ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 425 สร้างกล้ามเนื้อใหม่ (1)
ตอนที่ 425 สร้างกล้ามเนื้อใหม่ (1)
…………….
วันที่ 19 กุมภาพันธ์
เขตทางใต้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ภายในห้องแหล่งพลังงาน
เฉินอวิ๋นซีเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ฟางผิง นายไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ?”
ฟางผิงห่อตัวด้วยเสื้อนวมตัวใหญ่ ในสถานการณ์ที่ผู้ฝึกยุทธ์แทบจะใส่เสื้อชั้นเดียวจึงดูเตะตาเป็นพิเศษ
เมื่อวานครอบครัวของฟางผิงมาถึงเซี่ยงไฮ้ ด้านเฉินอวิ๋นซีวันก่อนก็ทิ้งแผนที่จะอยู่ในจิงหนานต่อ ล่วงหน้ามาเร็วกว่าฟางผิงซะอีก
หากไม่ใช่ฟางผิงบอกว่าเมื่อวานเขายุ่งมาก ไม่สะดวกต้อนรับ เธอคงไปหาฟางผิงนานแล้ว
เวลานี้ต้องรอจนฟางผิงมาถึงมหาวิทยาลัย พอเห็นฟางผิงใส่เสื้อคลุมตัวหนา เฉินอวิ๋นซีก็เป็นกังวลใจอย่างมาก
“ฉันจะมีเรื่องอะไรได้?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ “สวมเสื้อนวมเพิ่มความอบอุ่น ลองใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปดูบ้าง”
เฉินอวิ๋นซีขบริมฝีปาก เอ่ยเสียงแผ่วว่า “ปู่บอกว่านายบาดเจ็บ อาการฟื้นฟูหรือยัง?”
“อืม แค่เล็กน้อย”
ฟางผิงเอ่ยอย่างสบายๆ แค่นยิ้มว่า “แค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกไม่กี่คนจะทำฉันบาดเจ็บได้? ฉันเคยปะทะกับขั้นเก้ามาด้วยซ้ำก็ไม่ได้เป็นอะไร”
พวกคนที่อยู่ด้านข้างราวกับถูกมองข้าม มองหน้ากัน ผ่านไปสักพัก จ้าวเหล่ยก็เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “งั้นนายมาห้องแหล่งพลังงานทำไม?”
ฟางผิงชำเลืองมองเขา เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันมารอคน หรือมีปัญหาอะไร? ถึงจะไม่รอคน ฉันมาฝึกวิชาไม่ได้เหรอไง? กลับเป็นพวกนาย ฉันแค่มาดูที่นี่ พวกนายก็เข้ามาห้อมล้อมแล้ว!
จ้าวเหล่ยเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย “คณบดีหลี่บอกว่านายกลายเป็นโครงกระดูกแล้ว วันนี้มาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ พวกเราเลยมาดู”
“หา?”
ฟางผิงเผยสีหน้าประหลาดใจ ใครบอกนะ?
อีกฝั่งหนึ่ง หยางเสี่ยวม่านก็เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “อธิการหลี่บอกว่าให้พวกเราอย่ารนหาที่ตาย เจอคนที่ระดับขั้นสูงกว่าพวกเราก็ทำตัวสงบเสงี่ยมหน่อย วิ่งหนีเป็นอันดับแรก ทั้งยังยกตัวอย่างให้ดูด้วย บอกว่าใครบางคนถูกซ้อมจนกลายเป็นโครงกระดูก ให้พวกเราจำไว้เป็นบทเรียน”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด เฉินอวิ๋นซีที่อยู่ด้านข้างกลับไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ มองเสื้อนวมของฟางผิงไปแวบหนึ่ง อยากจะพูดอะไรสักอย่าง สุดท้ายกลับไม่พูดออกมา
บางเรื่องในเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ต่อให้ถามไปก็ไม่มีประโยชน์
ฟางผิงก่นด่าในใจยกใหญ่ ตาเฒ่าหลี่ปากสว่างคนนี้!
ไม่คิดไปฝึกฝนพลังจิตใจ ยังมีเวลามานินทาคนอื่น สมควรแล้วที่เขาเป็นขั้นแปดจริงๆ ไม่ได้
ระหว่างที่พูด หวงจิ่งก็เดินเข้ามา
มองกลุ่มคนที่รายล้อมฟางผิงไปแวบหนึ่ง หวงจิ่งไม่พูดมาก คนอื่นๆ ทยอยทักทายขึ้นมา
หวงจิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองไปทางฟางผิง “อธิการไปรับคนแล้ว เธอเตรียมตัวสักหน่อย จะฟื้นฟูได้หรือเปล่าก็ต้องดูที่ครั้งนี้ ถ้าครั้งนี้ล้มเหลว นั่นก็เป็นปัญหาแล้ว”
หากหลอมกึ่งร่างทองล้มเหลว ฟางผิงไม่มีเนื้อหนัง ก็หมายความว่าเขาไม่สามารถเข้าสู่ขั้นห้าตอนปลายและสูงสุดได้แล้ว
เป็นแบบนี้ การฝึกวิชาหลังจากนี้ของฟางผิงก็เป็นปัญหาแล้ว
ต้องพัฒนาต่อไปยังไงยังไม่พูดถึง ฟางผิงจะสามารถประคองอาการนี้ได้นานเท่าไหร่เถอะ?
มีแค่กระดูกทองอยู่อย่างเดียว สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือเปล่า เรื่องนี้ยังพูดยากจริงๆ
ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย สูดลมหายใจเข้าลึก กัดฟันว่า “ไม่มีปัญหาแน่นอน! ตั้งหนึ่งหมื่นสองพันล้านนะครับ!”
ใช่แล้ว หนึ่งหมื่นสองพันล้าน!
ครั้งนี้อู๋ขุยซานลงทุนเชิญขั้นแปดจากแต่ละแห่งมาช่วยเหลือ หนึ่งพันล้านต่อหนึ่งคน แลกเปลี่ยนเป็นสสารไม่แตกดับเล็กน้อยเท่านั้น
ครั้งนี้จึงเชิญขั้นแปดมาแปดคน
นี่เป็นราคาสูงลิ่วถึงแปดพันล้าน!
รวมถึงน้ำแร่พลังงานสี่ร้อยกรัม อันที่จริงรัฐบาลกำหนดราคาที่แน่นอนไว้เช่นกัน สิบล้านต่อหนึ่งกรัม แพงกว่าหินพลังงานฝึกวิชาสิบเท่า ทั้งยังเป็นประเภทที่ราคาแพงและความต้องการน้อย
ครั้งนี้สองบริษัทใหญ่รายงานข้อมูลขึ้นไป ท้ายที่สุดจึงรับปากเงื่อนไขของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
แต่อู๋ขุยซานประสงค์จะใช้โควตาราคาต้นทุนของอาวุธและยาบำรุงสองพันล้านมาแลกเปลี่ยนกับน้ำแร่พลังงานสี่ร้อยกรัม
พูดไม่เต็มปากว่าใครขาดทุนใครได้กำไร ท้ายที่สุดเบื้องบนยังคงรับปากเงื่อนไขของอู๋ขุยซาน
ฟางผิงเนื้อหนังเสียหาย ไม่อาจรักษาได้ ขึ้นชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งของขั้นห้า นักศึกษาอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ไม่ช่วยฟางผิง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ยอมเลิกราแน่
เดิมทีก็สงบเรื่องนี้ไปแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดข้อพิพาทขึ้นอีกครั้ง
ดังนั้นโควตาสองพันล้านจึงแลกเปลี่ยนน้ำแร่พลังงานสี่ร้อยกรัมมาได้
ส่วนจ่ายค่าตอบแทนให้ยอดฝีมือขั้นแปดแปดคน แม้จะบอกว่าหนึ่งพันล้านต่อหนึ่งคน แต่อู๋ขุยซานบอกว่าจะจ่ายด้วยยาบำรุงและอาวุธ พวกขั้นแปดก็ยินดีเช่นกัน กลับจะพอใจมากกว่าเงินสดซะอีก
โควตาสามพันล้านที่เหลือของฟางผิงจึงถูกอู๋ขุยซานตีเป็นราคาแปดสิบล้านจ่ายออกไป ไม่มีใครรู้สึกว่าไม่เหมาะสม
พวกขั้นแปดกลับดีใจซะมากกว่า
ได้ยินว่าเพราะเรื่องนี้ เดิมทียอดฝีมือขั้นแปดหลายคนที่ไม่สนใจ ท้ายที่สุดกลับเป็นฝ่ายเอ่ยปากจะช่วยเหลือ ผลปรากฏว่าคนครบแล้วกลับทำให้ยอดฝีมือบางส่วนรู้สึกเสียดาย
ยาบำรุงและอาวุธจำนวนมากไม่ได้มาง่ายๆ ถึงขนาดนั้น
ต่อให้มีเงินก็อาจไม่สามารถซื้อจำนวนมหาศาลได้เสมอไป
ประเทศจีนนับว่ายังดี ทางเข้าถ้ำใต้ดินเยอะ มีการผลิตเยอะ
บางประเทศมีปากทางเข้าถ้ำแค่หนึ่งแห่ง ผลิตได้อย่างจำกัด ยาบำรุงและอาวุธล้วนขาดแคลนอย่างมาก ได้ยินว่าทางประเทศจีนมีคนต้องการว่าจ้าง ทั้งไม่ต้องทำอะไร แค่สิ้นเปลืองสสารไม่แตกดับเล็กน้อย ขั้นแปดบางส่วนในประเทศเล็กๆ ก็แทบอยากจะบินมาแล้ว
แต่ยอดฝีมือต่างประเทศที่ข้ามเขตมาก็ต้องมีการตรวจสอบจากประเทศจีนก่อนเช่นกัน
รวมทั้งเรื่องของฟางผิงค่อนข้างเร่งด่วน ยอดฝีมือขั้นแปดบางส่วนยังมีภาระติดตัว อู๋ขุยซานก็รอไม่ไหวเช่นกัน
ท้ายที่สุดจึงเชิญยอดฝีมือขั้นแปดห้าคนจากประเทศตัวเอง รวมกับสามคนจากต่างประเทศ ได้คนครบแล้วก็ยกเลิกภารกิจทันที
ได้ยินคำว่า ‘หนึ่งหมื่นสองพันล้าน’ คนที่อยู่ใกล้ๆ ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย
จ้าวเหล่ยเอ่ยอย่างงุนงงว่า “หนึ่งหมื่นสองพันล้านอะไร?”
ฟางผิงถลึงตาใส่เขา จู่ๆ ก็ไม่ปวดใจอีก เอ่ยอย่างสบายๆ ว่า “ไม่มีอะไร ไม่ใช่บาดเจ็บนิดหน่อยหรือไง? ฉันกลัวว่าจะทิ้งผลเสียไว้ภายหลังเลยเชิญยอดฝีมือขั้นแปดมาแปดคนใช้สสารไม่แตกดับเพื่อรักษาให้ฉัน จ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินหนึ่งหมื่นสองพันล้าน”
จ้าวเหล่ยตะลึงงันไป หยางเสี่ยวม่านอ้าปากค้าง ฟู่ชางติ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาก็ตกใจเช่นกัน
ซ่งอิ๋งจี๋ที่ทำเป็นไม่เห็นฟางผิงก็อดกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ได้
เธอไม่ได้ล้อพวกเราเล่นสินะ?
เพื่อรักษากลับจ้างร่างทองแปดคนมาถ่ายทอดสสารไม่แตกดับให้เธอ?
หนึ่งหมื่นสองพันล้าน!
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
ซ่งอิ๋งจี๋คำนวณเล็กน้อย เขาเข้าไปในถ้ำใต้ดินหนึ่งครั้ง หากกลับมาพร้อมข้าวของเต็มกระเป๋าทุกครั้ง ครั้งหนึ่งก็หนึ่งร้อยล้าน
ทำเป็นเวลาหนึ่งปี สองเดือนเข้าไปหนึ่งครั้ง ยังไงทุกครั้งที่เข้าไปก็ต้องใช้เวลา กลับบ้านพักฟื้นก็ต้องใช้เวลาอีก
หนึ่งปีหกครั้ง นั่นก็เป็นหกร้อยล้าน นี่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก น่าจะเป็นกำไรอย่างมหาศาลแล้ว
คำนวณแบบนี้ มีแค่ฝึกวิชาไม่กินไม่ดื่มเป็นเวลายี่สิบปี ทุกปีตระเวนต่อสู้อย่างเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไปทั่ว เขาถึงจะสะสมค่าทรัพย์สินได้หนึ่งหมื่นสองพันล้าน
ในความเป็นจริง นี่เป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดต่างหาก ลงถ้ำใต้ดินหนึ่งร้อยยี่สิบครั้ง อย่างอื่นไม่พูดถึง ได้รับบาดเจ็บก็ต้องซื้อยาบำรุงรักษา ไม่งั้นก็คงตายไปตั้งนานแล้ว
ส่วนฟางผิงเจ้าเด็กนี้กลับใช้เงินหนึ่งหมื่นล้านจ้างขั้นแปดมารักษาได้อย่างสบายๆ
คนกับคนเทียบกันแล้ว ช่างน่าโมโหจริงๆ!
ซ่งอิ๋งจี๋ยังเป็นยอดฝีมือขั้นหก คนอื่นๆ ฝีมือด้อยไปเล็กน้อย รายได้ยิ่งน้อยกว่า จากความสามารถของพวกเขา ชั่วชีวิตนี้ยังอาจไม่สามารถหาเยอะขนาดนี้ด้วยซ้ำ
พวกเขาตัวแข็งเป็นหินไปแล้ว เฉินอวิ๋นซีกลับเอ่ยอย่างเป็นห่วง “บาดเจ็บหนักขนาดนี้ ไหนปู่บอกว่าไม่เป็นอะไรไม่ใช่หรือไง?”
ปู่หลอกเธออีกแล้ว!
———————
…………….