ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 409.2 ความฝันยังคงต้องมีอยู่ (2)
ตอนที่ 409 ความฝันยังคงต้องมีอยู่ (2)
……………………………………………………………………..
จู่ๆ เฉินเจิ้นหวาก็เหนื่อยใจอย่างยิ่ง เขายอมแล้ว เจ้าสองคนนี้ร้ายกาจขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
คนหนึ่งเกือบจะลืมไป อีกคนแทบไม่รู้เลยว่ามีเรื่องนี้อยู่
เฉินเจิ้นหวาที่จนใจอย่างถึงที่สุด ทำได้แค่เอ่ยว่า “เหลวไหล การสอบปลายภาคต้องมีอยู่แล้ว แบ่งเป็นการสอบสายศิลปะการต่อสู้และการสอบสายสังคม ทั้งทุกปีมหาวิทยาลัยจะเอาคะแนนส่วนหนึ่งเป็นรางวัลให้ นักศึกษาหลายคนเนื่องด้วยขีดจำกัดความสามารถจึงไม่อาจรับภารกิจได้ ก็อาศัยการสอบได้คะแนนไปส่วนหนึ่งเช่นกัน”
ฉินเฟิ่งชิงเผยแววตาระยิบระยับทันที ละล่ำละลักว่า “ได้คะแนนเป็นรางวัล? คณบดี งั้นรางวัลของปีสี่เท่าไหร่เหรอครับ?”
“ปีสี่…ปีสี่ไม่มี”
เฉินเจิ้นหวายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ปีสี่เลยช่วงที่ต้องให้การสนับสนุนไปแล้ว ทั้งนักศึกษาหลายคนยังไม่อยู่มหาวิทยาลัย ดังนั้นปีสี่จึงไม่มีการช่วยเหลือเรื่องนี้”
ฟางผิงกลับไม่ได้ถามเรื่องของปีสอง ตอนนี้เขาไม่สนใจการสนับสนุนเล็กน้อยนี้เท่าไหร่
หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงถามไปแล้ว จากนั้นก็ไปเข้าร่วมการสอบ
แต่ตอนนี้ อย่างมากก็คงให้รางวัลร้อยถึงสองร้อยคะแนนเท่านั้น เขาไม่ได้สนใจจริงๆ
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ฉินเฟิ่งชิงก็ผิดหวังอยู่บ้าง ตอนนี้เขาแทบจะเป็นยาจก อุตส่าห์ค้นเจอโอกาส นึกไม่ถึงว่าปีสี่จะไม่มีรางวัลให้
ในความเป็นจริง เมื่อพวกเขาถึงช่วงเวลานี้ มหาวิทยาลัยจะให้ความช่วยเหลือน้อยมาก
ตอนที่ฟางผิงเพิ่งทะลวงถึงขั้นสี่ มหาวิทยาลัยยังมีคะแนนช่วยเหลือไม่น้อย
แต่ทะลวงถึงขั้นห้ากลับไม่มีแล้ว
จากคำพูดของมหาวิทยาลัย ระดับกลางจะให้การสนับสนุนแค่หนึ่งครั้ง ขั้นสี่ทะลวงขั้นห้า นั่นไม่มีรางวัลแล้ว
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์สามระดับล่าง จะให้การช่วยเหลือจำนวนมาก สามระดับกลาง จากความหมายของมหาวิทยาลัยคือต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง
เฉินเจิ้นหวาอธิบายแล้วก็เอ่ยว่า “พวกเธอว่างก็ว่างกันเฉยๆ ให้คนบางส่วนมาช่วยฉันเตรียมการสอบนักศึกษาปีหนึ่งหน่อย ปีนี้นักศึกษาปีหนึ่งมีจำนวนมาก ตอนนี้อาจารย์หลายคนไม่อยู่มหาวิทยาลัย คนอื่นก็อยู่ในช่วงเวลาสำคัญ ขาดแคลนกำลังคน พวกเธอช่วยแบ่งเบาภาระหน่อยสิ”
ฉินเฟิ่งชิงแทบไม่มีความกระตือรือร้น เอ่ยอย่างแห้งเหี่ยวว่า “ผมยุ่งมาก ต้องฝึกวิชา…”
“อย่ามาไร้สาระ!”
ตอนนี้เฉินเจิ้นหวาปวดหัวจริงๆ แล้ว ตะคอกว่า “เธอเพิ่งทะลวงขั้นสี่สูงสุด มีเวลาเที่ยวเตร็ดเตร่ แต่ไม่มีเวลาช่วยมหาวิทยาลัยแก้ไขปัญหาเล็กน้อยแค่นี้เลยหรือไง? ถ้าเธอไม่ทำ ฉันแนะนำให้เธอลาออกจากตำแหน่งรองประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ดีกว่า!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ฉินเฟิ่งชิงก็ห่อเหี่ยวทันที
เขาอยู่ในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ถึงได้รับเงินเดือนไม่น้อย ทั้งยังเบิกมาใช้ล่วงหน้าจนเกลี้ยงแล้ว ครั้งก่อนถูกฟางผิงริบเอาไว้ หลังจากนั้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งที่สอง จึงยังคงส่งให้เขา
ตอนนี้เขาใช้จนหมดแล้ว นี่ถ้าถูกถอดตำแหน่ง จากนิสัยของฟางผิง ยังต้องมาทวงหนี้กับเขาแน่
“งั้นก็ได้ครับ…”
ฉินเฟิ่งชิงพยักหน้า ก่อนจู่ๆ ตาจะเป็นประกาย “อาจารย์ถังไม่อยู่มหาวิทยาลัยเหรอครับ?”
“อืม ช่วงนี้ลงถ้ำใต้ดินเข้าด่านไปแล้ว”
พลังงานภายในถ้ำใต้ดินมีความเข้มข้นกว่าพื้นโลก ถังเฟิงไม่อยากสิ้นเปลืองหินฝึกวิชาเช่นกัน ไม่กี่วันก่อนจึงเข้าไปในถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้แล้ว
ฉินเฟิ่งชิงเลิกคิ้วขึ้น ถังเหวิน…เป็นนักศึกษาปีหนึ่งสินะ?
ครั้งก่อนหัวสิงโตอัดตัวเองไปหนึ่งครั้ง เอาแต่พูดว่าเขาหลอกตบทรัพย์ถังเหวิน ไร้เหตุผลสิ้นดี
หลังจากนั้นก็รังแกเขาอีก ชนเขาจนกระเด็นตัวลอย
ตอนนี้…เหมือนโอกาสจะมาถึงแล้ว!
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มทันที “ได้ครับคณบดีเฉิน ผมจะช่วยแล้วกัน แค่เรื่องเล็กๆ ผมจะเป็นผู้คุมสอบให้ครั้งหนึ่ง!”
เฉินเจิ้นหวาชำเลืองมองเขา ฟางผิงก็มองเขาเช่นกัน เจ้าหมอนี้เหมือนอยากรนหาที่ตาย
พอเขาถามว่าถังเฟิงอยู่มหาวิทยาลัยหรือเปล่า ฟางผิงก็เดาได้ทันทีว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่
จัดการถังเฟิงไม่ได้ จัดการลูกสาวเขาแทน นี่ก็เป็นความคิดของฟางผิงในตอนแรกเช่นกัน
แต่มองจากความคิดของฉินเฟิ่งชิง หาเรื่องใส่ตัวสินะ?
เจ้าหมอนี่กลัวว่าตัวเองจะถูกอัดไม่พอ?
ถังเฟิงกลับมา เกรงว่ายังต้องจัดการเขาอีกแน่
ไม่สนใจหมอนี่ว่าจะตายไม่ตายอีก ฟางผิงพยักหน้าเช่นกัน “ได้ครับ ผมจะจัดนักศึกษาขั้นสามจำนวนหนึ่งให้รับผิดชอบในการสอบของนักศึกษาปีหนึ่ง”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็ครุ่นคิดเล็กน้อย “หากคณบดีต้องการฝึกวิชา เรื่องยิบย่อยพวกนี้จะวางไว้ก่อนก็ได้ การจัดอันดับขั้นหกที่ออกมา คุณและคณบดีหู…”
เฉินเจิ้นหวาใบหน้าแข็งทื่อเล็กน้อย อย่าพูดถึงเรื่องนี้
ขั้นหกสูงสุดหกคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ มีแค่เขาและคณบดีสาขาศึกษาวิจัยที่ไม่อยู่ในการจัดอันดับ น่าขายหน้าจริงๆ
แต่ประเทศจีนใหญ่ขนาดนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกก็มีไม่น้อย ยังมีพวกแก่หงำเหงือกอีกบางส่วน ร้อยอันดับไม่มีเขาก็สามารถเข้าใจได้
ฟางผิงไม่ได้คิดจะแทงใจดำ ความหมายของเขาคือขั้นหกสูงสุดมีโอกาสเป็นปรมาจารย์ ช่วงเวลานี้กลายเป็นปรมาจารย์เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
อีกอย่างฟางผิงคิดว่าหากรัฐบาลจะจุนเจือขั้นหกจริงๆ เกรงว่าคงมองยอดฝีมือในการจัดอันดับเป็นหลัก
แวดวงสำนักไม่พูดถึง คนที่อยู่ในการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้และหน่วยทหาร น่าจะเป็นเป้าหมายในการให้ความช่วยเหลือทั้งหมด
หากฝีมือของเฉินเจิ้นหวาแข็งแกร่งอยู่บ้าง ไปท้าประลองคนที่อยู่ในการจัดอันดับเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องหลังจากนี้จะดีที่สุด
คำพูดนี้ฟางผิงอธิบายออกไปเช่นกัน
เฉินเจิ้นหวาครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ พยักหน้าว่า “มีเหตุผลเหมือนกัน ถ้ามีหยูกยาหรือสิ่งของที่เพิ่มพลังจิตใจได้จริงๆ ก็ควรค่าให้ลองสักตั้งแล้ว”
ในใจวางแผนเป็นมั่นเหมาะแล้ว เฉินเจิ้นหวาก็ไม่พูดมากอีก
ทิ้งการสอบของนักศึกษาปีหนึ่งให้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์รับผิดชอบแล้ว เฉินเจิ้นหวาก็จากไปอย่างรวดเร็ว
เขาไปแล้ว ฟางผิงเห็นฉินเฟิ่งชิงอยากจะพูดอะไรสักอย่างก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉินเฟิ่งชิง ภารกิจการสอบครั้งนี้ต้องมอบให้นายแล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงดีใจขึ้นมาทันที รีบเอ่ยว่า “ไม่มีปัญหา!”
ฟางผิงเห็นเขาออกไปอย่างเบิกบาน ก็คิดไว้อาลัยให้เขาอยู่บ้าง นายระวังตัวหน่อยดีกว่า
นักศึกษาปีหนึ่งรุ่นนี้มีลูกหลานของอาจารย์มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่น้อย
ลูกสาวของถังเฟิง ลูกชายของหลัวอี้ชวน ยังมีลูกชายและลูกสาวของอาจารย์ขั้นหกอีกหลายคนด้วย หากฉินเฟิ่งชิงจะสร้างปัญหาในการสอบ…เหอะๆ เดี๋ยวต้องถูกคนซ้อมตายแน่ โทษคนอื่นไม่ได้เหมือนกัน รนหาที่เอง
—
การสอบปลายภาคของนักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ฟางผิงไม่สนใจขนาดนั้น
มีแค่นักศึกษาที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเป็นหลัก ให้นักศึกษาขั้นสามไปคุมสอบก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้ฟางผิงยุ่งอยู่กับติดต่อมหาวิทยาลัยหนานเจียง จิงหนานและปักกิ่งพวกนี้ เตรียมวางแผนที่จะใช้นโยบายแพลตฟอร์มร่วมกันแล้ว
เรื่องนี้เริ่มเตรียมพร้อมตั้งแต่ช่วงการแข่งขันแลกเปลี่ยน
ฟางผิงอยากจะรวบรวมวัตถุดิบเพิ่มให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ขายให้นักศึกษานอกมหาวิทยาลัยพวกนี้ นั่นไม่ใช่ราคาทุน แต่สูงกว่าหนึ่งเท่า
ทางมหาวิทยาลัยปักกิ่งยังพอว่า แต่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ต่างมีความต้องการ แม้จะสูงหนึ่งเท่าก็ถูกกว่าพวกเขาซื้อเอง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อื่นๆ มีการจัดสรรยาบำรุงและอาวุธไม่เพียงพอเท่าไหร่
แม้ก่อนหน้านี้มหาวิทยาลัยปักกิ่งจะไม่ต่างกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เท่าไหร่ การจัดสรรยาบำรุงก็ไม่เพียงพอต่อการฝึกวิชาของพวกนักศึกษาอยู่ดี
หลังจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ปฏิรูป คะแนนก็ได้รับง่ายขึ้น แม้ราคาจะเป็นสองเท่าของก่อนหน้านี้ อันที่จริงก็ไม่ได้ต่างกับราคาของมหาวิทยาลัยปักกิ่งในตอนนี้เท่าไหร่
ถ้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งรู้สึกว่าการจัดสรรยาบำรุงและอาวุธไม่เพียงพอ จะแลกเปลี่ยนจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้
นอกจากนี้ยังมีเคล็ดวิชาต่อสู้ การแลกเปลี่ยนอาจารย์ ฟางผิงก็กำลังหารือกับมหาวิทยาลัยแห่งอื่นเช่นกัน เขาวางแผนจะทำแพลตฟอร์มธุรกิจออนไลน์ให้กลายเป็นชุนชมแลกเปลี่ยนของผู้ฝึกยุทธ์สมัยใหม่
ตอนนี้เข้าสู่ปี 2010 แล้ว ระบบสามจีก็โฆษณามาปีกว่าแล้ว ในตลาดมีสมาร์ทโฟนที่สนับสนุนสามจีออกมาไม่น้อยเช่นกัน
คล้อยหลังจากการติดต่อสื่อสารที่สะดวกขึ้น ฟางผิงคิดว่าสามารถทำให้การแลกเปลี่ยนของผู้ฝึกยุทธ์คล่องตัวขึ้นกว่านี้ได้
เมื่อก่อนชี้แนะข้อสงสัยของเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ ทุกคนต้องแจอหน้ากันตรงๆ แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ทั้งอาจจะหาคนไม่เจอเสมอไป
แต่ตอนนี้ฟางผิงคิดว่าพูดคุยผ่านวิดีโอคอล คุยกันด้วยเสียง อันที่จริงของพวกนี้นับว่าล้ำค่า ไม่ใช่แค่การพูดคุยกันเพียงอย่างเดียว
ทำให้การแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ฝึกยุทธ์สะดวกสบายขึ้น สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ถือเป็นกำไรอย่างมาก
รวมทั้งตอนนี้รัฐบาลกำลังกระตุ้นเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ให้ประชาชน ข้อมูลเรื่องถ้ำใต้ดินอาจถูกเปิดเผยได้ทุกเมื่อ หลังจากนั้นคนที่เข้าสู่แวดวงผู้ฝึกยุทธ์จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้สิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจเกี่ยวกับเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ หลักๆ ยังมาจากคลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ ในอินเทอร์เน็ตก็มีแค่คำพูดแนะนำไม่กี่ประโยค
ฟางผิงวางแผนจะทำแพลตฟอร์มธุรกิจออนไลน์ ในเวลาเดียวกันก็คิดจะสร้างชุมชนแลกเปลี่ยนของผู้ฝึกยุทธ์ที่ค่อนข้างเฉพาะทางขึ้นมาด้วย
เรื่องนี้อันที่จริงรัฐบาลก็กำลังทำอยู่เหมือนกัน แต่หลายครั้งที่รัฐบาลทำอาจจะไม่ดีเท่าทำด้วยตัวเองเสมอไป
“ตอนแรกที่เข้ามหาวิทยาลัยก็ฝันอยากเป็นช่องทางการค้าทรัพยากรผู้ฝึกยุทธ์ที่ใหญ่ที่สุดแล้ว…ตอนนี้ดูท่าอาจจะมีหวังเหมือนกัน”
ฟางผิงติดต่อกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในใจก็อดผุดความคิดประสบความสำเร็จขึ้นมาไม่ได้
ความเพ้อฝันในอดีตบางอย่าง ตอนนี้ไม่ใช่แค่ความเพ้อฝันอีกต่อไป เขาเริ่มเดินก้าวแรกออกไปแล้ว
ส่วนบริษัทส่งของและส่งอาหาร…ฟางผิงคิดว่าบางทีวันไหนส่งในถ้ำใต้ดินได้ก็คงไม่ใช่ความเพ้อฝันอีกต่อไป
“ความฝันยังคงต้องมีอยู่ ไม่งั้นจะต่างอะไรกับพวกขี้แพ้”
ในตอนที่ฟางผิงกำลังยุ่งตัวเป็นเกลียว วันส่งท้ายปีเก่าก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ใกล้จะปิดเทอมฤดูหนาวแล้ว
วันที่ 28 มกราคม อาจารย์และนักศึกษาที่ไปหนานเจียงกลุ่มนั้นก็กลับมากันทั้งหมด
การเดินทางไปถ้ำใต้ดินหนานเจียงครั้งนี้ พวกเขาอยู่ในถ้ำใต้ดินเกือบหนึ่งเดือน ตอนที่กลับมาเปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่ออกไปไม่น้อย