ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 432 ลงถ้ำใต้ดินอีกครั้ง (1)
ตอนที่ 432 ลงถ้ำใต้ดินอีกครั้ง (1)
…………….
เดือนกุมภาพันธ์ ทั้งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เข้าสู่ช่วงเวลาฝึกวิชาอย่างบ้าคลั่ง
การจัดสรรยาบำรุง ไม่ใช่แค่เม็ดสองเม็ดอีกต่อไปแล้ว แต่ขนออกไปข้างนอกลังแล้วลังเล่า!
สายพานการผลิตภายในของมหาวิทยาลัยเริ่มทำงานล่วงเวลาเช่นกัน
ครั้งนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งอื่น อีกฝ่ายสามารถใช้วัตถุดิบแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนและยาบำรุงที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้
สองบริษัทใหญ่ไม่ได้พูดอะไร
เวลานี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแค่ไม่กี่แห่ง แม้ว่ามหาวิทยาลัยปักกิ่งจะเข้าร่วมด้วย แต่ก็ร่วมมืออย่างจำกัด ไม่ได้ดำเนินอย่างเต็มรูปแบบ
มหาวิทยาลัยพวกนี้หาของเองผลิตเอง ก็ไม่ส่งผลกระทบถึงวงโคจรทั้งบริษัทด้วยเช่นกัน
แต่สองบริษัทใหญ่ยังคงจับตามองมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ หากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้กล้ารับซื้อวัตถุดิบจากข้างนอก สองบริษัทใหญ่ไม่อาจเลิกราง่ายๆ อย่างแน่นอน
ครั้งนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้สร้างเรื่องไม่น้อย รวมถึงเรื่องของลัทธินอกรีตก็เป็นจุดอ่อน…จ้าวอวี่ถูกยืนยันว่าเป็นสมาชิกของลัทธินอกรีต
สถานการณ์แบบนี้ สองบริษัทใหญ่จ่ายค่าตอบแทนออกไปไม่น้อย ทั้งไม่ยินดีจะให้เรื่องลุกลามต่อไป
แต่ความไม่พอใจทั้งหมดนี้ หายไปทันทีหลังจากที่อีกฝ่ายสนับสนุนทรัพยากรมูลค่าสองแสนล้าน
หากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ล้ำเส้นอีก นั่นไม่ใช่เรื่องของสองบริษัทใหญ่ต่อไปแล้ว เบื้องบนไม่อาจอนุญาตเหมือนกัน
ทั้งครั้งนี้ผ่อนปรนมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบายบางอย่างของเบื้องบนด้วยเช่นกัน
นับวันวิกฤตก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มีโอกาสสูงที่จะประชาชนจะเข้าสู่ยุคสมัยของการฝึกวิชาทั้งหมด ช่วงนี้รัฐบาลแจ้งข่าวกับสองบริษัทใหญ่แล้ว โดยเฉพาะบริษัทยาบำรุง ให้ผลิตยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดา รวมถึงยาบำรุงกำลังสินค้าราคาถูกพวกนี้ให้เยอะขึ้น
ยาบำรุงระดับล่างประเภทนี้ เตรียมพร้อมสำหรับการฝึกวิชาของประชาชนช่วงเริ่มต้น
หากเวลานั้นมาถึง คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องลดราคายาบำรุง
อย่ามองว่าตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้สร้างเรื่องไว้อย่างหนักหน่วง ในสายตาของสองบริษัทใหญ่ หากถึงเวลานั้นจริงๆ ยังไม่แน่ว่าใครจะขาดทุนใครจะได้กำไร
ถึงเวลานั้น จัดสรรยาบำรุงจำนวนมากให้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ฟรีๆ น่าจะกลายเป็นเรื่องปกติแล้ว มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อยากจะก่อเรื่อง หลังจากนี้สองบริษัทใหญ่ไม่คิดจะควักกระเป๋าอีก ปล่อยให้พวกเขาดิ้นรนไป นี่เป็นเพราะพวกเขารนหาที่เอง
—
สำหรับความคิดของสองบริษัทใหญ่ อันที่จริงฟางผิงคาดเดาได้บางส่วนเหมือนกัน กลับไม่ได้สนใจอะไร
พึ่งคนอื่นยังไม่สู้พึ่งตัวเอง ใครจะรู้ว่าถึงเวลานั้นแล้วสถานการณ์จะเป็นยังไง
คว้าผลประโยชน์ได้ก่อน เพิ่มพูนความสามารถ นั่นถึงจะเป็นทางที่ถูกต้อง
—
ไม่กี่วันสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ ฟางผิงก็ฝึกวิชาอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน
เขาไม่ได้ลงแรงกับการทะลวงด่าน หลักๆ คือฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้
เคล็ดวิชาดาบ เคล็ดวิชาฝีเท้า นี่คือเป้าหมายหลักในการฝึกวิชาของฟางผิง
นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว ฟางผิงยังตั้งใจเรียนภาษาของมนุษย์ถ้ำให้มากขึ้น เคยมีประสบการณ์สื่อสารกับมนุษย์ถ้ำแล้ว เขาจึงเรียนรู้ได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ฟางผิงถึงกระทั่งมีใจอยากเรียนตัวอักษรของพวกถ้ำด้วยซ้ำ แต่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มีน้อยเกินไป เบื้องบนยังไม่พอใช้ด้วยซ้ำ ตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ
ทั้งหลู่เฟิ่งโหรว ถังเฟิง และหลี่ฉางเซิง คนพวกนี้แทบจะหายไปจากเบื้องหน้าทุกคน ไม่ปรากฏตัวออกมาเนิ่นนาน
—
นอกจากฟางผิง คนอื่นๆ ต่างกำลังมุ่งมั่นตั้งใจเช่นกัน
ด้านฟางหยวนเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งที่อยู่ใต้สังกัดของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ฟางผิงไปหาอู๋ขุยซานครั้งหนึ่งเช่นกัน น้ำแร่แห่งชีวิตที่แลกมาครั้งก่อน อันที่จริงฟางผิงเหลือไว้บางส่วน เขาให้อู๋ขุยซานปิดผนึกไว้ในกระดูกของฟางหยวน รอจนฟางหยวนไม่อาจบ่มเพาะปราณได้แล้วก็สามารถเลือกทะลวงด่านได้
ในความเป็นจริงตอนนี้ฟางหยวนยากที่จะเพิ่มปราณอีกแล้ว
เธอทะลวงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบแคล ทั้งยังได้รับการช่วยเหลือจากฟางผิง
ตอนนี้อยากจะเข้าสู่ช่วงหลอมกระดูกครั้งที่สามแทบไม่มีหวัง
หากไม่เหนือความคาดหมาย ไม่นานก็จะเลือกทะลวงด่านกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว
ส่วนพ่อกับแม่ หลี่อวี้อิงไม่ได้หางาน ฟางหมิงหรงไม่ไปทำงานที่หน่วยงานราชการแล้ว แต่ไปทำงานตำแหน่งผู้ช่วยที่ค่อนข้างสบายในบริษัทแห่งหนึ่ง
ฟางหมิงหรงกลัวว่าจะว่างเกินไป อันที่จริงไม่ได้วางแผนจะทำอะไรมากมาย เขาก็ไม่ใช่คนเก่งกาจดีเลิศอะไร แค่มีงานให้ทำก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนไร้ประโยชน์แล้ว
—
ผ่านไปชั่วพริบตาก็เข้าสู่เดือนมีนาคมแล้ว
วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม
ฟางผิงยังกำลังฝึกวิชาแถวริมชายหาด เฉินอวิ๋นซีก็วิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เดินวนไปวนมาห่างจากฟางผิงไม่กี่สิบเมตร
ฟางผิงวางดาบผิงล่วนที่อยู่ในฝักลง ตอนนี้นอกเสียจากว่าเขาจะทำสงครามใหญ่ ไม่งั้นก็จะบ่มเพาะดาบอยู่ตลอดเวลา
เห็นเฉินอวิ๋นซีรออยู่ ฟางผิงจึงถอนหายใจ หมุนตัวเดินไปหา เอ่ยปากว่า “มีธุระงั้นเหรอ?”
“ฟางผิง ฉันทะลวงขั้นสี่แล้ว!”
เฉินอวิ๋นซีเผยสีหน้าดีใจ เอ่ยอย่างตื่นเต้น “ฉันกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางแล้ว!”
ในหมู่นักศึกษาปีสองของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วประเทศ เธอเป็นผู้ฝึกยุทธ์คนที่สองต่อจากหานซวี่ที่เข้าสู่ระดับกลาง
ส่วนฟางผิง ตอนนี้แทบไม่มีใครนับรวมกับเขา
“ขั้นสี่แล้ว?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยินดีด้วย เชื่อมต่อสะพานฟ้าดินได้กี่แห่งแล้ว?”
“สามแห่ง!”
ระหว่างที่เฉินอวิ๋นซีพูด ก็เอ่ยอย่างเสียดายอยู่บ้าง “ความจริงฉันก็อยากเชื่อมต่อสะพานฟ้าดินทั้งห้าไปเลย น่าเสียดายที่พื้นฐานร่างกายแย่เกินไป รับไม่ไหว”
พื้นฐานร่างกายแย่เท่านั้น ไม่ใช่พลังงานไม่เพียงพอ
ผู้เฒ่าเฉินบ้าไปแล้ว ครั้งนี้หลานสาวทะลวงด่าน ตาเฒ่าก็ให้คนมาส่งหินพลังงานกระสอบใหญ่…เป็นประเภทธรรมดา ไม่ใช่หินพลังงานระดับสูง
แม้จะเป็นแบบนี้ หนึ่งกระสอบก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ
เฉินเย่าถิงลำเอียงกับหลานสาวถึงขั้นนี้ กระทั่งภายในตระกูลเฉินยังไม่พอใจอยู่บ้าง
แต่ผู้เฒ่าที่ใกล้จะทะลวงขั้นแปดอยากตามใจหลาน ไม่พอใจก็ไร้ประโยชน์
จากคำพูดที่ตาเฒ่าบอกกับสหายเก่า นั่นยิ่งขมขื่นขึ้นไปอีก ไม่ลำเอียงคงไม่ได้
หลานสาวถูกใจฟางผิง ไอ้เวรนั่นฝึกวิชาได้ง่ายๆ ราวกับเล่นเกม ต่อให้หลานสาวมีพรสวรรค์แค่ไหน พยายามแค่ไหน ก็ตามไม่ทันอยู่ดี ทำได้แค่ใช้เงินช่วยเท่านั้น
ไม่ว่าจะพูดยังไง อัดเงินเข้าไปก่อนค่อยว่ากัน
ไม่งั้นฟางผิงเป็นปรมาจารย์แล้ว หลานสาวยังอยู่ขั้นสาม นั่นก็ขายหน้าเกินไป
เฉินเย่าถิงไม่เชื่อว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ใกล้จะเข้าสู่ขั้นแปดอย่างตัวเอง ทุ่มเทเลี้ยงดูหลานสาวสุดกำลังแล้ว ยังจะสู้ฟางผิงเจ้าเด็กนั่นไม่ได้อีก!
กลับไปหากเขาหาน้ำแร่แห่งชีวิตมาได้จะเอาให้หลานสาวแช่อาบซะ เขากลับอยากเห็นว่าฟางผิงจะออกห่างไปไกลแค่ไหนเชียว
สำหรับเรื่องนี้ ฟางผิงยังไม่รู้จริงๆ
เฉินอวิ๋นซี…อันที่จริงพอจะรู้มาบ้าง
หากเป็นเมื่อก่อนเธออาจไม่ต้องการ ยังไงตระกูลเฉินก็ไม่ได้มีแค่เธอคนเดียว
แต่ตอนนี้เฉินอวิ๋นซีไม่คิดมากมายขนาดนั้นอีกแล้ว เอามาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ต้องทะลวงด่านขึ้นไปก่อน ไม่งั้นเธอจะถูกทิ้งห่างไว้ข้างหลัง ฟางผิงแทบจะขั้นห้าสูงสุดแล้ว
“สามแห่งก็ไม่เลวแล้ว”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินว่าหานซวี่ก็เชื่อมแค่สามแห่งเท่านั้น เจ้าหมอนั่นหลอมกระดูกสามครั้ง ปราณและพื้นฐานร่างกายยังแข็งแกร่งกว่าเธอเล็กน้อย”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็เอ่ยว่า “จ้าวเหล่ยก็ใกล้จะทะลวงด่านเหมือนกันสินะ?”
“อืม”
เฉินอวิ๋นซีตอบรับ กลับไม่ได้พูดถึงจ้าวเหล่ยอีก แต่เอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า “ฟางผิง ได้ยินว่านายจะลงถ้ำใต้ดิน ครั้งนี้ฉันไปด้วยได้หรือเปล่า?”
ฟางผิงส่ายหัว
เห็นเธอผิดหวังอยู่บ้าง ก็ยิ้มบางๆ ว่า “ความสามารถเธอด้อยไปอยู่บ้าง ฉินเฟิ่งชิงก็เหมือนกัน ครั้งหน้าลงถ้ำใต้ดินคงไม่พาเขาไปแล้ว ติดตามฉันหากไม่มีความสามารถของขั้นห้า จะตายได้ง่ายๆ”
“อ่อ”
เฉินอวิ๋นซีไม่ดึงดันอีก ลงถ้ำใต้ดินไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากกลายเป็นภาระจริงๆ จะกลายเป็นการทำร้ายตัวเองและคนอื่นแทน
แม้จะไม่สามารถตามไปด้วยได้ เฉินอวิ๋นซียังคงเอ่ยว่า “งั้นฉันจะไปถ้ำใต้ดินเหมือนกัน แต่ไม่ไปกับพวกนาย ฉันจะไปเอง…”
“เธอจะไปถ้ำใต้ดิน?”
“อืม ฉันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่แล้วเหมือนกัน!”
เฉินอวิ๋นซีพูดอย่างรวดเร็ว “ฉันจะเคลื่อนไหวใกล้ๆ เมืองความหวัง ไม่เข้าไปลึก ตอนนี้ฝีมือของเมืองเทียนเหมินถดถอยลงแล้ว พวกเราจะเคลื่อนไหวในขอบเขตที่กว้างขึ้น คงไม่อาจจะตากตรำฝึกวิชาบนพื้นดินได้ตลอดหรอกมั้ง”
ต่อให้พยายามฝึกวิชาไม่ขาดแคลนทรัพยากร แต่ก็ฝึกวิชาไม่ก้าวหน้าไปถึงไหนอยู่ดี
ไม่มียอดฝีมือคนไหนถือกำเนิดจากการตากตรำฝึกวิชา เหมือนอย่างที่อู๋ขุยซานพูด วัยรุ่นบางคนในแผนเก็บเมล็ดพันธุ์ ความสามารถอาจจะสูงมาก สูงจนแข็งแกร่งกว่าฟางผิงซะอีก
แต่ผู้ฝึกยุทธ์ปราณพวกนี้ เกรงว่าจะขาดแคลนประสบการณ์ต่อสู้จริงอยู่บ้าง หากเจอกับผู้ฝึกยุทธ์อย่างฟางผิงที่ชอบเล่นซ่อนแอบกับระดับสูง แม้เคล็ดวิชาต่อสู้ของฟางผิงจะธรรมดา แต่คุณภาพด้านจิตใจแทบจะห่างจากพวกเขาอย่างมาก
ตอนที่ทุ่มสุดชีวิตจะบ้าคลั่งยิ่งกว่า
ต่อสู้เอาชีวิต ฟางผิงคนเดียวกำจัดกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกยังไม่ใช่เรื่องยากด้วยซ้ำ
ไม่พูดถึงฟางผิง ฉินเฟิ่งชิงเจ้าหมอนั่นก็ถูกอัจฉริยะอย่างฟางผิงกดไว้ เทียบกับคนพวกนั้นแล้ว ฉินเฟิ่งชิงกำจัดขั้นห้าสองสามคนไม่ใช่ปัญหาเหมือนกัน
เห็นเฉินอวิ๋นซีพูดถึงขนาดนี้ ฟางผิงไม่คิดขัดขวางอะไร พูดแค่ว่า “งั้นเธอระวังตัวด้วย ทางที่ดีเคลื่อนไหวกับคนของมหาวิทยาลัย”
ในเมื่อกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ งั้นก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องหลบอยู่ข้างหลังตลอด
คนในแผนการเก็บเมล็ดพันธุ์พวกนั้น ผู้อาวุโสของพวกเขาคือขั้นเก้าขั้นสุดยอด แม้ปู่ของเฉินอวิ๋นซีจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น
สงครามใหญ่เริ่มขึ้น เธอก็ต้องพึ่งพาตัวเองเหมือนกัน
“อืม เข้าใจแล้ว ฟางผิง นายจะลงถ้ำใต้ดินเมื่อไหร่เหรอ?”
“ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืน ต้องดูว่าพวกฉินเฟิ่งชิงเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว”
“งั้นพวกเราไปด้วย ถึงเวลานั้นฉันจะรอพวกนายที่เมืองความหวัง”
“…”
เฉินอวิ๋นซีจะเข้าไปกับเขาให้ได้ ท้ายที่สุดฟางผิงจึงไม่ได้ปฏิเสธออกไป
—————-