ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 424-2 อันดับหนึ่งของขั้นห้า (2)
ตอนที่ 424 อันดับหนึ่งของขั้นห้า (2)
…………….
ส่งอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไปแล้วก็ส่งเฉินเย่าถิงกลับด้วยเช่นกัน
ตาเฒ่าไม่ได้พูดมากมาย แค่มองเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตรอยู่บ้าง เผยท่าทีราวกับถ้าฟางผิงกล้าเล่นความรู้สึกกับผู้หญิง เขาก็จะฟันฟางผิงให้ตายซะ ทำเอาฟางผิงขัดแย้งในใจอย่างยิ่ง
ครั้งนี้เฉินเย่าถิงได้รับอะไรกลับไปไม่น้อยเช่นกัน
จิงหนานก็สร้างสายพานการผลิตของตัวเองแล้ว
แน่นอนว่าจิงหนานได้รับอย่างจำกัด รวมถึงปัญหาตำรับเฉพาะและเทคนิคบางอย่าง ต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้นไม่น้อย แต่นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
มีสายพานการผลิตเองถึงจะเป็นรากฐานของมหาวิทยาลัยดัง
เมื่อก่อนมีแค่มหาวิทยาลัยปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ รวมถึงโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง ตอนนี้จิงหนานก็มีแล้ว
ส่วนเบื้องบนจะเห็นด้วยหรือเปล่า เฉินเย่าถิงคิดว่าปัญหาไม่ใหญ่เท่าไหร่
เขาจะเข้าสู่ขั้นแปดเร็วๆ นี้แล้ว หากกลายเป็นร่างทองขั้นแปด งั้นตำแหน่งของมหาวิทยาลัยจิงหนานก็จะสูงขึ้นตาม
ตอนนี้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ที่มีร่างทองมีไม่เยอะ
มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยหวากั๋ว โรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง มหาวิทยาลัยพวกนี้ล้วนมีร่างทองขั้นแปดอยู่ อันที่จริงโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวก็มี แต่เป็นในนามเท่านั้น ขั้นแปดคนนั้นของอีกฝ่าย รับตำแหน่งอธิการกิตติมศักดิ์เท่านั้น อันที่จริงหลักๆ จะรักษาการณ์ในหน่วยทหารมากกว่า
ถ้าเฉินเย่าถิงทะลวงถึงขั้นแปด งั้นตำแหน่งของมหาวิทยาลัยชื่อดังของจิงหนานก็มั่งคงแล้ว
ส่วนมหาวิทยาลัยหนานเจียง…แม้หวังจินหยางจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ โอกาสที่จะได้รับการยินยอมยังมีไม่มาก
แต่ในนามของหนานเจียง นั่นยังอาจมีหวัง
ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย ฟางผิงก็ส่งคนพวกนี้กลับไป
หวังจินหยางกลับบ้านไปนานแล้วเหมือนกัน
—
กลับมาถึงบ้าน พ่อแม่ก็กำลังเก็บข้าวของอย่างเงียบๆ
การต่อสู้เมื่อวานทำให้พวกเขามองอะไรได้ชัดเจนขึ้น
เป็นเรื่องยากที่ต้องห่างบ้านเกิดเมืองนอน!
แต่ต่อให้ทำใจไม่ได้ยังไง เวลานี้ก็ควรต้องไปแล้ว ลูกชายยังมีบ้านเดี่ยวอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ทั้งยังตกแต่งเรียบร้อยแล้ว
เมื่อก่อนสองสามีภรรยายังคิดว่าย้ายหรือไม่ย้ายก็ไม่ต่างกัน
แต่ตอนนี้ศัตรูบุกมาถึงบ้าน พวกเขาไม่ไป หรือจะให้ลูกชายเฝ้าอยู่ที่บ้านทุกวัน?
พวกเขากำลังเก็บของ ฟางหยวนก็โทรศัพท์อยู่เช่นกัน
อันที่จริงเธอทำใจไม่ได้อย่างยิ่ง ร้านค้าเล็กๆ ของเธอเพิ่งจะเปิด พี่น้องหลายพันคนของเธอก็ยังอยู่ที่นี่
แต่การต่อสู้เมื่อวานเกือบทำให้พี่ชายเธอถูกคนฆ่าตาย เธอยังคงมองออก
หวังจินหยางถูกคนซัดจนท้องเป็นโพรงขนาดนั้น แล้วพี่ชายเธอล่ะ?
จนถึงตอนนี้ยังสวมเสื้อคลุมทหารตัวใหญ่ ใส่ถุงมือปิดบังอย่างมิดชิด
ฟางหยวนอยากถอดออกดู ผลปรากฏว่ากลับถูกฟางผิงตีไปหลายที ฟางหยวนร้องไห้อย่างหนัก ฟางผิงยังคิดว่าตีเธอแรงเกินไป กลับไม่รู้ว่าน้องสาวตัวเองไม่ได้โง่ เดาออกตั้งนานแล้วว่าเขาบาดเจ็บหนัก ไม่กล้าให้เธอดู
“เสี่ยวหลิง อีกไม่กี่วันฉันจะไปเซี่ยงไฮ้แล้ว ถ้าคิดถึงก็อย่าลืมโทรหาฉันล่ะ”
“เสี่ยวอวี้ เรื่องของสมาคมและบริษัทมอบให้พวกเธอดูแลทั้งหมด หลังจากนี้ติดต่อทางโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตนะ…”
“…”
“อืม พี่ชายฉันเป็นอันดับหนึ่งในขั้นห้าแล้ว พี่บอกว่าอีกไม่นานฉันก็จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้แล้ว ถึงเวลานั้นฉันก็จะขึ้นไปอยู่ในการอันดับคว้าที่หนึ่งเหมือนกัน พวกเธออย่าลืมดูฉันในการจัดอันดับด้วยล่ะ”
“…”
ครั้งนี้ฟางหยวนพูดสายค่อนข้างนาน
ฟางผิงกลับนั่งอยู่ข้างระเบียงที่กระจกแตกหัก มองออกไปนอกหน้าต่าง
จากบ้านเกิดไปไม่ง่ายเลยจริงๆ ถ้ามีวันหนึ่ง ไม่ใช่แค่บ้านเกิดอย่างหยางเฉิง มนุษย์ถึงกระทั่งต้องออกจากโลกนี้ไป นั่นจะเป็นความรู้สึกยังไง
“รู้มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงได้เข้าใจว่าตัวเองช่างเป็นสิ่งมีชีวิตกระจ้อยร่อยอะไรเช่นนี้”
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขารู้สึกว่ากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก
แต่ถึงตอนนี้ ขั้นเก้าแล้วยังไง?
ขั้นสุดยอดแล้วยังไง?
แผนเก็บเมล็ดพันธุ์ทำให้ฟางผิงมองอะไรทะลุปรุโปร่งมากมาย ยอดฝีมือขั้นสุดยอดพวกนั้นก็มีความคิดในแง่ร้ายเช่นกัน
ไม่อย่างนั้นจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง!
—
วันที่สองของปีใหม่ ฟางผิงและพวกอู๋จื้อหาวนัดรวมตัวกัน ดื่มไปหลายแก้ว
พูดคุยเรื่องชีวิตและอนาคต
คนพวกนี้ในหมู่เพื่อนนักศึกษาถือว่าความสามารถไม่อ่อนด้อยเช่นกัน
พวกอู๋จื้อหาว ครั้งก่อนได้เงินจากฟางผิงไปสิบล้าน พวกเขาต่างพยายามฝึกวิชาเหมือนกัน ตอนนี้แทบจะเข้าสู่ขั้นหนึ่งตอนกลางแล้ว อีกไม่นานก็จะขั้นหนึ่งตอนปลาย
แต่ขั้นนี้ สำหรับฟางผิงแทบไม่ได้รู้สึกอะไร
ปีสองเทอมหน้า พวกเขามีหวังจะเข้าสู่ขั้นสอง
ตอนเรียนจบอาจมีโอกาสถึงขั้นสาม
หากเป็นเมื่อก่อนจบการศึกษาในขั้นสาม ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป นี่ถือเป็นแนวหน้าแล้ว
แต่ตอนนี้ความสามารถของขั้นสามจะมีประโยชน์อะไร
ทว่าหลังจากนี้พลังงานระหว่างฟ้าดินจะเข้มข้นมากขึ้น แต่ละมหาวิทยาลัยจะเพิ่มการจัดสรรทรัพยากร ทุกคนจะฝึกวิชาได้เร็วขึ้นอยู่บ้าง
สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ โดยเฉพาะนักศึกษาที่มีครอบครัวเป็นคนธรรมดา อันที่จริงพรสวรรค์ไม่อ่อนด้อยเลย
นี่เป็นภัยพิบัติ ทั้งเป็นโอกาสด้วยเช่นกัน
บางทีคนพวกนี้อาจมีโอกาสทะลวงด่านมากยิ่งขึ้น
ถ้ำใต้ดินหนานเจียงอุบัติแล้วเช่นกัน ถ้าลงถ้ำใต้ดิน คนพวกนี้อาจจะมีโอกาสเจอของหายากบางอย่าง นี่ก็เป็นเรื่องที่พูดยาก
—
วันที่สามของปีใหม่ ครอบครัวน้าเล็กของฟางผิงก็มาถึงหยางเฉิง
ฟางผิงไม่ได้ให้การดูแลครอบครัวน้าเล็กมากมาย มีสิ่งเดียวที่ให้พวกเขา นั่นก็คือบ้านสองแห่งในหยางเฉิง
ขายก็ดี เก็บไว้ก็ช่าง บ้านสองแห่งนี้ปล่อยให้พวกเขาจัดการตามใจ
น้องๆ ทั้งสองคนยังอายุน้อย ฟางผิงให้ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาไปบางส่วนด้วย อย่างอื่นไม่ได้ให้แล้ว บางครั้งสิ่งที่เรียบง่ายก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป
ฟางผิงนัดรวมตัวเพื่อบอกลา
พ่อแม่และฟางหยวนก็เหมือนกัน
ตระกูลฟางจะย้ายออกไปแล้ว
อันที่จริงหลายคนในเมืองหยางเฉิงต่างรู้เรื่องนี้
คืนขึ้นปีใหม่ ฟางผิงก็ได้ประกาศเรื่องนี้ต่อภายนอกเช่นกัน
คนของหยางเฉิงไม่รู้ว่าควรอาลัยอาวรณ์หรือควรดีใจ
ฟางผิงไปแล้ว ยอดฝีมือที่มีกำลังพอจะทำลายเมืองพวกนั้นจะไม่มาหยางเฉิงอีกใช่หรือเปล่า?
แต่ฟางผิง เป็นความรุ่งเรืองของหยางเฉิง เป็นสิ่งที่พวกเขาใช้คุยโว ทั้งเป็นความภาคภูมิใจของพวกเขาเช่นกัน ต้องปล่อยเป็นไปแบบนี้ ท้ายที่สุดยังคงซับซ้อนในใจอยู่บ้าง
ฟางผิงพาทั้งครอบครัวเตรียมไปอยู่เซี่ยงไฮ้ ความภาคภูมิใจอีกหนึ่งคนของหยางเฉิงที่ถูกฟางผิงบดบังรัศมีไปบ้างอย่างหวังจินหยางก็เตรียมตัวจะย้ายบ้านเช่นกัน
ครั้งนี้อีกฝ่ายโจมตีฟางผิง
เมืองเล็กๆ อย่างหยางเฉิง ยอดฝีมือมีน้อยจนเกินไป
หากให้ครอบครัวอยู่ที่นี่ต่อ จะไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัยของครอบครัว หากปะทุสงครามใหญ่ขึ้นอีก อาจจะทำลายทั้งเมืองหยางเฉิง
ครุ่นคิดถึงเรื่องพวกนี้ ตระกูลหวังก็เริ่มย้ายที่อยู่เช่นกัน
—
วันที่ห้าของปีใหม่
ฟางผิงเองแทบไม่มีข้าวของอะไร พ่อแม่กลับเก็บข้าวของกันเต็มลำรถ จ้างรถมาขนของสองคันมุ่งหน้าไปยังเซี่ยงไฮ้ด้วยกัน
วันนี้มีคนมาส่งพวกเขาเช่นกัน
คนที่มาส่งฟางผิงมีแค่ไม่กี่คน
คนที่มาส่งพ่อแม่ก็ไม่เยอะ
แต่พวกเด็กสาวที่เจี๊ยวจ๊าวสิบกว่าคนนั้นคลายบรรยากาศเศร้าในการจากลาลงไปเยอะ
เด็กสาวพวกนี้พูดไม่หยุดปาก โอบล้อมฟางหยวนอย่างอาลัยอาวรณ์แทบอยากจะพูดคุยจนฟ้ามืด
ท้ายที่สุดฟางหยวนก็โบกมือบอกลาพวกเด็กสาวที่ชั่วชีวิตนี้อาจจะไม่สามารถเข้าสู่โลกของผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้
ผู้บัญชาการเมืองไป๋จิ่นซาน พาคนของรัฐบาลมากลุ่มหนึ่ง ใช้สายตามองส่งคนของตระกูลฟางไปเงียบๆ เช่นกัน
วันนี้ไม่ใช่แค่ฟางผิงที่จากไป สถานที่อีกแห่งหนึ่ง หวังจินหยางก็จากไปเช่นกัน
อัจฉริยะที่ถือกำเนิดจากหยางเฉิงทั้งสองคน ตอนนี้กลับจำเป็นต้องออกไป ทำให้หลายคนไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกยังไง
วันที่ 18 กุมภาพันธ์
ฟางผิงและหวังจินหยางจากหยางเฉิงต่างพาครอบครัวของตัวเองออกจากเมืองไป
เมืองเล็กๆ ที่น่าอัศจรรย์แห่งนี้จึงค่อยๆ ถูกคนลืมเลือนไป
———————-