ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 369 เข้าเมือง (1)
ตอนที่ 369 เข้าเมือง (1)
วันต่อมา
ฟ้าเพิ่งจะสว่าง ฟางผิงก็พบว่ามีผู้ฝึกยุทธ์จากเมืองจู้ซงกลุ่มหนึ่งรีบเร่งเดินทางเข้ามา
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่เป็นคนนำทีม อีกสองคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม
ฟางผิงจู่โจมอย่างกะทันหัน สังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสองคนในชั่วพริบตา ภายใต้การสั่นสะเทือนพลังจิตใจ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่คนนั้นจึงบาดเจ็บหนัก
ทำลายศพลบร่องรอยอย่างชำนาญแล้ว ไม่นานฟางผิงก็แบกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ที่เจ็บหนักคนนั้นเข้าไปในป่า
ครั้งนี้ฟางผิงเสียเวลาอยู่บ้าง
บางทีอาจจะเพราะรู้ว่าต้องตายอย่างแน่นอนหรืออาจจะเพราะถึงระดับกลางแล้ว มีปณิธานแน่วแน่ ผู้ฝึกยุทธ์จากเมืองจู้ซงคนนี้จึงรักษาความเงียบมาโดยตลอด
หลังจากถูกฟางผิงทำลายพลังจิตใจและทรมานร่างกายหลายครั้ง ในที่สุดอีกฝ่ายก็เปิดเผยข้อมูลออกมาเล็กน้อย
คนของเมืองจู้หลิวไปขอความช่วยเหลือจากเมืองจู้ซงจริงๆ
ราชาจากเมืองจู้ซงคนนั้นยินดีให้ความช่วยเหลือเช่นกัน จึงนำยอดฝีมือขั้นอารยะหลายคนออกไปไล่ตามราชาของต่างแดน
นอกจากนี้ฟางผิงยังถามถึงคนอื่นๆ แต่คนจากเมืองจู้ซงไม่รู้อะไรเลย
ตอนที่เขาออกเดินทางจากเมืองจู้ซง คนของเมืองจู้หลิวก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน เขาแทบไม่ทันรับรู้ข่าวสารอะไร
นอกจากข้อมูลพวกนี้ ฟางผิงยังทราบถึงข้อมูลที่ไม่เคยรู้มาก่อนเช่นกัน
“เมืองจู้หลิวจะเปิดน้ำพุแห่งชีวิต ดังนั้นพวกเราจึงรีบเดินทางข้ามวันข้ามคืนเข้ามา”
“น้ำพุแห่งชีวิตคืออะไร?”
ก่อนหน้าที่ฟางผิงยังไม่ถามคำถามนี้ อีกฝ่ายยังเดาไม่ถูกว่าฟางผิงเป็นคนต่างแดนหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางมั่นใจแล้วว่าฟางผิงมาจากต่างแดนอย่างแน่นอน!
ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ครั้งนี้อีกฝ่ายกลับให้ความร่วมมือ เอ่ยทันที “ใต้เมืองราชาเป็นสถานที่ที่รวบรวมหินแห่งชีวิต ปกติเทพผู้พิทักษ์มักจะดูดกลืนพลังงานแห่งชีวิตที่กระจัดกระจาย รวบรวมกลายเป็นสระน้ำบริสุทธิ์แห่งชีวิต ครั้งนี้พวกอารยะและแม่ทัพหลายคนของเมืองจู้หลิวต่างได้รับบาดเจ็บ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเทพผู้พิทักษ์จะเปิดน้ำพุแห่งชีวิตขึ้นมา”
“ใช้เพื่อรักษา?”
ฟางผิงแววตาเปลี่ยนเล็กน้อย สิ่งที่เรียกว่าน้ำพุแห่งชีวิต น่าจะเป็นสถานที่จำพวกห้องแหล่งพลังงานของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้สินะ? ไม่สิ ประสิทธิภาพคงจะดีกว่านั้นเยอะ!
ใจกลางของแร่พลังงานขนาดใหญ่ ปกติปีศาจระดับสูงจะดูดกลืนพลังงานที่พลุกพล่านพวกนั้นกักเก็บไว้ รวบรวมกลายเป็นสระน้ำ นี่หมายความว่ายังไงกัน?
อย่าลืมว่าแม้จะเป็นหินพลังงานฝึกวิชาก็ไม่ได้มีความบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์!
ส่วนประกอบของหินพลังงาน อันที่จริงเป็นอนุภาคพลังงานผสมกับสิ่งเจือปนบางส่วนกลายเป็นของแข็ง
อนุภาคพลังงานที่แท้จริงไม่ได้เป็นของแข็ง แน่นอนว่าไม่ได้เป็นของเหลวเช่นกัน
แต่อนุภาคพลังงานมีความเข้มข้นสูง กลายเป็นสระน้ำที่มีสภาพเป็นของเหลวก็เป็นเรื่องปกติ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง อันที่จริงน้ำพุแห่งชีวิตก็คือพลังงานบริสุทธิ์ที่เกิดจากการปลดปล่อยพลังงานของหินพลังงานจำนวนมาก
ฟางผิงแทบจินตนาการได้ว่าเป็นยังไง ก็เหมือนกับภายในห้องแหล่งพลังงานของมหาวิทยาลัย หินพลังงานปลดปล่อยพลังงานออกมานับไม่ถ้วนท่วมท้นไปทั้งห้องแหล่งพลังงานทำให้คนแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางทะเลของอนุภาคพลังงาน
ฟางผิงแค่คิดก็อยากกลืนน้ำลายแล้ว แต่ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำอยู่ตรงข้าม เขาไม่อาจทำขายหน้าแบบนั้นได้
เจ้าหมอนี้แฝงเจตนาไม่บริสุทธิ์อยู่!
“น้ำพุแห่งชีวิตเปิดให้เข้าไปได้ทุกคน?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว!”
อีกฝ่ายยังคงตอบตามสัตย์จริง “เป้าหมายของพวกเราอยู่ที่เสี้ยวนาทีสั้นๆ ที่เปิดออก ช่วงเวลาที่พลังงานแห่งชีวิตพรั่งพรูออกมา เข้าไปใกล้น้ำพุแห่งชีวิตแค่เล็กน้อย ดูดซับพลังงานแห่งชีวิตที่พลุกพล่านนั้น สำหรับพวกเราแล้วนี่มีส่วนช่วยต่อการฝึกวิชาอย่างมาก”
“ในเมื่อทำเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของพวกแม่ทัพ ทำไมถึงไม่เปิดตั้งแต่เมื่อวาน?”
“การเปิดน้ำพุแห่งชีวิตต้องมีการเตรียมตัว เว้นเสียแต่ว่าราชาและเทพผู้พิทักษ์จะฝืนเปิดอย่างดื้อๆ ไม่งั้นยังไงก็ต้องใช้เวลาเตรียมพร้อมช่วงหนึ่ง…”
“งั้นทำไมถึงไม่ฝืนเปิดไปเลยล่ะ?”
ผู้ฝึกยุทธ์เมืองจู้ซงมองฟางผิงด้วยแววตาแปลกๆ อยู่บ้าง ยังคงตอบตามความจริง “ฝืนเปิดไปจะทำให้พลังงานกระจัดกระจายออกไปจำนวนมาก น้ำพุแห่งชีวิตเป็นของราชาและเทพผู้พิทักษ์ หากไม่บาดเจ็บหนักเกินไป ราชาจะไม่เปิดออกเด็ดขาด”
ฟางผิงเข้าใจทันที ของสิ่งนี้เป็นทรัพย์สินส่วนตัวของราชา
เปิดให้พวกนายรักษา ถือว่าให้ความสำคัญพอแล้ว ฝืนเปิดใช้ พลังงานกระจัดกระจายออกมากเกินไป นั่นเป็นความเสียหายของราชา
ฟางผิงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “อยากหลอกฉัน? ง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง? ต้องมีอะไรที่ปิดบังไว้แน่ คิดว่าฉันไม่รู้จริงๆ? ปัญญาอ่อน!”
คำว่าปัญญาอ่อน ฟางผิงพูดเป็นภาษาจีน เน้นน้ำหนักลงในน้ำเสียงอยู่บ้าง คำด่าของพวกถ้ำใต้ดินค่อนข้างยาวอยู่แล้ว
ภายใต้แววตาที่ไม่พอใจของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่คนนี้ ฟางผิงก็ซัดฝ่ามือจนหัวเขาแตกกระจาย
คว้านหัวใจแล้วก็เก็บของดีอย่างอื่น
รวมถึงหินพลังงาน เนื้อสัตว์ประหลาดตากแห้งบางส่วนและสิ่งที่ดูเหมือนหินพลังงานที่มีลักษณะคริสตัลใสกลมเกลี้ยงด้วย
บนหินแพรวพราวนั้นปรากฏพืชคล้ายต้นสนที่มีชีวิตอยู่
“นี่คือเงินของพวกถ้ำใต้ดิน?”
ฟางผิงลองบีบดู แข็งไม่น้อย แต่ไม่มีคลื่นพลังงานอะไร
อันที่จริงของพวกนี้เขารู้จักอยู่เหมือนกัน
นี่เป็นการตกผลึกของหินพลังงานหลังจากพลังงานหมดเกลี้ยงแล้ว แต่บนโลกพบเห็นได้น้อย หินพลังงานบนโลกมีไม่เยอะ ยังไม่ถึงขั้นฟุ่มเฟือยจนนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ของที่หายากจึงมีคุณค่า ผลึกที่เหลือมีน้อยย่อมไม่อาจกลายเป็นของใช้ทั่วไปได้
แต่ในถ้ำใต้ดินบางทีหินพลังงานอาจไม่ได้ครอบครองยากอะไร หินพลังงานที่มีความบริสุทธิ์ต่ำต่างนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ผลึกที่หลงเหลือก็มีมาก
ใช้สิ่งนี้เป็นเงินตราแลกเปลี่ยนสามารถเข้าใจได้เช่นกัน
แต่ก่อนหน้านี้ฟางผิงไม่เคยเห็นที่ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้มาก่อน ไม่รู้ว่าไม่เจอหรือผู้ฝึกยุทธ์ที่เขาสังหารพวกนั้นเป็นยาจกทั้งหมด ไม่ก็อาจจะหลุดพ้นจากข้อจำกัดเงินตราพวกนี้ไปเลย
ต่อให้ของสิ่งนี้จะสวยงามยังไงก็เป็นแค่ของไร้ค่า ยอดฝีมือชอบหินพลังงานที่ใช้หมดแล้วมากกว่า
แม้ฟางผิงจะไม่เคยเห็นในถ้ำใต้ดินมาก่อน แต่ตอนที่เรียนวิชาความรู้ทั่วไปของถ้ำใต้ดินเคยเห็นในคลาสเรียน ถ้ำใต้ดินบางแห่งก็ใช้สิ่งนี้เป็นเงินเช่นกัน
“ผู้เฒ่าหลี่ สระพลังงานที่รักษายอดฝีมือขั้นเจ็ดขั้นแปด คุณดูดกลืนไปร่างจะระเบิดหรือเปล่า?”
ฟางผิงพึมพำออกมาหนึ่งประโยค ก้อนเนื้อข้างหลังขยับเล็กน้อย
ฟางผิงถอนหายใจ “ไม่รู้ว่าพลังงานจากสระพลังงานจะอ่อนโยนพอหรือเปล่า ขอแค่ไม่พลุกพล่านเหมือนทางเดินถ้ำใต้ดิน อันที่จริงดูดกลืนไปอาจจะอ่อนโยนกว่าพลังปราณด้วยซ้ำ พลังงานจำนวนมากน่าจะทำให้คุณฟื้นฟูได้สินะ? เมื่อก่อนความฝันอันสูงสุดของผมก็คือหาแหล่งแร่สักแห่งแล้วเข้าไปฝึกวิชา ตอนนี้มาคิดดู พลังงานที่กระจัดกระจายของแหล่งแร่ ต่อให้เข้มข้นเท่าไหร่ แต่มีสระพลังงานที่เต็มไปด้วยอนุภาคพลังงานขนาดนี้คงฟินกว่าเป็นไหนๆ? นี่ถึงจะเรียกว่าในบ้านมีแร่อย่างแท้จริง! เทียบกับพวกถ้ำใต้ดิน พวกเราอ่อนแอมากกว่า เฉินอวิ๋นซีมีหินพลังงานขนาดเท่าไข่ไก่ ผมยังคิดว่ารวยมากแล้ว แต่หินพลังงานเท่าไข่ไก่ พลังงานทั้งหมดเกาะกันแน่นขึ้นมา จะมีสักกี่หยดกัน?”
“น่าเสียดาย ต้องอันตรายอย่างแน่นอน! สัตว์ผู้พิทักษ์จากปากของพวกเขา ผมเดาว่าน่าจะเป็นขั้นเก้า ถ้ารวมกับเจ้าเมืองของพวกเขา งั้นก็เป็นเป็นขั้นเก้าสองคนแล้ว บวกพวกยอดฝีมือที่เข้าไปรักษาบาดแผลอีก…ผู้เฒ่าหลี่ หากพวกเราลงมือ คงเป็นการแหย่รังแตนจริงๆ แล้ว”
“แต่ตอนนี้ผมใจสั่นคลอนอยู่บ้าง สภาพครึ่งเป็นครึ่งตายของคุณ หวังจะฆ่าปีศาจจำนวนหนึ่งให้คุณสูบเลือด ต้องรอไปถึงเดือนไหนปีไหนถึงจะฟื้นฟูล่ะ?”
“แม้จะกลับโลกมนุษย์ เบื้องบนจะทำใจสิ้นเปลืองทรัพยากรไร้จำกัดให้คนไร้ประโยชน์อย่างคุณฟื้นฟูได้อย่างนั้นเหรอ?”
“ถึงคุณจะฟื้นฟู ยังจะมีพลังต่อสู้เหลืออีก?”
“เสียพันล้านถึงกระทั่งหลายหมื่นล้านเพื่อช่วยตาแก่ที่ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง คุณว่าพวกเขาจะช่วยหรือเปล่า?”
“แม้จะช่วย คุณจะกล้าให้คนอื่นเสียทรัพยากรขนาดนั้นเพื่อช่วยตัวเอง? ไม่แน่ว่าคุณอาจจะหุนหันพลันแล่นขึ้นมาฆ่าตัวตายอีก นั่นก็สิ้นเปลืองยาบำรุงนับไม่ถ้วนของผมไปเปล่าๆ แล้ว”
“เฮ้อ ช่างเถอะ ค่อยๆ ดูไปละกัน หากอันตรายเกินไป คุณอย่าโทษว่าผมไม่ช่วยคุณล่ะ”
“ความจริงอยากจะสืบหาข้อมูลบางอย่างเท่านั้น ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องดีที่คาดไม่ถึง น่าเสียดายที่ฝีมืออ่อนด้อยเกินไป”
“…”
ฟางผิงพูดไม่หยุดอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าของตัวเอง เป็นเสื้อผ้าที่เพิ่งถอดมาจากร่างขั้นสามสองคนนั้น อันที่จริงสไตล์การแต่งตัวของคนพวกนี้แตกต่างจากทางเซี่ยงไฮ้อยู่บ้าง
ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ฟางผิงไม่ได้ติดป้ายขั้นสี่ให้ตัวเอง แต่ใช้ป้ายขั้นสามแทน ขั้นสี่จะดึงดูดความสนใจคนมากเกินไป
ไม่รีบร้อนจะเข้าเมือง ฟางผิงเดินวนไปเวียนมาบนถนนอยู่พักใหญ่ ทั้งพบเจอผู้ฝึกยุทธ์ที่รีบเดินทางมาจากเมืองจู้ซงอีกหลายคน
คนพวกนี้ให้ความสนใจฟางผิงเช่นกัน แต่พอเห็นหน้าเขามีบาดแผล ดูไม่คุ้นตาเท่าไหร่ คนที่ผ่านมาพวกนี้จึงไม่ใส่ใจเขาอีก
เมืองราชาแต่ละแห่งล้วนมีขนาดใหญ่
รวมเมืองเล็กๆ ที่อยู่ใต้การปกครอง เมืองราชาแห่งหนึ่งควบคุมมนุษย์ถ้ำน้อยสุดสองล้านคน มากสุดห้าล้านคน ผู้ฝึกยุทธ์มีเยอะมากเช่นกัน
ผู้ฝึกยุทธ์เยอะขนาดนี้ จะไม่รู้จักผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างคนหนึ่งก็เป็นเรื่องปกติ
อย่างเช่นฟางผิง อย่าพูดว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั้งประเทศจีนเลย แค่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เปลี่ยนเป็นชุดอื่นแล้ว เขาก็อาจจำไม่ได้เสมอไป
“ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่!”
ฟางผิงผ่อนคลายลงไม่น้อย รอเห็นกลุ่มคนข้างหน้าเดินผ่านไป ฟางผิงก็ตามอยู่ข้างหลังอย่างเงียบๆ
—
เข้าใกล้เมืองจู้หลิวขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ยิ่งใกล้ขึ้นฟางผิงก็ยิ่งรับรู้ถึงบรรยากาศที่กดดัน!
บนท้องฟ้าของเมืองจู้หลิวมีพลังงานเข้มข้นจนแทบจะกลายเป็นฝนหยดลงมา
ทั้งพลังงานพวกนี้ยังถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่เล็กๆ แห่งหนึ่ง
ต้นไม้ใหญ่ขนาดมหึมาต้นหนึ่ง ยอดนั้นสูงเสียดฟ้า ทะลุเข้าไปอยู่กลางพลังงานมวลเมฆเหล่านั้น กำลังดูดกลืนพลังงานอย่างไม่ขาดสาย พวกคนที่สัญจรไปมาราวกับคุ้นชินแล้ว ไม่มีใครหยุดมองภาพนี้
แววตาของฟางผิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย อันที่จริงระยะห่างของต้นไม้ใหญ่นี้อยู่ค่อนข้างไกลจากเขา แต่เขาสามารถมองเห็นได้กระทั่งอยู่นอกเมือง ตกลงแล้วสูงเท่าไหร่กันแน่?
ห้าสิบเมตร?
หนึ่งร้อยเมตร?
ไม่แปลกใจที่ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำจะเยอะขนาดนี้ แค่พลังงานที่อยู่บนท้องฟ้า แม้จะเล็ดลอดออกมานิดเดียวก็เพียงพอให้คนจำนวนมากฝึกวิชาแล้ว
พลังงานพวกนี้มาจากโลกถ้ำใต้ดิน ทั้งมาจากแร่พลังงานใต้ดินด้วยเช่นกัน พลังงานที่กระจัดกระจายของแร่พลังงานล้วนถูกรวมอยู่ที่นั่นทั้งหมด