ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 418-2 สถานการณ์ตึงเครียด (2)
ต
อนที่ 418 สถานการณ์ตึงเครียด (2)
……….
เจิ้งหมิงหงเผยสีหน้ามืดครึ้ม ไม่ส่งเสียงอีก
รองรัฐมนตรีกระทรวงการศึกษาคนนั้นคุ้นเคยกับฟางผิงเช่นกัน การแข่งขันแลกเปลี่ยนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ครั้งที่สอง อีกฝ่ายก็เป็นผู้ควบคุม
ตอนนี้เห็นร่างกายของฟางผิงปริแตก แขนสองข้างแทบจะไม่มีเนื้อหนัง รัฐมนตรีหวังกก็ถอนหายใจว่า “เอาเถอะ ฟางผิง ประธานเจิ้งแค่หุนหันพลันแล่นไปชั่วครู่…”
ระหว่างที่พูด รัฐมนตรีหวังก็เปลี่ยนประเด็น มองไปทางเจิ้งหมิงหง “ประธานเจิ้ง อาการของเขาแย่ลง คุณลงมือประคับประคองหน่อย เรื่องก่อนหน้านี้ทุกคนคงไม่ติดใจแล้ว”
เจิ้งหมิงหงหน้าเปลี่ยนสี นี่คือจะให้เขาใช้สสารไม่แตกดับช่วยรักษาฟางผิง?
ยังไงรัฐมนตรีหวังก็เป็นคนของกระทรวงการศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อยู่ในสังกัดกระทรวงการศึกษาเช่นกัน
ตอนนี้ฟางผิงเป็นนักศึกษาอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ รัฐมนตรีหวังเข้าข้างฟางผิง อันที่จริงสามารถเข้าใจได้
รัฐมนตรีหวังเพิ่งพูดจบ โจวติ้งกั๋วก็เอ่ยเช่นกัน “ประคองอาการบาดเจ็บก่อนเถอะ”
ผู้อำนวยการหูจากหน่วยสืบสวนที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าเล็กน้อยเหมือนกัน “ประธานเจิ้ง เรื่องนี้ต้องรบกวนด้วย”
คนอื่นๆ แทบไม่สนใจอะไร เจิ้งหมิงหงว่างไม่มีอะไรทำเอง มาถึงก็ข่มขวัญฟางผิงทันที เรื่องนี้หากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่สนใจ อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ทั้งไม่ได้ทำให้ฟางผิงบาดเจ็บจริงๆ ยอดฝีมือขั้นแปดปล่อยแรงกดดันใส่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าคนหนึ่ง…หากสนิทกัน สามารถมองว่าผู้อาวุโสหยั่งเชิงฝีมือของคนรุ่นหลัง หรือมองเป็นเรื่องขำขันไปเลยก็ได้
อย่างพวกหวงจิ่งที่มักจะกดดันฟางผิงจนนอนราบไปกับพื้น ดูร้ายแรงกว่าตอนนี้ตั้งเยอะ
แต่ประเด็นอยู่ที่ทั้งสองคนไม่ได้สนิทสนมกัน ความสัมพันธ์ถึงขั้นเลวร้ายด้วยซ้ำ
ฟางผิงก็ไม่ใช่ว่าตัวคนเดียว จึงไม่เกรงกลัวเจิ้งหมิงหง
เวลานี้เจิ้งหมิงหงไม่จ่ายค่าตอบแทนสงบเรื่องนี้สักหน่อย เกรงว่าหลังจากนี้จะคุยกันต่อยากแล้ว
ปรมาจารย์คนอื่นๆ ต่างเงียบกริบ เจิ้งหมิงหงน่าจะเป็นประธานมานานแล้ว เป็นผู้ตัดสินใจชี้ขาดในบริษัทยาบำรุง น่าจะลืมไปว่าไม่ใช่ทุกคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา
ขั้นห้าที่บริษัทยาบำรุง เห็นเขายังตัวสั่นงันงก
หากเป็นขั้นห้าคนอื่น หรือกระทั่งเขากดดันหวังจินหยาง…น่าจะไม่เป็นไรด้วยซ้ำ
ถึงจะเสียเปรียบหน่อย หวังจินหยางก็จำเป็นต้องรับไว้
แต่เขากลับพุ่งเป้าไปที่ฟางผิง ใครไม่รู้บ้างว่าฟางผิงเป็นผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตหลี่ฉางเซิง เจิ้งหมิงหงกล้าทำร้ายฟางผิงจริงๆ หลี่ฉางเซิงไม่อาจเลิกราง่ายๆ อยู่แล้ว
แม้การจัดอันดับหลี่ฉางเซิงจะอยู่อันดับสุดท้าย ถึงกระทั่งทุกคนล้วนรู้ว่าเขาไม่ใช่ขั้นแปดอย่างแท้จริง
แต่หากเจิ้งหมิงหงคิดว่าเขาสามารถเอาชนะหลี่ฉางเซิงได้ งั้นคงฝันหวานไปแล้ว
หลี่ฉางเซิงไม่ได้อยู่ห่างจากขั้นแปดไกลนัก ทั้งยังเคยฟันขั้นแปดมาก่อน ภายใต้การต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เจิ้งหมิงหงขั้นแปดคนนี้แทบไม่ได้ลงถ้ำใต้ดินมาหลายปีแล้ว จะมีชีวิตรอดจากการต่อสู้ได้จริงๆ หรือไง?
แน่นอนว่าที่นี่ยังมียอดฝีมือแต่ละฝ่ายอยู่ ทั้งสองคนไม่อาจลงมือต่อสู้กันจริงๆ ได้
แต่บรรยากาศแข็งทื่อแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดี
เจิ้งหมิงหงสีหน้าแทบดูไม่ได้ เขายอมรับว่าเขาคิดพลาดไป
ขั้นแปดข่มขวัญขั้นห้า ในความคิดของเขาไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ
เขาไม่ได้ทำอะไรฟางผิง แค่ปล่อยแรงกดดันเล็กน้อย?
แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้…กลับมีปฏิริยารุนแรงเกินไป
ไม่ใช่แค่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ชายตามองเฉินเย่าถิงที่อยู่ด้านข้าง เจิ้งหมิงหงยิ่งรู้สึกหงุดหงิดในใจ
เจ้าหมอนี่ทำไมถึงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย?
อธิการบดีมหาวิทยาลัยจิงหนาน ขั้นเจ็ดสูงสุดที่ระยะห่างจากขั้นแปดแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ประเด็นอยู่ที่…เจ้าหมอนี่ยังมีอาวุธวิเศษในมือ!
ใช่แล้ว เฉินเย่าถิงถูกขนานนามว่าเป็นอันดับหนึ่งของขั้นเจ็ดในประเทศจีน ไม่ใช่เพราะว่าฝึกวิชาจนใกล้ถึงขั้นแปดแล้ว แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่เขามีอาวุธวิเศษ
อาวุธวิเศษที่แข็งแกร่งกว่าโจวเจิ้งหยาง!
โจวเจิ้งหยางก็อยู่ขั้นเจ็ดสูงสุด มีอาวุธวิเศษในมือเช่นกัน แต่การจัดอันดับก่อนหน้านี้อันที่จริงโจวเจิ้งหยางสู้เฉินเย่าถิงไม่ได้
แม้เจิ้งหมิงหงจะเป็นยอดฝีมือร่างทอง แต่ประมือกับเฉินเย่าถิง ใครแพ้ใครชนะก็เป็นเรื่องที่พูดยาก
ตอนนี้หลี่ฉางเซิงจ้องมองอย่างไม่ลดละ นี่ทำให้เจิ้งหมิงหงอัดอั้นตันใจเข้าไปอีก
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ขั้นแปดต้องก้มหัวให้ขั้นห้า?
ในระหว่างที่เจิ้งหมิงหงกำลังครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ จู่ๆ กระดูกทองของฟางผิงก็หม่นแสงลง ร่างอ่อนยวบลงกับพื้น อวัยวะภายในที่เห็นได้ชัดเจนนั้นเริ่มพังทลาย…
เจิ้งหมิงหงหน้าเปลี่ยนสีอย่างหนัก!
นี่บาดเจ็บปางตายจริงๆ!
เขาคิดว่าตัวเองถูกใส่ร้ายซะอีก!
หลี่ฉางเซิงที่อยู่ด้านข้างตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวว่า “เร็วเข้า ฉันไม่มีสสารไม่แตกดับ พวกนายรีบช่วยเขา ถ้าฟางผิงตาย ฉันจะฆ่านาย!”
หวงจิ่งสีหน้าดูไม่ได้เช่นกัน กดเสียงว่า “ประธานเจิ้ง ลงมือกับคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เหี้ยมโหดขนาดนี้ ถูกเรียกว่าเป็นปรมาจารย์…ลองถามใจตัวเองดู นายเหมาะที่จะเป็นหรือเปล่า?”
“พวกนาย!”
โจวติ้งกั๋วที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วแน่น กลับไม่พูดมากอีก ในมือปรากฏแสงสีทอง เริ่มประคองอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายในให้ฟางผิง
รัฐมนตรีหวังจากกกระทรวงการศึกษารีบลงมือเช่นกัน ไม่อาจปล่อยให้ฟางผิงตายจริงๆ ได้
สถานการณ์ตอนนี้…ผิดปกติอยู่บ้าง
อันที่จริงหลายคนต่างรู้สึกไม่ชอบมาพากล เจิ้งหมิงหงเก็บพลังกลับไปแล้ว ทำไมถึงร้ายแรงขนาดนี้?
แต่อาการบาดเจ็บของฟางผิง…หนักหนามากจริงๆ!
ทุกคนที่อยู่ตรงนี้เกรงว่ามีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้
อาการบาดเจ็บของฟางผิงนั้นหนักจริงๆ ก่อนหน้านี้ประคองอยู่เรื่อยมา ตาเฒ่าหลี่รู้ยิ่งกว่านั้นว่าอันที่จริงฟางผิงฟื้นฟูพลังปราณจำนวนมากเพื่อประคองอาการบาดเจ็บไม่ให้แย่ลงมาโดยตลอด
เจิ้งหมิงหงไม่ได้ทำร้ายเขาจริงๆ แต่เจ้าเด็กนี้ล้มเลิกการใช้ปราณรักษาตัวเอง ปล่อยให้อาการเลวร้ายลง
เมื่อเป็นแบบนี้ อาการบาดเจ็บจึงแย่ลง
นี่ไม่ใช่เรื่องโกหก เจิ้งหมิงหงจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ เวลานี้ก็ต้องยอมแล้ว
แม้ทุกคนจะรู้ว่านี่น่าจะเป็นผลพวงจากการต่อสู้ของขั้นหกสูงสุดก่อนหน้านี้มากกว่า…แต่ใครใช้ให้นายอยู่ดีๆ ก็มาใช้พลังกดดันคนอื่นเขาล่ะ
คนที่ยังกระโดดโลดเต้นเมื่อครู่ จู่ๆ ก็มาอยู่ในสภาพร่อแร่ นายไม่รับผิดชอบจะให้ใครรับผิดชอบอีก
เจิ้งหมิงหงเผยสีหน้าขัดแย้งอย่างยิ่ง…ครั้งนี้ซวยจริงๆ แล้ว!
สถานการณ์แบบนี้ยังไม่ลงมือ สองคนนั้นก็คงไม่อาจสิ้นเปลืองสสารไม่แตกดับช่วยเหลือได้ตลอด หากฟางผิงตายขึ้นมาจริงๆ…นั่นก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของพวกเขา
ปรมาจารย์อยู่ที่นี่เยอะขนาดนี้ หากเกิดเรื่องอะไรกับฟางผิงจริงๆ ต่อให้เขาพูดชักแม่น้ำทั้งห้ายังไงก็ไม่มีคนเชื่อแล้ว
ครู่ต่อมาเจิ้งหมิงหงก็หน้าดำคล้ำ ใช้มือกดบนร่างของฟางผิงอย่างเงียบๆ ปล่อยแสงสีทองออกมา
เวลานี้พวกโจวติ้งกั๋วหยุดมือแล้ว
ส่วนฟางผิงรับรู้ได้ว่าเจิ้งหมิงหงลงมือก็รีบดูดกลืนสสารไม่แตกดับรักษาบาดแผลทันที รอจนเห็นเจิ้งหมิงหงกำลังจะหยุดมือ จู่ๆ อวัยวะภายในก็ปริแตกขึ้นมาอีกครั้ง…
เจิ้งหมิงหงแทบจะกระอักเลือดออกมา!
“ดี ดีจริงๆ!”
เจิ้งหมิงหงรู้สึกว่าเขาได้เปิดประสบการณ์แล้ว มีชีวิตมานานถึงขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าจะถูกเด็กขั้นห้าคนหนึ่งวางแผนได้
อยู่ในตำแหน่งสูงมาหลายปี บริษัทยาบำรุงก็ไม่ได้มีการแข่งขันอะไร บริษัทที่อยู่ใต้การบังคับบัญชาก็เคารพยำเกรงเขาอย่างยิ่ง รวมถึงผู้ว่าแต่ละมณฑล มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้และหน่วยทหารด้วย เพราะการจัดสรรยาบำรุงบางส่วนอย่างฟรีๆ จึงทำให้คนเกรงใจเขาไม่น้อย
เจิ้งหมิงหงไม่นับว่าเป็นคนเจ้าแผนการอะไร ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย แต่อยู่ตำแหน่งสูงแบบนั้น เขาแทบไม่ได้สนใจผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างระดับกลางพวกนี้เลย
ครั้งนี้กลับแล้วใหญ่ เพราะความประมาทจึงถูกเด็กอายุยี่สิบปีคนหนึ่งหลอกได้
เวลานี้อันที่จริงอาการบาดเจ็บของฟางผิงเริ่มดีขึ้นแล้ว บนกระดูกมีเนื้อหนังห่อหุ้มขึ้นอีกครั้ง
แต่เจ้าเด็กนี้…ไม่คิดจะรักษาตัวเอง อาการของอวัยวะภายในยังกำลังแย่ลง เพราะเขาดูดกลืนสสารไม่แตกดับ…เข้าไปในกระดูกทั้งหมด!
ดังนั้นในสายตาของทุกคน อาการของฟางผิงยังกำลังอยู่ในสภาวะเลวร้าย ไม่ได้เสแสร้ง แต่กำลังย่ำแย่อยู่จริงๆ
เวลานี้เจิ้งหมิงหงคิดจะหยุดมือยังเป็นเรื่องยาก!
ฉากนี้ หวังจินหยางที่อยู่ด้านข้างอิจฉาอยู่บ้าง
มีคนหนุนหลัง ไม่เหมือนกันจริงๆ
หากเป็นเขา…เหล่าหวังคงไม่รู้จะทำยังไงอยู่บ้าง
หากเป็นเขาจริงๆ แม้ขั้นหกสูงสุดสองคนของมหาวิทยาลัยหนานเจียงจะอยู่ที่นี่ แต่เผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นแปดคนหนึ่ง ไม่มีความสามารถอะไรจะต่อกรจริงๆ
อย่าพูดว่าหลอกขั้นแปดคนนี้เลย เรื่องปล่อยพลังก่อนหน้านี้ เกรงว่าคงผ่านไปง่ายๆ เช่นกัน
แม้เรื่องจะไม่ผ่านไปง่ายๆ ดำเนินมาถึงขั้นเดียวกับฟางผิงนี้ เกรงว่าเจิ้งหมิงหงคงจะหยุดมือไปแล้ว สสารไม่แตกดับเป็นรากฐานของขั้นแปด ไม่มีใครคิดสิ้นเปลืองหรอก
เจิ้งหมิงหงกลับคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องทำให้อาการบาดเจ็บของฟางผิงดูไม่หนักแล้วถึงจะเพียงพอ
พวกหลี่ฉางเซิงที่อยู่ด้านข้างถลึงตาจ้องเขาไม่ปล่อย
เจิ้งหมิงหงเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ยอดฝีมือขั้นแปดที่อยู่ด้านข้างอีกคนหนึ่งกลับปิดปากเงียบ ลอบดีใจกับตัวเอง โชคดีที่ฉันไม่ลงมือก่อน
คนๆ นี้เป็นประธานของบริษัทอาวุธ
เจิ้งหมิงหงมาถึงก็แสดงอำนาจข่มขู่ฟางผิง อันที่จริงเขาสุขใจไม่น้อยเช่นกัน
ครั้งนี้ฟางผิงพูดว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มาลอบโจมตีเขามาจากสองบริษัทใหญ่ เรื่องนี้ทำให้พวกเขาโมโหเป็นฟืนเป็นไฟจริงๆ
เรื่องแบบนี้จะปรักปรำอย่างส่งเดชไม่ได้!
ก่อนที่มาอันที่จริงทุกคนครุ่นคิดมาแล้วว่าจะไม่ยอมอ่อนข้อประนีประนอมเด็ดขาด หากอ่อนข้อในเวลานี้จะเป็นการร้อนตัว นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่อย่างแท้จริง
อีกอย่างมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้วางแผนอะไรอยู่ พวกเรารู้ดีแก่ใจเช่นกัน
ทั้งไม่อาจทำให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้ใจ นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แห่งเดียว แต่เกี่ยวพันถึงการเคลื่อนไหวของมหาวิทยาลัยทั้งหมดในประเทศจีน
สองบริษัทใหญ่ถอยให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้หนึ่งก้าว งั้นหลังจากนี้อาจจะเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่แล้ว
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้หนึ่งแห่งเป็นเรื่องเล็ก แต่เปลี่ยนแปลงภาพรวมใหญ่ก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว
ดังนั้นความคิดของสองบริษัทใหญ่คือต้องแสดงอำนาจให้ถึงที่สุด จะประนีประนอมไม่ได้!
ตัวก่อเรื่องชั่วช้าก็คือฟางผิงที่พูดมั่วซั่วใส่ความสองบริษัท!
ข่มขวัญฟางผิง เป็นความคิดเห็นพ้องต้องกันของสองบริษัทใหญ่
เจิ้งหมิงหงชิงลงมือก่อน เขาคิดว่าสอดคล้องกับผลประโยชน์ของสองบริษัท ทั้งสอดคล้องกับการคาดหมายของพวกเขา
ผลปรากฏว่า…เจิ้งหมิงหงถูกหลอกซะแล้ว
ช่วงเวลาสั้นๆ นี้ประธานบริษัทอาวุธจึงรู้สึกว่าดีแล้วที่ตัวเองลงมือช้าหน่อย สสารไม่แตกดับไม่ใช่ของที่จะเอามาสิ้นเปลืองได้ ครั้งนี้ฝึกวิชาไม่ถึงครึ่งปีคงยากจะซ่อมแซมกลับมาแล้ว
แต่มาคิดดู ฟางผิงเจ้าเด็กนี้ใจกล้าจริงๆ
เขาหลอกเจิ้งหมิงหงขนาดนี้ นั่นเป็นการล่วงเกินแล้วจริงๆ…คิดดูอีกที…เหมือนว่า…เดิมทีก็ล่วงเกินไปแล้ว
คิดแบบนี้ จู่ๆ ประธานบริษัทอาวุธก็รู้สึกว่าเจ้าเด็กนี้มีแต่ได้ ไม่มีเสียเลย
แม้เขาจะไม่หลอกเจิ้งหมิงหง เกรงว่าเหล่าเจิ้งก็ไม่อาจมีความประทับใจที่ดีต่อเขาเหมือนกัน
————————-
……….