ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 418 สถานการณ์ตึงเครียด (1)
ตอนที่ 418 สถานการณ์ตึงเครียด (1)
……….
ข้างนอกทำเนียบผู้ว่า
เสียงประทัดที่หายไปก่อนหน้านี้ ตอนที่ใกล้เวลาเที่ยงคืนก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
แม้ก่อนหน้านี้จะเกิดการต่อสู้ของยอดฝีมือ แต่ยังไงก็ไม่ได้สร้างความเสียหายร้ายแรง ทำลายแค่สถานที่หลักๆ ในชุมชนกวนหูหยวนเท่านั้น
ตอนที่รัฐบาลส่งคนมาประกาศให้รู้ทั่วกัน คนของสถานีตำรวจและหน่วยสืบสวนก็ลาดตระเวนเพื่อแจ้งข่าวเช่นกัน รู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตถูกกำจัดแล้ว ตอนนี้หยางเฉิงมีปรมาจารย์นั่งรักษาการณ์อยู่ ประชาชนของหยางเฉิงจึงสงบใจลงได้
สำหรับคนจีน การฉลองปีใหม่เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก
เทียบกับการต่อสู้ที่ผ่านไปแล้ว กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตายังเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า
ข้างนอกเริ่มครึกครื้นขึ้นมาแล้ว ภายในทำเนียบผู้ว่า บรรยากาศกลับหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ
ไป๋จิ่นซานที่อยู่ขั้นสามแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นแล้ว
ปรมาจารย์ยอดฝีมือมากันเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งคนพวกนี้ยังพูดแทบนับคำได้ หลายคนกลับมาจากข้างนอก เดิมทีก็ไม่เคยคบค้าสมาคมกัน อย่างมากแค่พยักหน้าทักทายปรมาจารย์คนอื่นๆ แล้วก็หาที่นั่งรอเท่านั้น
ไป๋จิ่นซานที่อยู่ขั้นสามทนไม่ไหว ผู้บัญชาการเมืองรุ่ยหยางขั้นสี่ตอนปลายก็มีความรู้สึกเหงื่อชื้นแผ่นหลังเช่นกัน
นี่เกรงว่าคงเป็นครั้งหนึ่งในชั่วชีวิตของเขาที่เห็นปรมาจารย์รวมตัวกันมากถึงขนาดนี้!
รวมกับคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้มีปรมาจารย์เกินสิบคนแล้ว
ในระหว่างที่สองคนนี้ตึงเครียดอย่างถึงที่สุด จู่ๆ ทุกคนในห้องโถงก็มองไปข้างนอกห้องพร้อมเพรียงกัน
เวลานี้ข้างนอกมีลมหายใจที่แข็งแกร่งหลายสายเข้ามาใกล้แล้ว
“ฟางผิง เธอกล้าปรักปรำมั่วซั่ว คิดว่าไม่มีคนจัดการเธอได้จริงๆ หรือไง?”
ข้างนอกมีคนกระโดดลงพื้น ชายกลางคนคนหนึ่งระเบิดพลังขึ้นมาพร้อมกับตะโกนอย่างโมโห น้ำเสียงแฝงด้วยความเยียบเย็น!
นึกไม่ถึงว่าฟางผิงจะกล้าใส่ร้ายว่าสองบริษัทใหญ่ลอบสังหารเขาในพื้นที่ชุมชน นี่เป็นความผิดอย่างร้ายแรง!
ผู้ที่มาแข็งแกร่งไม่น้อย ครู่ต่อมาตาเฒ่าหลี่ก็ระเบิดปราณเสียดฟ้า หลังคาหลุดออกไปทันที!
“เจิ้งหมิงหง! นายรนหาที่ตายหรือไง?”
ดาบผิงล่วนที่ประดับตรงเอวของฟางผิง ปรากฏขึ้นในมือของตาเฒ่าหลี่ในชั่วพริบตา
เสี้ยวนาทีที่ดาบผิงล่วนออกจากฝัก เสียง ‘ซี่ๆ’ ก็ดังขึ้น ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยเสียงเยือกเย็น “นายคิดว่าฉันฟันนายไม่ได้!”
“เจิ้งหมิงหง ใครมอบความกล้านี้ให้นาย!”
ในเวลาเดียวกัน เฉินเย่าถิงและหวงจิ่งก็ยืนขึ้นพร้อมกัน ประกายปราณเหนือหัวพุ่งทะลุฟ้า พลังฟ้าดินคลุกเคล้าด้วยกันจนสั่นสะเทือนในอากาศ
ฟางผิงหน้าซีดเล็กน้อย หมุนตัวกลับมาทันที “ประธานเจิ้งอยากฆ่าผมปิดปากหรือไง?”
พลังหลายสายปะทะกันกลางอากาศ สถานการณ์ตึงเครียดอย่างถึงที่สุด
ครู่ต่อมาผู้บัญชาการทหารไป๋ก็ปะทุโทสะ ตะโกนว่า “เห็นหนานเจียงของฉันเป็นอะไร? หยุดกันให้หมด! ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ!”
แม้ตอนนี้จะมีร่างทองขั้นแปดอยู่ ผู้บัญชาการทหารไป๋อยู่ขั้นเจ็ดเท่านั้น แต่ยังคงไม่หวั่นเกรง เอ่ยอย่างโมโหว่า “ใครมอบความกล้าให้พวกนายลงมือที่นี่!”
“วางมือให้หมด!”
ในเวลาเดียวกัน ลมหายใจของร่างทองอีกสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น โจวติ้งกั๋วจากหน่วยทหารมาถึงแล้ว
โจวติ้งกั๋วเผยสีหน้าเยียบเย็นอย่างถึงที่สุด กระโดดลงมาจากฟ้า มองทุกคนที่กำลังคุมเชิงกันอยู่ เอ่ยเสียงดังว่า “พอได้แล้ว! ว่างกันนักหรือไง? ว่างนักก็ไปฆ่าพวกถ้ำใต้ดินให้หมด นี่ไม่ใช่สถานที่ที่พวกนายจะมาอวดพลังกัน!”
ข้างนอกห้อง เจิ้งหมิงหงสีหน้าแทบดูไม่ได้ เอ่ยเสียงทุ้มว่า “ผู้บัญชาการทหารโจว ไม่ใช่ฉันอวดพลัง แต่ฟางผิงใส่ร้ายบริษัทยาบำรุงครั้งแล้วครั้งเล่า! ตอนนี้ไม่ใช่แค่ใส่ร้ายอีกแล้ว แต่โยนความผิดให้! บริษัทยาบำรุงก่อตั้งมาแปดสิบปี แปดสิบปีนี้ดำเนินการอย่างระมัดระวังรอบคอบ ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย! ไม่ว่าจะเป็นหน่วยทหารหรือมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ หรือลืมไปแล้วว่าหลายปีมานี้บริษัทยาบำรุงอุทิศอะไรออกไปบ้าง? คิดว่าบริษัทยาบำรุงเป็นฝ่ายบริการ พัฒนาไปอย่างสบายๆ หากำไรมหาศาลก็เพียงพอแล้วหรือไง ใครยังจะจำได้ว่าหลายปีนี้ เพื่อเปลี่ยนแปลงยาบำรุงแต่ละชนิดให้ดีขึ้น ผู้ฝึกยุทธ์จากบริษัทยาบำรุงต้องใช้ร่างกายตัวเองลองยาไปมากเท่าไหร่ เต็มใจเสี่ยงชีวิตเพื่ออยากให้ยาบำรุงมีประสิทธิภาพดีขึ้น ลดการแพ้น้อยลง…ผลลัพธ์ล่ะ?”
“หลายคนตายไประหว่างการทดลอง ทั้งมีอีกหลายคนที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากการทดลองยา! ตอนนี้บริษัทยาบำรุงของฉันกลับกลายเป็นหมาหัวเน่าจากปากของเด็กโง่เขลาคนนี้! ไม่รู้ว่าหากไม่ได้บริษัทยาบำรุงปรับเปลี่ยนยาให้ดีขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ดำเนินการพัฒนาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้ยังจะมีโอกาสให้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเขาเข้าสู่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ได้หรือเปล่า? แปดสิบปีก่อน ต้นทุนยาบำรุงเลือดและปราณหนึ่งเม็ดเยอะกว่าตอนนี้ถึงห้าเท่า ประสิทธิภาพของยากลับแค่หนึ่งในสองของตอนนี้เท่านั้น! หรือคนอย่างพวกเราไม่ได้ลงสนามรบสู้จนหัวร้างข้างแตก พวกเราก็กลายเป็นลัทธินอกรีตซะแล้ว? กลายเป็นว่าพวกเราไม่ได้อุทิศตัวให้โลกของผู้ฝึกยุทธ์เลย?”
เจิ้งหมิงหงเอ่ยอย่างโมโห “ฟางผิงมีคุณสมบัติอะไรมาตัดสินว่าบริษัทยาบำรุงถูกหรือผิด! มีคุณสมบัติอะไรมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อหน้าฉัน!”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ
ฟางผิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ประธานเจิ้ง ไม่มีใครปฏิเสธการอุทิศและทุ่มเทของบริษัทยาบำรุง ทั้งไม่มีใครพูดว่าการพัฒนาอยู่เบื้องหลังไม่ใช่การสร้างผลงาน คุณไม่จำเป็นต้องพูดจาเสียหายใส่ผมตั้งแต่เข้ามาเหมือนกัน คุณเป็นยอดฝีมือร่างทองขั้นแปด ยิ่งไม่จำเป็นต้องอวดพลังกับผม ถูกหรือผิด ทุกคนตัดสินกันเองได้”
“ผมโยนความผิดหรือเปล่า ตอนนี้ทุกฝ่ายต่างอยู่ที่นี่ ปรมาจารย์สิบกว่าคน ผมเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า จะกล้าใส่ร้ายใครหรือไง? คุณมองว่าคนอื่นไม่มีหูไม่มีตา? หรือคุณคิดว่าผม หรือจะพูดว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้สามารถควบคุมทำเนียบผู้ว่าแต่ละมณฑลและรัฐบาลกลางได้? มาถึงก็ระเบิดอารมณ์ ยอดฝีมือร่างทองขั้นแปดไม่มีการควบคุมตัวเองเลยหรือไง? หรือว่า…คุณรู้อะไรบางอย่างแล้ว…ผมสามารถเข้าใจได้ว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ได้หรือเปล่า?”
“เหิมเกริม!”
“นายสิเหิมเกริม!”
ตาเฒ่าหลี่ประกายแววตาเย็นเยียบ ปราณพุ่งพวยทะลวงฟ้า เอ่ยเสียงดังว่า “ถ้านายกล้ารังแกคนอ่อนแอกว่า วันนี้แม้จะอยู่ต่อหน้าทุกคน ฉันก็ต้องฆ่านายให้ได้!”
“หลี่ฉางเซิง นายคิดว่าฉันกลัวนาย!”
เจิ้งหมิงหงตะโกนอย่างโมโห “นายคิดว่าตัวเองอยู่ขั้นแปดจริงๆ หรือไง!”
“งั้นนายก็ลองดู!”
ตาเฒ่าหลี่แค่นเสียงเย็น “ฆ่านาย ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นแปด!”
“กำเริบเสิบสาน งั้นก็ให้ฉันลองกระบี่อมตะของนายสักหน่อย!”
สิ้นเสียง ทั้งสองคนก็ตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดทันที โจวติ้งกั๋วที่อยู่ด้านข้างเผยสีหน้าดำทะมึน เอ่ยเยียบเย็นว่า “หุบปากกันให้หมด! พวกนายลองลงมือดู คิดว่าไม่มีใครควบคุมได้ อยากจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?”
ผู้บัญชาการทหารไป๋ลุกขึ้นเช่นกัน เผยสีหน้าบิดเบี้ยว
ปรมาจารย์คนอื่นๆ ทยอยลุกขึ้น พวกปรมาจารย์อาวุโสเร่งเอ่ยว่า “ทุกคนใจเย็นกันก่อน เรื่องราวยังไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้”
หลังจากนั้นสักพักก็มียอดฝีมือหลายคนกระโดดลงมาสู่พื้น
เห็นฉากนี้ก็มีคนเอ่ยเสียงดังว่า “ทำอะไรกัน? ก่อกบฏหรือไง? เจิ้งหมิงหง หลี่ฉางเซิง พวกนายจะทำอะไร!”
“บริษัทยาบำรุงและมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังมีความคิดเห็นต่อส่วนรวมหรือเปล่า?”
“กลับไปนั่งที่ให้หมด ในเมื่อเกิดเรื่องขึ้นแล้ว งั้นก็ตรวจสอบให้ละเอียด! ไม่ทันอะไรก็ลงมือกันแล้ว ฝึกวรยุทธ์จนสมองฝ่อกันแล้วหรือไง?”
“…”
คนที่ตามมาทีหลังพวกนี้มีรองรัฐมนตรีกระทรวงการศึกษา รวมถึงรองผู้อำนวยการหน่วยสืบสวน มีทั้งขั้นแปดและขั้นเจ็ด
พวกเขาต่างเผยสีหน้าไม่พอใจ ยังไม่ทันตรวจสอบเรื่องราวพูดคุยกันก็จะลงมือกันซะแล้ว คนพวกนี้คิดว่าบ้านเมืองไม่มีกฎหมายหรือไง?
เจิ้งหมิงหงไม่ปริปากพูด ตาเฒ่าหลี่ก็เงียบไปเช่นกัน
คนอื่นๆ ยังกำลังเกลี้ยกล่อม ฟางผิงเห็นแบบนั้นก็สาวเท้าเดินออกมาจากห้องโถง มองไปยังทุกคน “ปรมาจารย์ทุกท่าน ประธานเจิ้งมาถึงไม่คิดถามเหตุผลถูกผิดอะไรก็ใช้พลังขั้นแปดกดดันแล้ว ตอนนี้ผมยังบาดเจ็บหนัก ประธานเจิ้งขั้นแปด ผมขั้นห้า เป็นเพราะอยากฆ่าปิดปากผมหรือคิดว่าผมฝีมือต่ำต้อย อยากทำอะไรก็ได้? ถ้าประเทศจีนยังมีกฎหมาย เรื่องนี้ควรจะตัดสินออกมาด้วยหรือเปล่า? ถ้าไม่มีคนทวงความเป็นธรรมให้ผม ประธานเจิ้งอยากฆ่าก็ฆ่าได้เลยอย่างนั้นเหรอครับ? ผมทำผิดต่อประเทศจีน หรือหักหลังต่อมนุษย์ชาติ? หรือหน่วยทหาร กระทรวงการศึกษา และหน่วยสืบสวนก็ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเหมือนกัน? ผู้ที่ฝีมืออ่อนแอกว่าถูกกำหนดให้ต้องเป็นผู้ที่เสียสละอย่างนั้นเหรอ? งั้นประเทศแบบนี้ รัฐบาลแบบนี้แตกต่างอะไรกับลัทธินอกรีตกัน คิดสังหารมนุษย์ที่ต่ำกว่าระดับสูงทั้งหมด ฝักใฝ่เข้าหาพวกถ้ำใต้ดิน!”
“ฟางผิง หยุดพูดเรื่องเหลวไหลได้แล้ว!”
โจวติ้งกั๋วตะโกนเสียงดัง ใบหน้าเผยความไม่พอใจ
ฟางผิงเงยหน้ามองเขา เอ่ยทุ้มลึกว่า “ผู้บัญชาการโจว ผมพูดผิดงั้นเหรอครับ? ประธานเจิ้งมาถึงก็ลงมือกับผมทันที อวดคุณงามความดีของบริษัทยาบำรุง หรือมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของพวกเราไม่มีคุณงามความดีเลย? อย่างอื่นยังไม่พูดถึง เอาเรื่องใกล้ตัวก่อน อธิการเฒ่าตายในสงคราม อธิการหลิวบาดเจ็บหนัก สถานการณ์ของคณบดีหลี่ในเวลานั้นเป็นยังไง ผู้บัญชาการโจวน่าจะเข้าใจกว่าใคร! นี่แค่สถานการณ์ของพวกปรมาจารย์ นักศึกษาอาจารย์ระดับล่างและระดับกลางพวกนั้น ใครไม่หลั่งเลือดทุ่มแรงกายแรงใจบ้าง! หอประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยของเรา ตั้งป้ายสถิตวิญญาณจนไม่มีที่ว่างแล้ว! สุสานเขตทางใต้ตอนนี้แทบจะฝังกระดูกไม่พอ! คุณงามความดี? ใครไม่มีคุณงามความดีบ้าง? ถามยังไม่คิดจะถามสักคำก็ลงมือแล้ว รังแกผมเพราะอ่อนแอกว่า หรือรังแกเพราะผมไม่มีคุณงามความดี?”
ใบหน้าของเจิ้งหมิงหงแทบดูไม่ได้ จ้องเขาว่า “ฟางผิง ฉันลงมือกับเธอหรือเปล่า? ทุกคนที่นี่น่าจะเห็นแล้ว หากฉันลงมือกับเธอจริงๆ เธอคิดว่าพวกหลี่ฉางเซิงจะไม่มีใครคุ้มครองเธอเลยหรือไง?”
เขาปล่อยพลังกดดันตั้งแต่เริ่มก็แค่อยากขู่ขวัญฟางผิงเท่านั้น
ส่วนลงมือฆ่าคนปิดปาก นั่นเป็นการพูดมั่วซั่วของฟางผิงเอง
แค่นึกไม่ถึงว่าปฏิกิริยาของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะรุนแรงขนาดนี้ เขาเป็นยอดฝีมือขั้นแปด แค่ตำหนิเด็กไม่กี่ประโยค…โดยทั่วไปแล้วแทบไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ฟางผิงไม่พูดอีก จู่ๆ บาดแผลบนร่างก็ปริแตก
ใบหน้าเริ่มมีรอยร้าวเช่นกัน
ฟางผิงไม่พูดอะไร จ้องมองอีกฝ่ายอยู่แบบนั้น เจิ้งหมิงหงสีหน้าบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที
โจวติ้งกั๋วขมวดคิ้วว่า “ฟางผิง!”
ฟางผิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ความจริงการต่อสู้ก่อนหน้านี้ผมก็เจ็บหนักปางตายแล้ว ผู้บังคับการอู๋ใช้สสารไม่แตกดับประคองอาการผมไม่ให้เลวร้ายลง หรือประธานเจิ้งไม่รู้ว่าหลังจากผมปะทะกับขั้นหกสูงสุดจะบาดเจ็บหนักได้? ผมคิดว่าจุดนี้ หลังจากประธานเจิ้งกระโดดลงมาบนพื้น จากสายตาของขั้นแปด น่าจะค้นพบแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นผมก็มีเหตุผลให้สงสัยแล้วว่าคุณอยากจะฆ่าผม! ขั้นแปดและขั้นห้าที่เจ็บปางตาย แม้จะเป็นแรงกดดัน หรือไม่สามารถฆ่าผมได้? หรือประธานเจิ้งคิดว่าขั้นแปดเผชิญหน้ากับขั้นห้าที่บาดเจ็บหนักคนหนึ่ง ยังต้องลงมืออย่างจริงๆ จังๆ ถึงจะนับว่าต้องการฆ่าคน!”
————————