ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 423 ควรจะตั้งฉายาดีๆ ได้แล้ว (1)
ตอนที่ 423 ควรจะตั้งฉายาดีๆ ได้แล้ว (1)
……….
ระหว่างที่คุยเล่นกัน ภายใต้การเชื้อชวนที่กระตือรือร้นของฟางผิง พวกเขาเหนื่อยอยู่บ้างจริงๆ จึงไปที่ตระกูลฟางด้วยกัน
ระหว่างทางฟางผิงเจอผู้ฝึกยุทธ์ของหยางเฉิงหลายคนจึงเอ่ยปากขอชุดคลุมทหารมาหนึ่งตัว คลุมร่างตัวเองเอาไว้อย่างมิดชิด
ส่วนมือก็สวมถุงมือหนังเช่นกัน
สภาพที่เหมือนผีของเขา ฟางผิงจนใจอยู่บ้างจริงๆ ตอนที่เดินขึ้นตึกก็เอ่ยอย่างอิจฉาว่า “เจิ้งหมิงหงเจ๋งจริงๆ ถูกตบจนกลายเป็นโครงกระดูกยังฟื้นฟูขึ้นมาง่ายๆ”
“เธอถึงขั้นแปดก็ทำได้เหมือนกัน”
อู๋ขุยซานเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก ฟางผิงหยอกว่า “อาจารย์หลี่ไม่เห็นทำได้”
ตาเฒ่าหลี่ไม่พูดอะไรเช่นกัน ยื่นมือมาลูบหัวฟางผิง ‘เบาๆ’ ก่อนจะบิดหัวเขาเกิดเป็นเสียงดังลั่น
คนอื่นๆ ไม่มีใครคิดแปลกใจ ฟางผิงรนหาที่ตายเอง
ว่างจนไม่มีอะไรทำ จะยั่วโทสะตาเฒ่าหลี่ให้ได้
รอจนฟางผิงเคาะประตู คนในบ้านยังไม่มีใครนอน ทั้งไม่มีใจจะนอนเช่นกัน
พอเห็นฟางผิงกลับมา พ่อและแม่ต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก ฟางหยวนก็วิ่งวุ่นอยู่รอบๆ ฟางผิงอย่างดีใจ
ครอบครัวของเขาแทบไม่รู้จักใคร แต่พวกเขาเคยเห็นตาเฒ่าหลี่ ทั้งยังรู้จักอยู่บ้าง
เห็นตาเฒ่าหลี่ น่าจะเดาได้ว่าเป็นพวกอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยของลูกชาย หลี่อวี้อิงจึงรีบต้อนรับขับสู้ เข้าไปในครัวลงมือทำอาหาร
เดิมทีอาหารคืนส่งท้ายปีก็ต้องทำเยอะอยู่แล้ว อันที่จริงจนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้กินข้าวกันเลย
พวกอู๋ขุยซานไม่เกรงใจเช่นกัน คนที่อยู่ตรงนี้ นอกจากหวังจินหยางแล้ว คนอื่นๆ ต่างอายุมากกว่าพ่อแม่ของฟางผิงซะอีก รวมถึงถังเฟิงด้วย ดูเหมือนยังอายุน้อย จริงๆ ก็ปาเข้าไปห้าสิบปีแล้ว
เห็นฟางหยวนยังยุ่งอยู่รอบๆ ไม่หยุด จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พูดตามตรง แผนเก็บเมล็ดพันธุ์ อันที่จริงก็ไม่เลวเหมือนกัน”
อู๋ขุยซานมองเขาแวบหนึ่ง
ฟางผิงเอ่ยเสียงเบาว่า “หากเวลานั้นมาถึงจริงๆ ผมก็อยากให้ครอบครัวผมเข้าไปเหมือนกัน”
ตัวเขาไม่หนีอยู่แล้ว แต่ครอบครัว…ใครไม่มีความเห็นแก่ตัวบ้าง?
เขาจะไม่อยากให้ครอบครัวปลอดภัยได้ยังไง?
ก่อนหน้านี้อู๋ขุยซานโมโห อันที่จริงฟางผิงรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไหร่เหมือนกัน
แต่ตอนนี้คิดดูแล้ว ไม่ให้ผลประโยชน์บางอย่างกับตัวเอง เขาอาจไม่สามารถต่อสู้จนตัวตายได้อย่างสบายใจ
อู๋ขุยซานกดเสียงว่า “แม้จะนำมาใช้จริงๆ น้องสาวเธอยังมีหวัง แต่คนอื่นๆ…”
เขาไม่ได้พูดต่อ ไม่สามารถพาคนไปเยอะเกินไปได้
ฟางหยวนยังมีหวัง แต่พ่อแม่ฟางผิงอายุมากแล้ว ไม่อาจพาไปด้วยแน่นอน
ฟางผิงหัวเราะไม่ได้พูดอะไรอีก
คุยกันสักพัก หลี่อวี้อิงก็ยกอาหารขึ้นโต๊ะ จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยว่า “พ่อครับ ที่บ้านมีเหล้าหรือเปล่า?”
“มี พ่อจะไปเอามาให้”
ฟางหมิงหรงทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง รีบลุกขึ้นไปหยิบเหล้าทันที ฟางผิงก็ไม่ขวางเช่นกัน รอพ่อไปแล้วจึงถอนหายใจว่า “ดื่มเหล้าสักหน่อยก็พอแล้ว ไม่รู้จะรั่วออกมาหรือเปล่า”
“แค่กๆ…”
ทุกคนนึกถึงสถานการณ์ของเขาต่างอดหัวเราะออกมาไม่ได้
ฟางหยวนที่เพิ่งตามเข้ามา ทำหน้าแปลกใจว่า “อะไรรั่วเหรอ?”
ฟางผิงใช้คางชี้ไปที่หวังจินหยาง หัวเราะว่า “หมายถึงพี่หวัง ท้องเขาเป็นรูใหญ่ กินข้าวอาจจะรั่วออกไปได้”
หวังจินหยางไม่พูดอะไร นายก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเท่าไหร่เถอะ
หยอกล้อไม่กี่ประโยคแล้ว เวลานี้ฟางผิงค่อยเอ่ยอย่างจริงจังว่า “อธิการ ก่อนหน้านี้พี่หวังฟื้นฟูสสารไม่แตกดับขึ้นมาแล้ว”
“หืม?”
พวกยอดฝีมือย้ายสายตาไปที่หวังจินหยางทันที หวังจินหยางยังคงรักษาความสงบนิ่ง
อู๋ขุยซานเอ่ยเสียงทุ้มว่า “ฟื้นฟูแล้วจริงๆ?”
“น่าสนใจแล้ว!”
อู๋ขุยซานขมวดคิ้วว่า “พูดแบบนี้ ยอดฝีมือสมัยโบราณคืนชีพกันจริงๆ แล้ว!”
เฉินเย่าถิงไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่ ฟางผิงเห็นเขางุนงงจึงอธิบายให้ฟังพักใหญ่
ได้ฟังเรื่องพวกนี้ เฉินเย่าถิงก็เอ่ยอย่างตกใจ “ยอดฝีมือสมัยโบราณคืนชีพ?”
วันนี้ตามเข้ามาก็ยิ่งรู้อะไรมากขึ้นเรื่อยๆ
บางเรื่องก่อนหน้านี้ยังไม่มั่นใจ ตอนนี้มั่นใจแล้ว
บางเรื่องก่อนหน้านี้ไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้ก็กระจ่างขึ้นมาแล้ว
ระหว่างที่เฉินเย่าถิงพูด จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “มหาวิทยาลัยจิงหนานก็มีผู้ฝึกยุทธ์กลายพันธุ์!”
ทุกคนพากันหันไปมองเขา เฉินเย่าถิงถอนหายใจว่า “เป็นอาจารย์คนหนึ่ง อาจารย์ขั้นห้าเกิดการกลายพันธุ์บางส่วน กระดูกมือกลายพันธุ์คล้ายๆ กับฟางผิง เกิดกระดูกทอง”
“กระดูกทอง?” อู๋ขุยซานเอ่ยอย่างครุ่นคิด “มีแค่กระดูกทองที่มือ?”
“ใช่ อันที่จริงกระดูกทองบางส่วนแบบนี้พบเห็นได้น้อย” เฉินเย่าถิงอธิบายว่า “ก่อนหน้านี้ฉันยังสงสัยการกลายสภาพของกระดูกทอง โดยสถานการณ์ทั่วไปต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงทั่วร่างกาย เกิดกระดูกทองเฉพาะส่วนแบบนี้ แทบไม่สอดคล้องกับหลักการ กะโหลกไม่ใช่กระดูกทอง ทำไมถึงกลายพันธุ์เฉพาะส่วนได้?”
“ตอนนี้คิดดูแล้ว…” เฉินเย่าถิงเคาะโต๊ะเบาๆ เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “บางทีอาจเป็นเพราะผลกระทบที่เกิดจากสสารไม่แตกดับ พื้นฐานร่างกายของพวกเขาเป็นยอดฝีมือกระดูกทอง ดังนั้นเกิดการกลายพันธุ์เฉพาะส่วนก็ไม่แปลกแล้ว”
“ขั้นห้า…”
อู๋ขุยซานถามว่า “คนพวกนี้เวลากลายพันธุ์แตกต่างกัน เป็นเพราะมีอะไรไม่เหมือนกันหรือเปล่า?”
หวังจินหยางและหลี่หานซงเหมือนจะกลายพันธุ์ตั้งแต่เด็ก
เหยาเฉิงจวินน่าจะใช่เหมือนกัน แค่พลังจิตใจแตะถึงขั้นปลดปล่อยเพิ่งมาชัดเจนตอนขั้นสี่
หวงจิ่งรับบทสนทนาว่า “จะเกี่ยวข้องกับความสามารถก่อนตายด้วยหรือเปล่า?”
“เป็นไปได้”
“พวกหวังจินหยางล้วนเป็นการกลายพันธุ์ทั้งร่างกาย เป็นไปได้ไหมว่าความสามารถก่อนตายจะแข็งแกร่งกว่าขั้นแปด?”
“หรือก่อนตายฟางผิงจะแข็งแกร่งกว่าคนอื่นอยู่บ้าง?”
“…”
คนพวกนี้ถกเถียงกันอย่างออกรส ฟางผิงและหวังจินหยางแทบจะหน้าดำคล้ำ
อย่าเอาแต่พูดว่า ‘ก่อนตายๆ’ ได้หรือเปล่า?
คนไม่รู้ยังจะคิดว่าพวกเขาตายไปจริงๆ แล้ว
ฟางหยวนทำหน้างุนงง เธอแทบไม่รู้ว่าพวกเขากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ ผลักฟางผิงเบาๆ ว่า “พี่ พวกเขากำลังพูดอะไรกันเหรอ?”
จู่ๆ ฟางผิงก็หัวเราะขึ้นมา กระซิบว่า “พูดถึงเรื่องความสามารถในการผลิตเงิน[1]ของพวกเราหรือก็คือความสามารถหาเงินนั่นแหละ พี่เธอผลิตเงินเก่งที่สุด เข้าใจหรือยัง?”
ฟางหยวนดูคล้ายทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรละเอียด “พี่ ฉันสามารถทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ตอนนี้ได้เลยหรือเปล่า?”
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องรีบ หรือเธอคิดจะตัวสูงเท่านี้ไปตลอด?”
ระหว่างที่พูดคุยกัน จู่ๆ อู๋ขุยซานก็เอ่ยว่า “อันที่จริงทะลวงด่านล่วงหน้าได้เหมือนกัน ตอนที่กระดูกในร่างกายสะสมน้ำแร่พลังงานไว้บางส่วน สามารถทำให้กระดูกเจริญเติบโตต่อหลังจากที่ทะลวงด่านได้ ฟางผิง เธออาจจะไม่รู้ พวกเด็กวัยรุ่นในแผนเก็บเมล็ดพันธุ์หลายคนล้วนบ่มเพาะกันแบบนี้”
ฟางผิงฟังจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฟุ่มเฟือยดีจริงๆ”
เพื่อให้มีคนทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์เร็วหน่อยกลับใช้น้ำแร่พลังงานมาบ่มเพาะกระดูก!
นี่ก็มีสาเหตุมาจากบรรพบุรุษของคนพวกนี้เป็นยอดฝีมือระดับขั้นสุดยอดเช่นกัน เพื่อปลอบขวัญยอดฝีมือพวกนี้ รัฐบาลจึงทุ่มเทออกมาอย่างเต็มกำลัง
แน่นอนว่าอาจไม่ใช่เพราะรัฐบาลเสนอออกมา
อาจจะเป็นยอดฝีมือพวกนี้เสนอเองเช่นกัน
“ร่างไม่ระเบิดเหรอครับ?”
“น้ำแร่พลังงานค่อนข้างอ่อนโยน ปกติแล้วระดับสูงแทบสามารถทำถึงขั้นผนึกน้ำแร่พวกนี้ไว้ในกระดูกพวกเขาได้ รอถึงเวลาแล้วจะแทรกซึมออกมาเอง บ่มเพาะกระดูกต่อไป”
ระหว่างที่อู๋ขุยซานพูดก็เอ่ยว่า “แน่นอน สิ้นเปลืองไม่น้อย ไม่คุ้มค่าเท่าไหร่”
ทะลวงด่านล่วงหน้าไม่กี่ปี อาจไม่มีประโยชน์มากมายเสมอไป
แต่คนที่มีเงินใช้ได้ตามใจ สำหรับยอดฝีมือขั้นสุดยอดแล้ว อันที่จริงบางครั้งก็ได้รับน้ำแร่พลังงานมาไม่น้อย
ยอดฝีมือพวกนี้สังหารพืชปีศาจขั้นเก้าไม่ใช่เรื่องยาก
ฟางผิงมองฟางหยวนแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไว้ค่อยว่ากัน ไม่รีบ อธิการ คนพวกนั้นแข็งแกร่งหรือเปล่าครับ?”
“พอใช้ได้ล่ะมั้ง”
อันที่จริงอู๋ขุยซานก็ไม่ได้รู้มากเท่าไหร่ แต่ครุ่นคิดดูแล้วยังเอ่ยว่า “ฉันเคยเห็นอยู่บ้างเหมือนกัน จะว่าไงดีล่ะ มีบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งอย่างมาก ตั้งแต่เด็กก็มีของหายากไม่เคยขาดแคลนอะไร รวมทั้งทะลวงด่านล่วงหน้า ระดับขั้นไม่นับว่าต่ำ ขั้นห้าขั้นหกอายุประมาณยี่สิบปีก็มีให้เห็นไม่น้อย แน่นอนว่า…”
อู๋ขุยซานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถอะ ต่อให้อัจฉริยะแค่ไหนก็มีผู้ฝึกยุทธ์รุ่นก่อนหนุนหลังอยู่ดี ขั้นเจ็ดไม่ได้ทะลวงง่ายๆ แบบนั้น พลังจิตใจและปราณรวมเป็นหนึ่งยังยากเลย เจอกับพวกเธอ ฟันขั้นหกตายหลายคนไม่ใช่เรื่องยาก อย่าให้ความสำคัญนักเลย ไม่ถึงขั้นเจ็ด แม้จะหลอมพลังจิตใจและปราณเป็นหนึ่งแล้วจริงๆ ก็ไม่นับเป็นเรื่องอะไร ถังเฟิงคนเดียวยังสามารถจัดการได้ทั้งกลุ่มด้วยซ้ำ แต่คนพวกนี้ขาดแคลนประสบการณ์ต่อสู้จริงอยู่บ้าง อันที่จริงก็มียอดฝีมือบางส่วนไม่อยากให้ลูกหลานกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ปราณ ทั้งยังมีบางส่วนกำลังฝึกประสบการณ์ในถ้ำใต้ดิน”
ระหว่างที่พูด อู๋ขุยซานก็เอ่ยอย่างลุ่มลึกว่า “ฉันถึงกระทั่งสงสัยว่ามีบางส่วนอาจจะกำลังฝึกฝนในเขตหวงห้ามอยู่!”
ฟางผิงแววตาวูบไหวเล็กน้อย หวังจินหยางที่อยู่ด้านข้างก็อดเอ่ยไม่ได้เช่นกัน “เขตหวงห้าม?”
———————-
[1]生钱 ในบริบทนี้หมายความว่าผลิตเงิน พ้องเสียงกับคำว่า 生前 ที่หมายความว่าก่อนตาย