ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 388 ระบบอัปเกรดอีกครั้ง (1)
ตอนที่ 388 ระบบอัปเกรดอีกครั้ง (1)
ล่อลวงฉินเฟิ่งชิงไปไม่กี่ประโยคแล้ว จู่ๆ ฟางผิงก็เปลี่ยนประเด็น เอ่ยต่อว่า “ช่างเถอะ นายอยากอยู่ ฉันก็ไม่อยากให้นายอยู่หรอก หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ”
“นาย…”
ฉินเฟิ่งชิงแทบจะหลุดปากด่าออกไป ฉันรนหาที่ตายเท่านายหรือเปล่าล่ะ?
ฟางผิงไม่สนใจเขาอีก มองไปทางอู๋ชวนด้วยรอยยิ้ม “รุ่นพี่อู๋ ที่นี่ไม่นานก็ต้องสร้างเมืองแล้วสินะครับ?”
“อืม”
“งั้นคุณคิดว่าเมืองผิง ชื่อเรียกนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“หืม?”
อู๋ชวนอึ้งไปเล็กน้อย ฟางผิงเอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า “เมืองที่กำราบถ้ำใต้ดิน เมืองที่สงบสุขร่วมเย็น แน่นอนว่าเมืองผิงก็สามารถ…”
อู๋ชวนปวดหัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ไอ้หนูนี่ถ้าเธอเป็นลูกหลานฉัน คงจะถูกซัดฝ่ามือใส่ไปแล้ว!
ไม่รับบทสนทนานี้ อู๋ชวนถอนหายใจเบาๆ เอ่ยว่า “น้ำแร่พลังงานยังมีอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่มีแล้วครับ”
ฟางผิงตอบอย่างรวดเร็ว อู๋ชวนไม่ถามมากอีก เอ่ยแค่ว่า “ครั้งนี้จางติ้งหนานบาดเจ็บไม่น้อย พลังจิตใจอยู่ในสภาวะแหลกสลาย ไม่รู้ว่าน้ำแร่พลังงานจะช่วยได้หรือเปล่า”
ตาเฒ่าหลี่ที่อยู่ด้านข้างครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่ได้แตกจนหมดสิ้น ยังพอช่วยได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถรวมปราณและจิตใจเป็นหนึ่งแล้ว ได้น้ำแร่พลังงานเติมเข้าไป ภายใต้พลังปราณและจิตใจรวมเป็นหนึ่ง น่าจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้”
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”
อู๋ชวนถอนหายใจ ทางหนานเจียง หากจางติ้งหนานไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ คงเป็นปัญหาไม่น้อย
หน่วยทหารและกองตั้งมั่นเฝ้าระวังให้การสนับสนุนได้อย่างจำกัด เดิมทีหนานเจียงก็ไม่มียอดฝีมือประจำการที่ถ้ำใต้ดิน แม้หนานเจียงจะสร้างเมืองสำเร็จก็ต้องอยู่ในสภาวะตั้งรับไปตลอด
พูดคุยกันอยู่สักพัก ฟ้าก็มืดลงในชั่วพริบตา
เวลาผ่านไปอีกหนึ่งวันแล้ว
ราตรีที่มาเยือนไม่ได้ส่งผลกระทบพวกเขามากมาย
อู๋ชวนมองไปทางจางติ้งกั๋ว “เหล่าโจว นายไปรับคนกลับมาก่อนเถอะ รอทางเดินมั่นคงแล้วก็ให้พวกเขาไปก่อน”
“ได้”
โจวติ้งกั๋วไม่ชักช้าอีก ไม่นานก็ออกไปจากปากทางเดิน พวกจางติ้งหนานยังไม่ได้มาทางนี้กัน
—
ภายใต้ความมืด ทุกคนต่างก็เงียบลง
แม้ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงจะพูดเก่ง แต่เวลานี้ก็ไม่อยากจะพูดเท่าไหร่ อันที่จริงพวกเขาต่างอ่อนเพลียเมื่อยล้า
ทั้งทุกคนยังมีอาการบาดเจ็บด้วยเช่นกัน
หลี่หานซงบาดเจ็บไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉินเฟิ่งชิง จำต้องพูดว่าเจ้าหมอนี่มีความอดทนอย่างมาก ทำเหมือนกับไม่เป็นอะไรเลย ทั้งที่จริงบาดเจ็บค่อนข้างหนัก ฟางผิงสัมผัสถึงลมหายใจที่ไม่มั่นคงของเขาได้ด้วยซ้ำ เหมือนจะดับลงได้ทุกเมื่อ
ฉินเฟิ่งชิงกำลังหลับตารักษาอาการบาดเจ็บ อีกฝั่งหนึ่งหวังจินหยางนั่งพิงกับก้อนหินที่ถูกย้อมด้วยเลือดสดก้อนหนึ่ง จ้องมองท้องฟ้าอย่างใจลอย
อนาคตของหนานเจียงจะเดินต่อไปยังไง?
ไม่ใช่ว่าเขากังวลเกินเหตุ แต่อนาคตยังสับสนอยู่จริงๆ
ปรมาจารย์เพียงคนเดียวตายในสนามรบ ทว่าขึ้นชื่อว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เฉพาะทางของเมืองหนานเจียง มหาวิทยาลัยหนานเจียงต้องรับผิดชอบในหน้าที่นี้
ในอนาคต พื้นที่ผืนนี้ยังต้องพึ่งกำลังของคนหนานเจียงในการเฝ้าระวัง
สถานที่ไม่ไกลจากหวังจินหยาง หลี่หายซงก็กำลังรักษาอาการบาดเจ็บ ในใจก็กำลังครุ่นคิดเรื่องพวกนี้อยู่
อนาคตจะเป็นยังไงต่อไป?
จะอยู่ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งต่อหรือเปล่า?
หรือจะไปหน่วยทหารหรือที่อื่นดี?
สถานการณ์ถ้ำใต้ดินแห่งอื่น เหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นักศึกษามหาวิทยาลัยปักกิ่งมองโลกในแง่ดีเกินไป กระทั่งยอดฝีมือของปักกิ่งก็ยังมองโลกในแง่ดีเกินไปเช่นกัน
ปักกิ่ง หลังจากสงครามในเวลานั้น หลายปีมานี้ยังเคยทำสงครามอย่างนั้นเหรอ?
กลับเป็นสถานที่แห่งอื่นที่เกิดสงครามไม่ขาดสาย ทุกคนต่างพยายามเอาตัวรอด พยายามแข็งแกร่งขึ้น พยายามเปลี่ยนแปลง!
ค่ำคืนนี้พวกเด็กหนุ่มต่างกำลังครุ่นคิดถึงอนาคต ยอดฝีมือรุ่นก่อนพวกนั้นกลับจ้องมองพวกเขาอย่างเงียบๆ
อนาคตของมวลมนุษย์ขึ้นอยู่กับเด็กรุ่นใหม่พวกนี้แล้ว
หวังอย่างยิ่งว่าคนพวกนี้จะสามารถเติบโตอย่างเร็ววัน
รุ่นของพวกเขาจะต้านผืนฟ้าแผ่นนี้ไม่ไหวแล้ว
—
ราตรีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อฟ้าสว่าง ฉินเฟิ่งชิงก็แข็งแรงมีชีวิตชีวาขึ้นมา เริ่มป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ ฟางผิง ดูเหมือนอยากจะฉกฉวยผลประโยชน์อะไรสักอย่าง
ฟางผิงคร้านที่จะสนใจเขา เอาแต่จ้องกระดานระบบข้างหน้าอยู่ตลอด
แต่การอัปเกรดยังไม่สำเร็จ จอมืดสนิทอยู่เหมือนเดิม
ฟางผิงไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไหร่ถึงจะเสร็จสิ้น แต่ตอนนี้ไม่ได้รีบเหมือนกัน
ฟ้าสว่างได้ไม่นาน พวกโจวติ้งกั๋วก็กลับมา
โจวติ้งกั๋วแบกจางติ้งหนานมา ผู้อำนวยการเจินแบกหลิวพั่วหลู่
ยอดฝีมือขั้นเจ็ดทั้งสองคนต่างมาถึงขั้นที่ให้คนอื่นแบกถึงจะเคลื่อนไหวได้ เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บร้ายแรงถึงขนาดไหน
ทุกคนรีบเข้าไปต้อนรับ อู๋ชวนตรวจสอบอาการของทั้งสองคน ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฟางผิงละล่ำละลักเอ่ยว่า “รุ่นพี่อู๋ ตกลงอาการบาดเจ็บของปรมาจารย์ทั้งสองคนเป็นยังไงบ้าง?”
“พลังจิตใจของติ้งหนานถูกทำลายไปไม่น้อย กระดูก…แตกหักมากเหมือนกัน อวัยวะภายในบาดเจ็บอย่างหนัก…”
ตอนนี้จางติ้งหนานยังมีสติ ได้ฟังก็แค่นยิ้มว่า “ยังมีชีวิตรอดก็เหนือความคาดหมายของฉันแล้ว”
วันนั้นเขาสกัดยอดฝีมือขั้นแปดคนหนึ่ง เสี้ยวพริบตาที่ตาเฒ่าหลี่ชักกระบี่ คนๆ นั้นก็เริ่มดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย ภายใต้การทุ่มเทสุดกำลัง ช่วงเวลาสั้นๆ นั้นเกือบฉีกร่างเขาจนขาดเป็นชิ้นๆ แล้ว
ท้ายที่สุดตาเฒ่าหลี่สังหารอีกฝ่าย จางติ้งหนานก็สูญเสียพลังต่อสู้ไป
หลังจากฟางผิงพาตาเฒ่าหลี่จากไป ขั้นแปดสองคนที่เหลืออยู่ก็ทุ่มสุดชีวิตเช่นกัน
ยังไงยอดฝีมือของหนานเจียงก็น้อยกว่าเยอะ พวกหลิวพั่วหลู่เห็นว่าใกล้จะถูกล้อมโจมตี จางติ้งหนานก็ไม่มีแรงสนับสนุนแล้ว…
ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ อธิการเฉินมหาวิทยาลัยหนานเจียงจึงเลือกระเบิดตัวเอง โจวติ้งกั๋วคว้าโอกาสนี้ไว้ พาคนอื่นที่เหลือหนีไป
พยายามหนีอย่างสุดกำลัง แต่ทุกคนก็ยังบาดเจ็บไม่น้อยอยู่ดี
จางติ้งหนานบาดเจ็บหนักที่สุด หลิวพั่วหลู่ก็เจ็บไม่น้อย อวัยวะภายในแทบจะเสียหายทั้งหมด กะโหลกยังมีร่องรอยปริแตก นี่สำหรับยอดฝีมือขั้นเจ็ด เป็นอาการบาดเจ็บที่ถึงแก่ชีวิตได้
“ส่วนผู้เฒ่าหลิว…ต้องใช้เวลารักษาไม่น้อยเหมือนกัน”
อู๋ชวนมองอาการบาดเจ็บของหลิวพั่วหลู่เล็กน้อย ขมวดคิ้วขึ้นมา แม้อาการบาดเจ็บของหลิวพั่วหลู่จะน้อยกว่า แต่ครั้งนี้เกรงว่าต้องรักษาถึงหลายวัน ทั้งกะโหลกยังปรากฏรอยปริแตก การหลอมกระดูกหลังจากนี้จะทวีความยากขึ้น ขั้นแปด…มีโอกาสน้อยแล้ว
หลิวพั่วหลู่กลับไม่ได้สนใจมาก เดิมทีเขาก็รั้งตัวอยู่ในขั้นเจ็ดมานานแล้ว ปรมาจารย์ยอดฝีมือเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองดี
แม้กะโหลกจะปริแตกไม่อาจประสานก็ไม่เป็นไร เดิมทีขั้นแปดก็ไม่ได้มีโอกาสสูงอยู่แล้ว
ทั้งสองคนล้วนไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง แต่มองตาเฒ่าหลี่อย่างประหลาดใจอยู่บ้าง
เจ้าหมอนี่ยังมีโชคดีในโชคร้ายได้?
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “จางติ้งหนาน นายไม่ตาย ช่างทำให้คนคาดไม่ถึงจริงๆ คงต้องพูดว่านายดวงแข็งเอาเรื่อง ครั้งหน้าออกไปข้างนอก จะไปกับนายไม่ได้แล้ว ไม่งั้นคนอื่นตายกันหมด ไม่แน่ว่านายอาจจะมีชีวิตรอดคนเดียว”
เจ้าหมอนี้ดวงแข็งเกินไปแล้ว!
ตอนที่จะมายังกำดินแน่นไม่ปล่อย ทำเรื่องที่เขาไม่ทำกัน
จางติ้งหนานยิ้มบางๆ “นายก็ทำให้ฉันคาดไม่ถึงเหมือนกัน ฉันคิดว่านายคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย นายกลับยิ่งแล้วใหญ่ ทะลวงด่านได้อีก”
“ธรรมดาน่า สู้กับนายสักสิบรอบก็ยังไม่มีปัญหา”
จางติ้งหนานยิ้มไม่พูดอะไรอีก หันไปมองฟางผิงว่า “นึกไม่ถึงว่าเหตุไม่คาดฝันครั้งนี้จะเกิดขึ้นจากเธอ”
ถ้าไม่ใช่ฟางผิง สถานการณ์อาจไม่เป็นเหมือนตอนนี้เสมอไป
หลายปีมานี้ยังไม่เคยมีใครแฝงตัวเข้าไปในเมืองราชาของศัตรูเลยจริงๆ
ระดับล่างทำไม่ได้ ระดับสูงไปก็จะถูกค้นพบษ
หากถูกเจอ นั่นก็จะเป็นการบุกโจมตีเมือง อยู่ในรังของอีกฝ่าย มีพืชปีศาจผู้พิทักษ์อยู่ ขั้นเก้ามนุษย์ยังจู่โจมไม่ได้ด้วยซ้ำ
ขั้นเก้าที่จำนวนเท่ากัน งั้นคงไม่มีวิธีสู้ต่อไปแล้ว
หากจำนวนเยอะไป…ถ้ำใต้ดินยังมีขั้นเก้าอีกเป็นกอง นายเอามาเยอะ นั่นก็จะระเบิดสงครามเต็มรูปแบบ
กลับเป็นฟางผิงที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางคนหนึ่ง แม้จะทำลายเมืองราชาจริงๆ ยอดฝีมือส่วนลึกของถ้ำใต้ดินก็ไม่อาจพูดอะไรได้
ขั้นเก้านั่งรักษาการณ์ในเมืองตั้งสองคน ถูกผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางคนหนึ่งบุกไปถึงรัง มีสิทธิ์อะไรพูดว่ามนุษย์แหกกฏเกณฑ์?
ยอดฝีมือในส่วนลึกของถ้ำใต้อยากสอดมือ แต่ถึงช่วงเวลาสำคัญนี้ แม้จะต้องต่อสู้อย่างไม่คิดชีวิต มนุษย์ชาติก็ไม่อาจปล่อยให้คนของส่วนลึกถ้ำใต้ดินเหิมเกริมเช่นกัน ไม่งั้นสถานการณ์ของมนุษย์จะอันตรายมากกว่านี้
———————-