ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 431-2 วัยรุ่นสมัยนี้ (2)
ตอนที่ 431 วัยรุ่นสมัยนี้ (2)
…………….
ฟางผิงพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พลังจิตใจสามพันเฮิรตซ์สินะครับ ผมคิดว่าไม่ได้ยากเท่าไหร่ ผมใกล้จะจับต้องได้แล้ว ยังไม่ถึงขั้นหกด้วยซ้ำ”
น้ำเสียงของหวงจิ่งชะงักไป ไม่ส่งเสียงแล้ว เธอพูดมีเหตุผล
ฟางผิงไม่ได้ชมตัวเองอีก เอ่ยว่า “งั้นอธิการเฉิน เริ่มหลอมกะโหลกแล้วเหรอครับ?”
“เขาไม่ได้เริ่มหลอม แต่หลอมถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว พลังจิตใจของเขาเกินสามพันเฮิรตซ์ตั้งนานแล้ว กะโหลกยี่สิบเก้าชิ้น อย่างน้อยเขาหลอมไปแล้วกว่ายี่สิบห้าชิ้น หากไม่เหนือความคาดหมาย ไม่นานก็จะสามารถหลอมสำเร็จ เข้าสู่ขั้นแปด รวมทั้งอาวุธวิเศษที่อยู่ในมือ พลังการต่อสู้ก็ไม่อ่อนด้อยเหมือนกัน…”
“อธิการ อาวุธวิเศษไม่ได้ใช้แค่ฆ่าสัตว์ปีศาจหรือพืชปีศาจระดับสูงสินะครับ ทำไมหลายคนถึงไม่มีล่ะ? แม้ว่าขั้นแปดจะฆ่าขั้นแปดไม่ได้ แต่ขั้นเจ็ดคงไม่ยากใช่หรือเปล่าครับ?”
หวงจิ่งเอ่ยอย่างหงุดหงิดอยู่บ้าง “เธอคิดยังไงกัน? สัตว์ปีศาจระดับสูงพูดว่าจะฆ่าก็ฆ่าได้หรือไง? ไม่ทันไรก็รวมกันเป็นกลุ่มก้อนแล้ว เธอจะฆ่ายังไง? อีกอย่างขั้นแปดก็ไม่สามารถฆ่าสัตว์ปีศาจขั้นเจ็ดได้เสมอไป สัตว์ปีศาจฝีมือไม่อ่อนด้อย ยิ่งไปกว่านั้นในสถานการณ์ทั่วไป หากไม่เข้าตาจนหรือโอกาสเหมาะสมจริงๆ พวกเราก็ไม่คิดจงใจจะพุ่งเป้าไปหาสัตว์ปีศาจหรือพืชปีศาจพวกนี้อยู่แล้ว ทั้งอาวุธวิเศษยังอยู่ระหว่างความเป็นจริงและความว่างเปล่า ต้องใช้แกนสมองและแกนหัวใจ…”
หวงจิ่งขมวดคิ้วว่า “มีหลายครั้งที่ตอนใกล้ตายสัตว์ปีศาจและพืชปีศาจจะระเบิดแกนสมองหรือแกนหัวใจตัวเอง ดังนั้นบางครั้งแม้จะฆ่าสัตว์ปีศาจระดับสูงก็อาจไม่ได้อาวุธวิเศษมาเสมอไป”
ฟางผิงเอ่ยอย่างสงสัย “ห้องคุมอานุภาพไม่ได้มีแกนสมองและแกนหัวใจเหรอครับ?”
หวงจิ่งส่ายหน้าว่า “อันที่จริงห้องคุมอานุภาพพวกนั้นล้วนเป็นระดับล่าง รวมถึงแกนสมองหรือแกนหัวใจที่ถูกทำลายหลังจากระเบิดตัวเองแล้ว ไม่ก็เป็นแค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง อย่างเช่นสัตว์ปีศาจเหลือแค่แกนหัวใจหรือแกนสมองไว้อย่างเดียว แต่การหลอมอาวุธวิเศษ ตามหลักแล้วสามารถใช้แกนหัวใจและแกนสมองของสัตว์ปีศาจต่างชนิดหลอมรวมกันได้ แต่หากไม่กลมกลืนกันมีโอกาสที่จะระเบิดสูง ดังนั้นใช้แกนสมองและแกนหัวใจของสัตว์ปีศาจตัวเดียวหลอมรวมกันจะดีที่สุด รอเสร็จสิ้นการขึ้นรูปเบื้องต้นแล้ว กลับสามารถเติมวัตถุดิบเสริมเข้าไปได้ แล้วดำเนินการหลอมอีกครั้ง อย่างเช่นเธอหลอมอาวุธวิเศษขั้นเจ็ดหนึ่งชิ้น วันข้างหน้าได้รับวัตถุดิบที่เหมาะสมบางอย่างก็สามารถเพิ่มเข้าไปหลอมต่อได้ บางทีอาจสามารถสร้างอาวุธวิเศษขั้นแปดได้เหมือนกัน”
“ระดับของอาวุธวิเศษขึ้นอยู่กับระดับขั้นของแกนหัวใจและแกนสมองของสัตว์ปีศาจที่ใช้หลอมสินะครับ?”
“จะพูดแบบนี้ก็ได้ แน่นอนว่าบางครั้งก็มีเรื่องไม่คาดฝันเหมือนกัน ยอดฝีมือบางคนใช้อาวุธวิเศษที่คุ้นเคย ภายหลังจ่ายค่าตอบแทนก็สามารถอัปเกรดได้ ทั้งยังมียอดฝีมือบางคนที่อายุยืนนาน…”
หวงจิ่งเอ่ยเสียงเบา “พวกเขาครอบครองอาวุธมาเป็นเวลานาน บ่มเพาะมาหลายสิบปี อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้อาวุธวิเศษอัปเกรดโดยตรง นี่ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนเหมือนกัน แต่ต้องใช้เวลานานเท่านั้น”
“อย่างนี้นี่เอง!”
ฟางผิงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะมองเขาอย่างไม่มั่นใจอยู่บ้าง เอ่ยเสียงแผ่วว่า “อธิการ คุณฆ่าสัตว์ปีศาจขั้นเจ็ดได้หรือเปล่าครับ?”
ครั้งนี้หวงจิ่งไม่ได้โมโห เงียบไปพักหนึ่ง “ถ้าขั้นเจ็ดตอนต้น ยังพอมีความมั่นใจอยู่ หากตอนกลาง…นั่นก็ยากแล้ว หากเป็นประเภทขั้นสูงสุด…”
หวงจิ่งเอ่ยอย่างจนใจ “งั้นก็วิ่งหนีเถอะ ฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้อยู่แล้ว ตอนปลายยังพอว่า ฉันน่าจะต้านได้ระยะหนึ่ง พวกเธอหนีไปแล้ว ฉันค่อยหนีอีกที นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่ หากเจอขั้นสูงสุดจริงๆ พวกเธอสองคนก็พาฉันมาตายจริงๆ แล้ว!”
ฟางผิงไม่กล้าประมาท รีบหันไปมองฉินเฟิ่งชิง “แหล่งแร่ที่นายเจอ ตกลงมีสัตว์ปีศาจระดับไหนครองอาณาเขตอยู่? นายเห็นรูปร่างของมันหรือเปล่า?”
ฉินเฟิ่งชิงเผลอลูบหัวล้านของตัวเองโดยไม่ตั้งใจ ครุ่นคิดเล็กน้อย “อันที่จริงฉันตระเวนอยู่แค่รอบนอก แต่แหล่งแร่นั้นไม่ได้ใหญ่มาก จากที่ฉันคาดการณ์ น่าจะเป็นขั้นเจ็ดตอนต้นไม่ก็ตอนกลาง พอจะรับรู้พลังได้เล็กน้อย ไม่ได้แข็งแกร่งเกินไป…อืม ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าตาเฒ่าเฉิน!”
“ตาเฒ่าเฉิน?”
“เฉินเย่าถิงไง ตาแก่นั่นใช้พลังจิตใจกดดันฉันครั้งก่อน ฉันรู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งกว่าสัตว์ปีศาจตัวนั้น”
ฉินเฟิ่งชิงอธิบาย ก่อนจะเอ็ดด่าว่า “ตาเฒ่าหน้าไม่อาย เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดสูงสุดกลับมารังแกฉันที่อยู่ขั้นสี่…”
ครั้งก่อนเขาถูกฝังอยู่ใต้ดินตั้งครึ่งวัน ภายหลังยังถูกซ้อมจนหัวปูด นี่ทำให้ฉินเฟิ่งชิงต้องกล้ำกลืนฝืนทนมาถึงตรงนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องล้างแค้นแน่
ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงจดจำบัญชีแค้นไว้เช่นกัน ศัตรูเขามีเยอะเกินไปแล้ว
ที่อ่อนแอก็อย่างฟางผิง ที่แข็งแกร่งหน่อยอย่างถังเฟิง แข็งแกร่งขึ้นไปอีกก็เฉินเย่าถิง
คนพวกนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกจัดการทีละคน
ใช่ ยังมีหวังจินหยางด้วย
ฉินเฟิ่งชิงลอบขบคิดในใจ เหล่าหวังไอ้เวรนั่น ก่อนหน้านี้ก็เคยซ้อมเขา น่าเสียดายที่เขาตามไม่ทันมาโดยตลอด ไม่งั้นคงล้างแค้นไปนานแล้ว
หวงจิ่งไม่สนใจเขาเช่นกัน เจ้าเด็กนี้จะเรียกอะไรก็เรียกไปเถอะ แต่เรียกตอนที่อยู่ต่อหน้าต่างหากถึงจะเรียกว่ามีความสามารถ
เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนหวงจิ่งจะเอ่ยว่า “ถ้าเป็นแบบนั้นก็สามารถลองดูได้…แต่ยังไม่ปลอดภัยเท่าไหร่…”
ไม่รู้ว่าตระหนักอะไรได้ หวงจิ่งเอ่ยว่า “แบบนี้ละกัน ฉันจะเตรียมตัวสักหน่อย ความจริงให้อธิการอู๋ไปจะดีที่สุด แต่ระหว่างยอดฝีมือจะสัมผัสไวเป็นพิเศษ หากอธิการอู๋ไปจะดึงดูดยอดฝีมือที่แข็งแกร่งกว่านี้ออกมาได้ง่าย ให้ฉันไปกับพวกเธอแล้วกัน”
อันที่จริงอู๋ขุยซานก็ไม่ได้ยุ่งอะไรมาก จะไปก็ได้เหมือนกัน แต่ถ้าเขาลงถ้ำใต้ดิน หรือเคลื่อนไหวพร้อมกับฟางผิง จะดึงดูดสัตว์ปีศาจขั้นแปดหรือยอดฝีมือถ้ำใต้ดินได้ง่าย ถึงกระทั่งอาจล่อความสนใจของขั้นเก้าด้วยเช่นกัน
ดังนั้นหากจะไป หวงจิ่งเหมาะสมกว่าอยู่บ้าง ทั้งสัตว์ปีศาจตัวนั้นรับรู้ลมหายใจของเขา อาจจะไม่หนีเสมอไป แต่รับรู้ถึงลมหายใจของอู๋ขุยซาน มีโอกาสที่จะหนีมากกว่า สัตว์ปีศาจก็ไม่ใช่ไร้สมอง
พวกฟางผิงต่างพยักหน้า เวลานี้ฉินเฟิ่งก็ปักหมุดสถานที่ในแผนที่ออกมาเช่นกัน ก่อนจู่ๆ จะเอ่ยอย่างโมโห “พูดกันแล้วว่าห้าสิบห้าสิบ ฟางผิง ครั้งหน้าถ้านายหลอกฉันอีก ฉันจะไปแขวนคอตายหน้าประตูบ้านนาย!”
ฟางผิงตกตะลึงไปเล็กน้อย หวงจิ่งโมโหต่อความไม่เอาถ่านของเขาอยู่บ้าง เธอมีความทะเยอทะยานหน่อยได้หรือเปล่า?
ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปีก็ไม่สาย
นายทิ้งคำพูดโหดเหี้ยมไว้หน่อยสิ!
เจ้าเด็กนี้ไม่กล้าทิ้งคำขู่ไว้ นึกไม่ถึงว่าจะไปแขวนคอตายหน้าบ้านฟางผิง ไม่อายบ้างหรือไง?
ฟางผิงหมดคำจะพูดอย่างถึงที่สุด ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “โหดร้ายกับตัวเองขนาดนี้เลย จะดีจริงๆ หรือไง?”
“พูดแบบนี้หมายความว่านายวางแผนจะหลอกฉันจริงๆ!”
จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงก็ตื่นตัวขึ้นมา คว้าแผนที่มาไว้ในมือ กัดฟันว่า “ไม่มีฉัน พวกนายก็หาไม่เจอ! เมื่อกี้ที่ฉันปักหมุดไม่ใช่ของจริง!”
หวงจิ่งถูขมับขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้เขาอยากชกเจ้าพวกนี้ให้ตายสักที
ฟางผิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เอ่ยอย่างจนใจว่า “ไม่ได้คิดจะหลอกนาย ฉันรับประกันว่าครั้งนี้ถ้าได้ของมา นายต้องใช้ทรัพยากรทะลวงขั้นห้าเท่าไหร่ ฉันจะจัดสรรให้เท่านั้น ตกลงหรือเปล่า?”
“จริงๆ นะ?”
“ถ้าฉันพูดโกหก นายก็แขวนคออยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยเลย นี่คงได้แล้วสินะ?”
“ไม่ ฉันจะไปบ้านนาย!”
“มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ดีกว่า นายโง่หรือเปล่า ไปบ้านฉันแทบไม่มีใครรู้ แต่แขวนหน้าประตูมหาวิทยาลัยรู้กันทั้งโลก”
“มีเหตุผล”
“…”
เจ้าพวกไร้ประโยชน์นี้ หวงจิ่งยิ่งฟังก็ยิ่งเหนื่อยใจ
นี่คือครั้งแรก ทั้งจะเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเช่นกัน ครั้งหน้าหากต้องมาคุยเรื่องสำคัญกับเจ้าปัญญาอ่อนสองคนนี้อีก เขาขอไปตายดีกว่า
อีกอย่าง…หวงจิ่งมองฟางผิงแวบหนึ่ง
เจ้าหมอนี้บอกว่าจะจัดสรรทรัพยากรฝึกวิชาให้ฉินเฟิ่งชิง…จะให้ฉินเฟิ่งชิงยืม หรือให้ฉินเฟิ่งชิงฟรีๆ นี่ยังไม่ได้พูดเลย!
แต่มองฉินเฟิ่งชิงไปอีกที จู่ๆ หวงจิ่งก็เข้าใจ แม้จะให้ยืม ฉินเฟิ่งชิงอาจไม่คิดจะคืนเหมือนกัน เจ้าเด็กนี่ไม่ได้โง่ถึงขนาดนั้น มีโอกาสที่จะเบี้ยวหนี้สูงถึงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
“วัยรุ่นสมัยนี้มันอะไรกัน!”
หวงจิ่งส่ายหัว รุ่นของพวกเขามีแต่ความจริงใจต่อกัน เล่นแง่ใช้เล่ห์เหลี่ยมขนาดนี้ที่ไหน
หลังจากนั้นพวกเขาก็นัดเวลากัน หวงจิ่งต้องการเตรียมตัวสักหน่อย ฟางผิงก็ต้องการฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ ฉินเฟิ่งชิงเตรียมจะทะลวงให้ถึงขั้นสี่สูงสุด บางทีครั้งนี้อาจต้องทะลวงด่านในถ้ำใต้ดินจริงๆ แล้ว เวลาที่วิ่งหนีในถ้ำมีค่อนข้างเยอะ แต่ไม่มีเวลาให้เขาฝึกวิชาเท่าไหร่
ปรึกษาหารือเรื่องพวกนี้แล้ว พวกเขาก็แยกย้ายกันไป
ก่อนจะแยกกัน ฟางผิงยังบอกให้เขาเตรียมเสื้อผ้าและเครื่องหัวของพวกถ้ำใต้ดิน ทำเอาหวงจิ่งเหนื่อยใจอยู่บ้าง
สรุปแล้วฉันก็ต้องแต่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ?
เอาเถอะ ลองดูแล้วกัน
——————–
…………….