ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 413-2 เผยกระดูกทอง ฆ่าขั้นหก (2)
ตอนที่ 413 เผยกระดูกทอง ฆ่าขั้นหก (2)
……….
ครู่ต่อมาร่างของผู้คุมกฎเจิ้งก็หายวับไป
เสี้ยวนาทีที่เขาหายไปนั้น ฟางผิงกลับไม่ตกใจแม้แต่น้อย แววตาเผยความดุดันขึ้นมา!
‘เปรี้ยง!’
เสียงระเบิดที่ไร้รูปร่างดังสั่นสะเทือนอากาศอย่างรุนแรง
คลื่นที่มองไม่เห็นปั่นป่วนทั่วฟ้าดิน
ต้นไม้บางส่วนรอบๆ ถูกคลื่นไร้รูปร่างนี้โจมตีจนแหลกละเอียดในชั่วพริบตา
‘อ๊าก!’
เสียงร้องโอดครวญดังขึ้น กลางอากาศ ผู้ปกป้องกฎเจิ้งที่หายไปเมื่อครู่ ร่างสั่นไหวเล็กน้อย ปรากฏตัวขึ้นที่เดิม
แต่ฟางผิงกลับมีเลือดพรั่งพรูทั้งเจ็ดทวาร
ระเบิดพลังจิตใจตัวเอง!
เมื่อครู่ฟางผิงระเบิดพลังจิตใจของตัวเองเป็นจำนวนมาก
เทียบกับครั้งแรกนั้นยังมากกว่าซะอีก!
ตอนนี้ฟางผิงสะลึมสะลืออยู่บ้างเช่นกัน กลับไม่คิดชักช้าแม้แต่น้อย เสี้ยวนาทีที่ผู้คุมกฎเจิ้งปรากฏกาย ฟางผิงก็เคลื่อนตัวพร้อมกับดาบ ครั้งนี้กระดูกทั่วร่างฟางผิงเปล่งแสงสีทองเจิดจ้าจนถึงขีดจำกัด!
“ไปตายซะ!”
ฟางผิงคำรามเสียงดัง ฟันดาบลงไป
ผู้คุมกฎเจิ้งที่ถูกตัวเองระเบิดพลังจิตใจจนเกือบทำลายสมอง เวลานี้เจ็ดทวารก็มีเลือดไหลจำนวนมากเช่นกัน
แต่เผชิญหน้ากับความเป็นความตาย อีกฝ่ายเอาชนะความเจ็บปวดที่แผ่มาจากสมองได้อย่างรวดเร็ว ยกดาบตั้งรับทันที!
‘เปรี้ยง!’
เกิดเสียงดังสนั่น ผู้คุมกฎเจิ้งร่วงลงไป
ฟางผิงเห็นแบบนั้นจึงกัดฟัน ฟื้นฟูพลังจิตใจขึ้นชั่วพริบตา คำรามอีกครั้ง ก่อนจะระเบิดออกไป
ครั้งนี้ร่างสองคนต่างสั่นไหวอย่างรุนแรง ร่วงลงมาจากฟากฟ้า
ฟางผิงกวัดแกว่งดาบโจมตีอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายเนื้อหนังยิ่งปริแตกขึ้นไปอีก เวลานี้อวัยวะภายในโปร่งแสงอย่างเห็นได้ชัดเจนเช่นกัน
“ตายซะ!”
ฟางผิงตะโกนออกไป ปากพ่นเลือดออกมาจำนวนมาก พุ่งตรงไปหาหัวของอีกฝ่าย
ตอนนี้ผู้คุมกฎเจิ้งเลือดไหลเต็มใบหน้า เห็นแบบนั้นก็เผยแววตาโหดเหี้ยม กลางอากาศ เดิมทีประตูซานเจียวหนึ่งบานที่ปิดแค่ครึ่งหนึ่งก็เปิดกว้างออกมาชั่วพริบตา!
ครู่ต่อมาพลังงานมหาศาลก็หลั่งไหลพรั่งพรู พลังจิตใจที่แห้งเหี่ยวของผู้คุมกฎเจิ้ง ฟื้นฟูขึ้นมากว่าครึ่งใหญ่ แววตาไม่สับสนมึนงงอีกต่อไป มีสติขึ้นมาแล้ว
ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ผู้คุมกฎเจิ้งยังคงมีแรงเหลือ ฟันดาบออกไปทำลายเกาทัณฑ์เลือดของฟางผิง
แม้ว่าอาการจะดีขึ้นมา แต่แววตาของผู้คุมกฎเจิ้งกลับเผยความอาฆาตแค้น
การปิดผนึกประตูซานเจียวเป็นขั้นตอนที่ยากลำบากอย่างหนึ่ง
เขาปิดประตูบานแรกอย่างสนิทแล้ว ประตูที่สองก็ปิดกว่าครึ่งใหญ่ อีกสักสองปีเขาก็มีหวังจะปิดสนิท ก้าวเข้าสู่ขั้นหกตอนปลายแล้ว
แต่ตอนนี้เผชิญหน้ากับการจู่โจมของขั้นห้าคนหนึ่ง เขากลับจำเป็นต้องทำลายประตูของตัวเอง เปิดประตูบานที่สองออกมา
เขาในตอนนี้ จากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตอนกลางกลับกลายเป็นตอนต้นไปซะแล้ว
ทั้งความก้าวหน้านี้เขาสิ้นเปลืองเวลาไปถึงหกปี!
เขาอาฆาตแค้น ฟางผิงกลับอาฆาตแค้นยิ่งกว่าเขา
สามสิบวินาทีผ่านไปแล้ว!
หากยังไม่ฆ่าหมอนี่อีก เกรงว่าหวังจินหยางจะต้านไม่ไหวแล้ว
หวังจินหยางที่อยู่ขั้นห้าตอนต้นต่อกรกับยอดฝีมือขั้นหกสูงสุด ทุกวินาทีล้วนหมายถึงชีวิต
ในตอนที่ผู้คุมกฎเจิ้งทำลายประตูซานเจียวของตัวเอง ฟางผิงก็คำรามอย่างโมโหว่า “พวกนายบีบฉันเองนะ!”
ครู่ต่อมาหัวก็ประกายแสงเจิดจ้าอย่างถึงที่สุด คล้อยจากหัวเปล่งแสงสีทอง กระดูกส่วนอื่นๆ ในร่างกายฟางผิงก็ปะทุแสงอย่างสว่างไสว
ช่วงเวลานี้ฟางผิงก็หลอมกะโหลกที่เหลือสามชิ้นของตัวเองทันที
ทั้งนี่ไม่ใช่ว่าไม่ต้องใช้ค่าตอบแทนอะไร
ฟางผิงไม่หลอมมาโดยตลอดก็เพราะรู้สึกว่าพื้นฐานร่างกายยังไม่อาจรองรับกระดูกทองได้อย่างเต็มที่
และเรื่องจริงก็เป็นดังคาด เสี้ยวนาทีที่กะโหลกระเบิดแสงจ้า เนื้อหนังที่แหลกไม่เป็นชิ้นดีของฟางผิงก็ปริแตกอย่างต่อเนื่อง
อวัยวะภายในที่โปร่งแสงนั้นก็กำลังพังทลายเช่นกัน
ในเวลาเดียวกันบนร่างของฟางผิงก็ระเบิดพลังที่แข็งแกร่งจนถึงขีดสุดออกมา ชายกลางคนที่ต่อสู้กับหวังจินหยางอย่างบ้าคลั่งซึ่งอยู่ไม่ไกลนั้นสีหน้าเปลี่ยนทันที
“กระดูกทอง!”
แววตาของชายกลางคนเผยท่าทีไม่กล้าที่จะเชื่อ ก่อนหน้านี้ฟางผิงก็เผยแสงสีทองให้เห็นเหมือนกัน แต่เวลานั้นเป็นแค่แสงสีทอง ไม่ได้มีพลังกดดันเหมือนยอดฝีมือร่างทองแบบนั้น
กระดูกทองของยอดฝีมือร่างทองไม่เหมือนกับของฟางผิงและหลี่หานซงพวกนี้
แต่เวลานี้ร่างของฟางผิงกลับกระจายพลังออกมา เป็นแรงกดดันประเภทนั้น!
แรงกดดันที่มาจากขั้นแปด!
ฟางผิงไม่มีเวลาฟังคำไร้สาระของเขา ตอนนี้ฟางผิงแผดเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ไม่มีการหลอมกระดูกครั้งไหนเจ็บปวดเท่าครั้งนี้มาก่อน!
เนื้อหนังปริแยกอย่างต่อเนื่อง ต่อให้มีพลังปราณมากกว่านี้ก็ไม่อาจทำให้แผลสมานตัวกันได้ อวัยวะภายในปริแตกเช่นเดียวกัน นี่ทำให้ฟางผิงรู้สึกราวกับตัวเองกำลังจะระเบิด
แต่ในเมื่อระบบให้เขาหลอมกระดูก ฟางผิงมั่นใจว่าตัวเองคงตายไม่ได้!
ชั่วพริบตาที่ใช้งานกระดูกทอง ผู้คุมกฎเจิ้งที่อยู่ตรงข้ามก็ถูกอานุภาพของกระดูกทองกดดันจนร่วงลงไป
ผู้คุมกฎเจิ้งที่อาการบาดเจ็บเพิ่งฟื้นฟู เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาเป็นครั้งแรก
ไม่มีความคิดจะต่อสู้กับฟางผิงอีกต่อไปแล้ว ครู่ต่อมาผู้คุมกฎเจิ้งก็หมุนตัวหนีไปทันที!
“ต้องฆ่านายให้ได้!”
ฟางผิงแทบจะตะโกนไม่ออก เสียงแหบพร่าแฝงด้วยความอัดอั้นอย่างถึงที่สุด
สิ้นเสียงนั้น บนดาบผิงล่วนก็รวบรวมพลังฟ้าดินและพลังกระดูกทองเข้าด้วยกัน ครู่ต่อมาบังเกิดเป็นอานุภาพที่แข็งแกร่ง ฟางผิงตะเบ็งสุดเสียง ฟันดาบออกไป!
เปรี้ยงๆๆ!
คล้อยหลังจากประกายดาบ อากาศก็ปริแตก เกิดประกายไฟกระเด็นกระดอนทั่วสารทิศ
บนพื้นดินปรากฏรอยแยกยาวนับร้อยเมตรขึ้นมาทันที ต้นไม้และสิ่งก่อสร้างระหว่างทางพากันพังทลาย
เวลานี้ฟางผิงแทบไม่อาจสนใจว่าจะพลาดถูกคนทั่วไปหรือเปล่า
ทิศทางของดาบนั้นออกไปทางนอกชุมชน
ข้างนอกเป็นถนน ในวันปกติมีรถไม่น้อย แต่วันนี้เป็นวันส่งท้ายปี จึงแทบไม่เห็นเงาคน
ประชาชนในชุมชนเล็กๆ แม้จะหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด แต่ทั้งสองฝ่ายประมือกันอย่างรวดเร็ว เวลานี้นอกจากคนกลุ่มน้อย คนส่วนใหญ่แทบไม่ทันได้ออกจากประตูบ้านด้วยซ้ำ
ดาบนี้ฟันออกไป จุดที่ประกายดาบวาดผ่านแทบจะแหลกเป็นผุยผง
ควันหลงทำพื้นดินแตกกระจัดกระจาย ถนนข้างนอกถูกตัดขาด ร้านค้าฝั่งตรงข้ามพังถล่มอย่างแรง ร้านค้าที่ปิดไฟมืดสนิทนั้น ฟางผิงก็ไม่รู้ว่ามีคนอยู่หรือเปล่า ในความเป็นจริงเวลานี้เขาไม่อาจสนใจมากมายขนาดนั้นได้ด้วยซ้ำ
ไม่ฆ่าอีกฝ่าย ภายใต้การร่วมมือของพวกนั้น เขาและหวังจินหยางอย่าได้คิดจะหนีเลย
“ไม่!”
ผู้คุมกฎเจิ้งที่หนีออกไประยะหนึ่ง รับรู้ถึงพลังดาบที่แผ่กระจายมาทางข้างหลัง สัมผัสได้ถึงเนื้อหนังบนแผ่นหลังถูกประกายดาบที่อยู่ห่างไกลฉีกทึ้ง ชั่วขณะนั้นก็ร้องขึ้นมาอย่างหวาดกลัวทันที
เสี้ยวพริบตานี้ผู้คุมกฎเจิ้งก็ทุ่มสุดชีวิตเช่นกัน!
เปรี้ยง!
เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ประตูซานเจียวบานแรกที่ปิดสนิทแล้วถูกเปิดออกในชั่วพริบตา
ครั้งนี้หากไม่ตาย เขาก็ต้องร่วงสู่ขั้นหกตอนต้น
ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ประตูซานเจียวเปิดออก ระหว่างฟ้าและดินก็มีพลังงานนับไม่ถ้วนหลั่งไหลสู่ภายในร่างกายผู้คุมกฎเจิ้ง
ผู้คุมกฎเจิ้งพยายามหลบหนี ทั้งยังสร้างพลังปราณขึ้นมาครอบคลุมร่างกายไปพลาง
แต่ต่อให้จะมีพลังปราณปกคลุมหนาแน่นขนาดไหนก็ไม่เร็วเท่าการทำลายล้างของประกายดาบอยู่ดี
แทบจะเป็นเวลาเสี้ยวพริบตา ประกายดาบก็ปกคลุมร่างของผู้คุมกฎเจิ้งทันที!
‘เปรี้ยง!’
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
แต่ตอนนี้ฟางผิงไม่ใช่มนุษย์ทองอีกแล้ว แต่เป็นมนุษย์เลือด ทั่วร่างมีแต่เนื้อหนังปริแตก สองแขนนั้น เนื้อหนังทั้งหมดแทบจะแหลกไม่เป็นชิ้นดี
พลังปราณสีแดงปรากฏขึ้นในอากาศไม่ขาดสาย ซ่อมแซมอย่างรวดเร็วกลับไม่สามารถทำให้เนื้อหนังงอกคืนมาได้
ฟางผิงกัดฟันแน่น ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ทะยานสู่อากาศ ชั่วพริบตาก็ไปถึงตำแหน่งที่ประกายดาบฟันลงไป
เวลานี้ผู้คุมกฎเจิ้งไม่ได้ถูกฟันตายในดาบเดียว แม้ทั้งร่างคล้ายจะถูกหั่นเป็นสองส่วน แต่อีกฝ่ายยังคงไม่ตาย
เห็นฟางผิงลอยมา แววตาของผู้คุมกฎเจิ้งเผยความอาฆาตแค้นขึ้นมาอย่างเข้มข้น
ฟางผิงไหนเลยยังจะสนใจว่าเขาคิดยังไง คนพวกนี้มาฆ่าตัวเองก่อน ยังมีหน้ามาอาฆาตคนอื่นอีก!
ชั่วพริบตาที่ผู้คุมกฎเจิ้งกวัดแกว่งดาบโต้คืนอย่างยากลำบาก ประกายดาบของฟางผิงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ฟันออกไปหนึ่งดาบ!
‘ฉึบ!’
หัวร่วงหล่นลงไปทันที
ฟางผิงแทบไม่ชายตามอง ลอยกลับไปในอากาศอย่างรวดเร็ว เขายังไม่ทันกลับไปที่เดิม เงาหนึ่งก็ฝ่าความว่างเปล่าเข้ามา เลือดกระจายไปทั่วอากาศ
ฟางผิงหน้าเปลี่ยนสีทันที รีบคว้าหวังจินหยางไว้
เวลานี้หวังจินหยางหน้าซีดเผือด หน้าอกถูกแทงเป็นรูใหญ่ เห็นอวัยวะภายในได้อย่างชัดเจน อวัยวะหลายชิ้นถูกทำลายจนแหลกลาญ
“ภารกิจลุล่วง!”
หวังจินหยางฝืนยิ้มออกมา ตั้งแต่เขาทะยานสู่อากาศจนฟางผิงสังหารผู้คุมกฎเจิ้งเป็นเวลาประมาณสามสิบวินาทีพอดี
ระหว่างที่หวังจินหยางพูด ชายกลางคนก็ทะยานเข้ามาแล้ว บนร่างมีบาดแผลอยู่เล็กน้อย ไม่นับว่าสาหัสอะไร
ชายกลางคนคาดไม่ถึงอยู่บ้างจริงๆ หรือจะพูดว่าไม่กล้าคิดเลยด้วยซ้ำ
ขั้นหกสูงสุดหนึ่งคน ขั้นหกตอนกลางหนึ่งคน ตอนต้นอีกหนึ่งคน ความสามารถแบบนี้ แม้จะเจอกับผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมจิตใจและปราณเป็นหนึ่งก็สามารถสู้ได้อยู่ดี
แต่ตอนนี้แค่ล้อมฆ่าฟางผิงที่อยู่ขั้นห้าเท่านั้น
แน่นอนว่าภายหลังหวังจินหยางยังเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย แต่ก็แค่ขั้นห้าสองคน
แม้จะเป็นแบบนี้นึกไม่ถึงว่าคนที่ตายก่อนจะไม่ใช่พวกฟางผิง แต่เป็นขั้นหกสองคนที่เป็นลูกน้องของเขา โดยเฉพาะผู้คุมกฎเจิ้ง นั่นไม่นับว่าเป็นลูกน้องเขาจริงๆ อีกฝ่ายเป็นผู้อาวุโสที่อยู่ขั้นหกตอนกลางแล้ว
“ผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะ…น่าเสียดายจริงๆ!”
แววตาของชายกลางคนเยือกเย็นอย่างถึงที่สุด ครั้งนี้แม้เขาจะฆ่าทั้งสองคนได้ ก็ต้องกลับไปรับโทษอยู่ดี
นึกไม่ถึงว่าจะเอาชีวิตของยอดฝีมือขั้นหกสองคนมาทิ้งที่นี่ น่าอัปยศอดสูอะไรอย่างนี้!
สิ้นเสียงนั้น อีกฝ่ายก็ไม่ชักช้าอีก หมัดประกายสีแดงพุ่งเข้าหาตำแหน่งที่พวกฟางผิงอยู่ในชั่วพริบตา
ฟางผิงลากหวังจินหยางหวังที่เจ็บปางตายหนีเข้าไปทางชานเมืองอย่างรวดเร็ว
หากยังต่อสู้ที่ชุมชนเล็กๆ นี้อีก เกรงว่าคงต้องพินาศกันหมดแล้ว
พวกเขาเพิ่งไป หมัดก็ร่วงสู่พื้น พื้นดินถูกระเบิดจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่
พวกฟางผิงหลบหนี ชายกลางคนไม่คิดหยุดเช่นกัน ฝ่าอากาศขึ้นไปไล่ตามฆ่าอย่างรวดเร็ว
สองคนนี้ใกล้จะหมดเรี่ยวแรงแล้ว อดทนได้ไม่นานเท่านั้น
————————-
……….