ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 432-2 ลงถ้ำใต้ดินอีกครั้ง (2)
ตอนที่ 432 ลงถ้ำใต้ดินอีกครั้ง (2)
…………….
วันที่ 7 มีนาคม
ไม่ใช่แค่เฉินอวิ๋นซี ตอนที่ฟางผิงออกเดินทาง ครั้งนี้ก็มีคนร่วมทางไม่น้อย
หวงจิ่งไม่ได้ปรากฏตัว ไม่รู้ว่าล่วงหน้าไปก่อนแล้ว หรือจะตามไปทีหลัง
ฟางผิงไม่ได้ถามเขา ก่อนหน้านี้หวงจิ่งนัดแนะสถานที่รวมตัวแล้ว อาจจะกังวลว่าเคลื่อนไหวพร้อมพวกฟางผิง จะดึงดูดระดับสูงออกมา เกิดปัญหาได้ง่าย
หน้าประตูสมาคมผู้ฝึกยุทธ์
ฟางผิงกวาดสายตามองทุกคน ครั้งนี้พวกเฉินอวิ๋นซีมีเหลียงเฟิงหวาที่อยู่ขั้นสี่ตอนกลางเป็นผู้นำทีม
นอกจากเหลียงเฟิงหวา เย่ฉิงที่อยู่ขั้นสี่ตอนต้นก็อยู่ด้วยเช่นกัน ยังมีขั้นสี่อีกหนึ่งคน รวมกับเฉินอวิ๋นซีแล้วก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สี่คน
นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายขึ้นไปอีกสิบกว่าคน คนพวกนี้วางแผนจะลงถ้ำใต้ดินครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
ทรัพยากรเป็นเรื่องรอง สิ่งที่สำคัญกว่านั้นยังคงเป็นประสบการณ์ต่อสู้แบบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
“ตอนนี้เมืองตงขุยและเมืองเทียนเหมินร่วมมือกัน เมืองเทียนเหมินทำสงครามกับพวกเรามาหลายปี แต่ครั้งก่อนเกิดความสูญเสียอย่างหนัก ตอนนี้อยู่ในสภาวะชะงักงันไปแล้ว แต่เมืองตงขุยเพิ่งจะปฏิสัมพันธ์กับพวกเราได้ไม่นาน ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายต่างอยู่ในช่วงปรับตัวกัน”
‘ช่วงปรับตัว’ ฟังดูแปร่งๆ อย่างบอกไม่ถูก แต่เรื่องจริงก็เป็นแบบนั้น
เหลียงเฟิงหวาเดินไปก็เอ่ยไปด้วย “ดังนั้นตอนนี้สงครามระหว่างเมืองตงขุยและเมืองความหวัง ส่วนใหญ่เป็นการปะทะของผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางและระดับล่าง นี่ก็เป็นโอกาสในช่วงต้นของสงคราม ตอนนี้ทุกคนยังไม่คุ้นชินกับรูปแบบการทำสงคราม พวกเรายังสามารถฝึกประสบการณ์ได้ ถึงช่วงหลังแล้ว นั่นจะมีแต่คาวเลือด ทั้งสองฝ่ายต่างคุ้นเคยกันแล้ว ต่อสู้ห้ำหั่นขึ้นมา คนอย่างพวกเราที่เป็นหน้าใหม่จะบาดเจ็บล้มตายง่ายกว่า”
ฟางผิงมองทุกคนไปแวบหนึ่ง ในกลุ่มนั้นเห็นคนคุ้นหน้าไม่น้อย พยักหน้าว่า “รุ่นพี่ต้องใจเย็นด้วย แม้จะลงถ้ำใต้ดินหลายครั้ง มีประสบการณ์หลากหลาย แต่ยังต้องระวังตัวหน่อย อย่าเข้าไปลึกเกินไป”
“อืม เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว”
เหลียงเฟิงหวามองเขา ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “นายก็ต้องระวังเหมือนกัน ฟางผิง อย่าเสี่ยงอันตรายเกินไป”
เขาเพิ่งพูดจบ หัวล้านเปล่งแสงที่ตามมาด้านข้างก็เอะอะเสียงดังว่า “กลัวอะไร? มีเวลากังวลเขา ยังไม่สู้เอาไปกังวลกับตัวเอง ไอ้เวรนี้ตายง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน?”
เหลียงเฟิงหวาคร้านจะสนใจเขา แต่ครุ่นคิดแล้วก็ยังเอ่ยเตือนออกไป “ฉินเฟิ่งชิง นายตายคนเดียวไม่เป็นไร แต่อย่าทำให้รุ่นน้องฟางต้องตกอยู่ในอันตรายด้วย!”
ฉินเฟิ่งชิงแทบจะโมโหจนกระอักเลือดออกมา!
นายมั่นใจนะว่าฉันจะพาเจ้าหมอนี้ไปเสี่ยงอันตราย?
ฉันเพิ่งจะขั้นสี่ เขาแทบจะเทียบได้กับขั้นหกแล้วเถอะ!
ประเด็นสำคัญคือเจ้าเด็กนี่หนีเก่งกว่าตัวเองซะอีก ก่อนหน้านี้ก็วิ่งสู้เขาไม่ได้ ตอนนี้เขายังมีวิชาเก็บงำลมหายใจอีก ระดับก็สูงกว่าหนึ่งขั้น ต่อให้ฉินเฟิ่งชิงไม่ยินดีจะยอมรับ ก็รู้ว่าเจ้าฟางผิงเอาตัวรอดได้เก่งกว่าเขาเยอะ
เขาแทบจะสงสัยว่า ถึงหวงจิ่งจะตาย แต่ฟางผิงคงตายไม่ได้
ตอนนี้ปล่อยฟางผิงและหวงจิ่งทิ้งไว้ที่พื้นที่ส่วนกลางของถ้ำใต้ดิน ร้อยทั้งร้อยหวงจิ่งต้องเป็นจบเห่ก่อนแน่
ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าดำคล้ำ ไม่รับบทสนทนาอีก อยากจะพูดอะไรก็พูดไป
เฉินอวิ๋นซีที่อยู่ด้านข้างยังพูดแทงใจอีกว่า “รุ่นพี่ฉิน พวกนายออกไปด้วยกัน รุ่นพี่ดูแลฟางผิงด้วย เขาเพิ่งลงถ้ำใต้ดินไปไม่กี่ครั้ง…”
ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าแข็งทื่อ เธอมั่นใจนะว่าจะให้ฉันดูแลเขา?
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไรหรอก ไม่แน่ว่าวันนี้เข้าไป อาจจะกลับมาเย็นพรุ่งนี้ก็ได้”
—
ระหว่างที่คุยกัน ทุกคนก็เดินผ่านทางเดินของถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ไปถึงห้องโถงใต้ดิน
เห็นฟางผิง หลายคนก็ทักทายกันยกใหญ่ พวกทหารที่เฝ้าหน้าประตูมีคนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ประธานฟาง นายไม่ได้ถ่ายโฆษณานานเท่าไหร่แล้ว? ไม่เห็นมีอะไรใหม่ออกมาเลย ก่อนหน้านี้ดูจนเบื่อแล้ว”
ฟางผิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง ทหารพวกนี้ว่างจนไม่มีอะไรทำเลยหรือไง?
เดินไปตลอดทาง รอจนถึงหน้าห้องโลหะผสม ผู้เฝ้าประตูยังคงเหลือแค่คนเดียว
หลังจากชายหน้าบากตายในสนามรบ ผู้เฝ้าประตูก็ไม่มีมาเพิ่มอีกเลย
ครั้งก่อนพวกฟางผิงเข้าไปปล้นบ้านผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดคนหนึ่ง เวลานั้นเขายังคิดว่าสถานการณ์ของถ้ำใต้ดินดีขึ้นแล้วซะอีก หลังจากนั้นถึงได้รู้ว่าเจ้าสองคนนี้ยังล่อเจี่ยวและขั้นเจ็ดคนนั้นให้ทำสงครามกัน
แต่ครั้งนั้นฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นสี่ได้ไม่นาน
ตอนนี้คนหนึ่งเคยฆ่าขั้นหกสูงสุด อีกคนก็ขั้นสี่สูงสุดแล้ว
เจ้าสองคนนี้คงไม่ไปปล้นบ้านขั้นแปดหรอกนะ?
ฟางผิงหัวเราะว่า “คุณลุง ดูพูดเข้า ครั้งนี้พวกเราลงถ้ำใต้ดินเพื่อฝึกประสบการณ์ ทุกครั้งที่ลงถ้ำใต้ดินมีแต่วิ่งหนีเท่านั้น ครั้งนี้วางแผนจะอยู่นานหน่อย”
ทุกครั้งที่เขาลงถ้ำใต้ดินจะใช้เวลาแค่ไม่นาน แทบจะถูกไล่ฆ่าออกมาตลอด
ครั้งนี้…ฟางผิงคิดว่าตัวเองคงต้องอยู่ให้นานหน่อยแล้ว
ขุดแร่เป็นเรื่องรอง เขายังวางแผนจะไปเมืองเยาขุยสักครั้งหรือเมืองเทียนเหมินก็ได้เหมือนกัน
เมืองเทียนเหมินมีน้ำแร่แห่งชีวิต เมืองเยาขุยมีเมล็ดทานตะวันที่บ่มเพาะพลังจิตใจได้ หากคว้ามาได้บางส่วน ดียิ่งกว่าการขุดแร่ซะอีก ของบางอย่างไม่ใช่ว่าเงินก็สามารถซื้อได้
ทรัพยากรที่ล้ำค่า รัฐบาลยังมีแค่ไม่เท่าไหร่ หายากอย่างยิ่ง
“อยู่ให้นานหน่อย…”
ผู้เฝ้าประตูหัวเราะ ไม่ได้พูดอะไรมากอีก กลัวก็แต่ว่าเด็กอย่างพวกนายอยู่นานแล้ว จะสร้างความโกลาหลวุ่นวายไปทั่วถ้ำใต้ดินน่ะสิ
หน่วยทหารทางนี้ข่าวสารยังค่อนข้างฉับไว
ในถ้ำใต้ดินหนานเจียงได้ยินว่าฟางผิงปั่นป่วนจนพวกถ้ำอยู่ไม่เป็นสุข ถึงกระทั่งเกี่ยวพันไปถึงขั้นเก้า หากทำแบบนี้ในถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ เขาสงสัยว่าครั้งหน้าฟางผิงคงจะถูกเขียนชื่อลงในบัญชีดำ ห้ามเข้ามาแล้ว
บางครั้งการรักษาความสงบเป็นเรื่องที่สำคัญกว่า ไม่ใช่ว่าวุ่นวายจะเป็นเรื่องดีเสมอไป
—
ตอนที่กลุ่มของฟางผิงออกจากทางเดินเข้าสู่ลานกว้าง
ภายในเมืองความหวัง หลายคนก็ได้รับข่าวเช่นกัน
ครู่ต่อมาผู้ฝึกยุทธ์ในเมืองความหวังหลายคนก็ถอนหายใจว่า “ตัวหายนะสองคนนั่นมาอีกแล้ว อยู่ให้ห่างหน่อยเถอะ!”
“ไม่อนุญาตให้ใครเคลื่อนไหวกับพวกเขา!”
“ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่รอบป่าราชันเจี่ยวออกมาให้เร็วที่สุด!”
“บริเวณเขาหัวหมาป่าอย่าเหลือคนไว้เด็ดขาด!”
“…”
ช่วงเวลานั้นคำสั่งต่างๆ ก็ถูกประกาศลงไปทันที
เคลื่อนไหวพร้อมเจ้าสองคนนี้มีโอกาสตายสูง ทางที่ดีอย่าไปเลย เส้นทางนี้อันตรายเกินไป
ทั้งก่อนหน้านี้เจ้าสองคนนี่ยังเคยยั่วโทสะระดับสูงถึงสองคน ราชาเจี่ยวขั้นแปดและเจ้าของเขาหมาป่าขั้นเจ็ดสูงสุดต่างยังมีชีวิตอยู่
ใครจะรู้ว่าไอ้เวรสองคนนี้จะไปสร้างปัญหาให้พวกเขาอีกหรือเปล่า
ยังไม่ใช่แค่นั้น เจ้าสองคนนี้ยังเชี่ยวชาญในการหลอกคน แกล้งบาดเจ็บขึ้นมา อาจจะถูกหลอกเอาเงินไปได้ก้อนโตอีก
—
ตลอดทางที่ฟางผิงเดินมา เห็นคนที่สัญจรไปมาทำท่าหลบหลีก ก็อดหันไปด่าไม่ได้ “ฉินเฟิ่งชิง นิสัยของนายไม่มีใครเทียบได้แล้ว!”
ถ้ำใต้ดินมีผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มใหญ่ ขั้นหกยังมีไม่น้อย ดูสิ ทำคนเขากลัวไปหมดแล้ว!
ฉินเฟิ่งชิงแค่นยิ้มอย่างเยือกเย็น ยังไม่รู้อีกหรือไง?
ตกลงใครเป็นอันธพาล ถามคนอื่นดูก็รู้แล้ว ฉันไม่ได้เป็นที่เกลียดชังเหมือนนายขนาดนั้น!
เพิ่งจะมีความคิดนี้ ข้างๆ ก็มีคนเอ่ยอย่างโมโหว่า “จำสองคนที่อยู่ข้างหน้านั่นให้ดี ห้ามร่วมทางไปกับพวกเขาเด็ดขาด ออกห่างให้ไกลได้เท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น!”
“ประธาน ทำไมล่ะ?”
“เห็นคนที่หัวล้านนั่นหรือเปล่า? ครั้งก่อนล่อสัตว์ปีศาจเกือบร้อยตัวมาไล่ฆ่าพวกเรา ตอนนี้ยังโกนหัวเกลี้ยงอีก ไม่แน่ว่าอาจจะแฝงเจตนาอะไรไม่ดีอยู่!”
“…”
ฉินเฟิ่งชิงหันไปมอง ก่อนจะอดพึมพำไม่ได้ “เกลียดเพราะรัก อยากดึงดูดความสนใจฉัน ผู้หญิงนี่ไม่เลือกวิธีการเลยจริงๆ”
คนที่อยู่ด้านข้างไม่ใช่ใครอื่นไกล เป็นโจวฉีเยวี่ยจากวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้
ตอนนี้ใกล้ๆ กับโจวฉีเยวี่ยยังมีนักศึกษาหญิงติดตามมาไม่น้อย อายุไม่เยอะมาก ดูเหมือนหลายคนจะเพิ่งเข้าถ้ำใต้ดินเป็นครั้งแรก เผยท่าทีสงสัยอยู่บ้าง
ฟางผิงหูดีอยู่แล้ว ชำเลืองมองเขาไปที เจ้าหมอนี้ยังคิดว่าโจวฉีเยวี่ยชอบเขาจริงๆ?
ไม่มองใบหน้าของโจวฉีเยวี่ยที่อยากจะฟันเขาให้ตายเลยหรือไง เขาไปเข้าใจว่าเกลียดเพราะรัก จงใจดึงดูดความสนใจเขาซะงั้น?
ฉินเฟิ่งชิงไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนั้น ลูบหัวล้านของตัวเอง
ฟางผิงพูดเหมือนจะมีเหตุผลเหมือนกัน โกนหัวล้าน อย่างน้อยก็ปกปิดความหล่อเหลาของเขาได้
เขาจะมุ่งมั่นกับเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ มีเวลาว่างมาจัดการกับผู้หญิงที่บ้าผู้ชายพวกนี้ที่ไหนกัน
ด้วยเหตุนี้ฉินเฟิ่งชิงจึงเดินผ่านไปอย่างเย่อหยิ่ง ไม่คิดมองโจวฉีเยวี่ยแม้แต่น้อย
เวลานี้กระตุ้นโทสะโจวฉีเยวี่ยมากขึ้นไปอีก!
เจ้าหมอนี่ทำเรื่องเลวทราม ไม่มีความละอายใจสักนิดเลยหรือไง?
ทุกครั้งยังเอาแต่ส่งข้อความแปลกๆ ให้เธอ ทำเอาโจวฉีเยวี่ยโมโหจนอยากไปเตะไอ้เวรนี่ให้ตายอยู่หลายครั้ง
——————-
…………….