ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 428 ฉินเฟิ่งชิงกลับมหาวิทยาลัย (1)
ตอนที่ 428 ฉินเฟิ่งชิงกลับมหาวิทยาลัย (1)
…………….
คนไปกันหมดแล้ว ฟางผิงมองตัวเลขที่อยู่ด้านหน้าตัวเองไปแวบหนึ่ง
ทรัพย์สิน : 17,000,000,000 (เปลี่ยนแปลง)
ปราณ : 5100 แคล (5999 แคล)
จิตใจ : 820 เฮิรตซ์ (899 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 29 ชิ้น (90%)
ช่องเก็บของ : 4 ลูกบาศก์เมตร (+)
ม่านพลังงาน : ค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่นต่อนาที
“ความสามารถเพิ่มขึ้น…”
ฟางผิงพึมพำ สิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินหนึ่งพันล้าน เขาไม่ได้ใส่ใจ ก่อนหน้านี้เพื่อฟื้นฟูเนื้อหนัง เขาปลดปล่อยปราณโดยไม่สนใจอะไร นี่เป็นเรื่องปกติ
ประเด็นอยู่ที่เขาหลอมกึ่งร่างทองเสร็จแล้ว ความสามารถเพิ่มพูนขึ้นมาช่วงใหญ่จริงๆ
ปราณเกือบหกพันแคล พลังจิตใจสูงยิ่งกว่าจะแตะเก้าร้อยเฮิรตซ์แล้ว!
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
พลังจิตใจไม่พูดถึง ขั้นห้าสูงสุดทั่วไปพลังปราณจะประมาณสี่พันแคล
แต่ยอดฝีมือขั้นหก ขั้นหกตอนต้นที่ยังไม่ได้ปิดประตูซานเจียว ขีดจำกัดน่าจะอยู่ที่ห้าพันแคล
หลังจากนั้นทุกครั้งที่ปิดประตูหนึ่งบาน ขีดจำกัดจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ปิดผนึกครบทั้งสามบาน เข้าสู่ขั้นสูงสุดปราณอาจแตะไม่ถึงหนึ่งหมื่นแคลเสมอไป มีแค่ยอดฝีมือขั้นหกเท่านั้นที่จะมีขีดจำกัดแตะถึงหนึ่งหมื่นแคลได้
แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของปราณเขาเกือบเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตอนกลางแล้ว
ส่วนพลังจิตใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แทบจะถึงขั้นที่จับต้องได้แล้ว!
“อยากกลายเป็นขั้นหก อันดับแรกต้องเปิดใช้ประตูซานเจียว ทำให้ประตูซานเจียวปรากฏ”
ตอนนี้ฟางผิงอยากจะกลายเป็นขั้นหก ต้องหาประตูซานเจียวให้ได้
อันที่จริงก่อนหน้านี้บนหัวของเขาเคยปรากฏประตูซานเจียวอย่างเลือนราง
แต่นั่นเป็นความเลือนราง ฟางผิงไม่สามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของประตูซานเจียวได้
แต่ยอดฝีมือขั้นหกจะอาศัยความเข้าใจต่อร่างกายตัวเอง เสาะหาการคงอยู่ของประตูซานเจียว ดึงพลังงานจากเรื่องนี้ทำให้ประตูซานเจียวปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มปิดผนึก
ทำให้ปรากฏนั่นก็คือขั้นหก
ฟางผิงยังควบคุมพลังตัวเองไม่เก่งเท่าไหร่ ตอนนี้เขายังขาดแคลนความเข้าใจต่อร่างกายตัวเองอยู่บ้าง ยากที่จะหาตำแหน่งพบ
ก็หมายความว่าระยะห่างจากขั้นหกของเขา ยังห่างออกไปหนึ่งช่วง
“ฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้จะช่วยให้ฉันคุ้นเคยกับพลัง เพิ่มความสามารถในการควบคุมร่างกายตัวเอง”
ฟางผิงตัดสินใจแล้ว นี่เป็นภารกิจหลักในการฝึกวิชาหลังจากนี้ของเขา
“คุ้นเคยกับร่างกายของตัวเอง ทำความเข้าใจต่อพลังทั้งหมด ฉันคิดว่าตัวเองแทบไม่อ่อนแอกว่าขั้นหกสูงสุดแล้ว!”
ฟางผิงเดินไปก็คิดไปด้วย
ระหว่างทางเจอนักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้หลายคน ปีใหม่นี้มีหลายคนไม่ได้กลับบ้าน
คนพวกนี้เจอกับฟางผิงต่างพากันตกตะลึง
นี่เกิดอะไรขึ้นกับประธานฟาง?
อยู่ดีๆ มาโกนหัวจนโล้นทำไม!
แต่ว่า…ดูสะดุดตาไม่น้อย อยากลูบดูชะมัด นักศึกษาหญิงหลายคนทำหน้าปรารถนาอยู่บ้าง มองจนฟางผิงอยากอัดพวกเธอให้น่วมเสียทีเดียว
—
ไม่ได้รั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยนาน ฟางผิงตรงกลับบ้านทันที
สวนไห่วาน
บ้านหมายเลขสิบหก
ตอนที่ฟางผิงกลับมา พ่อแม่ยังกำลังเก็บของ เพิ่งย้ายเข้ามา มีเรื่องให้ทำไม่น้อย
ฟางหยวนกลับนั่งอยู่ในสวนนิ่งๆ อย่างเบื่อหน่ายอยู่บ้าง เธอรู้สึกเบื่อจริงๆ
สถานที่ไม่คุ้นเคย เธอแทบไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง
พวกพี่น้องของสมาคมหยวนผิงล้วนไม่อยู่ที่นี่ เขตบ้านเดี่ยวที่ใหญ่ขนาดนี้ ทั้งเงียบสงบอย่างยิ่ง ทำให้ฟางหยวนรู้สึกเงียบเหงาอยู่บ้าง
ฟางหยวนที่ไม่มีอะไรทำเลยหยิบกระบองไม้เล็กๆ แทงไปแทงมาบนสนามหญ้า ดูท่าจะอยากแทงจนเป็นรังมด
แต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายแบบนี้ พอฟางผิงเดินเข้าบ้านมาแล้วก็หายวับไปทันที
“พี่ นายใส่หมวกทำไม?”
ฟางหยวนเดินวนรอบเขา จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “ขนนายหายไปไหนหมด?”
ฟางผิงคร้านจะสนใจเธอ สาวเท้าเข้าห้องไปทันที
ฟางหยวนกระตือรือร้นขึ้นมา ตามอยู่ด้านหลังเขา อยากจะดึงหมวกออกมาดูอยู่บ้าง จู่ๆ ฟางผิงก็หยุดฝีเท้า หันมามองเธอ “พรุ่งนี้ฉันจะหาโรงเรียนให้เธอ เป็นโรงเรียนมัธยมปลายใต้สังกัดของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ อย่าลืมว่าเข้าโรงเรียนแล้วก็ตั้งใจเรียนดีๆ ไม่อนุญาตให้สร้างสมาคมอะไรขึ้นมาอีก ใช่สิ…”
ระหว่างที่พูดฟางผิงก็ลูบคางว่า “ฉันจำได้ว่า…เหมือนลูกหลานของใครบางคนก็เรียนอยู่ที่โรงเรียนนี้เหมือนกัน”
ฟางผิงหัวเราะว่า “มีเวลาว่างก็ช่วยฉันอัดคนหน่อย”
เขาจำได้ว่าตาเฒ่าหลี่มีหลานสาวคนหนึ่งหรืออะไรนี่แหละ เหมือนจะอยู่โรงเรียนนี้เหมือนกัน
ตาเฒ่าหลี่รังแกเขา ให้ฟางหยวนไปอัดหลานสาวเขาละกัน!
ทิ้งคำพูดนี้ไว้ ฟางผิงก็ไม่สนใจฟางหยวนที่ยังกำลังจับจ้องหมวกบนหัวเขาอีก ยัยเด็กแสบอ่อนแอขนาดนี้ ยังคิดจะดึงหมวกของเขา ฝันไปเถอะ
—
สองวันหลังจากนั้น ฟางผิงก็ทำความคุ้นชินกับสภาพร่างกายตัวเองอยู่ตลอด
คนอื่นๆ ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต่างกำลังฝึกวิชาอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน
วันที่ 22 กุมภาพันธ์
ยาบำรุงและอาวุธของสองบริษัทที่เหลือก็ถูกส่งมา
เขตทางใต้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
เป็นครั้งแรกที่ฟางผิงเข้ามาในคลังสินค้าหลักที่มีการป้องกันอย่างเข้มงวด
ชั่วพริบตาที่เปิดประตูโลหะผสมบานใหญ่ ฟางผิงก็ตกตะลึงอยู่บ้าง
คลังสินค้าที่กว้างใหญ่ เข้าประตูไปสิ่งแรกที่ปรากฏสู่สายตาเป็นหินพลังงานความเข้มข้นสูงหลายกล่องที่วางอยู่ข้างหน้าสุด!
อย่างน้อยน่าจะสิบกล่อง!
ทุกกล่องเกรงว่าจะไม่ต่ำกว่าสองร้อยจิน ถึงกระทั่งมากกว่านั้น
ฟางผิงหันหน้าไปทางหวงจิ่ง เอ่ยอย่างตกตะลึง “มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังมีหินพลังงานเยอะถึงขนาดนี้?”
หวงจิ่งเผยรอยยิ้ม “ทำไมจะมีไม่ได้ล่ะ? ก่อตั้งมหาวิทยาลัยมาหกสิบ…ไม่สิหกสิบเอ็ดปีแล้ว หลายปีมานี้พวกเราใช้อย่างประหยัด หรือจะไม่ให้มีเก็บในคลังสินค้าเลย?”
“งั้นหินพลังงานที่ผมมอบให้มหาวิทยาลัยก่อนหน้านี้ พวกคุณก็ยังรับไว้?”
หวงจิ่งแค่นยิ้ม “เธอไม่จำเป็นต้องใช้ ไม่ใช่บอกว่าให้ยืมก่อนหรือไง?”
ฟางผิงคับอกคับใจ ไม่พูดอะไรอีก มองไปทางอื่นต่อ
คลังสินค้าขนาดใหญ่แบ่งเป็นสัดส่วน
หินพลังงานไม่ได้ครองพื้นที่ทั้งหมด
นอกจากหินพลังงานที่เกินสองพันจินแล้ว ฟางผิงยังเห็นขวดที่บรรจุยาบำรุงนับไม่ถ้วน
“ยาบำรุงที่ธรรมดาที่สุดของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็คือยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดา ตอนนี้มีทั้งหมดเก้าหมื่นหกพันเม็ด”
คนที่พูดประโยคนี้ไม่ใช่หวงจิ่ง แต่เป็นอาจารย์ขั้นหกที่ดูแลที่นี่คนหนึ่ง ยอดฝีมือขั้นหกตอนปลาย
ทั้งก่อนหน้านี้ที่นี่ยังอยู่ในความรับผิดชอบของหลิวพั่วหลู่
ฟางผิงเอ่ยอย่างตกใจ “เยอะขนาดนี้เลย? ราคาตลาดคงสูงเกือบหนึ่งร้อยล้าน!”
หวงจิ่งฟังจบก็หัวเราะ “ราคาต้นทุนไม่ได้สูงขนาดนั้น ราคาต้นทุนที่สร้างออกมา ทางบริษัทยาบำรุงพวกเราไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่อุปกรณ์และกำลังคนรวมถึงเทคโนโยลีของพวกเรา ราคาทุนประมาณสามหมื่น”
“นั่นก็เป็นมูลค่าสูงแล้ว อย่างน้อยก็สามพันล้าน”
คำนวณแบบนี้อาจไม่เห็นภาพเท่าไหร่ สามพันล้าน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังคงมีต้นทุนนี้อยู่
แต่ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาเกือบหนึ่งแสนเม็ด ฟังดูยังน่าตกตะลึงไม่น้อย
“ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งสามหมื่นเม็ด”
“ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองหนึ่งหมื่นเม็ด”
“ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสามสามพันเม็ด”
“ยาหลอมกระดูกขั้นหนึ่งสองหมื่นเม็ด ยาหลอมกระดูกขั้นสองหนึ่งหมื่นเม็ด…”
ยาบำรุงเลือดและปราณกับยาหลอมกระดูกแต่ละระดับล้วนคำนวณในหลักหมื่น!
ตามราคาตลาด มูลค่าทั้งหมดสูงเกินหนึ่งแสนล้าน!
นี่ยังเป็นแค่ยาบำรุงระดับต่ำ รวมกับยาบำรุงระดับกลาง ราคาตลาดเกินสองแสนล้านแล้ว
นอกจากนี้วัตถุดิบโลหะที่กองเป็นภูเขาพวกนั้น อาวุธสำเร็จรูป หินพลังงาน จากการเก็บสะสมหกสิบเอ็ดปีของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ หากขายออกไปตามราคาตลาด อย่างน้อยคงเป็นมูลค่าห้าแสนล้าน!
ฟางผิงถึงกับตกตะลึงไป!
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีเงินถึงขนาดนี้?
ไม่เลว แม้จะไม่พูดถึงราคาตลาด คำนวณตามราคาต้นทุนจากหนึ่งในสาม นั่นก็เกินหนึ่งแสนห้าหมื่นล้านอยู่ดี!
ฟางผิงตกตะลึงไม่หยุดหย่อน หวงจิ่งกลับถอนหายใจเบาๆ “นี่เป็นการสั่งสมของหกสิบปี ก่อนหน้านี้อาจารย์หลายคนลงถ้ำใต้ดิน บางคนไม่มีครอบครัว ไม่มีญาติพี่น้อง พวกเขาก็เอาทรัพย์สินที่สะสมมาทั้งชีวิตอุทิศให้แก่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ทั้งหมด มหาวิทยาลัยไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ในวันเดียว นี่เป็นการวางแผนระยะยาว ตอนที่อาจารย์มีชีวิตอยู่ กังวลว่าหากมีวันไหนสถานการณ์เลวร้ายลง จะไม่สามารถรับวัตถุดิบได้อีกแล้วเลยสะสมไว้เรื่อยมา เก็บเอาไว้ทั้งหมด รอถึงสถานการณ์เลวร้ายแล้ว พวกเราก็ยังสามารถเรียนต่อไปได้ ครั้งนี้รวมกับของที่สองบริษัทใหญ่มอบให้ ราคาทุนเกินสามแสนห้าหมื่นล้านไปแล้ว ราคาตลาดน่าจะแตะถึงมูลค่าล้านล้าน! มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้…ควรต้องใช้ทรัพยากรพวกนี้แล้วเหมือนกัน”
จู่ๆ ฟางผิงก็มีแรงกดดันอยู่บ้าง เอ่ยอึกอักว่า “อธิการ นี่ถ้าใช้หมดแล้ว…หลังจากนี้ไม่มีเข้ามา ไหล่เล็กๆ ของผมนี้คงแบกไม่ไหวอยู่บ้าง”
ผลจากการสะสมหกสิบปี หากใช้หมดแล้ว ไม่มีสินค้าเข้ามาอีก งั้นแม้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะรุ่งเรืองก็คงเป็นเรื่องแค่ไม่กี่ปีนี้
หวงจิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มาถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะมีอนาคตจริงๆ อีกหรือไง?”
ระหว่างที่พูด หวงจิ่งก็เอ่ยอย่างลุ่มลึก “หลายวันนี้เธอไม่ได้สนใจ ถ้ำใต้ดินเกิดเรื่องอีกแล้ว! ทางถ้ำใต้ดินปักกิ่ง หกเมืองร่วมมือกัน เคลื่อนพลโจมตีในครั้งเดียว! ระเบิดสงครามของขั้นเก้า มีขั้นเก้าร่วมทำสงครามทั้งสองฝ่ายเกินสิบคน! ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดขั้นแปดคนอื่นอีกเกือบหนึ่งร้อยคน! แม้ในช่วงเวลาสั้นๆ ต่างฝ่ายต่างได้รับความสูญเสีย แต่ทางพวกเรามีหลายคนได้รับบาดเจ็บหนัก ถึงกระทั่ง…มีคนตายอีกแล้ว!”
———————–
…………….