ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 409 ความฝันยังคงต้องมีอยู่ (1)
ตอนที่ 409 ความฝันยังคงต้องมีอยู่ (1)
……………………………………………………………………..
วันที่ 20 มกราคม
เป็นดังที่ฟางผิงคาดเดา วันนี้ประเทศจีนประกาศการจัดอันดับขั้นหกต่อภายนอก
เวลานี้การจัดอันดับออกมาครบทุกขั้นแล้ว
ฟางผิงไม่ได้เข้าสู่การจัดอันดับขั้นห้า เขาไม่ใส่ใจเช่นกัน ไม่ได้ให้ความสำคัญขนาดนั้น
แต่การจัดอันดับขั้นหก มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้กลับมีหลายคนเข้าสู่การจัดอันดับ
การจัดอันดับระดับกลางและระดับล่างไม่เหมือนกับการจัดอันดับระดับสูง มีแค่การจัดร้อยอันดับแรกเท่านั้น
แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ครั้งนี้มีคนเข้าสู่การจัดอันดับไม่น้อย
ถังเฟิง ถูกจัดในอันดับหกของขั้นหก
หลู่เฟิ่งโหรวอันดับแปด
หลัวอี้ชวนอันดับสามสิบเจ็ด
ขั้นหกสูงสุดคนนั้นที่นั่งรักษาการณ์ในถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ ตาเฒ่าหน้าอ้วนจางเจี้ยนหงก็ถูกจัดในอันดับที่หกสิบสี่เช่นกัน
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้นอกจากตาเฒ่าหลี่แล้ว ตอนนี้มีขั้นหกสูงสุดแค่หกคน เข้าสู่การจัดอันดับสี่คน
คณบดีสาขาสังคมและคณบดีสาขาศึกษาวิจัยยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดสองคนกลับไม่สามารถเข้าสู่การจัดอันดับได้
นี่หมายความว่ายอดฝีมือขั้นหกสูงสุดมีจำนวนเกินกว่าหนึ่งร้อยคน
ถังเฟิงถูกจัดในอันดับหก หลู่เฟิ่งโหรวอันดับแปด อันที่จริงฟางผิงยังคงสงสัยอยู่บ้าง
เรื่องที่หลู่เฟิ่งโหรวหลอมพลังจิตใจและปราณเป็นหนึ่งได้รายงานให้กระทรวงการศึกษาแล้ว
แต่แม้จะเป็นแบบนี้ อันดับของถังเฟิงยังคงอยู่ก่อนหน้าหลู่เฟิ่งโหรว เห็นได้ชัดว่าตอนที่จัดอันดับ รัฐบาลคิดว่าถังเฟิงแข็งแกร่งกว่าหลู่เฟิ่งโหรวที่หลอมพลังจิตใจและปราณแล้ว
นี่เป็นไปได้งั้นเหรอ?
ก่อนหน้านี้ตาเฒ่าหลี่พูดว่าถังเฟิงแข็งแกร่งกว่าหลู่เฟิ่งโหรว แม้จะไม่ได้หลอมพลังจิตใจและปราณ ถังเฟิงก็สามารถเข้าสู่การจัดอันดับต้นๆ ของขั้นหกได้อยู่ดี
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่ายอดฝีมือที่จัดอันดับคิดแบบนี้เช่นกัน
หัวสิงโตแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆ?
สี่คนเข้าสู่ร้อยอันดับแรกของขั้นหก สองคนเข้าสู่สิบอันดับแรก ครั้งนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้นับว่าแสดงศักยภาพของมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับหนึ่งแล้ว
การจัดอันดับขั้นหก มหาวิทยาลัยปักกิ่งมีคนเข้าสู่การจัดอันดับสี่คนเช่นกัน แต่เข้าสู่สิบอันดับแรกมีแค่คนเดียว
ทั้งไม่ได้อยู่สูง อันดับที่เก้า
ฟู่กั๋วเซิ่ง ปู่ของฟู่ชางติ่งเข้าสู่การจัดอันดับเช่นกัน แต่ไม่ได้อยู่อันดับหน้าๆ เท่าไหร่ ต่ำกว่าหลัวอี้ชวนอยู่นิดหน่อย อันดับที่สี่สิบแปด
แน่นอนว่าสามารถเข้าสู่ร้อยอันดับได้ แสดงให้เห็นว่าฝีมือของปู่ฟู่ชางติ่งยังคงไม่ธรรมดา
แต่การจัดอันดับขั้นหก คนที่อยู่ข้างหน้าถังเฟิงไม่กี่คนนั้น ฟางผิงแทบไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน มีโอกาสสูงที่เป็นพวกแก่หงำเหงือก
หน่วยทหารสองคน แวดวงสำนักอีกหนึ่งคน อีกสองคนมีแค่ชื่อ ไม่ได้บอกว่าอยู่ในสังกัดอะไร แสดงว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์อิสระ ไม่ได้เข้าร่วมกับองค์กรใด
—
สมาคมผู้ฝึกยุทธ์
ตอนนี้คนของสมาคมแทบจะนับคนได้ หากไม่ไปที่หนานเจียงก็ฝึกวิชาอยู่ที่เขตทางใต้
ตอนนี้ทางสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ พวกระดับกลางที่ว่าง นอกจากฟางผิงแล้วก็มีแค่ฉินเฟิ่งชิงอีกคน
ทั้งสองคนเพิ่งจะทะลวงด่าน ไม่ได้รีบร้อนฝึกวิชา
ฉินเฟิ่งชิงไม่รีบ ประเด็นหลักเป็นเพราะใช้คะแนนหมดแล้ว หลายวันนี้พึ่งตัวเองในการบ่มเพาะพลังงาน
ทั้งสองคนต่างว่างไม่มีอะไรทำ แม้ฉินเฟิ่งชิงจะเกลียดขี้หน้าฟางผิง แต่อยู่ในมหาวิทยาลัย เขามีเพื่อนไม่กี่คนจริงๆ หาใครสักคนมาพูดคุยด้วยแทบจะหาไม่เจอ
ผ่านมาสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ เห็นฟางผิงว่างเหมือนกัน ฉินเฟิ่งชิงก็ถือโอกาสเข้ามาดู
“ช่วงนี้เกิดแต่เรื่องไม่ราบรื่น ฟางผิง ฉันสงสัยว่าสาเหตุมาจากนาย ความซวยของนายถ่ายทอดมาถึงฉันหมดแล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงถอนหายใจ ฟางผิงคลี่ยิ้มว่า “ฉันไปทำอะไรนาย? ลองว่ามาสิ เกิดอะไรขึ้นกับนาย?”
ฉินเฟิ่งชิงถอนหายใจ โชคร้ายจะเยอะเกินไปแล้ว
หางานอะไรล้วนไม่ราบรื่น
ส่งประวัติให้หนานเจียง นึกไม่ถึงหนานเจียงจะปฏิเสธเขา แทบจะทำให้เขาควันออกหูแล้ว
ส่งให้หน่วยทหาร หน่วยสืบสวน กองตั้งมั่นเฝ้าระวัง…
ผลปรากฏว่าถูกปฏิเสธแทบทุกที่
ฉินเฟิ่งชิงอัดอั้นตันใจอย่างยิ่ง นี่เกิดอะไรขึ้นกัน?
ยังไงฉันก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สูงสุด ทำไมถึงไม่เป็นที่ต้องการขนาดนี้?
ก่อนหน้านี้กองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางใต้ยังตอบรับดิบดีแล้ว นั่นเป็นการรับปากจากผู้บังคับการขั้นเก้าเอง เขาไปกองตั้งมั่นเฝ้าระวังยังไม่มีปัญหาด้วยซ้ำ
แต่ผลปรากฏว่าเขาส่งประวัติไปแล้ว อีกฝ่ายกลับปฏิเสธ!
ฉินเฟิ่งชิงโมโหขึ้นมาแล้วจริงๆ ตอนนี้อู๋ชวนอยู่ในถ้ำใต้ดินหนานเจียงยังไม่ออกมา เขาบอกว่ากองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางใต้ว่าผู้บังคับการของพวกนายเป็นคนรับปากเอง ผลปรากฏว่าทางนั้นกลับไม่สนใจเขา
แน่นอนว่าเรื่องที่ถูกปฏิเสธงาน ฉินเฟิ่งชิงคร้านจะพูดกับฟางผิง เจ้าหมอนี้ต้องหัวเราะเยาะเขาแน่
ฉินเฟิ่งชิงไม่ได้พูดเรื่องนี้ แต่เอ่ยเรื่องการจัดอันดับของขั้นสี่ขึ้นมา เหน็บแนมว่า “ฉันเข้าสู่ขั้นสี่สูงสุด ขั้นสี่ยังจะมีคู่ต่อสู้ของฉันอีกหรือไง? ผลปรากฏว่าการจัดอันดับ ฉันอยู่แค่ที่เก้าสิบหก นี่ดูแคลนกันเกินไปแล้ว? ฉันเผชิญหน้ากับระดับสูงมานับไม่ถ้วน สังหารขั้นหกกองใหญ่ แต่ได้แค่อันดับเก้าสิบหก ตกลงการจัดอันดับนี้ตัดสินยังไงกัน? ไร้สาระสิ้นดี! หรือต้องให้ฉันไปท้าประลองทีละคน? เรื่องนี้พักไว้ก่อน แต่ฟางผิง นายจะเกินไปแล้ว เรื่องกู้ยืมคะแนนของมหาวิทยาลัย ทำไมช่องทางของฉันถึงถูกปิดกั้นได้? คนอื่นยืมได้ ทำไมฉันถึงยืมไม่ได้ นายจงใจสินะ?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องนี้ฉันไม่ได้เป็นคนทำ เป็นการประเมินของระบบจริงๆ นายมีความเสี่ยงสูงเกินไป! ไม่ใช่แค่เสี่ยง เครดิตนายก็ไม่ดีด้วย ชอบติดหนี้ ก่อนหน้านี้นายยืมหลายครั้ง แพลตฟอร์มต้องมาทวงหนี้ถึงหน้าประตูทุกครั้ง นายถึงจะคืนคะแนน นายลองคิดดู ยังจะให้นายยืมอีกหรือเปล่าล่ะ?”
“นั่นไม่ใช่เพราะฉันลืมหรือไง?”
ฉินเฟิ่งชิงหมดคำจะพูด “ฉันยุ่งจะตาย ใครจะจำได้ว่าต้องคืนทุกเดือน ฉันคิดว่าหนึ่งปีต่อหนึ่งครั้ง…”
ฟางผิงหัวเราะอย่างดูแคลน ตอนที่คืนนายกลับลืม แต่ตอนยืมกลับสะสมไว้
คร้านจะสนใจเขา เจ้าหมอนี้ยืมไม่ได้เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
แม้จะยืมได้ ไม่นานก็จะใช้สุรุ่ยสุร่ายจนหมด
พูดคุยไม่กี่ประโยคแล้ว ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องโชคร้ายจริงๆ นายยังจำแม่เสือร้ายคนนั้นได้หรือเปล่า?”
“แม่เสือร้าย?”
ฟางผิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยอย่างลังเล “นายหมายถึงโจวฉีเยวี่ยจากวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้?”
“ใช่”
ฉินเฟิ่งชิงถอนหายใจว่า “ผู้หญิงคนนั้นแหละ ช่วงนี้ตามตอแยฉัน หงุดหงิดจะตายอยู่แล้ว”
ฟางผิงมุมปากกระตุก อดเอ่ยไม่ได้ “ตอแยนาย? ตอแยยังไง?”
“ยังจะตอแยยังไงอีก?” ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างจนใจ “เธอส่งข้อความมาหาฉัน บอกว่าอยากจะแลกเปลี่ยนความรู้กับฉันสักหน่อย คิดว่าฉันโง่หรือไง ยังจะประลองแลกเปลี่ยนความรู้อะไรอีก คงจะคิดใช้โอกาสทำอะไรกับฉันมากกว่า ผู้หญิงเป็นแบบนี้ซะหมด หากแลกเปลี่ยนความรู้จริงๆ เธอต้องแกล้งทำเป็นบาดเจ็บ จากนั้นให้ฉันไปส่งเธอกลับแน่ อาจจะต้องไปพักรักษาที่โรงพยาบาลแล้วให้ฉันไปเยี่ยมเธอทุกวันด้วยซ้ำ ผู้หญิงนี่เป็นปัญหาจริงๆ! นายว่าทำไมถึงมาตอแยฉันได้อีกล่ะ?”
ฟางผิงไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง โจวฉีเยวี่ยบอกว่าแลกเปลี่ยนความรู้…น่าจะเป็นการประลองแลกเปลี่ยนความรู้จริงๆ?
ส่ายหัวแล้ว ฟางผิงก็ไม่พูดมากอีก ให้ฉินเฟิ่งชิงหงุดหงิดกับตัวเองไป
ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกัน เฉินเจิ้นหวาก็เดินเข้ามา
เฉินเจิ้นหวาน้อยครั้งที่จะมาสมาคมผู้ฝึกยุทธ์
ครั้งนี้จู่ๆ ก็มา ฟางผิงแปลกใจอยู่บ้าง หยัดกายขึ้นว่า “คณบดีเฉิน มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
เฉินเจิ้นหวามีความรู้สึกหัวจะระเบิดอยู่บ้าง นั่งลงแล้วก็โอดครวญว่า “ราชสีห์ถังไปไหนไม่รู้ คณบดีหลี่ก็หาไม่เจอ อธิการอู๋และอธิการหวงไม่เห็นแม้แต่เงา อธิการหลิวยังพักรักษาตัวอยู่ คณบดีหลัวไปหนานเจียง คณบดีหูเมื่อวานไปทำธุระที่ปักกิ่ง…มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ที่ใหญ่ขนาดนี้ ตอนนี้ไม่มีใครดูแลสักคน เอาเรื่องทั้งหมดมาโยนที่ฉันคนเดียว!”
“อาจารย์คนอื่น ที่เข้าด่านก็เข้าด่าน ที่ฝึกวิชาก็ฝึกวิชา แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว! ดึงตัวออกมาไม่ได้สักคน! แต่ตอนนี้ถึงช่วงปลายภาคแล้ว ต้องสอบปลายภาค นักศึกษานับพันคน ฉันควบคุมคนเดียวไหวหรือไง? สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของพวกเธอจะช่วยรับผิดชอบหน่อยไม่ได้? คนอื่นไม่อยู่ก็แล้วไป พวกเธอสองคนมีเวลาว่างมาคุยกัน หรือไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย?”
ฟางผิงตะลึงงันไปเล็กน้อย ผ่านไปพักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “สอบปลายภาค?”
ผมไม่เห็นรู้เรื่องนี้!
รู้ว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีการสอบปลายภาค แต่เขาเข้าเรียนมาสามเทอม กลับไม่เคยเข้าร่วมสักครั้ง
ตอนปีหนึ่งเตรียมเข้าร่วมแข่งขันแลกเปลี่ยนผู้ฝึกยุทธ์ครั้งที่หนึ่ง เขาไม่ได้เข้าร่วมการสอบ
เทอมที่สองการสอบเริ่มต้น เขาก็ลงถ้ำใต้ดิน หลังจากออกมาการสอบก็สิ้นสุดแล้ว
ตอนนี้เป็นเทอมที่สาม
แต่เทอมนี้ไม่มีใครอยากให้เขาเข้าสอบแล้ว
เขาลืมเรื่องนี้ไป ฉินเฟิ่งชิงกลับยิ่งกว่าเขา ทำหน้ามึนงงว่า “มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีการสอบปลายภาคด้วย?”
เวลานี้ถึงตาเฉินเจิ้นหวาตกตะลึงบ้าง
สองคนนี้…เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จริงๆ งั้นเหรอ?
ฟางผิง…ช่างเถอะ ยังไม่พูดถึงฟางผิง
แต่ฉินเฟิ่งชิงเป็นนักศึกษาที่ใกล้เรียนจบแล้ว!
ฟางผิงตกตะลึงเช่นกัน!
นายอยู่ปีสี่แล้ว
นายใกล้เรียนจบแล้ว
นึกไม่ถึงว่านายจะไม่รู้ว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีการสอบปลายภาค!
ยังไงฟางผิงก็รู้เรื่องนี้ แค่ไม่เคยเข้าร่วมเท่านั้น
เห็นทั้งสองคนมองตัวเอง ฉินเฟิ่งชิงจึงเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “มองผมทำไม ผมไม่รู้ว่ามีจริงๆ ปีหนึ่งทั้งสองเทอม บ้านผมมีเรื่องเลยเดินทางออกไปก่อน ไม่มีใครพูดเรื่องนี้กับผมเหมือนกัน เทอมแรกของปีสองหวังจินหยางไอ้เวรนั่นมาท้าประลอง ผมบาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาล เทอมสองปีสอง ผมเพิ่งเข้าขั้นสามพอดี เข้าด่านอยู่ตลอดเวลา ตอนปีสามผมก็เพิ่งเริ่มลงถ้ำใต้ดิน ช่วงสอบปลายภาคไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัย ผมไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเรามีการสอบปลายภาค…”