ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 423-2 ควรจะตั้งฉายาดีๆ ได้แล้ว (2)
ตอนที่ 423 ควรจะตั้งฉายาดีๆ ได้แล้ว (2)
……….
ฟางผิงหันไปมองเขาแวบหนึ่ง รู้สึกเห็นใจเป็นอย่างมาก ถอนหายใจว่า “พี่หวัง มหาวิทยาลัยหนานเจียงน่าสงสารจริงๆ ช่างเถอะ ไว้กลับไปผมจะส่งข้อมูลให้พี่สักหน่อย”
หวังจินหยางใบหน้าเขียวคล้ำ จำเป็นต้องใช้คำพูดแทงใจฉันด้วยหรือไง?
แต่…มหาวิทยาลัยหนานเจียงน่าสงสารจริงๆ นั่นแหละ
เรื่องที่พวกเขาถกเถียงกัน มีแค่ไม่กี่เรื่องที่เขารู้
เขตหวงห้ามคืออะไร เขายังไม่กระจ่างใจเลย
พูดคุยกันอยู่สักพัก ฟางหมิงหรงก็ยกเหล้ากล่องหนึ่งออกมา ปกติผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างจะไม่ดื่มเหล้า คนที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์กระทั่งขนมขบเคี้ยวบางอย่างยังไม่กินด้วยซ้ำ
แต่มาถึงขั้นอย่างพวกฟางผิงแล้ว นั่นกลับไม่เป็นไร
หลอมอวัยวะภายในแล้ว แม้จะเป็นแผ่นเหล็กก็กล้ากิน
แม้ทุกคนจะถึงขั้นไม่กินก็ไม่หิวตายแล้ว แต่เวลานี้กลับแทบไม่สนใจเรื่องนี้กัน
กินดื่มกันไป ก่อนฟางผิงจะลุกขึ้น ยกแก้วว่า “ผมขอชนให้กับอาจารย์ทุกคน! วันนี้เพราะเรื่องของผม พวกอาจารย์ถึงกับต้องเดินทางไกลเพื่อมาช่วยเหลือ บุญคุณนี้ ฟางผิงไม่อาจลืมแน่! ขอให้ทุกคนอายุยืนยาว มีวันนี้ได้ มีชีวิตจนฉลองปีใหม่ได้อีกปี กินข้าวข้ามปีด้วยกัน! มนุษยชาติ…ต้องชนะอย่างแน่นอน!”
ทุกคนต่างพากันชนแก้ว จมดิ่งในความคิดของตัวเอง
ด้านฟางผิง ชนกับอาจารย์แล้วก็ชนกับพ่อแม่ต่อ
ท้ายที่สุดถึงค่อยยกแก้วชนกับหวังจินหยาง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้นายเสี่ยงชีวิตช่วยเหลือฉัน คงไม่ต้องกล่าวเกรงใจกันแล้ว ถ้ำใต้ดินเทียนหนานอุบัติขึ้น ฉันจะไปกับนาย!”
“ขอบคุณ”
“สมควรแล้ว”
ทั้งสองคนชนแก้วกัน ฟางหยวนที่อยู่ด้านข้างก็ยกแก้วเล็กๆ ของตัวเองขึ้นเหมือนกัน ข้างในเป็นน้ำผลไม้ ชนแก้วกับฟางผิงแล้วก็ถามว่า “พี่ ถ้ำใต้ดินคืออะไรเหรอ?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่ง “เป็นฐานทัพใหญ่ของผู้ฝึกยุทธ์นอกรีต! เจ้าพวกนั้นครั้งนี้กล้าโจมตีฉัน พี่ชายเธอไม่ใช่คนรังแกได้ง่ายๆ ผ่านช่วงนี้ไปแล้ว ฉันแข็งแกร่งขึ้น จะฆ่าพวกเขาจนกลายเป็นทะเลเลือด! ใช่สิ ไม่อนุญาตให้แพร่งพรายต่อข้างนอก รู้หรือเปล่า?”
“อืม!”
ฟางหยวนพยักหน้างึกงัก ก่อนจะกัดฟันแน่น “ฉันแข็งแกร่งขึ้นแล้วก็จะไปฆ่าคนที่ถ้ำใต้ดินเหมือนกัน!”
เพิ่งจะพูด ฟางผิงก็ผลักหัวเธอไปหนึ่งที เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เธอรออยู่บ้านเฉยๆ ก็เพียงพอแล้ว ฆ่าคนอะไรกัน พี่เธอยังมีชีวิตอยู่ จำเป็นต้องให้เธอระบายความโกรธแทนฉัน?”
ตอนนี้เขาไม่คิดจะปิดบังข้อมูลกับพ่อแม่และน้องสาวแล้วเช่นกัน
ถึงเวลานี้ฟางผิงรู้สึกว่าอีกไม่นาน เรื่องนี้ก็น่าจะรู้โดยทั่วกันแล้ว
เขาบอกไปว่าเป็นฐานทัพของลัทธินอกรีต บางทีรัฐบาลอาจจะประกาศแบบนั้นจริงๆ ก็ได้
ตอนนี้ฟางผิงเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วว่าการมีอยู่ของลัทธินอกรีต เป็นเพราะจะใช้เป็นแพะรับบาปในเรื่องนี้หรือเปล่า
ยอดฝีมือถ้ำใต้ดินบุกออกมาทำลายเมือง สังหารประชาชน ให้ลัทธินอกรีตเป็นแพะรับบาป
ถ้ำใต้ดินปรากฏก็ให้ลัทธินอกรีตเป็นแพะรับบาป
สรุปแล้วเรื่องแย่ๆ เรื่องที่ไม่อาจอธิบายได้ ล้วนเป็นปัญหาของลัทธินอกรีตทั้งหมด
เป็นแบบนี้แล้ว หลายปัญหาก็ง่ายลงแล้ว
ฟางผิงคิดว่าถึงเวลานั้นมีโอกาสสูงที่รัฐบาลจะประกาศออกมาแบบนี้
ถือโอกาสใช้คนของนอกรีตฝึกฝนผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองบางส่วนด้วย ฆ่าพวกเขานั้นง่ายกว่าฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำใต้ดินเยอะ
ในช่วงเวลาสั้นๆ ฟางผิงก็เกิดความคิดที่ลึกล้ำกว่านั้นขึ้นมา
ลัทธินอกรีต…ตกลงเป็นเพราะมีคนจงใจทำออกมาหรือเปล่า?
รวมผู้ฝึกยุทธ์ที่มีความคิดไม่บริสุทธิ์บางส่วนเข้าไปในลัทธินอกรีต สร้างฐานทัพให้พวกเขาเพื่อขจัดสิ่งแปลกปลอม
พูดตามตรง ฟางผิงคิดมาตลอดว่าผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์จิตใจดีจนเกินไป
ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ยอดฝีมือหน่วยทหาร รวมถึงยอดฝีมือแวดวงอื่นๆ มีแต่คนดีๆ อยู่เต็มไปหมด
ทุกคนอยู่ร่วมกันกลมเกลียว แม้จะขัดแย้งกันภายในก็น้อยนักที่จะเกิดการปะทะหรือรบรากันเป็นวงกว้าง
ไม่ใช่เพราะการคงอยู่ของถ้ำใต้ดินอย่างเดียว บางทีการคงอยู่ของลัทธินอกรีตอาจมีประโยชน์อย่างหนึ่งอยู่
ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีความคิดเลวร้ายบางส่วน ไม่แน่ว่าอาจจะถูกนำไปอยู่กับลัทธินอกรีต
“หากเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็น่าสนใจแล้ว”
ฟางผิงพึมพำอยู่ในใจ ตอนนี้ในมือของรัฐบาลอาจจะมีรายชื่อของผู้ฝึกยุทธ์ลัทธินอกรีตอย่างละเอียดอยู่ฉบับหนึ่งก็ได้
หากถึงสงครามใหญ่จริงๆ รัฐบาลอาจจะลงมือในชั่วพริบตา ทำลายล้างผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตอย่างราบคาบทั้งหมด
ถึงเวลานั้นไม่จำเป็นต้องกังวลว่ามนุษย์ชาติจะเกิดปัญหาภายในอีกแล้ว
รู้สึกเหมือนว่าเบื้องบนของลัทธินอกรีตที่ซ่อนตัวอย่างลึกล้ำพวกนั้น บางทีอาจจะถูกจับจ้องตั้งนานแล้ว
คิดให้ลึกอีกหน่อย หากท้ายที่สุดมีเจ้าลัทธิคนหนึ่งเป็นสายลับที่เบื้องบนของมนุษย์ส่งมา…แม่งเหอะ คิดดูยังรู้สึกเจ็บใจ
“อาจเป็นไปได้เหมือนกัน!”
ฟางผิงสะบัดหัว ความคิดของพวกตาแก่ซับซ้อนกันจริงๆ
เทียบกับพวกเขาแล้วตัวเองก็เป็นแค่คนไร้ประสบการณ์
แม้จะรวมกับประสบการณ์ใช้ชีวิตในชาติก่อน นั่นก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับคนพวกนี้ บุคคลที่มีตำแหน่งฐานะสูงพวกนี้ หากใช้กลอุบายขึ้นมาจริงๆ ฟางผิงยังห่างไกลจากการเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา
คืนนี้ฟางผิงดื่มเหล้าไปไม่น้อย
ไม่รั่วเลย!
อวัยวะภายในยังอยู่ดี เหล้าลงท้องไปแล้วก็ย่อยสลายโดยอัตโนมัติ
แต่ฟางผิงยังคงเมาอยู่เล็กน้อย ครั้งนี้ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตล้อมโจมตีเขา กลับลากเรื่องราวออกมามากมาย
ข้อมูลบางอย่างที่ไม่เข้าใจก่อนหน้านี้ค่อยๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาทีละอย่าง
รวมถึงความแข็งแกร่งของอู๋ขุยซานด้วย
เหล่าอู๋ผู้โหดเหี้ยม จากคำพูดเมามายของตาเฒ่าหลี่ เขาแข็งแกร่งกว่าโจวติ้งกั๋วซะอีก
โจวติ้งกั๋วสามารถจัดการศัตรูในถ้ำใต้ดินหนึ่งต่อสาม แม้จะเกือบถูกฆ่า แต่สุดท้ายก็ต้านไว้ได้นานทีเดียว
รองผู้บัญชาการหน่วยทหาร ขั้นเก้าก็มีหลายคน โจวติ้งกั๋วที่อยู่ขั้นแปดได้ตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหาร ไม่อาจประเมินความสามารถต่ำเกินไปได้จริงๆ
แต่อู๋ขุยซานยังแข็งแกร่งกว่าโจวติ้งกั๋ว!
ก่อนหน้านี้อู๋ขุยซานถูกจัดอยู่ในอันดับที่หนึ่งร้อยยี่สิบเก้าของการจัดอันดับร่างทองทั่วโลกและอันดับที่สิบสองของประเทศจีน
การจัดอันดับนี้ไม่นับว่าต่ำแล้ว
แต่โจวติ้งกั๋ว ก่อนหน้านี้อันดับทั่วโลกอยู่ที่หกสิบสอง อันดับของประเทศจีนอยู่ที่แปด
อู๋ขุยซานแข็งแกร่งกว่าเขา ไม่ใช่ว่าอย่างน้อยจะอยู่ห้าอันดับแรกของขั้นแปดในประเทศจีนงั้นเหรอ?
อธิการบดีมหาวิทยาลัยปักกิ่งคนนั้น ตอนนี้ก็ถูกจัดในอันดับที่สามของประเทศจีนเท่านั้น
เหล่าอู๋คงไม่ได้แข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายหรอกนะ?
ตาเฒ่าหลี่พูดเรื่องพวกนี้ อู๋ขุยซานก็ไม่สนใจเขา ทำเป็นไม่ได้ยินไป
ต่อให้ขั้นแปดแข็งแกร่งแค่ไหน นั่นก็เป็นแค่ขั้นแปด
ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะเป็นอันดับหนึ่งของขั้นแปดแล้วยังไง
ใช่ อันดับหนึ่งของขั้นแปด ต่อกรกับขั้นเก้าทั่วไปอาจไม่มีปัญหา
แต่เอาชนะ ไม่ได้หมายความว่าจะฆ่าได้
ฆ่าขั้นเก้า นี่ไม่ใช่ว่าฝีมือแข็งแกร่งหน่อยก็สำเร็จแล้ว
ยอดฝีมือขั้นแปดอยากฆ่าขั้นเก้าเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก!
เฉินเย่าถิงเป็นอันดับหนึ่งของขั้นเจ็ด แต่ให้เขาฆ่ายอดฝีมือขั้นแปด นั่นก็ยากเหมือนกัน แม้จะเป็นครึ่งๆ กลางๆ อย่างตาเฒ่าหลี่ เขาก็อาจไม่สามารถฆ่าได้เสมอไป
แต่ว่า…ถ้าเป็นเจิ้งหมิงหงอาจจะมีหวัง
บางทีเหล่าเจิ้งอาจจะไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ขั้นแปดไม่ได้มีคนที่อ่อนแอจนเกินไปจริงๆ แต่เจิ้งหมิงหงไม่ได้ลงถ้ำใต้ดินมาหลายปี เฝ้าอยู่ที่บริษัทยาบำรุงอยู่เรื่อยมา หากบางครั้งไม่ไปเตร็ดเตร่ในถ้ำใต้ดินปักกิ่ง หลายปีนี้ก็แทบไม่มีโอกาสได้ประมือกับใครเลยจริงๆ
แต่เฉินเย่าถิงอยู่ที่ถ้ำใต้ดินจิงหนาน ชายชราคนนี้มักออกเดินทางไปทั่ว ขั้นเจ็ดของถ้ำใต้ดินถูกเขาซุ่มโจมตีแทบจะเหลือไม่กี่คน
หากไม่เป็นแบบนั้นเขาคงไม่กลายเป็นอันดับหนึ่งของขั้นเจ็ดง่ายๆ หรอก
อย่างอื่นไม่พูดถึง อธิการมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งอื่น มีอาวุธวิเศษหลายคน เขาก็มีเหมือนกัน
อธิการคนอื่น มีแค่ไม่กี่คนที่มีหินพลังงานขนาดเท่าไข่ไก่หลายก้อนซึ่งหยิบมาใช้ได้ทุกเมื่อ เว้นแต่ว่าจะเป็นเงินหลวงของมหาวิทยาลัย เงินส่วนตัวมีไม่เยอะ แต่เหล่าเฉินก็ยังมี
ส่วนเหล่าอู๋ ฟางผิงให้ความสำคัญขึ้นมาไม่น้อย ตาเฒ่าผมขาวคนนี้ปกติดูธรรมดา พอแสดงความสามารถกลับน่าตกใจ
ครั้งหน้าต้องระวังหน่อยแล้ว
“ราชาอสรพิษ…”
ฟางผิงพึมพำในใจ ฉายานี้เมื่อก่อนไม่เข้าใจ ตอนนี้พอจะมีภาพจำขึ้นมาแล้ว
“ราชสีห์คลั่ง กระบี่อมตะ ราชาอสรพิษ ยุทธ์ไร้พ่าย…”
ฟางผิงคิดเชื่อมโยงไปมากมาย คนพวกนี้ล้วนมีฉายาเจ๋งๆ ตัวเองควรจะตั้งฉายายังไงให้น่าเกรงขามดี?
“ราชาสวรรค์?”
“ราชาดาบ?”
“เทพสงคราม?”
“…”
คำพูดตอนหลังนั้นฟางผิงส่งเสียงออกมา หวังจินหยางที่ดื่มเมากรึ่มๆ อยู่ด้านข้างก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉายางั้นเหรอ? โครงกระดูกผิงเป็นยังไง?”
“ไสหัวไปเลย!”
ฟางผิงก่นด่า นายน่ะสิโครงกระดูกหวัง!
แต่พูดไปพูดมาแล้ว เหล่าหวังคนนั้นชาติก่อนเป็นใครกันแน่?
ตอนนี้ฟางผิงรู้สึกเหมือนกันว่าคนพวกนี้เป็นยอดฝีมือสมัยโบราณที่กลับมาเกิดใหม่
“ไม่รู้ว่ายอดฝีมือที่เกิดใหม่มีฉายาหรือเปล่า”
ฟางผิงสะบัดหัว ตอนนี้ท้องฟ้าสว่างแล้ว เสียงประทัดดังขึ้นอีกครั้ง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานราวกับความฝันฉากหนึ่งเท่านั้น
—————————
……….