ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 426-2 เกือบจะไม่ฟื้นฟูแล้ว (2)
ตอนที่ 426 เกือบจะไม่ฟื้นฟูแล้ว (2)
…………….
“เอามาให้หมด!”
“ได้!”
หวงจิ่งพยักหน้า ไม่นานก็หายวับไป
หลังจากนั้นสักพักหวงจิ่งก็กลับมา เวลานี้ในมือยังถือโหลคริสตัลขนาดเท่าถังน้ำหลายใบ
โหลส่วนหนึ่งในนั้นมีน้ำเลือดสีทองจำนวนมากกลอกกลิ้งอยู่ตลอดเวลา
ชายชราผิวคล้ำจากประเทศสยามคนนั้น กลืนน้ำลายอึกใหญ่ แทบไม่สนใจเรื่องหน้าตาแล้ว เอ่ยด้วยน้ำเสียงซับซ้อนว่า “เลือดของสัตว์ปีศาจร่างทองขั้นแปด?”
“อืม”
อู๋ขุยซานถอนหายใจเบาๆ เผยแววตาซับซ้อนอยู่บ้าง
นี่ไม่ใช่ของเขา แต่เป็นสิ่งที่อธิการเฒ่ารวบรวมมา ชั่วชีวิตของอธิการเฒ่าทำสงครามนับไม่ถ้วน ประมือกับสัตว์ปีศาจขั้นแปดไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง ถึงกระทั่งเคยสังหารสัตว์ปีศาจขั้นแปดด้วย!
โหลเลือดใบนี้ล้วนเป็นของที่สัตว์ปีศาจขั้นแปดเหลือไว้
ยอดฝีมือร่างทองเลือดแปรสภาพเป็นสีทองนานแล้ว บ่มเพาะสสารไม่แตกดับไว้บางส่วน ทั้งยังมีพลังงานอยู่จำนวนมาก
อธิการเฒ่าเคยฆ่าสัตว์ปีศาจขั้นแปดกลับไม่มีอาวุธวิเศษ อันที่จริงหลายคนไม่เข้าใจเหมือนกัน สงสัยว่าอาจเพราะสร้างความเสียหายกับสัตว์ปีศาจตัวนั้นเกินไปจึงไม่สามารถนำมาสร้างอาวุธวิเศษได้
มหาวิทยาลัยที่ใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ มีน้อยคนที่รู้เรื่องนี้ อธิการเฒ่าไม่มีอาวุธวิเศษ แต่บางคนกลับครอบครองอาวุธวิเศษไว้
อาวุธวิเศษขั้นแปดเคยแสดงประสิทธิภาพเช่นกัน ตัดลำต้นของพืชปีศาจขั้นเก้าออกมาช่วงใหญ่
หลังจากนั้นก็ผสานอาวุธกับลำต้นของพืชปีศาจขั้นเก้า อาวุธวิเศษจึงแข็งแกร่งขึ้นมาอีก แตะถึงความแข็งแกร่งของขั้นเก้า
เรื่องนี้มีแค่ไม่กี่คนที่รู้
แต่อู๋ขุยซานรู้ว่าปิดบังได้ไม่นานหรอก
ก่อนหน้านี้เขาซัดฝ่ามือเดียวใส่เจิ้งหมิงหงก็เนื้อหนังพังทลายแล้ว เจิ้งหมิงหงอาจจะไม่รู้เสมอไป แต่อู๋ชวนอยู่ที่นั่นเหมือนกัน เจ้าหมอนั่นอาจจะรู้อะไรบางอย่าง
เขารู้เรื่องเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ใช่น้อยๆ อธิการเฒ่าก็เป็นอาจารย์ของเขา
อู๋ขุยซานกลับไม่ใช่ลูกศิษย์ของอธิการเฒ่า อาจารย์ของเขาก็เป็นอาจารย์คนหนึ่งในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ แต่ตายไปในสงครามถ้ำใต้ดินนานแล้ว
หากจัดลำดับอาวุโส เขาและอู๋ชวนก็นับว่าเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันได้ อาจารย์ของเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มอาจารย์อันดับต้นๆ ในเวลานั้นของเซี่ยงไฮ้ ประสบการณ์ไม่ด้อยไปกว่าอธิการเฒ่า
ความคิดพวกนี้แวบขึ้นมาในหัวก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
อู๋ขุยซานไม่คิดมากอีก สูดลมหายใจเข้าลึก หันไปพยักหน้าให้หวงจิ่ง
หวงจิ่งเห็นแบบนั้นก็เอ่ยกับซ่งอิ๋งจี๋ว่า “ไปเอาอ่างอาบน้ำมา…ใช่สิ ต้องสร้างจากคริสตัลพลังงานด้วย”
“หา?”
ซ่งอิ๋งจี๋ตกตะลึงไปพักหนึ่ง ครุ่นคิดแล้วจู่ๆ ก็ถลาตัวออกไป หลังจากนั้นไม่นานก็แบกหม้อใหญ่ที่เหมือนคริสตัลเข้ามา หัวเราะแห้งๆ ว่า “อ่างอาบน้ำไม่มี มีแค่หม้อใบนี้ หลายปีก่อนเทคโนโลยียังไม่มาถึงขั้นนี้ หม้อนี้เอาไว้ใช้เผาไหม้หินพลังงาน”
หวงจิ่งไม่ใส่ใจเช่นกัน ใช้ได้ก็เพียงพอแล้ว
รับหม้อขนาดใหญ่นี้มา หวงจิ่งเปิดโหลในมือออก เทน้ำเลือดสีแดงลงไปบางส่วน
มองโหลเลือดสีทองโหลสุดท้าย ก่อนหวงจิ่งจะมองอู๋ขุยซานแวบหนึ่ง อู๋ขุยซานพยักหน้าเบาๆ ใช้ไปเถอะ
เลือดของสัตว์ปีศาจขั้นแปดถือเป็นของดี น้ำยาเสริมสร้างร่างกายของมหาวิทยาลัย เมื่อก่อนฟางผิงเคยใช้มาก่อนแล้ว สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่าง ประสิทธิภาพดีทีเดียว
แต่เกรงว่าฟางผิงจะไม่รู้ อันที่จริงน้ำยาเสริมสร้างร่างกายพวกนั้นยังปะปนด้วยเลือดของสัตว์ปีศาจระดับสูงบางส่วน
แต่ปะปนอยู่น้อยมาก ครั้งนี้ฟางผิงใช้เลือดพวกนี้…หากหลังจากนี้เขาไม่หิ้วศพปีศาจระดับสูงกลับมาหนึ่งตัว อู๋ขุยซานต้องคิดบัญชีกับเขาแน่
เห็นอู๋ขุยซานพยักหน้า หวงจิ่งจึงเทเลือดสีทองลงไป
พอเลือดสีทองเข้าไปอยู่ในหม้อใหญ่ ก็แยกส่วนกับเลือดสีแดงในชั่วพริบตา แม้จะตายไปหลายปีแล้ว เลือดสีทองที่เหลืออยู่พวกนี้ยังคงแสดงความเหนือกว่า
หวงจิ่งไม่ชักช้าเช่นกัน ไม่นานก็เปิดประตูห้องฝึกวิชา แบกหม้อเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวางลงว่า “เข้าไปแช่ในน้ำ!”
เวลานี้ฟางผิงกำลังปวดหัวอยู่ว่าจะทำยังไงให้เนื้อหนังไม่พังทลาย เห็นแบบนี้จึงมองหม้อใบนั้นไปแวบหนึ่ง ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร กระโดดลงไปในหม้อทันที
รอเขาเข้าไปในหม้อแล้ว เลือดพวกนั้นก็เริ่มเดือดพล่านขึ้นมา
หวงจิ่งเอ่ยอย่างลุ่มลึก “ในนี้มีเลือดของสัตว์ปีศาจเจ็ดแปดตัว สามารถใช้หลอมร่างกายได้ ไม่ต้องดูดซับเข้าไปในร่างกาย เว้นแต่ว่าเธออยากจะมีลักษณะพิเศษบางอย่างของสัตว์ปีศาจ”
“เข้าใจแล้วครับ”
“…”
หวงจิ่งไม่รั้งตัวอยู่นาน เดินออกมาอย่างรวดเร็ว ยอดฝีมือขั้นแปดหลายคนยังกำลังปลดปล่อยสสารไม่แตกดับ อีกด้านหนึ่งซ่งอิ๋งจี๋ก็เริ่มให้คนเผาไหม้หินพลังงานต่อเช่นกัน
ครั้งนี้เจ้าฟางผิงสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมากไปแล้ว
นี่หากไม่สำเร็จอีก มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้คงอับจนหนทางแล้ว เว้นแต่ว่าจะลองหาขั้นเก้าขั้นสุดยอดมาช่วยเหลือ แต่โอกาสไม่สูงมาก
ภายในห้องฝึกวิชา เลือดในหม้อใหญ่เริ่มเดือดพล่าน
เนื้อหนังในมือฟางผิงเริ่มดูดกลืนเลือดพวกนี้ แต่พอเลือดผ่านการกรองก็ถูกขจัดออกไป
ชั่วพริบตาเนื้อหนังบนกระดูกมือฟางผิงก็ประกายแสงสีทองอ่อนๆ
“ได้ผล!”
ทุกคนกระตือรือร้นขึ้นมา ตาเฒ่าหลี่เผยสีหน้าดีใจ เร่งเอ่ยว่า “ใช้ได้ นี่ส่อเค้าลางของกึ่งร่างทองแล้ว!”
แต่ตอนนี้ฟางผิงรวบรวมพลังฟ้าดิน สสารไม่แตกดับ พลังของเลือดสัตว์ปีศาจ พลังปราณและพลังของหินพลังงาน…สร้างเนื้อหนังของตัวเองอย่างรวดเร็ว
เนื้อบนกระดูกมือเริ่มงอกใหม่อย่างต่อเนื่อง
แขนซ้ายค่อยๆ มีเนื้อหนังขึ้นมาปกคลุมอย่างแน่นหนา ผิวหนังเปล่งแสงสีทองอย่างเลือนราง
เห็นฉากนี้ทุกคนจึงโล่งใจขึ้นมา ไม่พังทลายอีกแล้ว
นี่หมายความว่าความแข็งแกร่งของเนื้อหนังสามารถรองรับกระดูกทองได้แล้ว
แขนซ้ายฟื้นฟู เปล่งแสงสีทอง พลังฟ้าดินของฟางผิงก็เริ่มบีบอัดเนื้อหนังพวกนี้ต่อ ทำให้แสงสีทองเปล่งประกายเข้มข้นขึ้น
ผ่านไปอีกสักพัก แขนขวาก็ปรากฏเนื้อหนังสีทองเช่นกัน
ขั้นแปดสี่คนที่กำลังถ่ายทอดสสารไม่แตกดับพวกนั้นสบสายตากัน ก่อนจะหยุดมืออย่างรู้กัน สี่คนที่เหลือเริ่มรับช่วงต่อ
อู๋ขุยซานขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยว่า “ฟางผิง ไม่ต้องบีบอัดต่อแล้ว สามารถประคองกระดูกทองได้ก็เพียงพอแล้ว”
ไอ้หนูนี้คิดจะหลอมร่างทองให้เสร็จสมบูรณ์จริงๆ?
ยอดฝีมือขั้นแปดแปดคน ได้รับค่าตอบแทนอย่างจำกัด มีสสารไม่แตกดับให้เธอสิ้นเปลืองตามใจมากขนาดนั้นที่ไหน
ฟางผิงที่อยู่ภายในห้อง เผยความเสียดายอย่างเห็นได้ชัด ไม่บีบอัดต่ออีก
ขั้นแปดพวกนี้ไม่ใช่พ่อของเขา จะถ่ายทอดสสารไม่แตกดับประคองให้เนื้อหนังเขาเกิดใหม่อย่างไร้ขีดจำกัดได้ยังไง
ครู่ต่อมา ขาสองข้าง ช่องอกข้างหน้าและหลังก็มีเนื้อหนังปรากฏขึ้น
—
ฟางผิงที่อยู่ในห้องไม่ได้สนใจมากมายขนาดนั้น
ตอนนี้เนื้อหนังงอกใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ไม่นานเนื้อหนังบนร่างกายก็แทบฟื้นฟูขึ้นมา
แต่ยังขาดไปอีกนิดหน่อย
ในขณะที่ทุกคนรออยู่นอกห้อง จู่ๆ ฟางผิงก็ทำลายเนื้อบนใบหน้าตัวเอง ทำเอาพวกฟู่ชางติ่งที่มองดูอยู่ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว ให้ตายเถอะ หัวใจวายจะทำยังไง!
“นี่ยังไม่เป็นไรอีก เจ๋งชะมัด!”
ฟู่ชางติ่งหอบหายใจ คนแบบนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
ฟางผิงคร้านจะสนใจพวกเขา เอาหัวมุดลงไปในหม้อ จุ่มหัวอยู่ใต้น้ำ
ครู่ต่อมายอดฝีมือร่างทองสี่คนก็ใบหน้าซีด หันไปมองอู๋ขุยซาน
อู๋ขุยซานพยักหน้าเบาๆ ทุกคนต่างเก็บมือกลับมา
ภายในห้อง จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยอย่างเศร้าซึมว่า “พวกปรมาจารย์ให้อีกหน่อยสิครับ”
อู๋ขุยซานเห็นหัวเขายังจุ่มอยู่ในหม้อก็ขมวดคิ้วว่า “น่าจะได้แล้ว”
“ยังขาดอีกนิด…”
“ฟางผิง!”
อู๋ขุยซานไม่พอใจอยู่บ้าง เธอเห็นขั้นแปดเป็นลูกน้องของเธอจริงๆ หรือไง?
ในเมื่อบาดแผลดีแล้ว งั้นก็ออกมา
ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆ ก็โผล่หัวออกมา เอ่ยอย่างอึมครึมว่า “ให้อีกหน่อยเถอะครับ!”
“…”
นอกห้อง ทุกคนนิ่งไปเป็นอันดับแรก ก่อนจะระเบิดหัวเราะเสียงดังขึ้นมา
อู๋ขุยซานขมวดคิ้วเล็กน้อย ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ปล่อยไว้แบบนั้นแหละ รอให้งอกตามธรรมชาติ ใช้สสารไม่แตกดับฟื้นฟูเรื่องที่ไม่มีความจำเป็น สิ้นเปลืองเปล่าๆ”
“อธิการ!”
ฟางผิงทำหน้าเหยเก เอ่ยอย่างขมขื่นว่า “นี่…นี่แทบจะหัวโล้นอยู่แล้ว ให้ผมอีกหน่อยเถอะครับ!”
“แค่กๆ ผมและขนพวกนี้อีกไม่นานก็จะงอกขึ้นมาเอง”
อู๋ขุยซานเอ่ยอย่างไม่รับผิดชอบสักนิด ใช้สสารไม่แตกดับฟื้นฟูผมและขน สิ้นเปลืองเกินไป โล้นก็โล้นสิ ผ่านไปสักพักก็งอกขึ้นเองแล้ว ฟางผิงไม่ใช่ร่างทองจริงๆ สักหน่อย
“อย่าทำแบบนี้สิครับ!”
ฟางผิงแทบจะร้องไห้ไม่ออก ละล่ำละลักว่า “ผมจะจ่ายเงิน…”
นอกห้องพวกขั้นแปดกลับไม่มีใครสนใจเขา น่าจะพอใช้ได้แล้ว
อีกอย่าง ฟื้นฟูเส้นผมและขนแค่เล็กน้อย พวกเขาคิดว่าไม่มีความจำเป็นเช่นกัน แม้จะให้เงิน พวกเขาก็คิดว่าสิ้นเปลืองเกินไป
“อธิการ!”
“อาจารย์!”
“ปรมาจารย์ทุกคน…”
เห็นคนพวกนี้จะเดินออกไป ฟางผิงแทบจะร้องไห้รอมร่อแล้ว แม่งเหอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว พวกคุณจะให้ผมอีกหน่อยไม่ได้เลยหรือไง?
ตอนนี้เขารับรู้สภาพของตัวเองแล้ว ทั่วทั้งหัวโล้นเกลี้ยง ไม่ใช่แบบที่เพิ่งโกนมา แต่โล้นเป็นไข่ต้มที่ปลอกเปลือกออกมาเลย
โล้นเกลี้ยงจริงๆ!
ไม่มีผมสักเส้น!
“อธิการ! อย่าเพิ่งไป!”
ฟางผิงแทบจะร้องฟูมฟาย อู๋ขุยซานกลับไม่สนใจเขา เดินออกไปข้างนอกพร้อมขั้นแปดพวกนั้น
คนอื่นๆ ต่างกลั้นขำจนตัวสั่น เดินออกไปข้างนอก รอฟางผิงออกมาแล้วค่อยว่ากัน
“อย่าสิครับ ให้ผมอีกหน่อย นิดเดียวเท่านั้น นี่ไม่ใช่จงใจแกล้งผมหรือไง?”
ฟางผิงอยากจะร้องก็ร้องไม่ออก พวกตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นี้จงใจแกล้งเขาชัดๆ!
ถ่ายทอดออกมาเยอะขนาดนี้แล้วยังจะสนใจเรื่องเล็กน้อยแค่นี้อีก?
คนอื่นไม่พูดถึง อู๋ขุยซานถ่ายทอดให้เขาหน่อยไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เรื่องนี้สองสามวันเขาก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้แล้ว
เฉินอวิ๋นซีที่เดินออกมาคนสุดท้าย อดหันไปเอ่ยปลอบใจไม่ได้ “อันที่จริงก็ดูดีเหมือนกัน นายลองออกมาก่อนสิ”
“ตีให้ตายก็ไม่ออกไปหรอก”
ฟางผิงตะโกนอย่างโมโห จงใจชัดๆ ขี้เหนียวเกินไปแล้ว!
ดูดีกะผีน่ะสิ สภาพของเขานี้ เดินออกมาก็มีแต่คนจะหัวเราะเท่านั้น ฉันไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์หรือไง?
———————-