ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 416-2 ยังจำเรื่องในอดีตได้หรือเปล่า (2)
ตอนที่ 416 ยังจำเรื่องในอดีตได้หรือเปล่า (2)
……….
อู๋ชวนมองหวังจินหยางแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “ทำไมเขาถึงคิดว่าเป็นฝีมือของสองบริษัทใหญ่?”
หวังจินหยางส่ายหน้าว่า “ไม่แน่ใจครับ”
“เธอคิดว่าไง?”
หวังจินหยางกดเสียงว่า “หากมองจากภาพรวมและความสมเหตุสมผล ผมอยากให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตมากกว่า ไม่หวังให้เป็นคนของสองบริษัทใหญ่ แต่…บางเรื่อง ตรวจสอบให้กระจ่างก็ไม่ได้มีผลเสีย ใช่หรือไม่ใช่ก็ต้องให้คำตอบที่ชัดเจนออกมา ไม่งั้นถ้ามีเสี้ยนหนามตำอยู่ในใจ งั้นคงต้องกระทบไปถึงอนาคตทั้งหมดแล้ว! ถ้ามอบภาพลักษณ์ข่มเหงวีรบุรุษให้สองบริษัทใหญ่ ปรมาจารย์ทุกท่านน่าจะคาดเดาได้แล้วว่าจะเกิดผลลัพธ์ยังไงตามมา นี่ถือว่าล้ำเส้นแล้ว คนอย่างพวกเราลงถ้ำใต้ดินอย่างไม่สนใจความเป็นความตาย ไม่หวั่นเกรงการต่อสู้ ไม่ขลาดการรบ ตกลงแล้วเพื่ออะไร? เพื่อชื่อเสียงจอมปลอมที่ไม่มีค่าพอให้คนอื่นพูดถึงด้วยซ้ำ? มีผู้ฝึกยุทธ์กี่คนที่จะสนใจเรื่องนี้?”
อู๋ชวนสูดลมหายใจเข้าลึก เอ่ยอย่างรวดเร็วว่า “ได้ เรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ละเอียด ใช่หรือไม่ใช่ ยังไงก็ต้องหาคำตอบออกมา! ฉันจะรายงานกับรัฐบาลกลาง กองตั้งมั่นจะออกหน้าเช่นกัน รวมถึงหน่วยทหาร กระทรวงการศึกษาและหน่วยสืบสวนพวกนี้จะปฏิบัติอย่างเที่ยงตรงไม่ให้เกิดความลำเอียง! ถ้าเป็นเรื่องจริง ต่อให้ผลลัพธ์หลังจากนั้นจะร้ายแรงแค่ไหน ก็ต้องกวาดล้างให้สิ้นซาก!”
อู๋ชวนเอ่ยหนักแน่นอย่างถึงที่สุด
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ถือว่าร้ายแรงเลยทีเดียว
หวังจินหยางก็ไม่พูดมาก…บางเรื่องคุณคิดว่าเป็นไปไม่ได้ แต่มันอาจไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป
ฟางผิงดูเหมือนว่าจะคิดหาผลประโยชน์เล็กน้อย แต่ตอนนี้เป็นลัทธินอกรีตหรือสองบริษัทใหญ่ ใครจะสามารถรับประกันได้
—
บนพื้นดิน
พวกไป๋จิ่นซานกำลังตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ไม่มีใครตะโกนเรียกออกไป
เวลานี้ตะโกนเรียก ใครจะรู้ว่าเรียกใครออกมา
แต่ไป๋จิ่นซานประเมินความสามารถของยอดฝีมือระดับกลางและระดับสูงต่ำเกินไป หากมีศัตรูอยู่จริงๆ ต่อให้พวกเขาระวังแค่ไหนก็คงถูกพบไปนานแล้ว
ไป๋จิ่นซานเผยสีหน้าแวดระวัง ตั้งท่าพร้อมโจมตี ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ผมเอง!”
“ฟางผิง!”
“พี่!”
“ผิงผิง!”
ฟางหยวนถลามาอยู่ข้างหน้าฟางผิงทันที กอดเขาร้องไห้ขึ้นมา สะอื้นว่า “พี่ นายเป็นยังไงบ้าง?”
“ฉันไม่เป็นไร” ฟางผิงหัวเราะออกไป หดมือเข้าไปในเสื้อคลุม ตบหลังน้องสาวเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “โง่หรือเปล่า เวลานี้ยังกล้าตามมาที่นี่? ถ้าไม่ใช่ว่าผมฆ่าศัตรูไปแล้ว ควันหลงอาจทำให้พวกคุณตายได้ทั้งหมดด้วยซ้ำ ครั้งหน้าอย่าทำอะไรโง่ๆ อีก ผมจะเป็นอะไรได้หรือไง? แค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกไม่กี่คนเท่านั้น ขั้นหกสูงสุดมีแค่คนเดียว ผมเคยประมือกับขั้นเจ็ดแปดเก้ามาก่อนแล้ว ยังจะสนใจปัญหาเล็กน้อยแค่นี้? หากไม่ใช่ว่ากลัวทำให้ประชาชนหยางเฉิงได้รับบาดเจ็บไปด้วย ผมคงระเบิดกระบวนท่าฆ่าคนต่ำทรามพวกนี้ไปแล้ว!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ฟางหยวนและฟางหมิงหรงกลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย เห็นฟางผิงพูดคุยหัวเราะได้ ทั้งสองคนก็แทบจะดีใจจนน้ำตาไหลแล้ว ยังจะสนใจอะไรมากมายขนาดนั้นอีก
ไป๋จิ่นซานกลับหน้าเปลี่ยนสี เป็นขั้นหกสูงสุดจริงๆ ด้วย!
ทั้งยัง…ถูกฟางผิงฆ่าแล้ว!
“ประ…ประธานฟาง เธอฆ่าศัตรูแล้ว?”
ช่วงเวลาสั้นๆ นั้นไป๋จิ่นซานก็ไม่กล้าเรียกชื่อออกมาตรงๆ อยู่บ้าง เอ่ยแฝงความตกใจ ถามออกไปเบาๆ
ขั้นหกสูงสุด!
เมื่อสองปีก่อน ผู้ว่าหนานเจียงจางติ้งหนานก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดเหมือนกัน
แต่ฟางผิง สองปีก่อนยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ด้วยซ้ำ
ฟางผิงแค่นยิ้มว่า “แน่นอน ไม่งั้นตอนนี้ผมจะมาพูดคุยกับทุกคนได้งั้นเหรอ? พวกเลวทรามกลุ่มหนึ่งเท่านั้น หลังจากนี้ไปผมจะไม่ปล่อยคนพวกนี้ไปอีก หากทำให้พวกเขานองเลือดไม่ได้ ไม่คิดจะเลิกราเด็ดขาด!”
ระหว่างที่พูด คนอื่นๆ ก็ลอยขึ้นมาแล้ว
ไป๋จิ่นซานรีบทักทายทีละคน ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บัญชาการเมืองหยางเฉิง ข่าวสารบางอย่างเขายังคงมีการติดตาม
ผู้บัญชาการทหารไป๋จากหนานเจียง เขารู้จักเหมือนกัน คนอื่นๆ ก็พอจะรู้ตำแหน่ง แน่นอนว่าคนอื่นรู้จักเขาหรือเปล่า พูดยากจริงๆ
เห็นยอดฝีมือหลายคนอยู่ที่นี่ ไป๋จิ่นซานกลับโล่งใจไม่น้อย
การต่อสู้ของยอดฝีมือก่อนหน้านี้ เขากังวลอย่างมาก ตอนนี้มีปรมาจารย์หลายคนอยู่จึงสามารถวางใจได้
สุดท้ายไป๋จิ่นซานก็มองหวังจินหยางแวบหนึ่ง ก่อนม่านตาจะหดเกร็ง
แม้อาการบาดเจ็บของหวังจินหยางจะดีขึ้นมาก แต่บาดแผลภายนอก ไม่ได้สมานตัวง่ายขนาดนั้น
เห็นหน้าอกของหวังจินหยางยังมีรอยแทงทะลุจนถึงกระทั่งมองลอดออกไปฝั่งตรงข้ามได้ ด้านหนึ่งไป๋จิ่นซานก็ตกใจกับความรุนแรงของการต่อสู้ครั้งนี้ อีกด้านยังตกใจที่คนพวกนี้ดวงแข็งอย่างถึงที่สุด
หากเป็นเขา มีบาดแผลแบบนี้ อย่าพูดว่าไม่เป็นไรเลย เกรงว่าคงจะตายไปนานแล้ว
อู๋ชวนเห็นฟางผิงยังคุยกับครอบครัวก็เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “ฟางผิง เดี๋ยวมาที่ทำเนียบผู้ว่าด้วย พวกเราพูดคุยกันสักหน่อย!”
“รอคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มาแล้วค่อยคุยเถอะครับ!”
ฟางผิงปฏิเสธตรงๆ ตอนนี้เขาไม่พูดอะไรทั้งนั้น ไม่มีอำนาจคงไม่อาจพูดอะไรได้
อู๋ชวนได้ฟังก็ขมวดคิ้ว กลับไม่พูดอะไรอีก สูดลมหายใจว่า “ได้ งั้นพวกเราจะไปรอเธอที่ทำเนียบผู้ว่า!”
พูดจบ อู๋ชวนก็คว้าตัวไป๋จิ่นซานลอยออกไปด้วยกัน
ปรมาจารย์คนอื่นๆ ไม่ชักช้าเช่นกัน ทยอยตามไป
หนึ่งในนั้นยังคว้าศพชายกลางคนที่ถูกฆ่าไปด้วย เรื่องนี้ในเมื่อทุกคนมาแล้ว งั้นก็ต้องตรวจสอบให้ละเอียด
ตอนนี้เมืองเล็กๆ อย่างหยางเฉิง มีปรมาจารย์มารวมตัวถึงห้าคน ปรมาจารย์ใหญ่อีกหนึ่งคน
หลังจากนี้ยังจะมียอดฝีมือไล่ตามมาอีก เวลานี้พวกเขาไม่อาจกังวลความปลอดภัยของฟางผิงได้อีก ลงมือเวลานี้ หากขั้นเก้ามาถึงคงยากจะหนีรอดแล้ว
เห็นคนไปกันหมดแล้ว ฟางหยวนยังเกาะหนึบอยู่บนตัวเขา ฟางผิงก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว เธอกลับไปกินข้าวกับพ่อเถอะ…เดี๋ยวฉันต้องไปจัดการเรื่องสักหน่อย”
“พี่…”
ฟางหยวนร้องไห้กระซิก เกาะแกะอยู่บนตัวฟางผิง เอ่ยอย่างกังวลว่า “นายบาดเจ็บหนักหรือเปล่า?”
เธอเห็นหวังจินหยางบาดเจ็บหนัก หน้าอกถูกแทงทะลุแบบนั้น จะไม่บาดเจ็บหนักได้ยังไง?
ส่วนฟางผิง…ตอนนี้ใบหน้าฟื้นฟูพอประมาณแล้ว แต่ยังมีรอยแผลบางส่วน ดูแล้วน่ากลัวไม่น้อยเช่นกัน
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ บาดเจ็บแค่เล็กน้อย อย่ามองว่าพี่หวังอาการหนักจนน่าตกใจ อันที่จริงแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น พี่หวัง ใช่หรือเปล่า?”
หวังจินหยางที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ แค่บาดเจ็บเล็กน้อย
เล็กน้อยจนถึงขั้นถ้าไม่มีสสารไม่แตกดับช่วยฟื้นฟู ครั้งนี้เขาน่าจะนอนเปื่อยอยู่บนเตียงเกือบปีสองปีอย่างแน่นอน
ทั้งแม้จะเป็นตอนนี้ บาดแผลฟื้นฟูไม่น้อยแล้ว แต่พลังไขกระดูกถูกเบิกมาใช้ล่วงหน้า ทำให้คนทรงตัวไม่มั่นคงอยู่บ้าง
ฟางผิงพูดว่าบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหมอนี่เอาเรื่องจริงๆ
แต่ครอบครัวเขาอยู่ที่นี่ หวังจินหยางไม่อาจโต้แย้งได้ ปล่อยให้เขาพูดเลยตามเลยไป
ฟางหมิงหรงมองลูกชายตัวเอง ก่อนจะจ้องมือของเขาอยู่สักพัก เวลานี้มือของฟางผิงหดอยู่ในเสื้อคลุมตลอดเวลา แม้จะมองไม่เห็นอะไร แต่ฟางหมิงหรงยังคงเผยสีหน้าหนักอึ้งขึ้นมา
ลูกชายหลอกลูกสาวยังพอว่า แต่เขายังคงมองออก แขนที่อยู่ในเสื้อคลุมนั้นดูโหรงเหรงอย่างเห็นได้ชัด
อาการบาดเจ็บน่าจะไม่ได้เล็กน้อยอย่างที่ลูกชายพูดขนาดนั้นแล้ว
แต่ตอนนี้พูดออกมาก็ไม่มีประโยชน์ รังแต่จะเพิ่มความกังวลให้ลูกสาวและภรรยาเท่านั้น
ฟางหมิงหรงกังวลในใจ กลับไม่ได้เผยทางสีหน้า ดึงลูกสาวแล้วก็เอ่ยว่า “อย่าเกาะแกะพี่อีกเลย กลับบ้านกันก่อนเถอะ”
ระหว่างที่พูดก็ดึงฟางหยวนเดินลงเขาไปด้วยกัน
ฟางผิงไม่คิดจะลอยกลับไปเช่นกัน อันที่จริงตอนนี้เขาเป็นธนูปลายไม้อย่างแท้จริง เขาและหวังจินหยางแทบไม่อาจจะลอยกลับไปได้แล้ว นั่งรถลงเขาไปก่อนค่อยว่ากัน
เห็นพ่อและน้องสาวของฟางผิงเดินนำอยู่ข้างหน้า หวังจินหยางจึงเอ่ยเสียงเบาว่า “สองบริษัทใหญ่…”
ฟางผิงหัวเราะ กดเสียงว่า “ลองตรวจสอบดู ถือเป็นการข่มขู่ไปด้วย ครั้งหน้ามีปัญหาก็โยนให้พวกเขาไปเลย นับว่ากันไว้ก่อน เรื่องวุ่นวายในครั้งนี้ ครั้งหน้าแม้ว่าพวกเขาจะมีความคิดนี้ก็คงไม่กล้าแล้ว เรื่องที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้และมหาวิทยาลัยหนานเจียงร่วมมือกันยังไม่เผยแพร่ออกไป หากเผยแพร่ออกไป นายว่าสองบริษัทจะนั่งดูเฉยๆ หรือไง?”
ฟางผิงพูดจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาเถอะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน รอคนของเซี่ยงไฮ้มา พวกเราไปทำเนียบผู้ว่าด้วยกัน ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงที่ฉันถูกลอบโจมตีก็เป็นเรื่องจริง ทั้งเกือบจะตายแล้วด้วย!”
สีหน้าของฟางผิงดำทะมึนขึ้นมาทันที เอ่ยอย่างเยือกเย็น “ฉันยังไม่เคยเสียเปรียบขนาดนี้มาก่อน ไม่ใช่แค่ฉัน นายก็เหมือนกัน หากสสารไม่แตกดับไม่ฟื้นฟูขึ้นมา อาการของนาย เกรงว่าจะยากรักษาแล้ว”
“สสารไม่แตกดับ…”
หวังจินหยางพึมพำ ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ยอดฝีมือสมัยโบราณ อันที่จริงฉันก็ใช่ พี่หวัง ยังจำเรื่องในอดีตได้หรือเปล่า ฉันสร้างสวรรค์ขึ้นมา นายเป็นขุนพลคนแรกของสวรรค์?”
หวังจินหยางหน้าเปลี่ยนสี เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “สวรรค์?”
“นายลืมไปแล้ว? ดูท่าความทรงจำจะยังไม่ฟื้นฟู” ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ดีขึ้น นายเป็นขุนพลสวรรค์คนแรกของฉัน เจ้าหลี่หัวเหล็กเป็นแม่ทัพใหญ่ทางเหนือ เหยาเฉิงจวินเป็นแม่ทัพใหญ่ทางใต้…เวลานั้นสวรรค์มีแม่ทัพหนึ่งร้อยแปดคน สงครามเหนือใต้ รบกันอย่างไม่เลิกรา น่าเสียดายที่สุดท้ายทำสงครามกับยอดฝีมือเขตหวงห้ามถ้ำใต้ดิน ทั้งสองฝ่ายสูญเสียอย่างหนัก ล้มตายนับไม่ถ้วน ตอนนี้ทุกคนคืนชีพแล้ว ความทรงจำยังไม่ฟื้นฟูไม่เป็นไร แต่อย่าลืมว่าฉันเป็นความรุ่งโรจน์ของสวรรค์! ไม่ช้าก็เร็ว พวกนายต้องกลับมาทีละคน ฉันจะพาทุกคนบุกทะลวงเข้าไปในถ้ำใต้ดินอีกครั้ง…”
หวังจินหยางสีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ฟางผิงถอนหายใจว่า “อย่าคิดมากขนาดนั้น ฉันที่เป็นราชาสวรรค์…ยังมีความละอายใจต่อทุกคน ทำให้พวกนายต้องล้มตายในเวลานั้น ตอนนี้ความทรงจำสูญหาย แม้พวกนายฟื้นฟูความทรงจำแล้ว ไม่รู้จักฉันก็ไม่เป็นไร อันที่จริงฉันไม่อยากเป็นราชาสวรรค์นี้แล้วเหมือนกัน”
“ฟางผิง…นาย…นาย…”
จู่ๆ หวังจินหยางก็ปวดหัวแทบระเบิด แม่งเหอะ เจ้าบ้านี้ตกลงพูดจริงหรือเปล่า?
ตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้ว!
แต่สสารไม่แตกดับที่ฟื้นคืนก่อนหน้านี้ทำให้หวังจินหยางมั่นใจบางอย่าง เขาไม่ใช่คนทั่วไป นี่ไม่ใช่สิ่งที่การกลายพันธุ์สามารถอธิบายได้
แต่ฟางผิง…เหมือนไม่ตกใจเลย ราวกับรู้เรื่องพวกนี้มาก่อนด้วยซ้ำ
———————
……….