ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 422-3 จ้างยอดฝีมือร่างทองสักแปดถึงสิบคน (3)
ตอนที่ 422 จ้างยอดฝีมือร่างทองสักแปดถึงสิบคน (3)
……….
ขั้นหกสูงสุดมีพื้นฐานร่างกายที่รองรับปราณได้หนึ่งหมื่นแคลพอดี
ฟางผิงทำถึงขั้นนั้นที่ไหนกัน!
เฉินเย่าถิงอดขมวดคิ้วไม่ได้เหมือนกัน “เพิ่มความแข็งแกร่งของพื้นฐานร่างกาย…ไม่ก็ลองไปซื้อผลพลังงานที่เพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายสักสองสามเม็ดดู…”
อู๋ขุยซานส่ายหัวว่า “อาจไม่มีประโยชน์เสมอไป ทั้งของพวกนี้ยังไม่สามารถซื้อได้ ยังหลบๆ ซ่อนๆ ด้วยซ้ำ ใครจะขายกัน ลองใช้น้ำแร่พลังงานดู ฟางผิง เธอยังมีไม่ใช่หรือไง?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างอัดอั้นตันใจ “ไม่มีแล้วจริงๆ ครับ”
“งั้นก็แลกเปลี่ยน!” อู๋ขุยซานถอนหายใจ “เอาโควตายาบำรุงของเธอส่วนหนึ่งไปแลกเปลี่ยน”
“บริษัทยาบำรุงมีเหรอครับ?”
“พวกเขาอาจไม่มีเสมอไป แต่รัฐบาลต้องมีแน่ เป็นเรื่องยากที่จะซื้อ แต่แลกเปลี่ยนอาจทำได้ ทั้งไม่ได้ก็ต้องได้ ครั้งนี้เธอถูกลอบโจมตีในพื้นที่หนานเจียง เรื่องนี้เป็นความผิดชอบของรัฐบาล แลกเปลี่ยนเป็นการรักษาเล็กน้อย ปัญหาไม่ใหญ่อยู่แล้ว กลัวก็แต่ว่า…อาจไม่ถึงมาตรฐานที่กระดูกทองสามารถรับได้ หากเป็นแบบนั้น เนื้อหนังจะเสียหายอย่างต่อเนื่อง เธอยังจะฝึกวิชายังไงอีก?”
ฟางผิงอดมองตาเฒ่าหลี่ไม่ได้ ถามว่า “อาจารย์ ผมสามารถหลอมกึ่งร่างทองล่วงหน้าได้หรือเปล่า?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยเสียงเบาว่า “สถานการณ์ของเธอไม่เหมือนกับของฉัน ตอนนั้นฉันยังไม่ได้กระดูกทอง เอาแบบนี้ละกัน ใช้เงินเถอะ!”
“หา?”
“จ้างยอดฝีมือขั้นแปดสักแปดถึงสิบคนมาถ่ายทอดสสารไม่แตกดับให้เธอ ใช้น้ำแร่พลังงานไปด้วย ภายใต้การทำสองอย่างควบคู่กัน น่าจะหลอมกึ่งร่างทองล่วงหน้าได้แล้ว!”
ฟางผิงตะลึงไปเล็กน้อย กลืนน้ำลายว่า “แพงหรือเปล่าครับ?”
จ้างยอดฝีมือร่างทองขั้นแปด ให้พวกเขาถ่ายทอดสสารไม่แตกดับ ฟางผิงแทบจะจินตนาการได้ว่าไม่ใช่จำนวนน้อยๆ อย่างแน่นอน!
แต่ว่า…หากสามารถใช้เงินแก้ปัญหาได้ งั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ยังไงตอนนี้เขาก็ไม่ได้ต้องการเงินมากมายอยู่แล้ว
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ในสถานการณ์ทั่วไปตายก็ตาย จะมีใครจ้างปรมาจารย์มาถ่ายทอดสสารไม่แตกดับให้กัน ของแบบนี้ขั้นแปดให้ความสำคัญอย่างมาก เธอลองถามเหล่าอู๋ดูสิ เขาจะเสนอราคาเท่าไหร่”
อู๋ขุยซานเอ่ยด้วยใบหน้าดำคล้ำ “ฉันไม่ทำเรื่องแบบนั้น!”
ล้อกันเล่นหรือไง ไม่ได้อยู่ที่เงินจริงๆ เป็นเรื่องยากที่จะซ่อมแซมกลับมา
นี่ถือเป็นรากฐานของขั้นแปด เขายังวางแผนจะทะลวงขั้นเก้า ครั้งก่อนเขาทำเพราะหลู่เฟิ่งโหรวเป็นภรรยาของเขา แต่ฟางผิงไม่ใช่
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ฟางผิงมีเงินก็อาจจ้างไม่ได้เสมอไป
แม้จะพูดแบบนั้น อู๋ขุยซานยังลูบคางว่า “หากเสนอราคาจริงๆ ขั้นแปดคงไม่ใช่ถูกๆ ทั้งไม่จำเป็นต้องจำกัดแค่ในประเทศ ต่างประเทศก็มีขั้นแปดหลายคน คนหนึ่งถ่ายทอดเล็กน้อย ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว หาสักเจ็ดแปดคนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หนึ่งคน…ไอ้หนู ราคาไม่ใช่น้อยๆ เธอให้ขั้นแปดสิ้นเปลืองพื้นฐานเพื่อช่วยเธอ ไม่ถึงสิบหลัก อย่าหวังเลย”
ฟางผิงหน้าเขียวคล้ำ ล้อกันเล่นแล้ว!
สิบหลัก นั่นก็เป็นหนึ่งพันล้านขึ้นไป!
จ้างเจ็ดแปดคน เขาก็ล้มละลายพอดี
รวมกับแช่น้ำแร่พลังงาน คำนวณเข้าด้วยกันแล้ว อย่างน้อยต้องเสียกว่าหมื่นล้านแล้ว!
สรุปแล้วความหมายของคนพวกนี้คือส่วนแบ่งที่ได้รับมาครั้งนี้เอาไปอุดรอยรั่วทั้งหมด
เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าคนหนึ่ง สิ้นเปลืองกว่าหมื่นล้านเพื่อหลอมกึ่งร่างทอง…ทำให้ขั้นเจ็ดขั้นแปดสิ้นเนื้อประดาตัวได้ด้วยซ้ำ ส่วนมากขั้นเจ็ดขั้นแปดแทบไม่มีทรัพย์สินถึงขนาดนี้
อู๋ขุยซานเห็นเขาราวกับถูกมีดกรีดเนื้อ ก็เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไม่ก็เธอรักษาสภาพนี้ต่อไป ยังไงก็ไม่ได้เป็นอะไรอยู่แล้ว ตายไม่ได้หรอก พูดไม่ได้จริงๆ แม้ตอนนี้อวัยวะภายในของเธอจะแหลกเหลว กลายเป็นโครงกระดูกเดินได้ ก็อาจไม่ตายเสมอไป ไม่ลองสักหน่อยล่ะ?”
ฟางผิงหน้าดำเป็นก้นหม้อ ฉันไม่ลองหหรอก!
นึกมาถึงตรงนี้จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยว่า “อธิการ ถ้าผมหลอมกึ่งร่างทอง งั้นก็ไม่จำเป็นต้องหลอมเส้นลมปราณและเนื้อหนังแล้วสินะครับ?”
“ไร้สาระ หลอมกึ่งร่างทองเดิมทีก็เป็นการขึ้นรูปใหม่อย่างหนึ่ง ไม่จำเป็นอยู่แล้ว”
“นั่นก็เป็นก้าวแรกของขั้นห้าสูงสุด?”
ตาเฒ่าหลี่ที่อยู่ด้านข้างแทรกบทสนทนาว่า “แม้เธอจะเข้าสู่ขั้นห้าสูงสุด ปัญหาก็ร้ายแรงอยู่ดี”
“หืม? ทำไมล่ะครับ?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างลึกล้ำว่า “กระดูกทองของเธอหลอมสำเร็จแล้ว หลอมกึ่งร่างทอง พลังจิตใจก็ต้องแข็งแกร่งอย่างมาก ไอ้หนู เธอปิดผนึกประตูซานเจียวอาจต้องมีปัญหาไม่น้อย”
“ปิดผนึกประตูซานเจียวเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอครับ?”
“แน่นอน!”
ตาเฒ่าหลี่อธิบายว่า “สิ่งที่เรียกว่าประตูซานเจียวก็คือปิดผนึกพลังงานภายในร่างกายตัวเองไม่ให้หลั่งไหลออกไปข้างนอก พลังปราณ พลังจิตใจ พลังไขกระดูก พลังกระดูกทองล้วนเป็นพลังงานของเธอ คนอื่นอยู่ในขั้นหกต้องปิดผนึกพลังปราณและพลังจิตใจเล็กน้อยเท่านั้น เธอล่ะ? เธอต้องปิดผนึกพลังทั้งหมดนี้ ส่งเข้าไปในประตูซานเจียว ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่ายากขนาดไหน!”
ระหว่างที่พูด จู่ๆ ตาเฒ่าหลี่ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เธอค่อยๆ ขัดเกลาไปเถอะ ไอ้หนู ฉันกลายเป็นขั้นเก้าแล้ว เธอยังอาจไม่สามารถปิดผนึกประตูซานเจียวได้เสมอไป เวลานี้ก็จบเห่แล้ว หากก่อนหน้านี้เธอไม่ได้แข็งแกร่งมาก ใช้เวลาไม่นานก็อาจสามารถปิดผนึกได้แล้ว”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก อย่าล้อกันเล่นสิ
อู๋ขุยซานที่อยู่ด้านข้างกล่าวเสริมว่า “มีความเป็นไปได้จริงๆ ปิดผนึกประตูซานเจียว อันที่จริงก็คือผนึกพลังงานของตัวเองไว้ แต่ถ้าเธอปิดผนึก ประตูซานเจียวของเธอจะสะสมพลังงานที่แข็งแกร่งมากกว่า ระเบิดตัวเองอานุภาพต้องไม่น้อยอย่างแน่นอน”
ตาเฒ่าหลี่รับบทสนทนาว่า “สะพานฟ้าดินของเขาก็แข็งแกร่ง ระเบิดตัวเองก็อานุภาพสูง ถึงเวลานั้นระเบิดพร้อมกัน ระเบิดขั้นเจ็ดตายคนหนึ่งยังไม่ใช่ปัญหา”
เฉินเย่าถิงเอ่ยหยอกว่า “รวมกับกึ่งร่างทองอีก ไม่แน่ว่าอาจให้คนร่วมมือลองระเบิดขั้นแปดดูได้ ไอ้หนูนี้อาจกลายเป็นร่างทองขั้นแปดได้เหมือนกัน แต่ระเบิดร่างขั้นแปดตายคนหนึ่งก็คุ้มค่าแล้ว”
พวกเขาสลับกันพูดไปมา ฟางผิงเผยสีหน้าดำคล้ำ ก่นด่าว่า “ใครจะระเบิดตัวเองกัน? คิดว่าผมโง่หรือไง? หากผมจะปิดผนึกประตูซานเจียวจริงๆ วันเดียวก็เข้าสู่ขั้นแปด ครึ่งเดือนทะลวงขั้นเก้า ผมจะต้องระเบิดตัวเองไปอีกทำไม!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา พวกเขาที่โต้แย้งอย่างออกรสเมื่อครู่ก็เงียบลงทันที
ตาเฒ่าหลี่เผยสีหน้าเจื่อนๆ ตอนนี้เขากังวลใจอยู่บ้างแล้ว ตกลงไอ้หนูนี้จะเข้าสู่ขั้นแปดเร็วกว่าเขาหรือเปล่า?
ปิดผนึกประตูซานเจียว แม้ว่ายิ่งพลังแข็งแกร่งเท่าไหร่จะยิ่งปิดผนึกยากเท่านั้น แต่ยิ่งพลังแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็หมายความว่าร่างกายตัวเองแข็งแกร่งเท่านั้น อันที่จริงยังมีส่วนช่วยต่อการปิดผนึกประตูซานเจียวเช่นกัน ไม่ได้ถ่วงเวลามากมายขนาดนั้นเสมอไป
บทสนทนาครึกครื้นของพวกเขานั้น หวังจินหยางที่อยู่ด้านหลังคิดว่าตัวเองควรจะออกมาได้แล้ว
มักรู้สึกว่าตัวเองถูกทิ้งห่างยังไงไม่รู้
“ฉันจะฟื้นคืนสภาพเดิมได้จริงๆ งั้นเหรอ?”
หวังจินหยางวาดหวังในใจอยู่บ้าง หากไม่ฟื้นฟูอีก จากความก้าวหน้านี้ แม้จะเร็วกว่าคนทั่วไปสิบเท่า แต่เทียบกับไอ้เวรฟางผิงแล้วยังห่างออกไปช่วงใหญ่
เขาผลาญเงินจนถึงขั้นห้าสูงสุด อาจไม่ได้ใช้เวลานานเสมอไป…แต่คนเขาเริ่มถกประเด็นจ้างยอดฝีมือร่างทองขั้นแปดสิบคนเพื่อหลอมร่างทองให้ตัวเองแล้ว
ลูกหลานของขั้นเก้าขั้นสุดยอดยังไม่ฟุ่มเฟือยเหมือนไอ้เวรนี้เลยมั้ง?
———————-