ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 398 จิตใจและปราณรวมเป็นหนึ่ง (1)
ตอนที่ 398 จิตใจและปราณรวมเป็นหนึ่ง (1)
ห้องแหล่งพลังงาน
“อาจารย์ไม่ต้องรีบหรอกครับ! เฉินอวิ๋นซีบอกว่าจะยอมรับคุณเป็นแม่บุญธรรมแล้ว!”
‘ผัวะ!’
ฟางผิงเพิ่งจะตะโกน อู๋ขุยซานก็ซัดฝ่ามือใส่เขาทันที ตำหนิว่า “อย่าก่อเรื่อง!”
ฟางผิงทำหน้าแห้งเหี่ยว อธิบายว่า “ไม่ใช่บอกว่าเฉินอวิ๋นซีเหมือน…เหมือนลูกของอาจารย์ผมอยู่บ้างหรอกเหรอครับ?”
อู๋ขุยซานขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่สนใจเขาอีก
ต่อให้เหมือนยังไง นั่นก็เป็นลูกสาวของคนอื่น
ภายในห้อง หลู่เฟิ่งโหรวไม่รู้ว่าได้ยินหรือเปล่า ยังพยายามฝืนหลอมรวมพลังทั้งสองสาย
ฟางผิงเผยสีหน้าจนใจ ไม่จำเป็นต้องให้อู๋ขุยซานพูดเช่นกัน เทน้ำแร่แห่งชีวิตต่อ เวลานี้ในขวดเล็กๆ นั้นเหลือแค่ปริมาณไม่ถึงสามสิบกรัม
“อาจารย์ ผมขั้นห้าแล้ว ขั้นเก้าก็เป็นเรื่องในปีสองปีนี้ ไม่ช้าก็เร็วจะช่วยคุณสังหารเจ้าเมืองเทียนเหมิน!”
“จริงๆ นะ ผมฝึกวิชาเร็วจะตายคุณก็รู้? อวัยวะภายในผมใกล้หลอมเสร็จสิ้นแล้ว ผ่านไปไม่กี่วันก็ขั้นห้าตอนกลางแล้ว สร้างเส้นลมปราณใหม่ก็เป็นแค่เรื่องเล็ก ขั้นหกอยู่ใกล้ๆ นี้แล้ว!”
“ปิดผนึกประตูซานเจียวได้ ผมก็อาจจะเข้าสู่ขั้นแปดเลย ใช้เวลาไม่นานจริงๆ นะ!”
“…”
“หุบปาก!”
ข้างนอกประตู ทุกคนตะโกนออกมาพร้อมกัน!
แม่งเหอะ เธอกำลังพูดแทงใจดำอยู่ รู้ตัวหรือเปล่า?
ทั้งยังแทงใจทุกคนอีกด้วย!
ภายในห้อง สีหน้าของหลู่เฟิ่งโหรวเปลี่ยนแปลงอยู่บ้างเช่นกัน น่าจะเพราะถูกแทงใจดำจริงๆ
ฟางผิงพูด…มีเหตุผล!
เจ้าเด็กเวรนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะเข้าสู่ขั้นแปดเร็วๆ นี้แล้ว
ฟางผิงรู้สึกว่ายังได้ผลอยู่บ้าง เห็นแบบนั้นก็ตะโกนว่า “ผมอยู่ขั้นสี่ก็หนีรอดจากขั้นเก้าได้แล้ว ทะลวงขั้นแปดหลอกล่อขั้นเก้าให้ตายเป็นเรื่องง่ายด้วยซ้ำ!”
“ถ้าคุณยังไม่สบายใจอีก ถึงเวลานั้นผมจะช่วยคุณอัดอธิการสักชุดเป็นยังไง?”
เห็นอู๋ขุยซานมองหน้าตัวเอง ฟางผิงก็กระซิบว่า “ผมกำลังปลอบใจอาจารย์อยู่”
หลู่เฟิ่งโหรวคิดสังหารเจ้าเมืองเทียนเหมินนั้นเป็นเรื่องจริง แต่ให้พูดว่าไม่โกรธเคืองอู๋ขุยซานคงเป็นไปไม่ได้
เธอคิดมาโดยตลอดว่าเป็นความผิดของอู๋ขุยซาน ไม่ควรพาลูกสาวเข้าไปในถ้ำใต้ดิน ยิ่งไม่ควรไร้ความสามารถที่จะขัดขวางเจ้าเมืองเทียนเหมิน คนอื่นๆ ตายกันหมด บางคนก็พิการ แต่อู๋ขุยซานกลับไม่เป็นอะไร นี่ทำให้หลู่เฟิ่งโหรวยิ่งโกรธแค้น
หากอู๋ขุยซานพิการหรือตายจริงๆ หลู่เฟิ่งโหรวอาจจะไม่เกลียดเขา หากพิการจริงๆ เกรงว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนคงไม่มาถึงขั้นนี้
เห็นอู๋ขุยซานหน้าเปลี่ยนสี ไม่ส่งเสียงออกมาอีก ฟางผิงจึงตะโกนว่า “ถ้าอัดเขายังระบายความโกรธไม่ได้ ผมจะช่วยคุณตัดขาเขา!”
อู๋ขุยซานหางตากระตุกเล็กน้อย นี่…คือความคิดจริงๆ ของเธอสินะ?
“หุบปาก!”
เสียงนี้มาจากหลู่เฟิ่งโหรว
เธอตะโกนแล้วก็เอ่ยเสียงดังว่า “ยังมีอีกหรือเปล่า เทมารวดเดียวให้เยอะหน่อย!”
ฟางผิงใบหน้าแข็งทื่อ ผมไม่มีเยอะขนาดนั้นแล้ว
กัดฟันแน่น ก่อนฟางผิงจะเทอีกครั้ง ครุ่นคิดแล้วก็กัดฟันเทที่เหลือลงไปทั้งหมด!
ชั่วพริบตาความเข้มข้นของพลังงานภายในห้องก็เพิ่มสูงขึ้นมาทันที
เจ็ดทวารของหลู่เฟิ่งโหรวมีเลือดพรั่งพรูเป็นจำนวนมาก สะพานฟ้าดินก็เลือนรางมากกว่าก่อนหน้านี้
“ไม่มีแล้ว”
ฟางผิงมองไปทางอู๋ขุยซาน เอ่ยอย่างจนใจ “อธิการ หรือคุณลองถ่ายทอดพลังฟ้าดินดูสักหน่อย?”
อู๋ขุยซานขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากทำ เป็นเพราะ…พลังแห่งฟ้าดินร้ายกาจอย่างมาก เธอกำลังฝืนทำให้พลังปะทะกัน หากถ่ายทอดพลังฟ้าดินลงไป เธอฝืนดูดกลืนจะทำให้สะพานฟ้าดินพังทลายได้ง่าย”
ฟางผิงเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ทำได้แค่ลองดูเท่านั้น อาศัยความแข็งแกร่งเอาชนะความแข็งแกร่ง บางทีพลังของน้ำแร่แห่งชีวิตอาจจะอ่อนโยนเกินไป ไม่อาจหลอมรวมพลังงานสองสายได้”
แม้อู๋ขุยซานจะคิดว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง กลับยังคงลังเลอยู่ ไม่กล้าลองเท่าไหร่
หากทำสะพานฟ้าดินพังทลายจริงๆ…
ฟางผิงเห็นแบบนั้นจึงกัดฟันว่า “พังก็ช่างมัน อย่างมากก็ร่วงลงไปอยู่ขั้นสาม อาจารย์ติดที่ด่านนี้อยู่ตลอด ยิ่งเป็นแบบนี้ก็ยิ่งมีความคิดสุดโต่งขึ้นเรื่อยๆ!”
หากหลู่เฟิ่งโหรวทะลวงไปนานแล้ว อาจจะไม่มีความคิดสุดโต่งเหมือนตอนนี้เสมอไป
แต่ยิ่งไม่สามารถทะลวงได้ก็ยิ่งร้อนใจ ยิ่งร้อนใจจึงยิ่งมีความคิดมุทะลุ
ฟางผิงคิดว่าลองเสี่ยงปะทะสักครั้ง ทะลวงไม่ได้ งั้นสะพานฟ้าดินก็พังทลาย เจ็บหนักสุดแค่ตกไปสู่ขั้นสามเท่านั้น
ส่วนตาย…อู๋ขุยซานอยู่ที่นี่ มีโอกาสตายไม่มาก
ตกสู่ขั้นสาม ย่อมไม่มีหวังล้างแค้นอีก หลู่เฟิ่งโหรวอาจจะไม่มีความคิดสุดโต่ง เอาแต่คิดทะลวงด่านเสมอไปเช่นกัน
เห็นอู๋ขุยซานยังสองจิตสองใจ ฟางผิงเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ตัดสินใจไม่เฉียบขาด!”
แค่นเสียงแล้ว ฟางผิงก็ตะโกนเสียงดัง “อาจารย์ ผมจะถ่ายทอดพลังฟ้าดินให้ คุณดูดกลืนให้เต็มที่ อย่างมากก็แค่สะพานฟ้าดินพัง เรื่องเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย หากกลายเป็นขั้นสาม หลังจากนี้ผมจะปกป้องคุณเอง!”
‘อึก!’
ภายในห้อง หลู่เฟิ่งโหรวกระอักเลือดออกมา ไม่รู้ว่าโมโหหรือถูกแรงต้านกลับ
ซ่งอิ๋งจี๋ที่อยู่ด้านข้างเผยสีหน้าเศร้าซึม มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
ฟางผิง…พูดแทงใจคนทุกประโยค
ฟางผิงไม่สนใจพวกเขา ปากพูดไปอย่างง่ายๆ กลับเผยท่าทีหนักแน่นอย่างยิ่ง สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วก็เอ่ยว่า “ยังไงก็มาถึงขั้นนี้แล้ว โชคดีคงหลอมรวมเป็นหนึ่งได้ หากไม่สำเร็จสะพานฟ้าดินก็พังทลาย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร!”
พูดจบ ในมือฟางผิงก็รวบรวมพลังฟ้าดินก้อนหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
ตาเฒ่าหลี่ตกตะลึงเช่นกัน เจ้าหนูนี้รวบรวมเร็วเกินไปแล้ว!
ฟางผิงคร้านจะสนใจพวกเขา ส่งพลังฟ้าดินในมือลงสู่กรวย
ครั้งนี้ไม่ได้เกิดการระเบิด
พอพลังฟ้าดินเข้าไปในกรวย กำแพงก็สั่นสะเทือนอยู่ครู่หนึ่ง ภายในห้องจู่ๆ ก็ปรากฏพลังที่แข็งแกร่งขจัดน้ำแร่แห่งชีวิตที่หลงเหลืออยู่รอบทิศทางออกไป
กระทั่งสะพานฟ้าดินของหลู่เฟิ่งโหรวที่สัมผัสกับพลังนี้ก็เริ่มสั่นคลอนขึ้นมาเช่นกัน
“อาจารย์ ใช้พลังฟ้าดินห่อหุ้มสะพานฟ้าดินเอาไว้ กดไปข้างใน กดแล้วระเบิดก็พัง ไม่ระเบิดก็น่าจะหลอมรวม!”
“ฟางผิง!”
อู๋ขุยซานหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด เรื่องเกี่ยวข้องกับหลู่เฟิ่งโหรว เขาทำเหมือนฟางผิงไม่ได้
ฟางผิงหันไปมองเขา เอ่ยอย่างทุ้มลึกว่า “พนันกันสักตั้ง อธิการ หรือคุณคิดจะให้อาจารย์บุกไปถ้ำใต้ดินทุกวัน เอาแต่ไปหาแร่พลังงานอยู่แบบนี้? ตกไปถึงขั้นสาม งั้นก็อยู่บ้านพักผ่อนเถอะ!”
“นี่…”
อู๋ขุยซานสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่พักใหญ่ จู่ๆ ก็กัดฟัน ในมือรวบรวมพลังฟ้าดินที่แข็งแกร่งกว่าฟางผิงอย่างมาก ก่อนจะส่งไปในกรวยทันที!
เวลานี้กำแพงห้องฝึกวิชาเริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง
“เฟิ่งโหรว เจ้าเมืองเทียนเหมินฉันจะเป็นคนฆ่าเอง! เชื่อฉัน ทำได้อยู่แล้ว!”
อู๋ขุยซานพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “ใช่ ตอนนั้นฉันไร้ความสามารถ เป็นฉันที่ปกป้องโต่วโต่วไม่ได้ เป็นความผิดของฉันทั้งหมด! โต่วโต่วจากไป ไม่ใช่ความผิดของเธอ ทั้งไม่ได้มีต้นเหตุมาจากเธอ คนที่รับผิดชอบควรเป็นฉัน ไม่ใช่เธอ…”
“หุบปาก!”
ภายในห้อง หลู่เฟิ่งโหรวลืมตาขึ้นมาทันที เอ่ยอย่างโมโหว่า “นายออกไป!”
“เฟิ่งโหรว!”
“ไสหัวไป!”
อู๋ขุยซานเผยสีหน้าเจ็บปวด ฟางผิงเห็นแบบนั้นก็เอ่ยทันที “อาจารย์ ไม่ต้องสนใจเขา ดูดกลืนพลังฟ้าดินสิครับ วางใจเถอะ สะพานฟ้าดินพังก็ไม่เป็นไร อย่างมากก็เริ่มใหม่เท่านั้น!”
“เธอก็หุบปากเหมือนกัน!”
หลู่เฟิ่งโหรวแทบจะโมโหจนตบะแตกแล้ว ไอ้เวรสองคนนี้จงใจยั่วโมโหเธองั้นเหรอ?
ตาเฒ่าหลี่ไม่ปริปากพูด ตอนนี้ซ่งอิ๋งจี๋ก็ลำบากใจอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่าเรื่องใหญ่อย่างทะลวงเป็นปรมาจารย์กลับถูกฟางผิง…ทำเหมือนเป็นเรื่องสนุกไปซะได้
“อาจารย์ งั้นคุณก็ดูดกลืนสิ!”
ฟางผิงเอ่ยอย่างปวดใจ “ผมเทน้ำแร่แห่งชีวิตไปมากขนาดนั้น หากคุณยังไม่ทะลวงอีก ผมก็ขาดทุนหนักแล้ว! งั้นยังไม่สู้กลายเป็นขั้นสามไปซะ อย่างน้อยผมก็คิดว่าไม่ได้เสียเงินไปเปล่าๆ ยังไงก็ควรส่งผลอะไรนิดหน่อย ถึงผลจะไม่ดีเท่าไหร่ก็ตาม…”
“หุบปาก!”
“เสียเงินเยอะจริงๆ นะครับ ผมเทไปหนึ่งจินแล้ว ตั้งห้าร้อยกรัม หนึ่งกรัมขายสิบล้านยังมีคนซื้อเลย! ห้าสิบล้าน มีใครที่ไหนเสียห้าสิบล้านแล้วยังไม่ทะลวงอีก…”
“พอได้แล้ว!”
หลู่เฟิ่งโหรวแทบจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลงเริ่มดูดกลืนพลังฟ้าดินเข้าไปในสะพานฟ้าดินอย่างบ้าคลั่ง
สะพานฟ้าดินเกิดรอยแตกร้าวในทันที
อู๋ขุยซานแทบไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี
พวกตาเฒ่าหลี่สีหน้าดูไม่ได้เช่นกัน เวลานี้เธอยังมีใจขู่เข็ญคนอื่นอีก?
เธอเทห้าร้อยกรัมจริงๆ หรือไง?
ฟางผิงทำเป็นมองไม่เห็น หลู่เฟิ่งโหรวจะรู้อะไร ยังไงเธอก็อยู่ข้างใน
เห็นสะพานฟ้าดินของหลู่เฟิ่งโหรวเริ่มปริแตก ฟางผิงสูดลมหายใจเข้าลึก กดเสียงว่า “เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นเถอะครับ เดี๋ยวต้องช่วยคนก่อน รักษาชีวิตไว้แล้วค่อยว่ากัน”
ทุกคนไม่พูดอะไรอีก เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทำได้แค่พนันสักตั้งเท่านั้น
———————-