ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 388-2 ระบบอัปเกรดอีกครั้ง (2)
ตอนที่ 388 ระบบอัปเกรดอีกครั้ง (2)
จางติ้งหนานมองฟางผิงอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ครุ่นคิดที่จะกลับมาหนานเจียงบ้างหรือเปล่า?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คำเชื้อเชิญอย่างใจกว้างของผู้ว่า ผมปฏิเสธได้ยากจริงๆ…”
คำพูดนี้ออกมากลับทำให้คนอื่นๆ แปลกใจอยู่บ้าง ตาเฒ่าหลี่และหลิวพั่วหลู่พากันมองไปทางฟางผิง
ฟางผิงเอ่ยขึ้นว่า “ผู้ว่า เอาแบบนี้ดีหรือเปล่า คุณว่ามอบตำแหน่งผู้ว่ากิตติมศักดิ์ของหนานเจียงให้ผมเป็นยังไง? มีแต่ได้กับได้ แน่นอนว่าต้องให้อำนาจเล็กๆ น้อยๆ กับผมสักหน่อย…”
จางติ้งหนานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เธออยากได้อำนาจอะไร?”
“ง่ายๆ คุณปิดบริษัทยาบำรุงและบริษัทอาวุธของหนานเจียงไปส่วนหนึ่ง ให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มารับช่วงต่อ หลังจากนี้ทรัพยากรของถ้ำใต้ดินหนานเจียงต้องมอบให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ทั้งหมด พวกเราไม่อาจให้คุณเสียเปรียบได้เหมือนกัน…”
พูดยังไม่ทันจบ จางติ้งหนานก็เผยรอยยิ้มขมขื่น “พอเถอะ คิดเสียว่าฉันไม่ได้พูดเรื่องนี้”
เจ้าเด็กคนนี้คิดว่าตำแหน่งผู้ว่าของเขาแต่งตั้งขึ้นเองหรือไง?
ต่อให้อำนาจของผู้ว่าการมณฑลจะใหญ่แค่ไหน นั่นก็เป็นการแต่งตั้งจากรัฐบาลกลางอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังคาดหวังให้หน่วยทหารประจำการที่ถ้ำใต้ดิน หน่วยทหารและบริษัทใหญ่หลายแห่งนั้นดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกัน ในความเป็นจริงสามารถนับว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้
ที่มาของวัตถุดิบของบริษัทใหญ่พวกนั้น ส่วนมากจะเป็นทางหน่วยทหารจัดสรรให้
ผลผลิตของถ้ำใต้ดินหนานเจียงในอนาคต ส่วนมากจะจัดสรรให้บริษัทใหญ่พวกนั้นทั้งหมด นั่นไม่ใช่ผลตอบแทนของหนานเจียง แต่เป็นของหน่วยทหาร
ไม่ใช่แค่จางติ้งหนานที่หมดคำพูด พวกอู๋ชวนและโจวติ้งกั๋วก็เช่นกัน
เจ้าเด็กนี้ช่างกล้าคิดจริงๆ!
จางติ้งหนานไม่เอ่ยเรื่องกลับหนานเจียงกับเขาอีก ฉินเฟิ่งชิงทำหน้าเสียดาย!
จบเห่แล้ว!
นี่คือฟางผิงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะรั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้!
พวกเขาพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง อู๋ชวนก็เอ่ยว่า “ตอนนี้สถานการณ์ยังถือว่าไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นให้เกิดสงคราม อย่างน้อยก็ก่อนที่อีกฝ่ายจะเริ่มต้นสงครามเอง ดังนั้นครั้งนี้ฉันและจ้าวซิ่งอู่อยู่ที่นี่แค่สองคนก็เพียงพอแล้ว คนอื่นๆ กลับไปให้หมด อย่าให้คนเข้ามาอีก รอทางเดินเปิดอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง พวกเราค่อยสร้างเมืองกัน!”
“ผู้บังคับการอู๋ ให้ฉันอยู่เถอะ”
โจวติ้งกั๋วเอ่ยว่า “พวกนายสองคนอยู่ที่นี่ หากว่า…”
อู๋ชวนส่ายหน้าว่า “ไม่เป็นไร แม้พวกเราจะถูกล้อมโจมตี วิ่งหนีไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว”
ขั้นเก้าสองคนรวมตัวกัน แม้จะถูกล้อมโจมตี ก็ไม่ได้หนียากเท่าไหร่
ระหว่างที่พูด อู๋ชวนก็เอ่ยต่อว่า “แน่นอน ต้องเป็นช่วงสุดวิสัยจริงๆ ไม่งั้นพวกเราจะเฝ้าระวังอยู่ที่นี่ตลอด ป้องกันไม่ให้ยอดฝีมือถ้ำใต้ดินบุกเข้าไปในทางเดิน ข้างนอกยังต้องเฝ้าระวังให้มากหน่อย”
หากไม่ถึงขั้นที่จำเป็นจริงๆ พวกเขาคงไม่ไปไหนหรอก
ไปแล้ว ขั้นเก้าพวกนี้บุกเข้าไปในทางเดิน นั่นจะยิ่งเป็นปัญหา
ก่อนหน้านี้คนมาเยอะขนาดนั้น พยายามฆ่าอย่างสุดชีวิตก็เพื่อป้องกันทางเดิน พวกเขาสองคนไม่อาจละทิ้งทางเดินง่ายๆ อยู่แล้ว
จางติ้งหนานได้ยินแบบนั้นจึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “งั้นต้องลำบากทั้งสองคนแล้ว!”
หากทั้งสองคนวิ่งหนีจริงๆ จางติ้งหนานคงจะด่าถึงมารดาแล้ว
หนานเจียงสูญเสียปรมาจารย์ไปสองคนก็เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายบุกเข้ามาในเขตของหนานเจียง ตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ยังถูกบุกเข้ามาอีก จางติ้งหนานมีความคิดอยากจะตายด้วยซ้ำไป
น่าเสียดายที่กำลังคนในพื้นที่ของหนานเจียงไม่เพียงพอ เขาอยู่ที่นี่ก็เป็นภาระ ไม่งั้นคงจะรั้งตัวเฝ้าระวังที่ทางเดินด้วยตัวเองแล้ว
“เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว”
อู๋ชวนหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงทุ้มลึกอยู่บ้าง “ศพของคนอื่นๆ พวกเราฝังไว้แล้ว แต่ร่างของเจิ้งหยางและจินจง…”
สีหน้าของจางติ้งหนานหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่นานก็เอ่ยว่า “ก่อนที่จะมา ทุกคนต่างเตรียมใจไว้แล้ว ตายที่นี่ก็ฝังที่นี่ เฝ้าระวังหนานเจียงของพวกเราไม่ให้ถูกศัตรูรุกรานต่อไป!”
ทุกคนไม่พูดมากอีก
ฉินเฟิ่งชิงกำลังวังชาเต็มเปี่ยม อยากจะไปกอบโกยต่ออยู่บ้าง แต่คนอื่นๆ ไม่อยากไปกันแล้ว เขาไปคนเดียวก็กลัวตาย
ภายใต้สถานการณ์ไร้ทางเลือก ทำได้แค่โอ้อวดผลการรบของเขากับคนอื่นๆ
ฆ่าศัตรูนับไม่ถ้วน ทำลายเมืองและหมู่บ้านนับสิบแห่ง ขั้นสี่เอาชนะขั้นหก…
พวกฟางผิงคร้านจะสนใจเขา ยอดฝีมือคนอื่นๆ ยังต้องรับหน้าที่ลาดตระเวน ไม่กล้าประมาทเช่นกัน
สุดท้ายจึงเหลือแต่ปรมาจารย์ที่ได้รับบาดเจ็บสองคน จำเป็นต้องฟังเขาพูดร่ำรี้ร่ำไรโดยปริยาย
ฟังติดต่อกันเกือบสองชั่วโมง จางติ้งหนานและหลิวพั่วหลู่ก็อยากจะซัดฝ่ามือใส่เจ้าเด็กนี้ไปสักที คุยโวโม้เกินจริงจนข้ามหัวพวกเขาไปแล้ว คิดว่าพวกเราไม่มีประสบการณ์กันเลยหรือไง?
อะไรคือหนึ่งกระบวนท่าเอาชนะขั้นหก คิดว่าพวกเขาเป็นคนปัญญาอ่อน?
ได้รับหินพลังงานขนาดเท่าหัวคนมา แล้วหินพลังงานล่ะ?
เรื่องระเบิดเมืองจู้หลิวก็กลายเป็นเขาล่อศัตรูไปที่นอกเมืองเช่นกัน ฟางผิงฟังเรื่องแผนเข้าเมืองของเขา ทำได้ดีทีเดียว
ส่วนหลี่หานซงและหวังจินหยางที่เคลื่อนไหวพร้อมกับเขา กลับกลายเป็นแค่คนเดินผ่านทาง
ฟางผิงที่อยู่ไกลๆ นั้น ไม่มีกระจิตกระใจจะโต้แย้งด้วยซ้ำ
เจ้าหมอนี่พูดออกมาก็ต้องมีคนเชื่อซะก่อน
ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนที่นี่ นอกจากพวกเขาแล้วก็เป็นปรมาจารย์ทั้งนั้น เขาพูดออกมา คนอื่นอาจไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริงเสมอไป
จะโอ้อวด จะพรรณนาคุณงามความดี ก็ไม่ควรทำในเวลานี้
ตอนนี้ฟางผิงยังรอระบบอัปเกรดให้เสร็จสิ้น
ครั้งนี้ระบบอัปเกรดกินเวลาค่อนข้างนาน
จวบจนถึงเวลาบ่าย ระบบจึงอัปเกรดเสร็จสิ้น
ตอนที่ระบบอัปเกรดสำเร็จ ฟางผิงรีบตรวจสอบทันที ครั้งนี้มีคุณสมบัติอะไรเพิ่มขึ้นมา?
หลอมอวัยวะภายในช่างเถอะ เขาเข้าสู่ขั้นห้าก็ไม่รีบร้อนในเรื่องนี้แล้ว
แต่ว่าถ้าเสียค่าทรัพย์สินเล็กน้อยแลกกับปิดประตูซานเจียว เขายังคงยินดี
ในใจคิดเพ้อฝันเรื่องพวกนี้ แต่ไม่นานความฝันของฟางผิงก็พังทลาย!
—
ค่าทรัพย์สิน : 11,980,000,000 (เปลี่ยนแปลง)
ปราณ : 1800 แคล (3999 แคล)
จิตใจ : 560 เฮิตรซ์ (729 เฮิตรซ์+)
หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 6 ชิ้น (90%) , 23 ชิ้น (30%+)
ช่องเก็บของ : 1 ลูกบาศก์เมตร (+)
ม่านพลังงาน : ค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่นต่อนาที
“นี่มันอะไรกัน?”
ฟางผิงทำหน้างงงัน!
การอัปเกรดของหนึ่งหมื่นล้าน!
ครั้งหน้าก็จะเป็นหนึ่งแสนล้าน ครั้งนี้ฟางผิงคิดว่าหนึ่งแสนล้านน่าจะหมดหวังแล้ว เกรงว่าหนึ่งหมื่นล้านน่าจะเป็นโอกาสที่ระบบอัปเกรดครั้งสุดท้ายแล้ว
แต่ตอนนี้คุณสมบัติที่ต้องการแทบไม่มี!
ระบบมีสิ่งที่แตกต่างปรากฏขึ้นมาสองอย่าง
อย่างแรก ท้ายค่าทรัพย์สินมีคำว่า ‘เปลี่ยนแปลง’ ขึ้นมา อย่างที่สอง หลังช่องเก็บของมีเครื่องหมายบวกเพิ่มขึ้นมา
อย่างหลังฟางผิงสามารถเข้าใจได้
นี่มีไว้ให้ขยายช่องเก็บของ แค่ไม่รู้ว่าต้องสิ้นเปลืองเท่าไหร่ แต่มั่นใจว่าต้องใช้ค่าทรัพย์สินถึงจะสามารถเพิ่มขนาดของช่องเก็บของได้
จากความฉลาดแกมโกงของระบบ เกรงว่าคงเก็บค่าใช้จ่ายไม่น้อย
แต่อย่างแรกนี่มันคืออะไรกัน?
“เปลี่ยนแปลง…เปลี่ยนแปลงอะไร? เปลี่ยนแปลงยังไง?”
ในใจของฟางผิงผุดความคิดต่างๆ นานาขึ้นมา
นึกมาถึงตรงนี้ฟางผิงก็มองสำรวจรอบๆ หาสถานที่ห่างไกลออกไปเล็กน้อย วางแผนจะลองดู
ด้านฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ด้านข้าง เห็นเขาออกไปแล้ว ดวงตาก็เป็นประกายทันที!
ฟางผิงเพิ่งออกไปได้ไม่นาน ฉินเฟิ่งชิงก็ไม่สนใจจะก่อกวนปรมาจารย์ทั้งสองต่ออีกแล้ว รีบวิ่งไปยังจุดที่ฟางผิงพักอยู่เมื่อครู่ มองอยู่สักพักก็เอ่ยอย่างงุนงง “กระเป๋าหนังสัตว์ประหลาดล่ะ?”
ตอนที่ฟางผิงออกไป เขาไม่เห็นฟางผิงเอาไปด้วยเลย!
ฉินเฟิ่งชิงมองสำราจไปทั่ว ก่อนจะลงมือขุดดินอยู่พักใหญ่ เผยสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมา
ตาเฒ่าหลี่ที่อยู่ไม่ไกลนั้นส่ายหน้า มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ทำขายหน้าอีกแล้ว
เจ้าเด็กนี้คิดจะฉวยผลประโยชน์จากฟางผิง จะทำได้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ?
แม้ฟางผิงจะไม่ได้ใช้ช่องเก็บของ แต่ก็ทิ้งกระเป๋าหนังสัตว์ประหลาดให้เขานานแล้วเถอะ
ตาเฒ่าหลี่ถือกระเป๋าหนังสัตว์ประหลาดในมือ…เผยสีหน้าสะท้อนใจ ไอ้หนูนั่นขนาดเขายังแทบไม่กล้าเชื่อ ในกระเป๋าหนังสัตว์ประหลาดมีก้อนหินอยู่ครึ่งหนึ่งผสมกับหินพลังงานระดับต่ำไม่กี่ก้อน ไปหลอกกับผีเถอะ!
พวกอู๋ชวนก็คร้านจะไปตรวจสอบ ไม่งั้นเกรงว่าจะสงสัยหลี่ฉางเซิงว่าแอบขโมยหินพลังงานของฟางผิงแล้ว
หากตอนนี้ฟางผิงกล้าพูดอย่างไม่อายว่าเขาสับเปลี่ยนหินพลังงานของตัวเองไป…ขั้นเก้าสองคนนั้นน่าจะคิดว่าเป็นเรื่องจริง
“ไอ้เด็กเวรนั่น…ขออย่ามาวางแผนแบบนี้จริงๆ แล้วกัน…”
ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจ ช่องเก็บของ…ถ้าเขาพูดออกไป ทุกคนจะเชื่อหรือเปล่า?
—————————–