ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 434-2 ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำใสซื่อดีจริงๆ (2)
ตอนที่ 434 ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำใสซื่อดีจริงๆ (2)
…………….
ฟางผิงหัวเราะอย่างดูแคลน “นายจะรู้อะไร ข้อมูลพวกนี้ดูเหมือนไม่มีประโยชน์ แต่อาจมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์เหมือนกัน อย่างอื่นไม่พูดถึง ฉันถามข้อมูลพวกนี้ออกมาได้อย่างสบายๆ เมืองความหวังอาจไม่รู้เสมอไป ระดับสูงสิบเก้าคน นายคิดว่าเมืองความหวังจะรู้เรื่องนี้หรือเปล่า? ไม่แน่เสมอไป! ระดับสูงบางส่วนไม่เข้าร่วมสงคราม พวกเขาไม่กระจ่างชัด ระดับสูงในตระกูลและสำนักถ้ำใต้ดินบางส่วนไม่ได้ทำสงครามอยู่ตลอด เมืองเทียนเหมินกลับรบรามานานแล้วถึงได้เข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน”
“นี่ก็ถูก ไม่รู้ว่าจะขายได้เงินเท่าไหร่…”
ฟางผิงได้ฟังก็เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ฉันเป็นคนแบบนั้นหรือไง? ข้อมูลแบบนี้ต้องรายงานให้ฟรีๆ อยู่แล้ว จะเก็บเงินได้ยังไงกัน”
ฉินเฟิ่งชิงยักไหล่ เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “แล้วแต่นายเถอะ ทางที่ดีพวกเราต้องเร็วหน่อย ไม่งั้นคงถึงที่นั่นมืดๆ แล้ว”
“ฉวยโอกาสที่ฟ้ามืดเคลื่อนไหวสิ หรือจะขุดแร่กลางวันแสกๆ?”
ระหว่างที่ฟางผิงพูด จู่ๆ ก็กดเสียงว่า “นอกจากเรื่องพวกนี้ ยังมีอีกข้อมูลหนึ่งที่น่าสนใจ”
“อะไร?”
“เมืองถ้ำใต้ดิน ทุกปีจวนเจ้าเมืองจะจัดการแข่งขันต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มสาวหนึ่งครั้ง ผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝีมือโดดเด่น มีเบื้องหลังใหญ่โต จะมีโอกาสปีนขึ้นไปในตำแหน่งสูง…เจ้าหมอนี้รู้ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่จากที่เขาพูด เขามีเพื่อนหรือพี่น้องคนหนึ่ง หลายปีก่อนคว้าตำแหน่งได้ จากนั้นก็ถูกส่งไปบ่มเพาะในพื้นที่ลับ จนถึงตอนนี้ยังไม่กลับมา”
“เขตหวงห้าม?”
ฉินเฟิ่งชิงเดาได้เหมือนกัน ขมวดคิ้วว่า “ก็หมายความว่าแท้ที่จริงแล้ว พวกอัจฉิรยะของถ้ำใต้ดินแทบไม่อยู่ที่นี่?”
“ก่อนหน้านี้ก็เดาได้แล้วไม่ใช่หรือไง?” ฟางผิงไม่แปลกใจเช่นกัน เอ่ยอย่างสนใจว่า “นายว่าถ้าฉันไปเข้าร่วมการแข่งขัน จากนั้นผ่านเกณฑ์เข้าไป จะถูกส่งไปที่เขตหวงห้ามหรือเปล่า?”
“ให้มันน้อยๆ หน่อย นายปิดบังขั้นเก้าได้หรือไง?”
ฟางผิงเก็บงำลมหายใจได้ ทั้งรวบรวมอนุภาคพลังงานไว้ที่นอกร่างกาย แต่ยอดฝีมือระดับสูงไม่ใช่ว่าจะมองไม่ออกเสมอไป ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นั่นก็พูดยาก อีกฝ่ายอาจจะมองความผิดปกติไม่ออกเหมือนกัน แต่เรื่องแบบนี้ปกติต้องมีฐานะที่ขาวสะอาด ตัวตนของฉันไม่สามารถจะตรวจสอบอย่างละเอียดได้”
ยิ่งไปกว่านั้นเขตหวงห้ามต้องอันตรายอย่างแน่นอน ตอนนี้เขายังไม่อยากไป ไปแล้วกลับมาไม่ได้ก็เป็นปัญหาแล้ว
ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็ขมวดคิ้วว่า “มีคนมาอีกแล้ว นายออกไปก่อน”
ฉินเฟิ่งชิงไม่ชักช้า หายวับไปอย่างรวดเร็ว
—
ผ่านไปพักใหญ่ ฟางผิงก็จัดแจงเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง ถอนหายใจว่า “ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ ฉันบอกว่าจะเป็นบริวารให้เขา นึกไม่ถึงว่าจะดูแคลนขั้นสามอย่างฉัน สมควรถูกซ้อมตายแล้ว!”
ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงคร้านจะรับบทสนทนาแล้ว
ในใจกลับมีความคิดว่าหลอกคนได้ราบรื่นขนาดนี้ บางทีกลับไปอาจจะหลอกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกหลายคนได้จริงๆ ยังไงฟางผิงก็เป็นกำลังต่อสู้หลัก เขาแทบไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ
ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาที่ฟ้ามืดแล้ว
ฉินเฟิ่งชิงเดินอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “ถึงเขาสุนัขเม่นแล้ว!”
ฟางผิงมองไปข้างหน้า เอ่ยอย่างตกใจอยู่บ้าง “ฉันยังคิดว่าเป็นเนินเขาเล็กๆ ซะอีก นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเขาที่ใหญ่ขนาดนี้!”
ข้างหน้านั้นเป็นภูเขาที่ตั้งตระหง่านสูงเด่น ยิ่งใหญ่กว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ซะอีก
ที่นี่ห่างจากเมืองความหวังห้าร้อยถึงหกร้อยลี้
“ฉินเฟิ่งชิง นายคิดยังไงถึงวิ่งมาที่นี่?”
ฉินเฟิ่งชิงยิ้มตาหยีว่า “ถ้าฉันบอกว่าออกมาเที่ยวนอกเมือง นายจะเชื่อหรือเปล่า?”
“ไสหัวไป!”
ฉินเฟิ่งชิงแสยะยิ้ม ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “อันที่จริงมาหาสมบัตินั่นแหละ สมบัติในถ้ำใต้ดินหากไม่อยู่ในป่าก็อยู่ในภูเขา สถานที่อื่นๆ ไม่มีของดีตั้งนานแล้ว รอบๆ เขาสุนัขเม่นค่อนข้างปลอดภัยอยู่บ้าง คนที่มาเสาะหาก็ไม่เยอะ หากมีของดี ที่นี่น่าจะไม่ใช่น้อยๆ ก่อนหน้าที่ยังไม่เริ่มทำสงครามกับเมืองเยาขุย ทางตะวันออกไม่ค่อยอันตรายเท่าไหร่ ฉันเข้ามาดูว่าพอจะมีสมบัติล้ำค่าอะไรหรือเปล่า ฉันได้ยินมาว่าเคยมีคนได้ผลไป๋ชุ่ยจากเขาสุนัขเม่นไป”
ฟางผิงได้ฟังก็ขมวดคิ้วว่า “จริงหรือเปล่า? อย่าเอาแต่พูดว่าได้ยินจากคนนั้นคนนี้มา หากมีจริงๆ ยังจะรอให้นายไปหาอยู่หรือไง?”
“ยังไงก็มีคนเคยพูด นั่นเป็นของดีจริงๆ”
ฉินเฟิ่งชิงหัวเราะร่า “ผลไป๋ชุ่ยใช้หลอมอวัยวะภายในโดยเฉพาะ เวลานั้นฉันอยู่ขั้นสาม ไม่ใช่เพราะอยากเตรียมพร้อมสำหรับเข้าสู่ระดับกลางหรือไง? หาผลไป๋ชุ่ยได้ อาจจะสามารถทะลวงขั้นห้าตอนกลางอย่างรวดเร็วก็ได้”
ขั้นสี่ถึงขั้นห้าตอนกลางต้องหลอมอวัยวะภายในอยู่ตลอด
ขั้นห้าตอนปลายขึ้นเส้นลมปราณ ขั้นสูงสุดหลอมร่างกาย
ผลไม้พลังงานอย่างผลไป๋ชุ่ยมีพลังงานค่อนข้างอ่อนโยน คล้ายๆ กับพลังงานของน้ำแร่แห่งชีวิต หลอมอวัยวะภายในได้ผลดีกว่าอยู่บ้าง
“หลังจากนั้นนายเจอแหล่งแร่ได้ยังไง?”
จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงก็ปิดปากฉับทันที เขาไม่บอกฟางผิงหรอก เขามันนักขุดดินตัวยงอยู่แล้ว
เวลานั้นหาแล้วหาเล่าก็ยังหาไม่เจอ ไปเจอกับสัตว์ปีศาจระดับกลางแทน
ภายใต้สถานการณ์จนใจ เขาเลยต้องหาที่ซ่อน ถือโอกาสขุดหลุม…ขุดจนเจอหนูแร่ออกมาหนึ่งตัว
สาเหตุที่เรียกสิ่งนี้ว่าหนูแร่ก็เพราะว่าเคลื่อนไหวแค่บริเวณใกล้ๆ กับแหล่งแร่เท่านั้น…ทั้งยังไม่ใช่แร่ขยะทั่วไป หนูแร่ไม่ได้มีความสามารถอะไรเป็นพิเศษ กลับมีความต้องการต่อพลังงานไม่น้อย พิถีพิถันอยู่บ้าง ไม่มีหินระดับสูง หนูแร่จะไม่หยุดอยู่เด็ดขาด
ขุดจนเจอหนูแร่ ฉินเฟิ่งชิงก็รู้ได้ทันทีว่าใต้ดินมีแหล่งแร่อยู่
ตอนแรกวางแผนจะขุดต่ออีก ผลปรากฏว่าขุดอยู่พักหนึ่ง รู้สึกหายใจหายคอไม่สะดวกจึงตระหนักได้ว่ามีสัตว์ปีศาจระดับสูงอยู่
แม้ว่าเพื่อความสามารถแล้วเขาจะไม่คำนึงถึงสิ่งใด แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่รนหาที่ตายเหมือนกัน รับรู้ถึงแรงกดดันจึงทำได้แค่จำสถานที่ไว้แล้ววิ่งหนี
ฉินเฟิ่งชิงไม่พูด ฟางผิงก็ไม่ถามอีก ปลดปล่อยพลังจิตใจออกไป ก่อนจะหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย “ในภูเขามีลมหายใจของสัตว์ปีศาจไม่น้อย นายรอดออกมาได้ก็ไม่ง่ายแล้ว”
“หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว ไม่รู้ว่าเหล่าหวงจะมาหรือเปล่า”
ฉินเฟิ่งชิงสอดส่องไปรอบๆ เวลานี้ทั้งสองคนยังไม่ได้เข้าไปในภูเขา
ถึงเวลานี้แล้วเขาก็ไม่คิดจะปิดบังเช่นกัน เอ่ยว่า “หลังจากเข้าไปในภูเขาก็ตรงไปข้างหน้า ข้ามเขาเล็กๆ ประมาณสี่ลูก ที่นั่นมีหุบเขาขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง แหล่งแร่อยู่ที่หุบเขานั้นแหละ หลักๆ อยู่ที่ไหน นายขุดก็จะรู้เอง ส่วนสัตว์ปีศาจตัวนั้น ฉันก็ไม่แน่ใจว่าอยู่ที่ไหนเหมือนกัน นายระวังตัวหน่อย อย่าขุดไปถึงรังของมันก็พอแล้ว ไม่งั้นตายอย่ามาคิดบัญชีกับฉันแล้วกัน”
ฟางผิงแค่นหัวเราะ “นายยังไม่ตาย ฉันจะตายได้ยังไง?”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็ถอนหายใจ “ตามนั้น ฉันจะเข้าไปล่ะ นายรออยู่ข้างนอกละกัน”
“ฉันจะเข้าไปด้วย”
ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “มาถึงขั้นนี้แล้ว นายยังไม่วางใจอีก? นายเข้าไป เก็บงำลมหายใจไม่ได้ ถูกค้นพบจะยิ่งยุ่งยากกว่านี้”
ฉินเฟิ่งชิงครุ่นคิดเล็กน้อย ลูบหัวแล้วก็เอ่ยว่า “งั้นฉันจะไปหาที่อื่นอีกที ดูว่ามีผลไป๋ชุ่ยหรือของอย่างอื่นอีกหรือเปล่า นายกับเหล่าหวงจัดการเรียบร้อยแล้วก็ให้สัญญาณหน่อย…ฉันจะออกมาหาพวกนาย”
เขาลงถ้ำใต้ดินไม่ได้มาเพื่อนำทางเพียงอย่างเดียว หาของดีนิดหน่อยเพื่อช่วยในการฝึกวิชาก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน
ตอนนี้ความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนเยอะแล้ว
“งั้นก็ได้ นายระวังตัวหน่อย อย่าก่อเรื่องจนเอริกเกริก…”
“ยังจำเป็นต้องให้นายมาสอนฉัน?”
ทั้งสองคนไม่ชักช้าอีก ไม่นานก็แยกทางกัน ฉินเฟิ่งชิงวิ่งเข้าไปในเขาลูกอื่น ฟางผิงกลับมุ่งหน้าไปทางหุบเขาที่ฉินเฟิ่งชิงบอกไว้
———————
…………….