ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 419 หลอกคนเป็นความถนัดของฉัน (1)
ตอนที่ 419 หลอกคนเป็นความถนัดของฉัน (1)
……….
ทำเนียบผู้ว่า
หลังจากนั้นสักพัก เจิ้งหมิงหงก็หยุดมือ
ฟางผิงกำลังคิดจะทำลายอวัยวะภายในอีกสักหน่อย ตาเฒ่าหลี่ที่อยู่ด้านข้างกลับเตะเขาอย่างเงียบเชียบ
พอหอมปากหอมคอแล้ว!
ต่อให้เธอทำลายอวัยวะภายในอีก ไม่สิ ต่อให้ทำลายสมอง คนเขาก็คงไม่ลงมืออีก
ช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เจิ้งหมิงหงถ่ายทอดสสารไม่แตกดับลงไปเยอะทีเดียว ถึงกระทั่งพอๆ กับครั้งก่อนที่อู๋ขุยซานถ่ายทอดให้หลู่เฟิ่งโหรว ฝึกวิชาไม่ถึงครึ่งปีคงฟื้นฟูกลับมาไม่ได้
แน่นอนว่าหลายปีมานี้เจิ้งหมิงหงลงถ้ำใต้ดินน้อยครั้ง ตาเฒ่าหลี่คิดว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ฟางผิงเห็นแบบนี้จึงไม่ถ่วงเวลาอีก ไม่นานก็พยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้น เอ่ยด้วยใบหน้านอบน้อมว่า “ของคุณปรมาจารย์ทั้งสองที่ช่วยเหลือ ขอบคุณประธานเจิ้งที่มีน้ำใจช่วยเหลือไม่ถือสาเรื่องก่อนหน้านี้ เป็นเพราะประเทศจีนมีปรมาจารย์ที่อุทิศตนไม่เห็นแก่ตัวถึงทำให้เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์เจริญรุ่งเรืองขึ้น ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์สมัยใหม่อย่างพวกเรามีแรงกระตุ้นไปข้างหน้า…”
เขากล่าวขอบคุณ ยังไม่สู้ไม่ขอบคุณจะดีกว่า
ปรมาจารย์ทั้งสองต่างพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เจิ้งหมิงหงยิ่งฟังก็ยิ่งไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกยังไง คร้านจะสนใจเขาแล้ว
เมื่อกี้ทำไมไม่เห็นเธอพูดแบบนี้?
เจิ้งหมิงหงไม่พูดอะไร เดินไปนั่งอีกฝั่งราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ตอนนี้ต่อให้ฟางผิงเกรงใจ เขาก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริงแล้ว
เดินไปนั่งในห้องโถงที่ไม่มีหลังคาแล้ว เจิ้งหมิงหงก็เอ่ยว่า “ผู้บังคับการอู๋ไม่อยู่เหรอ?”
ผู้บัญชาการทหารไป๋มองเขาแวบหนึ่ง เห็นทั้งสองไม่งัดข้อกันต่อแล้วก็เอ่ยทุ้มลึกว่า “ผู้บังคับการไปเจียงเฉิงแล้ว ทุกคนรออยู่ที่นี่ก่อน”
“เจียงเฉิง…”
เจิ้งหมิงหงราวกับครุ่นคิดอะไรอยู่ ดูท่าไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่แล้ว
เขากำลังครุ่นคิด ฟางผิงกลับกางม่านพลังจิตใจขึ้นมา กระซิบปรึกษากับคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
“อาจารย์ อีกเดี๋ยวถ้าจ้าวอวี่มีปัญหาจริงๆ พวกเราต้องกัดสองบริษัทใหญ่ไม่ปล่อย! อย่างน้อยต้องขายหุ้นออกไป!”
หวงจิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถ้าจ้าวอวี่ไม่มีปัญหาล่ะ?”
ไม่มีปัญหา นั่นก็ไม่อาจใส่ความมั่วซั่วได้
หวงจิ่งไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เหมือนกัน บรรทัดฐานจำเป็นต้องรักษาไว้
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมหวังให้เป็นเรื่องโกหกเหมือนกัน หากเป็นเรื่องโกหกจริงๆ นั่นก็ไม่เป็นไร เรื่องกระจ่างชัด ดีกว่าคลุมเครือเป็นไหนๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ไม่อาจพูดแค่สองสามประโยคแล้วไล่พวกเราไปได้ ถึงเวลานั้นพูดว่าเป็นเรื่องของคนอื่น…พวกอาจารย์อย่าได้จบง่ายๆ เด็ดขาด หุ้นพวกนั้นในมือของเรา หากไม่ขายออกไปอีก ครั้งนี้ล่วงเกินคนอย่างหนักแล้ว อยากจะอาศัยประโยชน์จากหุ้นนี้คงไม่มีหวังอีกแล้ว ยังไงพวกเขาก็รู้จุดประสงค์ของพวกเรา สรุปแล้วถ้าจ้าวอวี่มีปัญหา งั้นก็ลากสองบริษัทใหญ่ลงน้ำไปด้วย นี่เป็นปัญหาของพวกเขา ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน”
หวงจิ่งถอนหายใจเบาๆ เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “ถ้าจ้าวอวี่มีปัญหาจริงๆ งั้นต้องไม่ยอมจบง่ายๆ แน่นอน แต่ฉันเตือนเธอไว้ก่อน ถ้าไม่ใช่ เรื่องนี้ก็จบแค่ตรงนี้ เธอต้องเข้าใจว่าสองบริษัทใหญ่มีสิ่งที่เกี่ยวข้องมากมาย”
“ผมเข้าใจแล้ว”
ฟางผิงพยักหน้า ก่อนจะปลดม่านพลังจิตใจออก เจิ้งหมิงหงที่อยู่ตรงข้ามชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร
แต่ไม่นานเจิ้งหมิงหงก็ทนไม่ไหวอยู่บ้าง
ฟางผิงที่ไม่เปิดปากพูด กำลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างเงียบๆ
นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญอยู่ที่จู่ๆ กระดูกทองของเด็กนี้ก็ปล่อยแสงสีทองอร่ามออกมามากมาย เริ่มงอกเนื้อหนังขึ้นมา
เจิ้งหมิงหงโมโหจนแทบจะกระอักเลือด สสารไม่แตกดับพวกนี้เป็นของเขา!
เจ้าเด็กเวรฟางผิงเมื่อกี้ไม่ได้ใช้ฟื้นฟูจริงๆ ด้วย แต่กักเก็บเอาไว้ในกระดูกทองของตัวเอง
อันที่จริงผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปไม่สามารถกักเก็บของแบบนี้ได้
แต่ฟางผิงมีกระดูกทอง…กระดูกทอง…
เจิ้งหมิงหงโมโหจนเลอะเลือนไปแล้ว เวลานี้เพิ่งจะมาตระหนักเรื่องสำคัญได้
นึกไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะมีกระดูกทองขั้นแปด!
สีหน้าของเจิ้งหมิงหงดูไม่ได้ขึ้นไปอีก เจ้าเด็กนี้ยังไม่ใช่ร่างทอง นี่หากกลายเป็นร่างทอง ไม่ใช่จะพังถล่มบริษัทยาบำรุงเลยหรือไง
กำลังครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ จู่ๆ คนในห้องโถงก็มองไปข้างนอกอย่างพร้อมเพรียงกัน
พวกอู๋ชวนกระโดดลงมาจากฟ้า…ร่วงสู่ห้องโถงตรงๆ
อู๋ชวนกวาดตามองหลังคาที่ถูกพลิกขึ้นมาแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลือบตามองทุกคน
ตาเฒ่าหลี่ทำเป็นมองไม่เห็น ตอนนั้นเขาไม่ทันสนใจเรื่องพวกนี้
อู๋ชวนไม่มากความเช่นกัน พอจะเดาได้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เวลานี้มือของอู๋ชวนยังดึงทั้งสองคนมาด้วย คนหนึ่งหน้าซีดเผือดอาการหนัก อีกคนกลับเผยท่าทีเรียบนิ่งเป็นปกติ
ข้างหลังนั้น คล้อยจากอู๋ขุยซานร่วงลงพื้น เขายังพาคนๆ หนึ่งมาด้วย จางติ้งหนาน
เรื่องเกิดขึ้นที่หนานเจียง จางติ้งหนานอยากมาตั้งนานแล้ว น่าเสียดายที่บาดเจ็บไม่น้อย ไม่มีแรงไล่ตามมา
สองคนนี้ไปจับคนที่เจียงเฉิงต้องบอกกล่าวเขาก่อนอยู่แล้ว ให้หนานเจียงตรวจสอบร่วมกัน
จางติ้งหนานเลยถือโอกาสโดยสารมาด้วย
พวกเขาเพิ่งตกสู่พื้น ฟางผิงก็รีบถามหวังจินหยางทันที “คนที่บาดเจ็บเป็นใคร?”
“หลิวเฮ่อ”
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย บาดเจ็บในเวลานี้ อันที่จริงแสดงให้เห็นถึงหลายอย่าง
แต่จ้าวอวี่เผยสีหน้าเรียบนิ่ง…แม้ฟางผิงจะคิดว่ายอดฝีมือขั้นหกสูงสุดมีความสำคัญกับหนานเจียงอย่างมาก ทางที่ดีอย่าเป็นพวกลัทธินอกรีตดีกว่า
แต่เปรียบเทียบทั้งสองคนแล้ว ถ้ามีคนใดคนหนึ่งต้องเป็นลัทธินอกรีตจริงๆ ฟางผิงคิดว่าจ้าวอวี่เหมาะสมที่จะเป็นผลประโยชน์แก่เขามากที่สุด
แต่ดูจากตอนนี้จ้าวอวี่ไม่เป็นอะไร อู๋ชวนไม่ได้ลงมือกับเขาเหมือนกัน นี่หมายความว่ายังไม่มั่นใจในตัวตนของอีกฝ่าย
ฟางผิงรู้สึกไม่พึงพอใจเท่าไหร่ เจิ้งหมิงหงอดขมวดคิ้วไม่ได้เหมือนกัน
สองคนที่อู๋ชวนพามา คนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ อู๋ชวนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บังคับการตั้งมั่นเฝ้าระวังไม่อาจลงมืออย่างไร้หลักฐานแน่
คนหนึ่งเกิดเรื่อง หมายความว่าอีกคนที่ถูกพามามีโอกาสเกิดเรื่องไม่น้อยเหมือนกัน
แต่จ้าวอวี่ เขาต้องรู้จักอยู่แล้ว
นั่นเป็นผู้ดูแลบริษัทยาบำรุงของหนานเจียง ขั้นหกสูงสุดถือเป็นระดับสูงในบริษัทยาบำรุงเช่นกัน
นี่หากมีปัญหาจริงๆ…เจิ้งหมิงหงกังวลใจอยู่บ้าง หากจ้าวอวี่มีปัญหา เรื่องคงร้ายแรงขึ้นแล้ว
จ้าวอวี่ดูแลกิจธุระทั้งหมดของบริษัทยาบำรุงหนานเจียง แม้จะไม่ได้ควบคุมเทคนิคการสร้างยาบำรุงหลักๆ รวมถึงตำรับเฉพาะที่สำคัญของยาบำรุง แต่อีกฝ่ายก็รู้อะไรหลายอย่างเหมือนกัน
หากถูกจ้าวอวี่เผยแพร่ออกไป…
เจิ้งหมิงหงเผยสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ในใจกลับตึงเครียดอยู่บ้าง
ประธานบริษัทอาวุธสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย ยังดีที่ไม่เห็นคนของบริษัทตัวเอง
แต่บริษัทยาบำรุงและอาวุธ อันที่จริงสามารถมองเป็นหนึ่งเดียวกันได้
บริษัทยาบำรุงเกิดเรื่อง บริษัทอาวุธต้องติดร่างแหไปด้วยอยู่แล้ว
อันที่จริงระดับสูงจากทั้งสองแห่ง หลายคนก็สับเปลี่ยนรับตำแหน่งในสองบริษัทใหญ่เช่นกัน
—
ทุกคนคิดยังไง อู๋ชวนไม่สนใจ ร่วงสู่พื้นแล้วก็เอ่ยว่า “หลิวเฮ่อจากหอศิลปะการต่อสู้เจิ้งหยาง คิดขัดขืนหลบหนีระหว่างที่ขอความร่วมมือในการสอบสวน จึงถูกฉันสกัดไว้”
เขาไม่ได้ออกจากหนานเจียงไปลงมือจับคนทันที แต่ขอความร่วมมือเชิญทั้งสองคนมาร่วมสอบสวนที่ทำเนียบผู้ว่าหนานเจียง
ผลปรากฏว่ารองผู้อำนวยการสองคนของหน่วยสืบสวนหนานเจียงพาคนไปขอความร่วมมือจากหลิวเฮ่อ หลิวเฮ่อกลับเริ่มต่อต้าน
เวลานี้อู๋ชวนรู้สึกมั่นใจแล้ว
เจ้าหมอนี้มีปัญหาจริงๆ
แต่สองคนที่ต้องสอบสวน คนหนึ่งมีปัญหา คำพูดของฟางผิงก็ไม่ใช่การคาดเดาอีกแล้ว ทั้งไม่ใช่เรื่องโกหกด้วย
ตอนนี้ประเด็นสำคัญอยู่ที่จ้าวอวี่
หากจ้าวอวี่มีปัญหา สถานการณ์จะเลวร้ายมากกว่าหลิวเฮ่อ
หลิวเฮ่อที่ได้รับบาดเจ็บ หายใจแผ่วเบา ฟังจบก็แก้ต่างว่า “ผู้บังคับการ ผมไม่ได้คิดขัดขืนต่อกฎหมาย เวลานั้นผมแค่อยากกล่าวส่งมอบอะไรสักหน่อย ตอนนี้เพราะการตายของหัวหน้าโจว เดิมทีหอศิลปะการต่อสู้เจิ้งหยางก็มีเรื่องวุ่นวายอยู่แล้ว…ใครจะรู้ว่าผู้อำนวยการเซียวจะไม่เปิดโอกาสให้ผมอธิบาย บังคับคุมตัวผม…”
อู๋ชวนทำเป็นหูทวนลม ตลอดทางที่มา หลิวเฮ่อก็แก้ต่างให้ตัวเองไม่น้อย แต่เขาแสร้งเป็นไม่ได้ยิน
เรื่องราวเป็นมายังไง เขาแอบสำรวจอย่างละเอียดตั้งนานแล้ว
————————
……….