ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 387 ควรจะหาที่ลงหลักปักฐานได้แล้ว (1)
ตอนที่ 387 ควรจะหาที่ลงหลักปักฐานได้แล้ว (1)
ฉวยโอกาสตอนที่คนยังไม่มา ฟางผิงรีบตรวจสอบค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นของตัวเองทันที
ค่าทรัพย์สิน : 11,980,000,000
ปราณ : 1800 แคล (3999 แคล)
จิตใจ : 560 เฮิรตซ์ (729 เฮิรตซ์+)
หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 6 ชิ้น (90%) , 23 ชิ้น (30%+)
ช่องเก็บของ : 1 ลูกบาศก์เมตร
ม่านพลังงาน : ค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่นต่อนาที
“น้อยขนาดนี้เลย?”
จู่ๆ ฟางผิงก็โอดครวญออกมา เผยสีหน้าไม่พอใจ!
“หา?”
ฉินเฟิ่งชิงรับบทสนทนาทันที ฟางผิงคร้านที่จะสนใจเขา ในใจกลับด่าอย่างบ้าคลั่ง!
ฉันเอาหินพลังงานกลับมาไม่น้อยเลยเถอะ!
อย่างต่ำสามร้อยสี่ร้อยจินน่าจะถึง
แน่นอนว่าในกระเป๋าหนังสัตว์ประหลาดไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น
หากมีสี่ร้อยจิน นั่นก็เป็นสองแสนกรัม ตอนนี้เพิ่มค่าทรัพย์สินเขาแค่หนึ่งหมื่นล้าน ไม่ได้หมายความว่าประมาณห้าหมื่นต่อหนึ่งกรัมหรอกเหรอ?
นี่หมายความว่าหินพลังงานที่เขาเอากลับมามีความบริสุทธิ์ต่ำมาก
เยอะขนาดนี้ ค่าทรัพย์สินเพิ่มมาแค่หมื่นล้านเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหินพลังงานระดับสูงบางส่วนที่ยังมีสิ่งเจือปน
ในความคิดเดิมของฟางผิง อย่างน้อยคงเอาหินพลังงานกลับมาได้มูลค่าหลายหมื่นล้าน
ตอนนี้กลับน้อยลงไปครึ่งหนึ่ง
“ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว เสี่ยงอันตรายถูกขั้นเก้าไล่ฆ่า ผลปรากฏว่ากลับได้ค่าตอบแทนแค่เล็กน้อย…”
ฟางผิงคร่ำครวญในใจ ส่วนกระดานข้างหน้าที่มืดไปในชั่วพริบตา เขาไม่ได้สนใจอีก
มืดก็มืดไปเถอะ ไม่มืดแล้วจะอัปเกรดได้ยังไง
การอัปเกรดครั้งนี้ใช้ความเร็วไม่น้อย
เดิมทีฟางผิงคิดว่าอยากอัปเกรดระบบ อย่างน้อยต้องรอให้บริษัททำกำไรใหญ่โต บริหารแหล่งเงินกู้ได้
ตอนนี้มาดูแล้ว คงไม่จำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนั้นอีก
ฟางผิงยังกำลังพูดพึมพำ ยอดฝีมือร่างทองข้างหลังก็ล่าถอยไปไกลแล้ว เงาสองร่างกระโดดลงจากท้องฟ้าไปในชั่วพริบตา
“ฉางเซิง!”
อู๋ชวนเห็นหลี่ฉางเซิง รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย หลี่ฉางเซิงยังมีชีวิตอยู่
รอจนเห็นพวกฟางผิง อู๋ชวนนับว่าตกตะลึงไปอยู่บ้าง ทั้งสี่คนมีชีวิตรอดทั้งหมด!
อย่าลืมว่าคนที่เข้ามาในวันนั้น เจ้าเด็กสี่คนนี้อ่อนแอที่สุด นึกไม่ถึงว่าจะไม่เป็นไรกันเลย
ตอนนี้อู๋ชวนเต็มไปด้วยความสงสัย เช่นว่าทำไมหลี่ฉางเซิงยังมีชีวิตรอด ทั้งทำยังไงถึงทะลวงไปขั้นแปดได้…ไม่สิ อู๋ชวนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติอยู่เลือนราง หลี่ฉางเซิง อยู่ขั้นแปดจริงๆ เหรอ?
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถามกัน จ้าวซิ่งอู่เอ่ยอย่างรวดเร็ว “ไป กลับไปที่ปากทางเดินก่อน!”
พวกเขาไม่คิดชักช้า รีบทะยานไปยังปากทางเดินทันที
เห็นพวกฟางผิงสี่คนเกาะหลี่ฉางเซิงราวกับหมีโคอาลา อู๋ชวนที่ลอยตัวอยู่ก็อดเอ่ยไม่ได้ “ลอยเองสิ อีกฝ่ายไม่ได้ไล่ตามมาแล้ว!”
พวกเขาทำเป็นไม่ได้ยิน ลอยเอง ต้องสิ้นเปลืองปราณ ทั้งลอยได้ช้า หากถูกทิ้งห่างไว้ข้างหลัง ถูกคนไล่ฆ่าอีกจะทำยังไง
แม้แต่หลี่หานซง เวลานี้ก็ไม่อยากลอยเองเช่นกัน เหนื่อยเกินไปแล้ว
หลายวันนี้เขาวิ่งจนหมดเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ
—
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ทุกคนก็มาถึงปากทางเดิน
เจ้าหมอนี้ยังไม่ตายจริงๆ!
ไม่ตายก็แล้วไป ร่างกายสีทองอร่ามนั่นมันอะไรกัน!
ตอนนี้ทั่วร่างของหลี่ฉางเซิงเปล่งแสงสีทองวิบวับ ดูเตะตาอย่างเห็นได้ชัด
ตาเฒ่าหลี่ทำสีหน้าภาคภูมิใจ กระโดดลงพื้นด้วยรอยยิ้มแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
ฟางผิงเห็นคนพวกนั้นทำท่าทีอยากจะถามก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์หลี่ยังไม่ถึงขั้นแปด แต่หลอมร่างทองล่วงหน้าก่อน อีกอย่างอาการบาดเจ็บของพลังจิตใจก็ฟื้นฟูแล้ว”
อู๋ชวนเป็นคนที่เข้าใจสถานการณ์ของหลี่ฉางเซิงมากที่สุด ขั้นเก้าที่วินิจฉัยให้ตาเฒ่าหลี่ในตอนแรกก็คืออู๋ชวน
ตอนนี้ได้ยินฟางผิงพูด อู๋ชวนจึงอดเอ่ยไม่ได้ “อาการบาดเจ็บของพลังจิตใจฟื้นฟูแล้ว? ฉางเซิง ตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ตาเฒ่าหลี่เห็นรุ่นพี่ที่ตนเคารพถาม เพิ่งคิดจะเอ่ยปาก ฟางผิงกลับพูดขึ้นก่อน “อันที่จริงฟื้นฟูไม่ใช่เรื่องยากอะไร ต้องทำลายกฏเดิมถึงจะสร้างกฏใหม่ได้ ตอนที่อาจารย์หลี่ฟันกระบี่ ร่างกายก็แตกสลาย พลังจิตใจเกือบดับสูญ ภายหลังผมเห็นว่าสถานการณ์ของอาจารย์ไม่ค่อยดี ก็เลยพอเขาไปอาบน้ำในน้ำพุแห่งชีวิตใต้ดินเมืองราชา จากนั้นทุกอย่างก็ถูกแก้ไขแล้ว”
“…”
ขั้นเก้าสองคนเงียบกริบในชั่วพริบตา
ผ่านไปพักใหญ่ จ้าวซิ่งอู่ก็กระแอมไอว่า “น้ำพุแห่งชีวิต? เธอหมายถึงน้ำแร่พลังงานที่เป็นของเหลวพวกนั้น?”
ฟางผิงม่านตาหดเกร็งเล็กน้อย แววตาเปลี่ยนแปลงไป เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้อาวุโสจ้าว คุณก็เคยเห็นมาก่อน? รัฐบาลของพวกเราคงเก็บรักษาไว้ไม่น้อยสินะครับ?”
จ้าวซิ่งอู่ยิ้มไม่เอ่ยอะไร อู๋ชวนกลับส่ายหัวว่า “น้ำแร่พลังงานหาได้ยาก รัฐบาลก็มีไม่เยอะเหมือนกัน หลายปีมานี้เคยได้รับมาบางส่วน แต่ไม่ได้เยอะ ในสถานการณ์ทั่วไป มีแค่พืชปีศาจผู้พิทักษ์ขั้นเก้าเท่านั้นที่รวบรวมไว้ แต่หากเกิดสงครามขนาดใหญ่ ถ้าน้ำแร่พลังงานพวกนี้ไม่ถูกดูดกลืนก็จะถูกสิ้นเปลืองไป ถึงช่วงเวลาสุดท้ายใช้ระเบิดตัวเองก็เป็นเรื่องปกติ ทางกองทัพมีอยู่บางส่วน แต่น้อยมากๆ น้ำแร่พลังงานสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของพลังจิตใจได้งั้นเหรอ?”
เรื่องนี้อู๋ชวนยังไม่รู้จริงๆ
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นผมก็ไม่แน่ใจแล้ว ดื่มไปหลายร้อยจินน่าจะสามารถฟื้นฟูได้มั้งครับ…”
“เท่าไหร่นะ?”
อู๋ชวนเหมือนจะหางตากระตุกอยู่บ้าง ไม่สนใจฟางผิงอีก ฟางผิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ แต่ไหนแต่ไรก็มักโอ้อวดผลงานต่อสู้ของตัวเองเกินจริง เขากระจ่างใจดี คิดว่าฉันจะหลงกลเธอหรือไง!
อู๋ชวนมองไปทางหลี่ฉางเซิง เวลานี้ตาเฒ่าหลี่ทำหน้าหยิ่งทระนงว่า “ไม่ได้เยอะขนาดนั้น หนึ่งร้อยสองร้อยจินน่าจะได้ แต่ก็สิ้นเปลืองไปไม่น้อยเหมือนกัน ฉันว่าถ้าจะรักษาจริงๆ บางทีสี่สิบห้าสิบจินน่าจะเพียงพอแล้ว”
ตอนนี้จู่ๆ อู๋ชวนก็อยากจะหักคอเจ้าสองคนนี้ขึ้นมา!
พวกนายสองคนคงไม่ได้ร่วมมือกันโกหกหรอกนะ?
แม้แต่จ้าวซิ่งอู่ เวลานี้ก็กระแอมไอเบาๆ เช่นกัน “ฉางเซิง ไม่อาจจะล้อเล่นได้แล้ว ถ้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของจิตใจได้จริงๆ…”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างแปลกใจ “ใครล้อเล่นกัน?”
พูดจบ ร่างกายของตาเฒ่าหลี่ก็พรั่งพรูพลังงานออกมาอย่างเข้มข้น “หากเกินร้อยจินจริงๆ อย่าลองสุ่มสี่สุ่มห้าเลย อาจไม่สามารถรักษาได้เสมอไป”
หลังจากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “แต่พูดไม่ได้จริงๆ ความรู้สึกที่อาบน้ำแร่พลังงานไม่เลวเลย มีเวลาค่อยไปอาบใหม่ดีกว่า”
อู๋ชวนและจ้าวซิ่งอู่หมดคำจะพูดทันที
ทั้งสองคนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของน้ำแร่พลังงานเช่นกัน ในร่างกายของหลี่ฉางเซิงเหมือนยังสะสมพลังงานไว้ไม่น้อย
ตาเฒ่าหลี่ไม่สนใจพวกเขา มองไปทางฟางผิงด้วยรอยยิ้ม “ฟางผิง เอามาให้ฉันอีกสักกาสิ ฉันจะเอาไปต้มเหล้าดื่ม”
ระหว่างที่พูดก็ยักคิ้วให้ฟางผิง ฉันอวดฝีมือให้นายแล้ว อย่าใจแคบ เอามาให้ฉันอีกหนึ่งกา!
เอามาอีกหนึ่งกาถึงจะนับว่านายเจ๋งจริงๆ!
ฟางผิงไม่ต่อล้อต่อเถียง ทำเป็นไม่ได้ยินไป คิดว่าผมเป็นคนโง่หรือไง?
ฉวยโอกาสที่ขั้นเก้าสองคนยังอยู่ ฟางผิงเอ่ยขอรางวัลต่อทันที “เรื่องการฟื้นฟูของอาจารย์หลี่ นั่นเป็นเรื่องภายในของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ แต่ครั้งนี้ผมทำผลงานใหญ่กำราบถ้ำใต้ดินหนานเจียง! รุ่นพี่อู๋ ผู้อาวุโสจ้าว พวกเราฆ่าศัตรูคงมีรางวัลให้สินะครับ? ครั้งนี้ผมฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำไปนับหมื่น ระเบิดเมืองจู้หลิวกว่าครึ่งใหญ่ ขุดสายแร่ใต้ดินของพวกเขา…ขนาดต้นหลิวยักษ์นั่นก็เกือบถูกผมระเบิดแล้ว…”
เขายังไม่ทันพูดจบ ฉินเฟิ่งชิงก็เอ่ยทันที “พวกเราก็สร้างผลงานเหมือนกัน ผมฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ไปหลายพันคน ทำลายหมู่บ้านไปเจ็ดแปดแห่ง กำราบเมืองเล็กๆ อีกหลายแห่ง คงจะให้รางวัลผมได้สักพันล้านสินะครับ?”
ปรมาจารย์สองคนเงียบเป็นเป่าสาก
พวกเธออย่าเพิ่งพูดอะไร ให้พวกเราเรียบเรียงความคิดสักหน่อย
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางสองคนนี้บอกพวกเขาว่าไประเบิดเมืองจู้หลิว ขุดสายแร่ของคนอื่นเขา เกือบจะระเบิดพืชปีศาจผู้พิทักษ์ตายแล้ว ทั้งถือโอกาสพาหลี่ฉางเซิงไปอาบน้ำที่น้ำพุแห่งชีวิตด้วย
จากนั้นอาการบาดเจ็บของหลี่ฉางเซิงก็ฟื้นฟู…
ไม่ว่าจะฟังยังไงก็เหมือนเรื่องโกหก!
โจวติ้งกั๋วที่อยู่ด้านข้าง เวลานี้ทำหน้ามึนงง เรื่องอะไรกัน?
แต่…แต่จ้าวซิ่งอู่รู้ว่าเหมือนเมืองจู้หลิวจะถูกคนระเบิดไปกว่าครึ่งจริงๆ
ต้นไม้ยักษ์ต้นนั้นยังบ้าคลั่งอีกด้วย
หลี่ฉางเซิงก็ฟื้นฟูแล้วจริงๆ!
ยุ่งเหยิงอยู่บ้างแล้ว!
จ้าวซิ่งอู่นวดขมับ ปวดหัวเล็กน้อย
อู๋ชวนแทบไม่ต่างกัน ถอนหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “เล่าตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียดอีกครั้ง!”
จนถึงตอนนี้เขายังจับต้นชนปลายไม่ถูก ตกลงเรื่องราวเป็นมายังไง?
ฟางผิงไม่ชักช้าเช่นกัน ไม่นานก็เริ่มบรรยายขึ้นมาอีกครั้ง
พอเล่าเรื่องก็คงปิดบังเรื่องที่ตัวเองปะปนเข้าไปในเมืองไม่ได้ เรื่องเก็บงำลมหายใจ ฟางผิงไม่ได้ปิดบังเช่นกัน
อันที่จริงเป็นเรื่องยากที่จะปิดเป็นความลับ
ระหว่างที่ฟางผิงพูดก็อธิบายไปด้วย “อาจเป็นเพราะว่าผมอยู่ระดับกลาง หลอมไขกระดูกและปลดปล่อยพลังจิตใจได้ คนอื่นๆ อาจจะทำได้เหมือนกัน หากพี่หวังทำถึงขั้นปลดปล่อยพลังจิตใจได้ ก็อาจจะสามารถทำได้ หากเหยาเฉิงจวินหลอมไขกระดูกได้ ก็อาจทำได้เหมือนกัน…”
ส่วนตกลงทำได้หรือไม่ได้ นั่นต้องรอให้พวกเขาทำถึงขั้นนั้นก่อน รอพวกเขาทำได้ ฟางผิงอาจกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว เขาคงไม่สนใจเรื่องพวกนี้อีก
ตอนที่ฟางผิงเล่า ขั้นเก้าสองคนก็ไม่ขัดจังหวะ ปิดบังเรื่องนี้ไม่มีประโยชน์ ระดับกลางไขกระดูกและพลังจิตใจล้วนมีการกลายพันธุ์ พวกเขาไม่เคยพบเหมือนกัน ตกลงทำได้หรือเปล่า รู้สึกเหมือนจะไม่ได้
ยังไงยอดฝีมือขั้นแปดก็หลอมไขกระดูกแล้ว พลังจิตใจก็แข็งแกร่งกว่าฟางผิง
ฟางผิงทำได้ ทำไมขั้นแปดทำไม่ได้ล่ะ?
ทั้งสองคนคิดแบบนี้ในใจ ฟางผิงจึงไม่อาจคาดเดาได้ อย่างน้อยต่อหน้าทั้งสองคนนี้ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษ
รอฟางผิงพูดไปสักพักแล้ว อู๋ชวนก็เอ่ยว่า “สรุปว่าเธอใช้ความสามารถเรื่องเก็บงำลมหายใจ ปะปนเข้าไปในเมือง ช่วงชิงน้ำแร่พลังงานมาส่วนหนึ่ง รักษาฉางเซิงดีแล้ว หลังจากนั้นเลยคิดจะไปขโมยแร่อีก…”
“ขุดแร่!”
ฟางผิงปฏิเสธคำว่า ‘ขโมย’ ไป
———————-