ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 373 หัวขโมยที่บ้าระห่ำ (1)
ตอนที่ 373 หัวขโมยที่บ้าระห่ำ (1)
กดความหวาดผวาไว้ในใจ ฟางผิงเงยหน้าขึ้นเบาๆ ตอนนี้เขาเห็นน้ำตกพลังงานโปร่งแสงนั้นเช่นกัน!
พลังงานอันเข้มข้นสุดขีดทะลักออกไปข้างนอกไม่ขาดสาย
ทุกคนในโถงใหญ่ต่างพากันดูดกลืนพลังงานพวกนี้อย่างบ้าคลั่ง
การมีอยู่ของน้ำตาราวกับเป็นเรื่องธรรมดา เสียงน้ำกระทบไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง คลื่นที่ถาโถมเกิดเป็นเสียงซู่ซ่าอยู่พักใหญ่
ในห้องโถงถึงกระทั่งเกิดเป็นละอองฝนเล็กๆ พลังงานเข้มข้นเกินไป เกาะแน่นกันจนกลายเป็นฝนเม็ดเล็กๆ หยดลงมานับไม่ถ้วนก่อนจะกลายเป็นหินพลังงานที่มีขนาดเท่าเม็ดข้าว
ฟางผิงเงยหน้าขึ้น เม็ดฝนจำนวนไม่น้อยร่วงสู่ปากของเขา ชั่วพริบตาก็เปลี่ยนเป็นพลังงานเข้มข้น เริ่มพุ่งชนอวัยวะภายในของเขา!
“นี่ตกลงเป็นพลังงานมากถึงเท่าไหร่กันแน่?”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ห้องแหล่งพลังงานของมหาวิทยาลัยนับเป็นเรื่องอะไร ไร้ประโยชน์สิ้นดี แทบเป็นคนละเรื่องกันเลย!”
พลังงานที่ให้ความรู้สึกสบายๆ นั้นเกือบทำให้ฟางผิงตกอยู่ในภวังค์เริ่มฝึกวิชา เขาหลับตาลงอย่างอดใจไม่ไหวอยู่บ้าง
ครู่ต่อมาฟางผิงกลับรีบดึงสติคืนมา!
รนหาที่ตาย!
“คนพวกนี้คงเหมือนกับฉันสินะ ลุ่มหลงอยู่ในความรู้สึกสบายพวกนี้? ฉันไม่มีคลื่นพลังงานอะไร ขอแค่ทุกคนไม่ลืมตาขึ้นก็ไม่เห็นว่าฉันอยู่ที่นี่”
“แต่ถ้าลืมตาฉันก็ตายสถานเดียวแล้ว!”
อันตรายเกินไป! ฟางผิงมองสายน้ำพลังงานที่คล้ายกับน้ำตกข้างหน้าไปอีกครั้ง ตกกลับลงไปข้างล่าง ตอนนี้พลังงานที่ท่วมล้นออกมา เทียบกับน้ำตกแล้วเป็นเพียงแค่ไม่กี่หยดเท่านั้น!
“ทำหรือไม่ทำ? ทำหรือไม่ทำดี?”
ฟางผิงใจร้อนเหมือนไฟสุม ตอนนี้จะรอนานไม่ได้แล้ว หากทุกคนฝึกวิชาเสร็จหรือดูดกลืนจนถึงขีดกำจัดก็จะไม่สามารถดูดกลืนได้อีก เพราะคงจะมีคนลืมตาขึ้นมาแล้ว
ตอนนี้อยู่ใกล้หูใกล้ตาขั้นแปดอยู่เหมือนกัน!
ทั้งข้างบนน้ำตกยังมีรากไม้จำนวนมากชอนไชอยู่รอบโถงใหญ่ นั่นเป็นรากของต้นหลิวปีศาจ
“ต้นหลิวปีศาจน่าจะอาศัยลมหายใจหรือพลังจิตใจเพื่อสัมผัสถึงเป้าหมาย ฉันเก็บงำลมหายใจไว้อันที่จริงไม่ได้มีการคงอยู่…”
“ไม่สิ เสื้อผ้า ลมหายใจที่ติดบนเสื้อผ้าจะอำพรางได้หรือเปล่า?”
ฟางผิงไม่มั่นใจเท่าไหร่ มนุษย์นั้นไม่สามารถแยกแยะได้ชัดเจนขนาดนั้น แต่ต้นหลิวปีศาจกลับพูดยาก
ฟางผิงนึกมาถึงตรงนี้ก็รีบมุดลงไปในดิน ไม่นานก็โผล่หัวขึ้นมาอีกครั้ง บนร่างของฟางผิงนอกจากดินที่ห่อหุ้มไว้ก็ไม่มีเสื้อผ้าอะไรเลย
“ตอนนี้ต้นหลิวปีศาจน่าจะไม่รับรู้ถึงตัวฉันแล้วสินะ? กลิ่นของดินมีอยู่เต็มไปหมด”
ฟางผิงไม่กล้ากระทั่งหายใจด้วยซ้ำ ถือโอกาสที่พลังงานทะลักออกมา เบียดร่างขึ้นไปข้างบน ดึงตัวเองออกมาจากพื้นดิน
เห็นว่าผู้ฝึกยุทธ์ร่างทองคนนั้นอยู่ไม่ไกล ฟางผิงก็เคลื่อนย้ายสายตาไปที่อื่นทันที ไม่กล้ามองนาน
น่าเสียดายที่ฝีมือเขาไม่แข็งแกร่งพอ!
หากเขาเป็นยอดฝีมือขั้นเจ็ด หากถูกจู่โจมตอนนี้บางทีอาจฟันยอดฝีมือขั้นแปดด้วยดาบเดียวได้ ทำลายร่างทองคงกระพันเขาให้พินาศ!
รู้สึกเสียดายอยู่พักหนึ่ง ฟางผิงก็ไม่คิดมากอีก ขอแค่มีความสามารถพอ ครั้งนี้ไม่อาจสังหารอีกฝ่ายได้ ครั้งหน้าก็ทำได้เหมือนกัน!
ไหนๆ ก็มาแล้ว ลองเสี่ยงสักครั้งเถอะ
ขอแค่พวกเขาไม่ลืมตา ก็มองไม่เห็นตัวเองแล้ว!
หากลืมตา…
ฟางผิงนึกมาถึงตรงนี้ก็วกกลับมาใต้ดินอีกครั้ง ไม่ไหว ต้องขุดโพรงใต้น้ำพุสักหน่อย หากมีคนลืมตาจะได้กระโดดหนีลงในโพรงทันที
แต่ว่า…โอกาสถูกกดดันจนตายก็ไม่น้อยเหมือนกัน
แม้ยอดฝีมือขั้นแปดจะหาตัวเองไม่พบ ปล่อยพลังจิตใจออกมากดดันก็สามารถกดดันตัวเองตายได้แล้ว
แต่ฟางผิงพนันว่าอีกฝ่ายไม่อาจปล่อยพลังจิตใจอย่างส่งเดช เวลานี้ในโถงยังมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าขั้นหกอีกหลายคน พลังจิตใจของฟางผิงแข็งแกร่งมากกว่าพวกเขา
อยู่ที่ว่าขั้นแปดจะปล่อยให้คนพวกนี้ถูกฝังไปพร้อมกับตัวเองหรือไม่แค่นั้น?
คนพวกนี้ต่างเป็นบุคคลชั้นยอดของเมืองจู้หลิว แม้จะเป็นขั้นแปดก็ไม่กล้าสังหารสุ่มสี่สุ่มห้าเช่นกัน
ในใจนึกถึงเรื่องพวกนี้ ฟางผิงไม่คิดจะชักช้าอีก ทะลวงขุดโพรงต่อ ครั้งนี้ไม่ได้ขุดจนทะลุ แค่ขุดถึงพื้นผิวก็หยุดลงแค่นั้นก่อนฟางผิงจะกลับขึ้นมาอีกครั้ง
—
“พนันกันสักตั้ง! คนกล้าอิ่มคนขลาดอด ขอแค่ไม่สังหารในชั่วพริบตา ฉันมีหวังหนีรอดอยู่แล้ว!”
“แต่ต้องพนันจริงๆ หรือไง?”
“หรือรอให้คนไปแล้ว ฉันค่อยลองดี?”
ฟางผิงเงยหน้ามองน้ำพุพลังงานไปแวบหนึ่ง มองดูอย่างละเอียดแล้วฟางผิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ด้านนอกน้ำพุพลังงานมีระลอกคลื่นชั้นหนึ่งสั่นไหวอยู่ตลอด
ฟางผิงไม่ใช่ขั้นสี่ทั่วไป พลังจิตใจของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก ตอนนี้คาดเดาในใจได้แล้ว
“ม่านที่สร้างจากพลังจิตใจ! ไม่ต่างจากที่ผู้เฒ่าเฉินกักขังฉินเฟิ่งชิงในตอนนั้นเท่าไหร่”
แต่นั่นแค่ชั่วคราว ทั้งยังกักตัวฉินเฟิ่งชิงที่เป็นพวกอ่อนแอครู่เดียวเท่านั้น
แต่พลังงานที่มหาศาลขนาดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เฒ่าเฉินสามารถปิดผนึกได้ อย่างน้อยต้องเป็นขั้นเก้าถึงจะมีหวัง
ทั้งอยากจะผนึกให้นาน เกรงว่าต้องสิ้นเปลืองกำลังไปไม่น้อย
“ต้นหลิวปีศาจทำให้ม่านมั่นคงหรือราชาของเมืองจู้หลิวเป็นคนทำกันแน่?”
“ไม่สิ บางทีราชาหลิวอาจจะไม่อยู่ในเมือง!”
ฟางผิงไม่รู้ว่าตัวเองคาดเดาถูกหรือเปล่า ทำได้แค่วิเคราะห์ออกมาแบบนี้ เพราะทางเดินเข้าถ้ำใต้ดินทางนั้นต้องมียอดฝีมือเมืองจู้หลิวเฝ้าระวังอยู่แน่
ตอนนี้เมืองจู้หลิวมีขั้นแปดแค่สองคน คนหนึ่งอยู่ที่นี่ ขั้นแปดอีกคนอาจจะเฝ้าทางเดินไม่ไหว
สิ่งที่ฟางผิงไม่รู้คือขั้นแปดคนนั้นไปจับตามองเมืองไป๋เอ้อร์แล้ว ราชาหลิวเฝ้าระวังอยู่ที่ทางเดินด้วยตัวเอง
“ถ้ามีแค่ต้นหลิวปีศาจอยู่ที่นี่เพื่อทำให้ม่านมั่นคง เกรงว่าคงจะไม่ลงมือ เพราะหากทำให้ม่านพังทลายเพราะสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อย่างฉันแค่คนเดียว งั้นพลังงานพวกนี้ต้องเสียเปล่าแล้ว”
“พลังงานเยอะขนาดนี้ สร้างระดับสูงขึ้นมาหลายคนคงไม่ใช่เรื่องยากสินะ?”
ตอนนี้ฟางผิงใจเต้นระส่ำไม่หยุด
อันตรายเกินไปแล้ว!
อันตรายจนถึงขั้นเขาไม่อยากทำสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ยินยอมที่จะปล่อยไป
หากไม่ทำ ตาเฒ่าหลี่จะประคองได้นานเท่าไหร่กัน?
พลังจิตใจสูญสลาย ร่างทองพังทลาย ตอนนี้เหลือแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้าย ถือเป็นโชคดีของตาเฒ่าหลี่แล้วที่พลังจิตใจอ่อนแอเกินไป ไม่สามารถปลดปล่อยได้ จึงไม่ถึงกับดับสูญไปหมด พลังจิตใจที่หลงเหลือรวมกับร่างทองที่บุบสลาย นี่จึงทำให้เขายังมีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้ได้
กลับไปบนโลกมนุษย์ บางทีอาจจะมีวิธีช่วยเหลือเขา
แต่เมื่อไหร่จะได้กลับไปกัน?
หากประวิงเวลานานกว่านี้ เกรงว่าตาเฒ่าหลี่จะตายจริงๆ แล้ว
หากตายสภาพแบบนี้ งั้นสู้ให้ตายก่อนหน้านี้ไม่ดีกว่าเหรอ อย่างน้อยก็ตายแบบองอาจ มาตายตอนนี้น่าคับข้องใจจะตายไป
“มีน้ำแร่พลังงานพวกนี้อาจจะสามารถช่วยฟื้นฟูกึ่งร่างทองของเขาได้ล่ะมั้ง? ฟื้นฟูร่างทองเขาก็ตายไม่ได้แล้ว”
“ตาแก่ คุณไม่รู้ซะแล้วว่าตัวเองได้กำไรอย่างหนัก! ใช้ส่วนลดเล็กน้อยในตอนนั้นแลกเปลี่ยนกับชีวิตตัวเองตอนนี้!”
“หากรู้ว่าตัวเองจะเหลือแค่เฮือกลมสุดท้ายตายไปไม่ดีกว่าเหรอไง คุณตายแล้ว อย่างมากผมก็ล้างแค้นให้ ตอนนี้กลับอยู่ในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตาย หรือจะให้ผมมองดูคุณตายอยู่แบบนี้?”
หากตาเฒ่าหลี่ตายจริงๆ อย่างมากฟางผิงก็จะล้างแค้นให้เขาเท่านั้น
แต่ในเมื่อคนไม่ตาย หรือจะให้มองเขาตายไปอย่างไร้ค่าแบบนี้?
ความคิดพลุกพล่านขึ้นมาอีกครั้ง พนันกันสักตั้งเถอะ!
———————–