ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 408 ผมเป็นขั้นหกจริงๆ (1)
ตอนที่ 408 ผมเป็นขั้นหกจริงๆ (1)
……………………………………………………………………..
ห้องทำงาน
ตาเฒ่าหลี่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห หวงจิ่งเผยท่าทีเช่นเคย ฟางผิงกวาดตามองการจัดอันดับแล้วก็เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “นี่คือคิดจะสร้างแรงจูงใจ!”
จู่ๆ ก็ประกาศการจัดอันดับฉบับนี้ออกมา เป้าหมายนั้นมองได้อย่างชัดเจน
ปรมาจารย์นับพันแข็งแกร่งหรือเปล่าล่ะ?
คนที่ไม่รู้สถานการณ์ของถ้ำใต้ดิน เกรงว่าคงไม่มีใครคิดว่ามนุษยชาติอ่อนแอแล้ว!
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ทราบเรื่องถ้ำใต้ดินอยู่นิดหน่อย หากเดิมทีเกิดความสิ้นหวัง งั้นตอนนี้คงจะมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาแล้ว!
ในความคิดของใครหลายคน มนุษย์เผชิญหน้ากับถ้ำใต้ดินแค่เมืองใดเมืองหนึ่งเท่านั้น
เมืองหนึ่งแห่ง คนส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องพืชปีศาจและสัตว์ปีศาจผู้พิทักษ์ รู้แค่ว่ามีขั้นเก้าอยู่หนึ่งคน ขั้นแปดสองสามคน รวมกับขั้นเจ็ดประมาณสิบคน
เทียบกับความความสามารถแบบนี้ ประเทศจีนต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้ายี่สิบกว่าคนเท่านั้น
แต่ประเทศจีน การจัดอันดับขั้นเก้าในตอนนี้มีสามสิบสามคนแล้ว!
ส่วนยอดฝีมือร่างทองมีนับร้อย!
ความสามารถเช่นนี้ หากเป็นฟางผิงในตอนแรกคงคิดว่าประเทศจีนมีคุณสมบัติที่ต่อต้านถ้ำใต้ดินได้
ประกาศการจัดอันดับ ไม่ใช่เพื่อสรุปผลเพียงอย่างเดียว
ฟางผิงคาดเดาว่านี่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับข่าวที่จะประกาศต่อจากนี้
คนทั่วไปจะรู้อะไร?
รู้ว่าประเทศแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ มนุษยชาติแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ แม้จะรับรู้การมีอยู่ของถ้ำใต้ดิน เกรงว่าจะมองในแง่บวกอยู่ดี ไม่แน่ว่ายังจะมีความคิดบุกเบิกโลกใหม่ด้วยซ้ำ
หวงจิ่งเห็นด้วยกับคำพูดของฟางผิง พยักหน้าว่า “ต้องสร้างแรงจูงใจอย่างแน่นอน หากไม่เหนือความคาดหมาย อีกไม่นานคงจะประกาศเรื่องถ้ำใต้ดินกับข้างนอกแล้ว ยังไงก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่อาจรับประกันความปลอดภัยให้คนทั่วไปได้อีกแล้ว ทั้งรับรู้การมีอยู่ของโลกใหม่ก็จะกระตุ้นหลายคนให้มีใจคิดแข็งแกร่งขึ้น เมื่อก่อนไม่ถึงขั้นสาม ไม่สามารถลงถ้ำได้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองหลายคนคิดว่าการฝึกวรยุทธ์ก็เพื่อกลายเป็นชนชั้นอภิสิทธิ์เท่านั้น เวลานี้ประกาศการมีอยู่ของถ้ำใต้ดิน ถ้าออกนโยบายชี้นำอีกนิดหน่อย อย่างเช่นถ้ำใต้ดินมีทรัพยากรฝึกวิชาเต็มไปหมด…เกรงว่าผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมจำนวนมากคงจะมีแรงบันดาลใจใหม่ๆ พยายามเข้าไปในถ้ำใต้ดิน ตั้งใจกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามแล้ว”
ตาเฒ่าหลี่แค่นเสียงขึ้นจมูก “ชี้นำอะไรกัน? หลอกลวงซะมากกว่า…”
หวงจิ่งแค่นเสียงว่า “หลอกลวง? ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์หลายคนฝึกวิชาโดยไม่มีแรงบันดาลใจอะไร ไม่ให้ผลประโยชน์ ใครจะยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อฝึกวิชา? หรือจะบอกพวกเขาว่าพวกนายฝึกถึงขั้นสามแล้วอาจจะต้องเอาชีวิตไปทิ้งในถ้ำใต้ดิน! หากเป็นแบบนั้น นายเชื่อหรือเปล่าว่าพวกคนขี้ขลาดตาขาวแม้จะสามารถทะลวงด่านได้ ก็คงไม่เลือกทะลวงด่าน!”
ตาเฒ่าหลี่โต้แย้งว่า “เจ้าคนรักตัวกลัวตายพวกนี้แข็งแกร่งขึ้นแล้วมีประโยชน์อะไร? เข้าไปในถ้ำใต้ดินคงจะตกใจจนฉี่ราดกางเกงเท่านั้น…”
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ ตอนแรกหลายคนหวาดกลัวเหมือนกันหมดนั่นแหละ” หวงจิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รวมทั้งฉันและนาย หรือครั้งแรกที่นายลงถ้ำใต้ดิน ไม่กลัวเลยสักนิด? แต่มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถในการปรับตัวเก่งที่สุด ตอนที่เผชิญหน้ากับความเป็นความตาย การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ภัยพิบัติที่ประเทศชาติล่มสลายย่อมจะมีบางคนลุกยืนขึ้นมาอยู่ดี! จะมีคนกลุ่มหนึ่งระเบิดความสามารถอย่างเต็มกำลังในเวลานี้ ไม่ว่าจะเพื่อมนุษย์ชาติหรือเพื่อชีวิตของตัวเองล้วนจะต่อสู้อย่างห้าวหาญ ทะลวงขีดจำกัดของตัวเอง ฉางเซิง คนประเภทนี้มีเยอะ นายน่าจะรู้ว่าพอถึงขั้นนั้นจริงๆ มีแค่คนส่วนน้อยที่จะหวาดกลัวการรบ”
ประวัติศาสตร์ของประเทศจีนพิสูจน์ทุกอย่างแล้ว
ตอนที่ภัยพิบัติกำลังมาถึง คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับชะตากรรมอยู่แล้ว คนพวกนี้ในเวลาทั่วไปอาจเป็นแค่อันธพาล ถึงกระทั่งเคยทำพฤติกรรมชั่วช้ามาก่อน แต่มนุษย์ สุดท้ายแล้วยังคงมีแสงสว่างกันทั้งนั้น
คนชั่วกลับตัว ท้ายที่สุดกลายเป็นวีรบุรุษก็ใช่ว่าไม่มีให้เห็น
ตาเฒ่าหลี่ฟังจบก็ไม่โต้ตอบอีก คนแบบนี้มีอยู่จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือตอนนี้
ปรมาจารย์ยอดฝีมือบางส่วนในตอนนี้ ช่วงเวลาเยาว์วัยอาจไม่ได้เก่งกาจเสมอไป แต่ตอนที่รู้ว่ามีการคงอยู่ของถ้ำใต้ดิน สุดท้ายหลายคนก็ทะลวงขีดจำกัดของตัวเอง ถึงกระทั่งก้าวเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์
ฟางผิงไม่คิดจะแทรกบทสนทนาของทั้งสองคน รอพวกเขาพูดจบแล้ว ฟางผิงค่อยเอ่ยว่า “หลังจากนี้จะมีการจัดอันดับขั้นหกออกมาหรือเปล่าครับ?”
ตอนนี้มีการจัดอันดับแทบทุกขั้นแล้ว
อย่างเดียวที่ไม่มีคือการจัดอันดับขั้นหก
ประโยชน์ของการจัดอันดับ ประกาศพลังต่อสู้นั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ประกาศความสามารถก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วเพื่อกระตุ้นให้ผู้ฝึกยุทธ์มีความคิดอยากแข็งแกร่งขึ้นต่างหาก
นักกวีไม่มีอันดับหนึ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ไร้ซึ่งอันดับสอง ผู้ฝึกยุทธ์ยังคงมีความเลือดร้อนอยู่แล้ว
ไม่มีใครคิดว่าตัวเองจะสู้คนระดับเดียวกันไม่ได้ เปิดเผยรายชื่อออกมา ทั้งยังจัดอันดับให้ นี่จะทำให้หลายคนเลือกทะลวงด่านเพื่อล้ำหน้ากว่าคนระดับเดียวกันขึ้นไป
และนี่อันที่จริงก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลอยากเห็น
ถ้ากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ปราณหมด มีแค่ลำดับขั้นแต่ไม่มีความสามารถ ผู้ฝึกยุทธ์แบบนั้นเข้าไปในถ้ำใต้ดินมีโอกาสตายสูงอย่างมาก
อยู่ขั้นเจ็ดแต่สู้ขั้นหกพวกนั้นไม่ได้ พอเข้าไปในถ้ำแล้ว ยอดฝีมือถ้ำไม่สนใจว่าคุณจะเป็นขั้นเจ็ดที่อ่อนแอหรือเปล่า คุณอยู่ขั้นเจ็ด อีกฝ่ายย่อมส่งขั้นเจ็ดหรือผู้ที่สูงกว่านั้นมาฆ่าคุณ
คุณอ่อนแอเกินไป นั่นก็เป็นการรนหาที่ตาย
หากพูดอย่างจริงจัง บางทีอาจจะส่งผลกระทบต่อภาพรวม
หากสงครามใหญ่ปะทุขึ้น มองจากลำดับขั้นอย่างเดียว ความสามารถทั้งสองฝ่ายเท่ากัน วางแผนตอบโต้ ก็ต้องใช้คนที่มีความสามารถทัดเทียมกันตอบโต้
แต่หากมีผู้อ่อนแอในระดับเดียวกัน ถูกอีกฝ่ายสังหารได้อย่างรวดเร็ว นั่นก็เป็นปัญหาแล้ว จะทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ได้
เหมือนอย่างที่ถ้ำใต้ดินหนานเจียงครั้งนั้น แม้ผู้บัญชาการจางติ้งกั๋วจะนับว่าเป็นยอดฝีมือในระดับเดียวกัน แต่เวลานั้นเผชิญหน้ากับขั้นแปดสามคนกลับต่อต้านได้นานทีเดียว
ทว่าหากเขาเป็นขั้นแปดที่อ่อนแอ…อย่างประเภทตาเฒ่าหลี่…นั่นคงเป็นโศกนาฎกรรมแล้ว ถูกสามคนล้อมฆ่าอย่างว่องไว
ร่างทองสามคนไม่ถูกสกัดไว้ ขั้นเจ็ดที่เหลือคงต้องตายกันหมด
ขั้นเจ็ดตายหมดแล้ว เกรงว่าอู๋ชวนคงจะถูกล้อมฆ่าเช่นกัน
ดังนั้นอย่ามองว่าการแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของคนอื่นเป็นแค่เรื่องส่วนตัวของพวกเขา ในความเป็นจริงกลับส่งผลกระทบต่อภาพรวม
การจัดอันดับของขั้นหกไม่ถูกปล่อยออกมาโดยตลอด เป็นเพราะขั้นหกสูงสุดหลายคนยังอยู่ในถ้ำใต้ดิน ทั้งยังไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
หวงจิ่งครุ่นคิดเล็กน้อย “น่าจะปล่อยออกมา ข้อมูลที่อยู่ในมือของรัฐบาลเยอะกว่าที่พวกเรามีอย่างมาก ข่าวการสูญหายของยอดฝีมือบางส่วน รัฐบาลอาจจะมีข้อมูลก็ได้”
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “งั้นรัฐบาลรู้ข้อมูลทุกอย่างของยอดฝีมือนอกรีตหรือเปล่าครับ? ลัทธินอกรีตไม่มียอดฝีมืออยู่ในการจัดอันดับ แต่ยอดฝีมือนอกรีตมีไม่น้อย ขั้นเจ็ดขั้นแปดผมเคยเห็นผ่านตามาบ้าง”
“ถึงรู้ก็คงไม่ปล่อยออกมา”
หวงจิ่งส่ายหัว ตอนนี้สิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์คือทุกคนรวมใจเป็นหนึ่ง จะประกาศให้ทุกคนรู้ได้ยังไงว่ายอดฝีมือระดับสูงกลุ่มหนึ่งกำลังขัดแย้งกันอยู่ภายใน
ฟางผิงฟังจบก็ไม่พูดอีก เอ่ยอย่างเสียดายว่า “อันที่จริงการจัดอันดับไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ นึกไม่ถึงว่าผมจะไม่เข้าสู่ขั้นห้า อย่าลืมว่าผมเคยประมือกับขั้นเก้าในถ้ำใต้ดินมาก่อน ขั้นห้าคนไหนจะแข็งแกร่งกว่าผมอีก?”
หวงจิ่งหุบปากลงทันที เธอไม่เอ่ยเรื่องพวกนี้จะได้หรือเปล่า?
เธอประมือกับขั้นเก้า?
เอาเถอะ เรื่องที่ถ้ำใต้ดินหนานเจียง เขาก็พอรู้มาบ้าง
เคยประมือกับขั้นเก้าจริงๆ หรืออยู่ไกลกว่าสิบลี้ ประมือกับรากไม้ของอีกฝ่าย แบบนี้คือเรียกว่าประมือกับขั้นเก้าแล้วสินะ?
หากนับแบบนี้จริงๆ หลี่ฉางเซิงในเวลานั้นก็เป็นขั้นห้าประมือกับขั้นเก้าเหมือนกัน
ส่วนเขา อันที่จริงก็เคยประมือกับขั้นเก้า เพราะสงครามของขั้นเก้า เขาเคยมองเห็นจากที่ไกลๆ ทั้งถูกควันหลงจู่โจมเหมือนกัน
แต่ว่าฝีมือของฟางผิงไม่อ่อนด้อยจริงๆ
อย่างน้อยความสามารถพื้นฐานของเขาก็แทบไม่มีใครเทียบได้
ระหว่างที่พูด จู่ๆ หวงจิ่งก็เอ่ยว่า “ใช่สิ สุริยุปราคาวงแหวนเมื่อวาน พวกนายสัมผัสได้หรือเปล่า?”
ฟางผิงส่ายหัว ไม่ได้สนใจเท่าไหร่
ตาเฒ่าหลี่กลับเผยสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา พยักหน้าเล็กน้อย “สัมผัสได้ เหมือนว่า…เหมือนว่า…”
“บางพื้นที่เกิดการระเบิดของพลังงานขึ้นมาหนึ่งครั้ง!” หวงจิ่งเอ่ยเบาๆ “พลังงานของโลกเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมแล้ว! สุริยุปราคาวงแหวนเมื่อวาน เหมือนว่า…จะเกิดอะไรขึ้น มีความรู้สึกเหมือนกับอุบัติทางเดินถ้ำใต้ดินทำนองนั้น แต่มีปรมาจารย์ใหญ่ไปตรวจสอบแล้ว นอกจากทางเดินที่เกาะทางนั้นอุบัติขึ้นก็ไม่มีทางเดินใหม่ปรากฏ”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยเสียงแผ่ว “กลัวก็แต่ว่า…จะเกิดทางเดินถ้ำใต้ดินจากนอกอวกาศ?”