ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 382 ฉันไม่เฝ้าแล้ว (1)
ตอนที่ 382 ฉันไม่เฝ้าแล้ว (1)
ภายในเมืองจู้หลิว
“ประกาศกฎอัยการศึก!”
เสียงคำรามดังขึ้นทันที
ทหารจู้หลิวในชุดเกราะจำนวนมากเคลื่อนไหวผนึกกำลังที่ประตูทางเข้าทั้งหมด
ทหารองครักษ์เทพจู้หลิวทะยานขึ้นบนฟ้า แม่ทัพขั้นหกหลายคนเผยใบหน้าเยือกเย็นราวกับสายน้ำ
“จุดรับแลกเปลี่ยนหินแห่งชีวิตทั้งหมดให้หยุดทำการชั่วคราว!”
แม่ทัพขั้นหกสูงสุดคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง ทหารจู้หลิวจำนวนมากเริ่มดำเนินการลาดตระเวนจุดแลกเปลี่ยนแต่ละแห่ง
ภายในเมือง ประชาชนพากันตื่นตระหนก!
ประกาศรักษาความสงบปิดเมืองติดต่อกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ตอนแรกที่ทำสงครามกับเมืองไป๋เอ้อร์ก็ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน
ตอนนี้กระทั่งเงาศัตรูยังไม่เห็น ทหารองครักษ์เทพในเมืองกลับวุ่นวายเสียแล้ว นี่ทำให้หลายคนเป็นกังวลใจอย่างมาก
เกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว?
เมืองชั้นนอก สถานที่ที่คล้ายกับโรงสุรา ฟางผิงดื่มเหล้าผลไม้ที่รสชาติไม่เลวพร้อมทั้งทอดถอนหายใจว่า “ทหารองครักษ์เคลื่อนไหว ต่อให้ปัญหาใหญ่กว่านี้ก็คลี่คลายได้อยู่แล้ว”
สำเนียงที่ไม่ชัดเจนไม่ได้ทำให้คนอื่นสนใจแต่อย่างใด ถ้ำใต้ดินพูดภาษาเดียวกัน กลับเป็นสำเนียงคนละเมือง แต่ละแห่งมีสำเนียงต่างกันไป
สิ้นเสียงของฟางผิง ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำที่พกป้ายขั้นสามคนหนึ่งก็เอ่ยอย่างเป็นกังวลว่า “กลัวก็แต่ว่าทหารองครักษ์จะคลี่คลายไม่ได้เหมือนกัน เมื่อวานศัตรูบุกรุกเข้ามา พวกแม่ทัพยัง…”
“ระวังคำพูดด้วย!”
“ใช่ๆๆ ไม่กล้าวิจารณ์ท่านแม่ทัพอยู่แล้ว!”
คนที่พูดขึ้นคนนั้นตบปากตัวเองหลายครั้ง ยังคงปกปิดสีหน้ากังวลไม่มิด กระซิบว่า “ยอดฝีมือต่างแดนบุกรุกอีกแล้วงั้นเหรอ? สองวันนี้เมืองราชาไม่ค่อยสงบเท่าไหร่ ข้ายังมีบ้านที่เมืองหลิวมู่อีกหลัง…”
“เมืองหลิวมู่ก็ไม่ปลอดภัย เจ้าไม่ได้ยินหรือไง? สองวันนี้เมืองรอบๆ ต่างประสบภัย หมู่บ้านเล็กๆ ถูกปล้นฆ่าจนเกลี้ยง…”
“ตกลงต่างแดนส่งยอดฝีมือมาเท่าไหร่กัน? ราชาจะขับไล่ศัตรูไปได้หรือเปล่า?”
“ตอนนี้ประกาศกฎอัยการศึก คนของต่างแดนเข้าเมืองมาอีกแล้วงั้นเหรอ?”
“เรื่องที่กองทัพของจู้หลิวรับทหารเพิ่ม เดิมทียังคิดจะลองสักหน่อย ตอนนี้ช่างมันแล้วกัน ได้ยินว่าทหารองครักษ์เทพบาดเจ็บล้มตายไปกว่าครึ่ง!”
“…”
พวกเขากำลังถกเถียงกัน จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยเสียงดังว่า “ยอดฝีมือต่างแดนสมควรตาย! น่าเสียดายที่เมืองราชาไม่รับคนนอกเมือง ไม่งั้นแม้ข้าจะเป็นคนเมืองจู้ซง ก็จะออกแรงเพื่อราชาอยู่ดี! ได้ยินว่าเมืองจู้ซงเริ่มรับทหารเพิ่มแล้วเหมือนกัน รอกลับไปแล้วข้าจะเข้าร่วมกับกองทัพจู้ซงแน่ ทำให้พวกต่างแดนได้หลั่งเลือด!”
เห็นเขาแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม มีคนเอ่ยขึ้นว่า “สหายเป็นบุรุษใจกล้า แต่สหายเพิ่งจะขั้นสามเท่านั้น ให้พวกต่างแดนนองเลือดเกรงว่าจะยากแล้ว”
ฟางผิงเผยสีหน้ามีโทสะ ตบโต๊ะอย่างแรง เอ่ยอย่างโมโหว่า “แม้ฝีมือจะอ่อนด้อยก็ไม่อาจปล่อยให้ผู้ฝึกยุทธ์ต่างแดนคุกคามอย่างเด็ดขาด!”
“มีความมุ่งมั่นจริงๆ!”
มีคนชมขึ้นมา บางคนส่ายหัวไม่พูดอะไร ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามไม่นับว่าอ่อนแอจนเกินไป
แต่ตอนนี้ยอดฝีมือต่างแดนเข้ามาบุกรุก ยอดฝีมือระดับแม่ทัพยังอยู่ในความกดดัน วันก่อนยิ่งมียอดฝีมือขั้นอารยะเสียชีวิต ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตัวน้อยๆ คนหนึ่ง ต่อให้มีความกล้ามากขนาดไหนจะมีประโยชน์ยังไง?
ระหว่างที่พูด ทหารชุดเกราะขั้นสี่คนหนึ่งก็เดินเข้า มองสำรวจรอบด้านด้วยแววตาคมปราด
ฟางผิงหยัดกายค้อมตัวว่า “นายท่าน มีสิ่งใดให้ข้าน้อยช่วยเหลือหรือเปล่า?”
ทหารชุดเกราะมองเขาแวบหนึ่ง สีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อกี้เขาอยู่ข้างนอกก็ได้ยินคนๆ นี้พูดเช่นกัน แต่เหมือนว่าจะไม่ใช่คนของเมืองนี้ เมืองราชาไม่รับทหารจากเมืองอื่น
ส่ายหัวเบาๆ ทหารชุดเกราะไม่พูดมากอีก ฟื้นฟูท่าทีเยือกเย็น “เห็นใครน่าสงสัยให้รายงานทันที! ผู้ใดกล้าให้ที่ซ่อน ฆ่าโดยไม่มีละเว้น!”
“ขอรับ!”
ฟางผิงเผยสีหน้าเสียดาย รอทหารชุดเกราะจากไปแล้วก็ตบโต๊ะอีกครั้ง เอ่ยอย่างเคียดแค้นว่า “น่าชัง!”
ทุกคนไร้คำจะพูด นายมั่นใจนะว่าอยากจะเอาตัวเองไปตาย?
แต่ว่ามีใจคิดฆ่าศัตรูปกป้องเมืองก็ควรค่าให้ชื่นชมแล้ว
ฟางผิงไม่ได้พูดต่ออีก ดื่มเหล้าอย่างอัดอั้นตันใจ ถือโอกาสใช้เท้าย่ำบนพื้นดินด้วย หินพลังงานระดับสูงก้อนหนึ่งถูกเหยียบจมลงไปใต้ดิน
ในโรงสุรามีคนไม่น้อย ระเบิดที่นี่น่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวายได้บ้าง
จะว่าไปแล้วผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำปฏิกิริยาค่อนข้างว่องไว เขาเพิ่งจะปล้นร้านสองแห่ง นี่คือถูกค้นพบแล้ว?
“หลังจากผ่านครั้งนี้ไป ระบบการเข้าออกของเมืองจู้หลิวคงจะเปลี่ยนแปลงแล้ว”
ฟางผิงครุ่นคิดอยู่ในใจ ถูกคนแฝงตัวเข้ามาติดต่อกัน หากไม่เหนือความคาดหมาย ครั้งหน้าเมืองจู้หลิวน่าจะหาวิธีพุ่งเป้ามาที่เขาแล้ว
แต่ว่า…จะสามารถทำได้หรือเปล่า?
เมืองใหญ่ที่มีคนนับล้าน ทั้งยังเชื่อมต่อกับเมืองอื่นๆ ยากที่จะยุติเรื่องพวกนี้
“ไม่รู้ว่ายอดฝีมือถ้ำใต้ดินจะหาวิธียืนยันตัวตนใหม่ออกมาได้หรือเปล่า”
ฟางผิงคิดว่าการมีอยู่ของเขา เป็นผลดีกับการผลักดันสร้างอารยธรรมให้พวกถ้ำ ขั้นตอนตรวจสอบตัวตนดีๆ ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก
มีประโยชน์ต่อความปลอดภัยของสังคม รวมทั้งเพิ่มอำนาจให้คนทั่วไปในถ้ำใต้ดินมากขึ้น
ราชาหลิวควรจะขอบคุณเขา เพราะการมีอยู่ของเขาทำให้เมืองจู้หลิวตระหนักได้ว่าการป้องกันของพวกเขามีช่องโหว่ที่ใหญ่มาก
อย่างเช่นว่าท่อระบายใต้ดินควรจะปิดกั้นซะ
อย่างเช่นว่าต้นหลิวปีศาจควรจะเสริมสร้างความแข็งแรงให้รากหน่อย ตอนนี้ยังขาดความแข็งแกร่งไปอยู่บ้าง
ทั้งอย่างเช่นว่าราชาหลิวที่อยู่ขั้นเก้า แม้จะว่างก็ไม่ควรออกไปเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก
มียอดฝีมือขั้นเก้าเฝ้ารังอยู่ ไม่ใช่ปีศาจต้นหลิวที่เคลื่อนย้ายได้ยาก พลังคุกคามย่อมแข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว
หากราชาหลิวอยู่ในเมือง พลังจิตใจของยอดฝีมือขั้นเก้าปกคลุมรัศมีค่อนข้างกว้าง ฟางผิงอาจไม่กล้ากำแหงเสมอไป…กำแหงจนถึงขั้นเอาตัวมาอยู่ใกล้กับกองทัพเมืองจู้หลิว ทั้งเขายังนั่งดื่มเหล้าที่นี่
“อีกอย่างเจอกับยอดฝีมือระดับสูงซึ่งๆ หน้าแล้วจะถูกเปิดเผยตัวได้ง่าย ต้องระวังหน่อย”
เขาเก็บงำลมหายใจแล้วซ่อนตัวยังพอว่า แต่ปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นตรงๆ ดึงดูดความสนใจเป็นพิเศษ ดังนั้นนอกร่างกายของฟางผิงในตอนนี้จึงมีพลังจิตใจเกาะกลุ่มอนุภาคพลังงานให้คงอยู่ตลอด
อนุภาคพลังงานพวกนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตปิดบัง
ระดับล่างและระดับกลางมองอะไรไม่ออก เจอกับระดับสูง หากมองอย่างละเอียดจะสังเกตถึงความผิดปกติได้
“สู้แบบกองโจรไม่มีปัญหา ประจำอยู่ภายในเมือง วันไหนเจอกับระดับสูง นั่นก็ยุ่งแล้ว”
ฟางผิงตระหนักได้ถึงข้อเสีย ม่านพลังงานไม่ได้ครอบคลุมทุกอย่าง
แน่นอนว่าแพงอยู่เหมือนกัน หนึ่งชั่วโมงใช้ค่าทรัพย์สินไปหกแสน นับว่าไม่น้อย ถ้าอยู่ประจำคงจะสิ้นเปลืองไม่ไหว
ฝังหินพลังงานระดับสูงลงไปหนึ่งก้อนแล้ว นอกถนนนั้นการตรวจสอบปากคำของทหารจู้หลิวเหมือนจะไร้ความสามารถไม่น้อย
ยอดฝีมือขั้นหกกลางอากาศ ตอนนี้ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว
ฟางผิงทำหน้าดูแคลน จะหลอกใครกัน
หากเป็นไปตามที่คาด คนพวกนี้น่าจะอยู่ในสภาวะเฝ้าระวังที่สุด เขาออกไปปล้นร้านค้าอีก ไม่ถึงสิบวินาที คนนับร้อยเป็นอย่างต่ำต้องปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาแน่
“ของเด็กเล่น ดูสิว่าใครจะหลอกใครได้”
ฟางผิงสงสัยว่าไม่ใช่แค่ยอดฝีมือระดับกลางและระดับล่างพวกนี้ที่ให้ความสนใจอยู่ ไม่แน่ว่าต้นหลิวปีศาจก็อาจจับตามองด้วยเช่นกัน ถึงกระทั่งเมืองชั้นในยังอาจมียอดฝีมือระดับสูงซ่อนตัวอยู่
ก่อนหน้านี้ลมหายใจของระดับสูงที่ออกไปเป็นจำนวนมากเป็นยอดฝีมือขั้นเจ็ดของเมืองจู้หลิว แม้ว่าจะตายไปหลายคนก็ยังมีไม่น้อยอยู่ดี
ฟางผิงไม่สนใจคนพวกนี้อีก ดื่มเหล้าต่อไป
ดื่มอยู่พักหนึ่ง ฟางผิงก็ออกมาจากโรงสุรา ด้านข้างไม่ไกลนั้นเป็นลานกว้างที่เขาเพิ่งจะมาเมื่อวาน
ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในลานกว้างมีน้อยกว่าเมื่อวานเลยทีเดียว
รวมทั้งกฎอัยการศึกในเมือง คนจึงยิ่งน้อยลงไปอีก
แต่ที่นี่เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนของผู้ฝึกยุทธ์หมู่บ้านรอบๆ แม้จะประกาศกฎอัยการศึกในเมือง ที่นี่ก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไร
แม้จะไม่มีการปิดกั้น รอบๆ กลับมีทหารจู้หลิวไม่น้อย ทหารอารักขาเมืองพวกนี้ค่อนข้างใช้อำนาจบาตรใหญ่
เห็นผู้ฝึกยุทธ์ที่วางแผงลอยพวกนั้นดูคล้ายโจร
เห็นคนหน้าตาสับปลับไปบ้าง ไม่นานก็จะมีทหารอารักขาเมืองจำนวนมากเข้าไปล้อม ฟางผิงกวาดตามองอยู่พักหนึ่ง
คนที่หน้าตาปลิ้นปล้อนพวกนั้นถูกจับไปแล้ว
“หมายความว่าไงกัน?”
ฟางผิงขุ่นเคืองในใจอยู่บาง ทำไมต้องจับคนที่หน้าตาปลิ้นปล้อนพวกนี้ไปด้วย?
นี่กำลังจับกุมคนที่หน้าตาคล้ายเขาอย่างนั้นเหรอ?
หลังจากที่คนพวกนั้นถูกจับไป ทหารจู้หลิวก็ไม่ให้ความสำคัญกับทางนี้มากมายอีกแล้ว เหลือคนบางส่วนเฝ้าอยู่รอบนอก ไม่ได้สนใจอะไรอีก
ฟางผิงเดินดูไป บางครั้งก็ย่อตัวมองสินค้า ความเป็นจริงกลับฝังหินพลังงานระดับสูงไว้ใต้ดิน
ไม่ใช่แค่ระดับสูง ในเวลาเดียวกับที่ฝังหินระดับสูง ฟางผิงยังฝังหินระดับต่ำไปบางส่วนด้วย เดี๋ยวก็จะถูกระเบิดแล้ว
พอหินระดับสูงระเบิด ระดับต่ำก็จะปลิวว่อน เจ้าคนพวกนี้จะคิดว่าแหล่งแร่ระเบิดหรือเปล่า?
หากมีคนเกิดความละโมบขึ้นมา คิดว่าใต้ดินเป็นแหล่งแร่ ขุดลงไป งั้นก็น่าสนุกแล้ว
นี่เหมือนกับระเบิดสายพานการผลิตยาบำรุงของมนุษย์ ยาบำรุงจำนวนมากลอยกระจัดกระจายออกมา ฟางผิงคิดว่าถ้าเขาอยู่ตรงนั้น ต้องคิดว่าในนั้นยังมียาบำรุงระดับสูงอยู่อีกแน่ จะฉวยช่วงวุ่นวายขโมยสักหน่อย…ก็คงไม่เกินไปหรือเปล่า?
ส่วนคลื่นพลังงาน ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าระดับสูงลงไป เว้นเสียแต่จะฝีมือแข็งแกร่งมาก ไม่งั้นผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปก็ยากจะรับรู้ถึงพลังงานอย่างชัดเจน ฟางผิงไม่กลัวว่าจะถูกคนค้นพบเช่นกัน
———————-