ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 410 ฟางผิงจะต้องตาย (1)
ตอนที่ 410 ฟางผิงจะต้องตาย (1)
……………………………………………………………………..
การเดินทางไปถ้ำใต้ดินหนานเจียง แม้ทั้งสองฝ่ายจะเผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรก ทั้งพวกยอดฝีมือปักหลักได้อย่างมั่นคง นับว่าค่อนข้างปลอดภัยแล้ว
แต่เข้าไปในถ้ำใต้ดิน จะไม่ให้มีข้อผิดพลาดเลยคงเป็นไปไม่ได้
ครั้งนี้ท้ายที่สุดยังคงเกิดความสูญเสียขึ้น
อาจารย์หนึ่งคนและนักศึกษาอีกหนึ่งคน ตอนที่ขุดสายแร่ ถูกสัตว์ปีศาจขั้นสี่สูงสุดตัวหนึ่งซุ่มโจมตี คนอื่นอยู่ห่างค่อนข้างไกล ไม่ทันให้ความช่วยเหลือได้ท่วงที ทั้งสองคนแทบจะถูกฆ่าตายในทางเดินเหมืองในชั่วพริบตา
เจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ยากที่จะถามหาความรับผิดชอบจากใคร
หลัวอี้ชวนที่นำทีม เวลานั้นกำลังเฝ้าระวังอยู่รอบนอก ตอนแรกสัตว์ปีศาจตัวนั้นเร้นกายอยู่ค่อนข้างลึก พลังจิตใจของหลัวอี้ชวนยังไม่ถึงขั้นปลดปล่อย จึงสัมผัสไม่ได้
รอจนไล่ตามมาที่เกิดเหตุ คนก็ตายไปแล้ว
เจอกับเรื่องแบบนี้ ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม
เห็นความเป็นความตายจนชาชินแล้ว ครั้งนี้มีคนตายสองคน ทุกคนต้องมีความรู้สึกเสียใจอยู่แล้ว แต่จะบอกว่าเศร้าโศกอย่างหนัก คงจะไม่ถึงขนาดนั้น
มองการลงถ้ำใต้ดินทุกครั้งเป็นการจากลาครั้งสุดท้าย นี่เป็นความคิดของผู้ฝึกยุทธ์
บาดเจ็บล้มตายมากเกินไป ทุกคนไม่อาจรับไหวเหมือนกัน แต่ตายในขอบเขตที่เหมาะสม นอกจากคนใกล้ตัวและเพื่อนพ้องจะเศร้าใจ คนอื่นๆ รู้สึกเสียใจ ไม่นานก็ผ่านไปแล้ว
เพราะหลายคนมีบาดแผลกลับมา พวกฟางผิงที่อยู่มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้จัดพิธีรีตองอะไรมากมาย
คนที่ควรรักษาก็รักษา คนที่ควรฝึกวิชาก็ฝึกวิชา ครั้งนี้ทุกคนลงถ้ำใต้ดินได้รับอะไรกลับมาไม่น้อย
ผ่านไปอีกสักระยะ ใช้สิ่งของที่ได้รับมาในครั้งนี้ อาจารย์และนักศึกษากลุ่มนี้ก็จะมีฝีมือก้าวหน้าแล้ว
ทั้งครั้งนี้ ทุกคนผ่านประสบการณ์ไล่ฆ่ามาไม่น้อย นักศึกษาหลายคนดูเติบโตเป็นผู้ใหญ่สุขุมมากกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย
—
คนอื่นๆ ที่ควรรักษาก็รักษา ที่ควรพักผ่อนก็พักผ่อน
รอพวกเขาจากไปแล้ว ฟางผิงเห็นเฉินอวิ๋นซีที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมก็อดถูขมับไม่ได้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ยินดีด้วย”
กลางเดือนธันวาคมเฉินอวิ๋นซีเพิ่งทะลวงขั้นสามตอนปลาย ครั้งนี้นึกไม่ถึงว่าจะถึงขั้นสามสูงสุดแล้ว
ความก้าวหน้านี้เร็วอย่างมาก
เฉินอวิ๋นซีเผยรอยยิ้มขึ้นมา เอ่ยอย่างปิดบังความดีใจไม่อยู่ “เป็นเพราะน้ำแร่แห่งชีวิตที่นายให้ครั้งก่อนนั่นแหละ…”
ฟางผิงสำลักไอตัดบทสนทนาของเธอ เขารู้สึกว่าครั้งหน้าควรจะใช้ชื่อน้ำแร่พลังงานแทนชื่อนี้มากกว่า หากใครมาพูดเรื่องน้ำแร่แห่งชีวิตกับเขา เขาคงลำบากใจกับคนนั้นอีก
แต่เฉินอวิ๋นซีทะลวงด่านได้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับน้ำแร่พลังงานไม่น้อยเลยจริงๆ
แม้ครั้งก่อนฟางผิงจะไม่ได้ให้เยอะ แต่เฉินอวิ๋นซีเพิ่งจะขั้นสามเช่นกัน ขั้นสามตอนปลายถึงสูงสุด ไม่ใช่การหลอมกระดูก แต่เป็นการประสานพลังหมัดเท่านั้น
ในสถานการณ์ที่มีน้ำแร่พลังงานช่วยเหลือ ทั้งเฉินอวิ๋นซียังปะทะกับศัตรูในถ้ำใต้ดินหลายครั้ง ไม่นานก็ก้าวข้ามด่านนี้ไปได้ เข้าสู่ขั้นสามสูงสุด
“ดูท่าแล้ว บางทีเธออาจจะทะลวงด่านถึงขั้นสี่เร็วกว่าหานซวี่อีก…”
ฟางผิงพูดไม่ทันจบ เฉินอวิ๋นซีก็เอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นแล้ว ฟางผิง ใกล้จะปีใหม่แล้ว นายวางแผนจะฉลองปีใหม่ยังไง?”
ฟางผิงไร้คำจะพูดอยู่บ้าง “จะฉลองยังไงอีกล่ะ ก็ฉลองตามปกติ”
“ไม่ใช่…ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น…”
แม้ปกติเฉินอวิ๋นซีจะดูเคอะเขินไปบ้าง เวลานี้กลับใจกล้าขึ้นมาไม่น้อย เอ่ยว่า “ฉันหมายถึง ถ้าฉลองปีใหม่…ฉลองปีใหม่แล้ว ฉันไปเที่ยวหนานเจียง นายว่าเป็นยังไง?”
ฟางผิงไอเบาๆ “ฉลองปีใหม่แล้วฉันก็จะกลับเซี่ยงไฮ้ ยังมีธุระต้องทำ เธอเพิ่งจะกลับมา รีบกลับไปพักผ่อนหน่อยดีกว่า”
“อ่อ งั้นคุณลุงคุณป้ากับน้องฟางหยวนชอบอะไรเป็นพิเศษงั้นเหรอ? ฉันจะซื้อของขวัญฝากนายไปให้ได้หรือเปล่า?”
ฟางผิงได้ยินแบบนี้ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มทันที “ชอบอะไรเป็นพิเศษ…ฟางหยวนชอบเงิน หรือเธอจะส่งมาสักหน่อยล่ะ?”
เฉินอวิ๋นซีตกตะลึงไปเล็กน้อย เธอเคยเจอฟางหยวนมาก่อน ฟางหยวนเคยมามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้สองครั้ง
แต่ความชอบที่ฟางผิงพูดถึง…ช่างแปลกใหม่จริงๆ!
ไม่สิ ไม่นับว่าแปลกใหม่ ก่อนหน้านี้เหมือนฟางผิงก็ชอบเงินเหมือนกัน
ฟางผิงแค่หยอกเล่นเท่านั้น เฉินอวิ๋นซีกลับขบคิดอยู่พักใหญ่ กะพริบตาปริบๆ พยักหน้าว่า “ฉันเข้าใจแล้ว งั้นคุณลุงคุณป้าชอบอะไรเหรอ?”
ฟางผิงมองเธออย่างลึกล้ำอยู่พักหนึ่ง เอ่ยเบาๆ ว่า “ไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้หรอก ตั้งใจฝึกวิชาเถอะ ตอนนี้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ เธอเพิ่งออกมาจากถ้ำใต้ดิน น่าจะยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ หากไม่เหนือความคาดหมาย สงครามใหญ่อาจจะปะทุภายในไม่กี่ปีนี้แล้ว ถึงเวลานั้นผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่ำกว่าระดับสูงน่าจะกลายเป็นตัวรับกระสุนทั้งหมด ถ้าเธอและฉันเป็นคนธรรมดา คงไม่จำเป็นต้องครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ ฟ้าถล่มก็มีคนประคองให้ แต่ทั้งฉันและเธอต่างไม่ใช่ อย่างน้อยที่สุดฉันก็ไม่อาจนิ่งเฉยดูภัยพิบัติมาถึงได้”
เฉินอวิ๋นซีขบริมฝีปาก ผ่านไปสักพักก็พยักหน้าว่า “อืม ฉันเข้าใจแล้ว ฉันเอาแต่ใจเกินไป ฟางผิง ฉันจะไม่รบกวนการฝึกวิชาของนายอีกแล้ว”
ฟางผิงเหนื่อยใจ ผู้หญิง เป็นเหมือนที่ฉินเฟิ่งชิงพูดจริงๆ เป็นตัวปัญหา
ช่างเถอะ เขาก็คร้านจะพูดต่อแล้วเหมือนกัน
ควรจะทำยังไงก็ทำอย่างนั้นไปละกัน
—
ฟางผิงไม่สนใจเฉินอวิ๋นซีอีก เฉินอวิ๋นซีก็ทำเหมือนที่เขาบอก ไม่ได้มีท่าทีอะไรเกินเลยอีกแล้ว
ตอนนี้เธอพยายามช่วงชิงเวลาฝึกวิชา เตรียมจะทะลวงขั้นสี่เช่นกัน
ตอนที่คนพวกนี้กลับมาก็เป็นวันที่สิบสี่เดือนล่าเยวี่ย[1]แล้ว
ตามตารางเรียนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เข้าสู่ช่วงปิดเทอมแล้วเหมือนกัน แต่ปีนี้มีคนออกไปล่วงหน้าน้อยมาก
ห้องพลังงานและสระปราณแทบจะมีคนเต็มทุกวัน นักศึกษาบางคนถึงกระทั่งวางแผนจะไม่กลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้าน
พวกเขาไม่คิดกลับไป แต่ฟางผิงยังคงวางแผนจะกลับบ้าน
เขาเตรียมจะเข้าถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้หลังจากปีใหม่อีกที
ตั้งแต่ต้นปีถึงปลายปีแทบจะกลับบ้านไม่กี่ครั้ง แม้จะเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เขาก็ยังเดินทางขึ้นเหนืออยู่เลย ทุกครั้งเอาแต่กลับบ้านอย่างเร่งรีบ
ถึงตรุษจีน ฟางผิงยินดีที่จะไปฉลองปีใหม่ที่บ้านมากกว่า ไม่ใช่เที่ยวเตร่อยู่ข้างนอกทำให้ที่บ้านเป็นกังวล
วันที่ 1 กุมภาพันธ์
วันที่ 18 เดือนล่าเยวี่ย
ฟางผิงจัดการภารกิจของมหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว เรื่องแพลตฟอร์มร่วมกันก็กำหนดกฎระเบียบออกมาแล้ว เทอมหน้าค่อยเปิดใช้งานอีกที
ทำเรื่องพวกนี้เสร็จสิ้นแล้ว ฟางผิงก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน
ผลปรากฏว่าตอนที่กำลังเตรียมตัวกลับ หลี่เฉิงเจ๋อก็โทรศัพท์มา ทำให้ฟางผิงจำเป็นต้องเสียเวลาไปจัดการธุระที่บริษัทอีกนิดหน่อย
ทางบริษัทหยวนฟาง แม้ตอนนี้จะช่วยเหลือฟางผิงได้ไม่เยอะเหมือนที่คิดไว้เท่าไหร่ แต่ฟางผิงก็ไม่ได้คิดจะละทิ้ง ปัจจุบันบริษัทหยวนฟางกำลังขยายไปทั่วประเทศ
ส่งของ ส่งอาหาร และแพลตฟอร์ม ในสายตาฟางผิง ยังคงช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน รอแพลตฟอร์มขยายเสร็จสิ้นแล้ว อาจจะมีช่วงเวลาที่ได้ใช้ประโยชน์เหมือนกัน
ทั้งตอนนี้ฟางผิงก็คิดทะลุปรุโปร่งแล้ว
คล้อยหลังจากสถานการณ์ที่เลวร้าย เทคโนโลยีก้าวหน้า หากประชาชนทุกคนเรียนวรยุทธ์จริงๆ เวลาของทุกคนก็จะเร่งรีบมากขึ้น เวลานี้กลับจะกลายเป็นโอกาสของธุรกิจส่งอาหาร
บางคนเพื่อฝึกวิชาแล้วอาจไม่มีเวลาออกไปกินข้าวเสมอไป
แต่อาหารยังคงจำเป็นต้องกิน
ไม่ถึงระดับกลาง การกินข้าวยังเป็นเรื่องที่จำเป็น
ถึงจะเป็นฟางผิงในตอนนี้ เขาก็ยังไม่อาจทิ้งความเคยชินในการกินข้าวได้เช่นกัน แม้ว่าเขาไม่กินข้าวหนึ่งเดือน จะไม่รู้สึกหิวก็ตาม
เดือนมกราคมมหาวิทยาลัยให้เงินฟางผิงหกร้อยล้านเป็นค่าจัดสรรพลังฟ้าดิน
ครั้งนี้ฟางผิงไม่ได้สิ้นเปลืองอีก มอบให้บริษัทหยวนฟางทั้งหมด
ครั้งก่อนแพลตฟอร์มสั่งอาหารเคยขายหุ้นไป แต่เว็บไซต์ส่งของและส่งอาหาร นั่นไม่มีหุ้นของคนอื่นอยู่เลย
ตอนนี้ฟางผิงมีเงิน ทั้งไม่ได้ต้องการใช้เงินเท่าไหร่ จึงลองลงทุนกับบริษัทดู
หากสามารถพัฒนาได้อย่างกว้างไกลจริงๆ ในอนาคตบางทีอาจให้ค่าทรัพย์สินเขาหลายหมื่นล้าน นั่นไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เช่นกัน
ระบบอัปเกรดอีกครั้ง เกรงว่าคงต้องเป็นค่าทรัพย์สินหนึ่งแสนล้านแล้ว
ฟางผิงคิดว่าอยากจะให้ค่าทรัพย์สินถึงแสนล้านยังเป็นเรื่องยากไม่น้อย
แม้จะขุดแร่…ก็ไม่ใช่ทุกที่จะมีแร่ให้เขาขุดจริงๆ ไปขุดแร่เมืองราชา ปากบอกว่าสบายๆ แต่แหล่งแร่เมืองราชามีการป้องกันที่เข้มงวด นั่นเป็นเรื่องเสี่ยงที่จะถูกขั้นเก้าค้นพบ
หากไม่ทันระวัง คงเอาชีวิตไปทิ้งเท่านั้น
หากไม่ถึงเวลาจำเป็นจริงๆ หรือมีแผนการที่สมบูรณ์เพียบพร้อม เขาคงไม่เสี่ยงอันตรายไปขุดแร่เด็ดขาด
—
จัดการเรื่องที่บริษัทเสร็จก็เป็นวันที่สามแล้ว
วันนี้ฟางผิงตัดสินใจกลับบ้าน
ก่อนที่จะกลับบ้าน ตอนแรกเขายังอยากจะเจอฉินเฟิ่งชิงสักหน่อย จะเตือนให้อีกฝ่ายฉลองปีใหม่แล้วให้รีบกลับมหาวิทยาลัย
ผลปรากฏว่าหาคนไม่เจอ
สืบข่าวดูจึงรู้ว่าฉินเฟิ่งชิงไม่รู้ไปหลบภัยอยู่ที่ไหน
ถังเฟิงกลับมาแล้ว!
ไม่ใช่แค่ถังเฟิง ตอนนี้หลัวอี้ชวนก็กลับมหาวิทยาลัยแล้วเช่นกัน
การสอบปลายภาคของปีหนึ่ง ฉินเฟิ่งชิงแกล้งใช้อำนาจตัวเอง ทั้งนับว่าเสพติดการเป็นผู้คุมสอบเกินไป
คนๆ นี้วางอำนาจบาตรใหญ่ในห้องสอบ แทบจะลืมแล้วว่าตัวเองแซ่อะไร
ระหว่างการสอบฉินเฟิ่งชิงสร้างความลำบากใจให้นักศึกษาปีหนึ่งหลายคน
ในนั้นมีถังเหวินที่เป็นเป้าหมายหลักในการแก้แค้น
การสอบปลายภาคของปีหนึ่ง เดิมทีเป็นแค่การตรวจสอบปราณ ตรวจการพัฒนาของจวงกง เคล็ดวิชาต่อสู้พื้นฐานพวกนี้ไม่กี่อย่าง
สำหรับผู้ที่เข้าสู่ขั้นสองแล้วอย่างถังเหวินแทบจะเป็นเรื่องกล้วยๆ
แต่ฉินเฟิ่งชิงดึงดันจะเพิ่มการสอบต่อสู้ในสถานการณ์จริงให้ได้ อาศัยข้ออ้างสวยหรูว่าเป็นการทดสอบวัดระดับการต่อสู้ที่แท้จริงของทุกคน
คนที่หน้าไม่อายยังลงทุนเป็นผู้ทดสอบด้วยตัวเอง
เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่คนหนึ่ง แม้จะยืนอยู่เฉยๆ ให้ถังเหวินอัด ถังเหวินอาจทำอะไรเขาไม่ได้เสมอไป
ผลปรากฏว่าฉินเฟิ่งชิงยังเป็นประเภทที่ไม่ใช่สุภาพบุรุษให้คนเขาซ้อมเฉยๆ
หมอนี่ถือโอกาสสั่งสอนถังเหวินชุดใหญ่ เวลานั้นติดสนุกจนเกินไป คิดว่าเป็นการล้างแค้นไปแล้ว
เขามักรู้สึกว่าอัจฉริยะปีหนึ่งพวกนี้เหิมเกริมเกินไป ต้องขัดเกลาให้มากหน่อย
ผลปรากฏว่าเขาเปลี่ยนแปลงเนื้อหาข้อสอบอย่างส่งเดช ทั้งยังซ้อมผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างไปหลายคน เฉินเจิ้นหวายังไม่ทันคิดบัญชีกับเขา ถังเฟิงและหลัวอี้ชวนก็ทยอยกลับมาติดๆ กัน
รู้ว่าฉินเฟิ่งชิงเจ้าคนหน้าไม่อายคนนั้นใช้อำนาจรังแกคนอ่อนแอกว่า สองคนนั้นก็โมโหขึ้นหน้า ตามหาตัวเขาเพื่อคิดบัญชีทั่วสารทิศ
ครั้งนี้ฉินเฟิ่งชิงไม่ได้แสร้งโง่ รู้ว่าต้องมีปัญหาแน่ๆ จึงหนีไปล่วงหน้า ใครก็ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนี่หนีไปไหน ไม่แน่ว่าอาจจะสะบัดตูดกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านเกิดแล้วก็ได้ กระทั่งโทรศัพท์ยังไม่รับเลย