ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 427 ตกลงมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นอะไรไป (1)
ตอนที่ 427 ตกลงมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นอะไรไป (1)
…………….
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ฟางผิงก็ออกมา
“คิกๆ!”
พวกหยางเสี่ยวม่านต่างอดกลั้นไม่ไหว พากันหัวเราะขึ้นมา
ตอนนี้ฟางผิงไม่ได้เผยหัวโล้นเกลี้ยงให้เห็น ประเด็นอยู่ที่ห้องแหล่งพลังงานไม่มีหมวกให้เหมือนกัน เจ้าหมอนี้เลยใช้เสื้อคลุมหัวไว้ โผล่แค่ดวงตาออกมาเท่านั้น
อู๋ขุยซานไอแห้งๆ ตำหนิเสียงเบาว่า “ไร้กฎเกณฑ์สิ้นดี ผู้อาวุโสอยู่ตรงนี้หลายคน เอาเสื้อออก”
“ไม่!”
ฟางผิงปฏิเสธทันที รู้แล้วว่าเหล่าอู๋ต้องแฝงเจตนาไม่ดี จงใจอยากเห็นเรื่องตลกของเขาแน่ๆ!
มีเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน แค่นิดเดียวเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะไม่ลงแรงช่วยเลย มีคุณธรรมบ้างหรือเปล่า?
เขากำลังปฏิเสธ ตาเฒ่าหลี่กลับไม่รู้โผล่มาจากไหน ลูบหัวฟางผิงเบาๆ
ครู่ต่อมาเสื้อบนหัวของเขาก็ขาดวิ่นหายวับไป
ฟางผิงใบหน้าดำคล้ำ!
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นอะไรไปแล้ว?
ทำไมถึงมีแต่ยอดฝีมือไม่เป็นโล้เป็นพายแบบนี้?
ตาเฒ่าหลี่จะเกินไปแล้ว!
ตาเฒ่าหลี่ไม่สนใจเช่นกัน ยังลูบหัวของเขาต่อ เอ่ยอย่างตกใจว่า “โล้นเกลี้ยงจริงๆ ด้วย!”
“ลื่นมือไม่น้อย พวกเธอไม่ลองดูล่ะ?”
ตาเฒ่าหลี่มองพวกเฉินอวิ๋นซี พวกฟู่ชางติ่งยังอยากลิ้มลองบ้างอยู่จริงๆ
ฟางผิงเผยแววตาอันตราย จ้องพวกเขาเขม็ง ฉันสู้ตาเฒ่าหลี่ไม่ได้ ต้องอดทนไว้
ถ้าพวกนายกล้าลูบ ฉันจะซ้อมตายให้ดู!
พวกเขาเผยสีหน้าแปลกออกไป ไม่ลูบเช่นกัน แต่ยังคงจ้องเขาโล้นเกลี้ยงของเขาอยู่ตลอด
เฉินอวิ๋นซีกระซิบว่า “ดูดีจริงๆ นะ”
ฟางผิงกลอกตา ดูดีกับผีน่ะสิ เธอมองยังไงให้ดูดีกัน?
อู๋ขุยซานกระแอมไออีกครั้ง แค่นยิ้มว่า “ร่างกายฟื้นฟูเป็นยังไงบ้าง?”
ฟางผิงเผยสีหน้าไม่พอใจ แต่ยังมีขั้นแปดจากข้างนอกอยู่ที่นี่ ฟางผิงไม่อาจพูดอะไรได้ เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ฟื้นฟูขึ้นมากแล้ว แค่เนื้อหนังที่งอกใหม่ไม่คุ้นชินอยู่บ้าง ปรับตัวสักพักก็น่าจะดีแล้ว”
พูดจบฟางผิงก็รวบรวมพลังฟ้าดินไว้ในมือ ซัดออกไปทางตาเฒ่าหลี่
‘ปัง!’
ตาเฒ่าหลี่ไม่อาจหลบได้ หลบแล้วหากระเบิดถูกอุปกรณ์ของมหาวิทยาลัยก็แย่แล้ว ทำได้เพียงต้านเอาไว้
พลังฟ้าดินระเบิดนอกร่างกายของเขา ตาเฒ่าหลี่ถอยหลังไปเล็กน้อย
ฟางผิงแยกเขี้ยวยิงฟันอย่างได้ใจอยู่บ้าง
ตาเฒ่าหลี่แค่นเสียงในลำคอ แต่ไม่นานก็ขมวดคิ้วว่า “ประมาณสิบหลุน!”
ขั้นแปดคนอื่นๆ ต่างเผยสีหน้าตกตะลึง!
อานุภาพของพลังฟ้าดินสิบหลุนเทียบเท่ากับการระเบิดปราณห้าพันแคล!
แม้ขั้นห้าสูงสุดจะระเบิดเต็มกำลัง ใช้กระบวนท่าเดียวจนปราณเกลี้ยงก็ระเบิดการโจมตีแบบนี้ไม่ได้
มีแค่ขั้นหก ทั้งต้องเป็นยอดฝีมือในขั้นหกถึงจะสามารถทำได้สบายๆ เหมือนฟางผิงที่โจมตีออกมาหนึ่งกระบวนท่าได้แบบนี้
ชายชราผิวคล้ำจากประเทศสยาม แม้ตัวเองจะเป็นยอดฝีมือขั้นแปด ตอนนี้ยังเอ่ยอย่างตกใจว่า “สหายตัวน้อยคนนี้ฝีมือเทียบเท่ากับขั้นหกตอนปลายสินะ?”
อู๋ขุยซานมองฟางผิงพักหนึ่ง ก่อนจะมองแขนของเขา ตอนนี้ไม่มีร่องรอยแตกร้าวอีกแล้ว
สักพักอู๋ขุยซานก็เอ่ยว่า “น่าจะใกล้ถึงขีดจำกัดเหมือนกัน ขีดจำกัดร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก ไม่ถึงขั้นสูงสุดไม่สามารถทุ่มสุดพลังได้ ขอแค่ความเร็วและเคล็ดวิชาต่อสู้ของเธอตามทัน ขั้นหกตอนปลายและเธอน่าจะสูสีกันแล้ว”
แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องมีการตอบสนองเร็วแบบขั้นหกตอนปลายรวมถึงสามารถโจมตีถูกศัตรูได้
เวลานี้เคล็ดวิชาต่อสู้ยังจำเป็นต้องฝึกฝน
การเคลื่อนไหวในอากาศก็ต้องฝึกให้ถึงจุดสูงสุด ฟางผิงไม่อาจใช้พลังจิตใจระเบิดคนอยู่ตลอดได้ ฝึกเคล็ดวิชาดาบให้ถึงขั้นลึกล้ำ รวมกับการระเบิดพลังฟ้าดิน สู้ตัวต่อตัวกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตอนปลาย ทั้งสองคนแทบจะอยู่ในระดับเดียวกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้ปราณ การระเบิดพลังและพื้นฐานร่างกายของฟางผิงเทียบได้กับขั้นหกตอนปลาย
ส่วนขั้นหกสูงสุดปราณหนึ่งหมื่นแคล
ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้มีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ
คนที่แข็งแกร่งอย่างถังเฟิง ตอนนี้ฟางผิงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ แม้เขาจะได้เปรียบไม่น้อยก็ตาม
แต่คนที่อ่อนแออย่างผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นสูงสุด ฟางผิงไม่ถึงกับไร้ทางฆ่าอีกฝ่ายเสมอไป อันดับแรกเคล็ดวิชาต่อสู้และเคล็ดฝีเท้าของอีกฝ่ายต้องไม่อยู่ในจุดที่ลึกล้ำ
ส่วนผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตขั้นหกสูงสุดที่ถูกฆ่าก่อนหน้านี้ นั่นไม่เรียกว่าคู่ต่อสู้ที่สูสีกัน เพราะฟางผิงทุ่มสุดชีวิต โอบกอดความคิดที่จะพังพินาศไปด้วยกันจึงระเบิดอีกฝ่ายตายได้
หากอีกฝ่ายมีการเตรียมพร้อมล่วงหน้า ฟางผิงอาจระเบิดไม่โดนเขา เดิมทีก็ไม่อาจสังหารอีกฝ่ายได้ เขาระเบิดตัวเองแล้วก็แทบจะจบเห่เหมือนกัน
“ขั้นหกตอนปลาย!”
ซ่งอิ๋งจี๋ที่เดินออกมาด้านข้างอดเอ่ยไม่ได้ “อธิการ ความหมายของคุณคืออันที่จริงสามารถมองเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตอนปลายได้แล้ว?”
อู๋ขุยซานพยักหน้าเบาๆ “ประมาณนั้น แต่หลักๆ เป็นยังไง ยังต้องดูที่การต่อสู้ในสถานการณ์จริง ตอนนี้ไอ้หนูนี้ไม่ต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ปราณเท่าไหร่ เจอกับขั้นหกตอนปลายที่มีประสบการณ์ต่อสู้อย่างลึกล้ำจริงๆ อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้เสมอไป”
แม้ว่าอู๋ขุยซานจะพูดแบบนั้น ซ่งอิ๋งจี๋ยังคงหัวใจแทบหยุดชะงัก
แม่งเหอะ อยู่ไม่ได้แล้ว!
ฟางผิงกลับหยีตายิ้มมองเขาอยู่พักใหญ่ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อธิการวางใจเถอะครับ ผมจะพยายามฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ ฝึกฝนเคล็ดฝีเท้าอย่างตั้งใจ ทำถึงขั้นฟันขั้นหกตอนปลายตายในดาบเดียว ไม่เปิดโอกาสให้หนีได้!”
ตอนที่พูดประโยคนี้ ฟางผิงยังมองซ่งอิ๋งจี๋อย่างเหิมเกริมอย่างยิ่ง
ตอนแรกเหล่าซ่งก็อวดเบ่งเหมือนกัน!
“ฉันขั้นหกแล้ว!”
นึกถึงตอนแรกที่ฟางผิงขั้นสี่ เหล่าซ่งขั้นหก แค่คำเรียบง่ายประโยคเดียว ก็ทำให้ฟางผิงไม่อาจส่งเสียงได้แล้ว
ตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ คุณอยู่ขั้นหกตอนต้น ตอนนี้ผมซ้อมคุณได้ด้วยซ้ำ
ทั้งสองคนประมือกันจริงๆ หากเหล่าซ่งไม่หนี ภายใต้การระเบิดพลังฟ้าดินของฟางผิงย่อมจบเห่เหมือนกัน
ซ่งอิ๋งจี๋ถูกเขามองจนเหนื่อยใจ จู่ๆ ก็กัดฟันว่า “อธิการ ผมจะลงถ้ำใต้ดิน!”
พูดจบ เหล่าซ่งก็ไม่รอคำตอบจากอู๋ขุยซาน หมุนตัวเข้าไปในห้องแหล่งพลังงาน หลังจากนั้นสักพักก็ถือหอกยาววิ่งออกไป
ฟางผิงตกตะลึงไป ละล่ำละลักว่า “อาจารย์ซ่งอย่าไปสิครับ ผมไม่ซ้อมคุณหรอก!”
ซ่งอิ๋งจี๋ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมา ฉันไม่อยู่ที่มหาวิทยาลัยแล้ว ครั้งนี้ไม่ถึงขั้นหกตอนกลาง ให้ตายยังไงก็ไม่กลับมา
อู๋ขุยซานอดถูขมับไม่ได้ ตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ถูกไอ้หนูนี้ทำวุ่นวายไปหมดแล้ว
หากซ่งอิ๋งจี๋จะลงถ้ำใต้ดิน เขาก็ขวางไม่ได้เหมือนกัน
ส่วนถูกกระตุ้นหรือเตรียมตัวจะลงถ้ำใต้ดินอยู่แล้ว อู๋ขุยซานคาดเดาว่าซ่งอิ๋งจี๋น่าจะมีความคิดนี้อยู่นานแล้ว
แต่…ก็นับว่าถูกกระตุ้นแล้วจริงๆ
เห็นฟางผิงเลื่อนขั้นมาตั้งแต่ขั้นสอง ขั้นสามมาจนถึงตอนนี้ ขั้นห้าสูงสุดพลังต่อสู้เทียบได้กับขั้นหกตอนปลาย การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ กระตุ้นซ่งอิ๋งจี๋จนแทบจะกระอักเลือดออกมา
ตอนนี้ไม่ไป ยังจะรอเวลาไหนอีก ทำเป็นว่าวันนี้เขาไม่ได้เจอฟางผิงแล้วกัน
เห็นนักศึกษาและอาจารย์พวกนี้แทบจะไม่มีคนปกติอยู่ อู๋ขุยซานจนใจอยู่บ้าง หันไปมองยอดฝีมือขั้นแปดที่เผยรอยยิ้มบนใบหน้า เอ่ยว่า “ครั้งนี้รบกวนทุกท่านแล้ว หากทุกท่านไม่รังเกียจ ไปดื่มด้วยกันสักแก้วเถอะ?”
พวกเขาต่างพยักหน้า หญิงชุดดำมองฟางผิงด้วยรอยยิ้ม เอ่ยว่า “สหายฟาง ถ้ามีเวลาว่างสามารถไปแลกเปลี่ยนความรู้ที่เขาชิงเถียนของเราได้ แม้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จะรวมแม่น้ำไว้ร้อยสาย รวมความหลากหลายไว้ด้วยกัน แต่เปิดหูเปิดตาหน่อย ยังคงมีประโยชน์เช่นกัน”
ฟางผิงรีบเอ่ยว่า “แน่นอนครับ ขอบคุณปรมาจารย์ที่ช่วยเหลือ…”
ตาเฒ่าหลี่ที่อยู่ด้านข้างเบ้ปากว่า “ไปอะไรกัน ไปแล้วเธอน่าจะไม่กลับมา เขาชิงเถียนปีศาจสาวเยอะจะตายไป”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา หญิงชุดดำก็มองเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตร แค่นเสียงว่า “หลี่ฉางเซิง อย่าคิดว่านายหลอมร่างทองปลอมๆ แล้ว อยากพูดอะไรก็พูดได้!”
“เธอน่ะสิปลอม!”
ตาเฒ่าหลี่โมโหอย่างหนัก ถกแขนเสื้อขึ้นว่า “ไม่เชื่อพวกเราก็มาประลองกัน อย่าคิดว่าเกือบจะกลายเป็นภรรยาอาจารย์ฉันแล้วอยากจะทำอะไรก็ทำได้! ตอนที่ตาแก่มีชีวิตอยู่ก็ไม่เคยเห็นเธอมาเยี่ยมเยียน ตายไปแล้วเธอก็ยังไม่มาดูสักนิด…”
———————-
…………….