญ่จริงๆ แล้ว กระบี่ฟันขั้นแปดนั่นของคุณยังไม่คุ้มค่าเท่านี้เลย”
“…”
ก้อนเนื้อดิ้นขึ้นอีกครั้ง!
เธอเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ ทำไมฟังคำพูดคำจาของเธอแล้วเหมือนจะอยู่ขั้นเก้าเลยล่ะ!
เข้าเมือง!
ยอดฝีมือขั้นเก้ายังไม่กล้าทำแบบนี้ด้วยซ้ำ เสียสติไปแล้วสินะ!
ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
ตอนนี้หลี่ฉางเซิงนึกย้อนเสียใจจริงๆ บางทีเขาอาจไม่ได้ทำให้ตัวเองตาย แต่มีโอกาสสูงที่จะถูกเจ้าเด็กนี้ทรมานตาย!
———————–