ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 439-2 ถ้ำใต้ดินที่ยุ่งวุ่นวาย (2)
ตอนที่ 439 ถ้ำใต้ดินที่ยุ่งวุ่นวาย (2)
…………….
ฟางผิงกลับรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เอ่ยอย่างจนใจ “ผมไม่ได้ทำสักหน่อย อธิการ คุณอย่ามองผมแบบนี้ได้หรือเปล่า! ฉินเฟิ่งชิงนั่นแหละให้ข้อมูลมั่วซั่ว ใครจะรู้ว่าเป็นแบบนี้…อีกอย่าง เมืองเยาขุยผมยังไม่ได้ไปเลย!”
“เธอยังจะไปเมืองเยาขุยอีก?”
หวงจิ่งถึงกับตกตะลึง!
นี่หากให้เธอไป ยังจะเหลืออะไรอีก!
“อธิการ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราจะกลัวอะไร?”
ฟางผิงอัดอั้นตันใจ เจี่ยวตัวนั้นไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร ปั่นป่วนจนยุ่งไปทั้งถ้ำใต้ดิน แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขาล่ะมั้ง?
“จริงสิ…”
จู่ๆ ฟางผิงก็หน้าเปลี่ยนสี “เจี่ยวให้ผมไปรอมันที่ป่าราชันเจี่ยว…”
“แค่กๆๆ!”
เวลานี้ฉินเฟิ่งชิงทำหน้ามึนงง พึมพำว่า “นายทำอะไร? ทำไมถึงเจอเจี่ยวอีกแล้ว?”
พวกเราอยู่ที่เขาสุนัขเม่นไม่ใช่หรือไง!
จนถึงตอนนี้เขายังมีท่าทีสับสน
ตกลงเรื่องเป็นมายังไง?
ฟางผิงไม่ส่งเสียงอีก หวงจิ่งสีหน้าเปลี่ยน กัดฟันว่า “กลับไปไม่ได้แล้ว! ขั้นเก้าของเมืองเยาขุยระเบิดพลังขนาดนั้น พวกเราเข้าไปไม่ได้!”
“นี่…”
หวงจิ่งมองไปรอบๆ ปวดหัวแทบระเบิด ข้างหลังแรงกดดันขั้นเก้าสองสายจากป่าร้อยอสูรกำลังเคลื่อนย้ายมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
ข้างหน้า เมืองเยาขุยก็ระเบิดแรงกดดันแฝงด้วยการเตือน
ข้างขวา เมืองหลายแห่งอื่นยังมียอดฝีมือระเบิดแรงกดดันเช่นกัน
มีแค่ข้างซ้าย ทั้งก็คือทิศใต้ ทางนั้นกลับไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร
“ไปทางใต้!”
หวงจิ่งจนใจ ทำได้แค่เลาะตามพื้นที่ทะเลจากทางใต้ไปเท่านั้น ดูว่าจะสามารถกลับเมืองความหวังได้หรือเปล่า ครั้งนี้ถูกเจ้าสองคนนี้พามาตายจริงๆ แล้ว
กลับไป…มีคนถามขึ้นมา จะให้เขาพูดยังไง?
ผลปรากฏว่าฉินเฟิ่งชิงเจ้าเด็กนี้ยังกลัวว่าใต้หล้าจะไม่วุ่นวาย เอ่ยยุว่า “ฟางผิง นายสนิทกับเจี่ยวไม่ใช่เหรอ ให้มันพาปีศาจไปจัดการเมืองเยาขุย นายก็ฉวยโอกาสชิงเมล็ดทางตะวันสิ!”
“หุบปาก!”
“จริงๆ นะ โอกาสหายากจะตายไป”
ฟางผิงกลับหันไปมองหวงจิ่งทันที “อธิกร ตกลงอาวุธวิเศษนี้เป็นมายังไงกันแน่?”
“อะไร?”
“มีกลิ่นอายอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
“เธอหมายถึง…”
หวงจิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เอ่ยอย่างไม่มั่นใจว่า “บางที…บางทีอาจจะปะปนกับกลิ่นอายของเยามู่เมืองเทียนเหมิน”
“กลิ่นอายของเยามู่!”
จู่ๆ ฟางผิงก็ตระหนักอะไรได้ เจี่ยวจะให้เยามู่เป็นแพะรับบาป?
ฟางผิงกัดฟัน เอ่ยอย่างรวดเร็ว “อธิการ ไปเถอะครับ ไปป่าราชันเจี่ยว ใช้อาวุธวิเศษทำลายป่าราชันเจี่ยว!”
“อะไรนะ?”
หวงจิ่งตกใจจนหน้าถอดสี เธอไม่ได้บ้าไปแล้วสินะ?
“อธิการ รีบหน่อยเถอะครับ!”
“เธอมั่นใจ?”
“มั่นใจครับ!”
หวงจิ่งงุนงงอย่างถึงที่สุด จะทำแบบนี้จริงๆ?
นี่คือจะทำลายล้างรังของเจี่ยว!
“อธิการ เร็วสิครับ! ขั้นเก้าของป่าร้อยอสูรน่าจะอยู่ที่ป่าสุนัขเม่นพักใหญ่ พวกเรายังพอมีเวลา! หากถูกพวกมันฉวยโอกาสไปก่อนพวกเราก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!”
“ทำลายป่าราชันเจี่ยว?”
“หักโค่นต้นไม้อะไรพวกนี้ ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ไปเถอะครับ!”
“ฟางผิง เธออย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า…”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ!”
“ฟางผิง…”
หวงจิ่งทำหน้าระทมทุกข์ เธอจะทำให้ฉันตายจริงๆ แล้ว!
เรื่องแบบนี้ เธอจะให้คนสงบเสงี่ยมอย่างฉันทำได้ยังไง?
“อธิการ เจี่ยวกำลังจะให้เยามู่เป็นแพะรับบาปแทน พวกเราก็ช่วยเหลือหน่อย ยังไงเจี่ยวก็เป็นสัตว์ปีศาจ ต่อให้สติปัญญาสูงแค่ไหนก็มีขีดจำกัด จะคิดเยอะขนาดนั้นได้ยังไง รังอยู่หน้าประตูบ้านไม่ทำลาย เทียวมาไกลหลายลี้เพื่อฆ่ามันอย่างเดียวเนี่ยนะ ใครจะเชื่อกัน? พวกเราทำลายป่าราชันเจี่ยว นั่นก็เหมือนจะเป็นจริงอยู่บ้างแล้ว!”
หวงจิ่งปวดหัวแทบตาย ไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉันรู้สึกว่าย่อยข้อมูลไม่ทันอยู่บ้าง
“อธิการ หรือคุณไม่อยากล้างแค้นให้อธิการเฒ่า?”
ฟางผิงกัดฟันว่า “ทำก็ต้องทำสุดๆ ไปเลย มัวพะวงหน้าพะวงหลัง เมืองเทียนเหมินจะถูกขจัดอย่างสิ้นซากได้ยังไง? ครั้งนี้แม้จะไม่สามารถก่อให้เกิดสงครามใหญ่ได้ ให้ถ้ำใต้ดินขัดแย้งกันภายใน อย่างน้อยให้สองฝ่ายกังวลซึ่งกันและกันย่อมดีกว่า!”
หวงจิ่งได้ฟังก็กัดฟัน พยักหน้าว่า “ได้! งั้นก็ไปป่าราชันเจี่ยว! ฟางผิง ครั้งนี้หากพัวพันไปถึงเมืองความหวัง…ไม่ต้องถามถึงคนอื่น แต่ฉันจะเอาเธอตายแน่!”
มาถึงตอนนี้เขาทำได้แค่เชื่อใจการคาดคะเนของฟางผิงเท่านั้น
อย่างน้อยเจ้าเด็กนี้…ก็มีชีวิตรอดจากเงื้อมมือเจี่ยวหลายครั้งแล้ว!
ทำลายป่าราชันเจี่ยว ถ้าเจี่ยวจะล้างแค้น…น่าจะไปหาฟางผิงสินะ?
โอกาสอยู่ตรงหน้า ไม่ลองสักครั้ง เขาไม่ยินยอมเช่นกัน
ยอดฝีมือเมืองความหวังไม่กล้าเปิดฉากสงครามสุดโต่ง แต่สัตว์ปีศาจทำสงครามกับเมืองถ้ำใต้ดิน นั่นก็ไม่เกี่ยวกับเมืองความหวังแล้ว
—
ในเวลาเดียวกัน
เมืองความหวัง
ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ลอยอยู่บนท้องฟ้าทั้งหมด อยู่ในท่าทีระแวดระวังอย่างยิ่ง!
ปากทางเดินมีคนบางส่วนกำลังออกไปข้างนอกเพื่อขอกำลังเสริม
ถ้ำใต้ดินเกิดความโกลาหลแล้ว!
ขั้นเก้านับสิบระเบิดแรงกดดันเสียดฟ้า ทั่วทั้งถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ตกสู่บรรยากาศตึงเครียด
สวี่โม่ฟู่รีบวางแผนจัดการอย่างรวดเร็ว เอ่ยอย่างปวดหัวไปพลาง “คงไม่ใช่ว่าเจ้าสองคนนั่นทำเรื่องงามหน้าไว้หรอกนะ?”
“น่าจะไม่ใช่!”
“สองคนนี้อย่างมากก็ล่อสัตว์ปีศาจระดับกลางและระดับล่างบางส่วน ขั้นเจ็ดขั้นแปดไม่กี่ตัวเท่านั้น…”
“ตอนนี้ทั่วถ้ำใต้ดินแทบจะโกลาหลวุ่นวายแล้ว!”
สวี่โม่ฟู่ปวดหัวแทบระเบิด เวลานี้เป็นปัญหาจริงๆ แล้ว ทั่วเมืองความหวังเข้าสู่การเฝ้าระวังระดับสูงสุดแล้ว
หรือจะระเบิดสงครามใหญ่เต็มรูปแบบจริงๆ?
มองแรงกดดันหลายสายที่พวยพุ่งขึ้นฟ้าจากที่ไกลๆ นั้นแวบหนึ่ง มองไปทางเมืองความหวังอีกที มีแค่ผู้เฒ่าฟ่านที่เป็นยอดฝีมือขั้นเก้าเพียงคนเดียว สวี่โม่ฟู่รู้สึกขมขื่นอยู่บ้าง ต้องรอจนกำลังเสริมมาจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?
สวี่โม่ฟู่กังวลในใจ ผู้ฝึกยุทธ์เมืองความหวังทั้งหมดก็ร้อนอกร้อนใจเช่นกัน พวกเราต่างรับรู้ถึงแรงกดดัน
ถ้ำใต้ดินเกิดความวุ่นวายแล้ว!
ตอนที่เจี่ยวบาดเจ็บหนักไปรายงานข่าวถึงป่าร้อยอสูรว่าผู้ส่งสารและผู้คุ้มกันถูกฆ่า สงสัยว่าเป็นฝีมือของเยามู่จากเมืองเยามู่ ราชาหลายตนจากป่าร้อยอสูรก็มีโทสะอย่างยิ่ง!
พืชปีศาจและสัตว์ปีศาจผู้พิทักษ์ ในสายตาของสัตว์ปีศาจส่วนมาก เดิมก็เป็นผู้ทรยศอยู่แล้ว!
เพียงแค่สัตว์ปีศาจและพืชปีศาจพวกนี้ต่างมีฝีมือไม่อ่อนด้อย ทุกคนต่างคนต่างอยู่ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ปกติก็ไม่มีสัตว์ปีศาจและพืชปีศาจจากพื้นที่หวงห้ามไปหาเรื่องอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ผู้คุ้มกันจากป่าร้อยอสูรถูกฆ่า นี่เป็นการกระตุ้นโทสะอย่างถึงที่สุด!
สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเยามู่ที่แพร่กระจายออกมาจากบาดแผลของราชาปีศาจเขาทอง พวกราชาต่างมั่นใจว่านี่เป็นกลิ่นอายจากต้นไม้ปีศาจนั่น ทั้งยังไม่ใช่จากก้านเล็กๆ กลิ่นอายเข้มข้นเกินไป นี่ไม่ใช่ว่าเอาแค่ก้านเล็กๆ ก็สามารถทำถึงขั้นนั้นได้!
ปฏิกิริยาของราชาจากเขตหวงห้ามเหนือความคาดหมายของเจี่ยวเช่นกัน
ราชาหลายคนปลดปล่อยแรงกดดันออกมาโดยตรง ถึงกระทั่งราชาสองตนเริ่มทำการตรวจสอบ เจี่ยวที่ตามไปก็ตื่นตระหนกอยู่บ้างเช่นกัน
เหมือนจะ…เป็นเรื่องใหญ่แล้ว!
มันคิดว่าอย่างมากคงจะแค่สงสัยเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าราชาจากพื้นที่หวงห้ามจะมั่นใจว่าเป็นฝีมือเยามู่ตรงๆ
ทั้งดูจากท่าทีนี้แล้ว จะไปห้ำหั่นกันอย่างแน่นอน!
แต่เจี่ยวรู้ว่านี่เป็นแค่กลิ่นอายของเยามู่ ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นฝีมือของเยามู่ หากถึงเมืองเยามู่ รู้เรื่องลำต้นที่เคยถูกตัดออกไปในเวลานั้น เรื่องราวต้องถูกเปิดเผยแน่!
ไม่อาจจะให้โอกาสแก้ต่างกับราชามู่และต้นไม้โง่นั่น!
เจี่ยวที่กำลังจะตามราชาทั้งสองไปเขาสุนัขเม่นลอบวางแผนในใจ ถึงเมืองเยามู่ ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไร รื้อทำลายเมืองไปเลยตรงๆ!
ต่อสู้จนถึงขั้นนั้นแล้ว เกรงว่าเยามู่คงไม่อาจแก้ต่างอะไรแล้ว
ส่วนสุดท้ายผลลัพธ์จะเป็นยังไง…นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของเจี่ยวแล้ว แม้พวกราชาจากพื้นที่หวงห้ามจะบุกทะลวงเข้าไปในเมืองเยามู่ ก็มีโอกาสรั้งตัวอยู่ไม่เยอะ
พวกมันไม่จำเป็นต้องใช้หินชีวิตและน้ำพุแห่งชีวิตเช่นกัน ขึ้นชื่อว่าเป็นขั้นแปดตัวเดียวที่ตามไป น่าจะสามารถหาโอกาสกลืนกินได้?
—
เวลานี้ทั้งมนุษย์และปีศาจต่างมีแผนการของตัวเอง
สงครามใหญ่ไม่ได้เปิดฉากมาโดยตลอด วันคืนที่สงบสุขของถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ กลับต้องมาเกิดความวุ่นวายเป็นวงกว้างในวันที่ฟางผิงเพิ่งเข้ามาวันแรก
ส่วนฟางผิง…คิดว่านี่ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
นี่เป็นเรื่องที่เจี่ยวทำงามหน้าไว้ต่างหาก เขาแค่ประสบพบเจอโดยบังเอิญเท่านั้น
หากเมืองเทียนเหมินจะจัดการเจี่ยวขึ้นมาจริงๆ หรือป่าร้อยอสูรจัดการมัน เขาอาจจะลองหาโอกาสกอบโกยผลประโยชน์ได้
บางทีตัวเองอาจจะได้ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ เหมือนกัน?
ฟางผิงกำลังวางแผนกอบโกยผลประโยชน์ ฉินเฟิ่งชิงกำลังคิดว่าตัวเองเอาของเหลวพลังงานมาเพียงพอหรือเปล่า?
ฝั่งหวงจิ่งกลับวิ่งอย่างบ้าคลั่ง ลอบเตือนตัวเองในใจไปพลาง แค่ครั้งนี้!
แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น!
ครั้งหน้าเขาจะไม่ลงถ้ำใต้ดินพร้อมเจ้าสองคนนี้อีกแล้ว!
เขามีชีวิตยาวนานขนาดนี้ เข้าสู่ขั้นเจ็ดได้ ยังไม่เคยประสบพบเจอกับเรื่องที่ตื่นเต้นขนาดนี้มาก่อน
หากเปิดเผยออกไป…จะเป็นปัญหากว่าที่ฟางผิงจินตนาการไว้ซะอีก ตอนแรกอู๋ขุยซานตัดต้นไม้ปีศาจนั่นยังไงเขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
เมืองเทียนเหมินน่าจะรู้ว่าเป็นฝีมือของผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์
นี่อาจจะก่อให้เกิดสงครามใหญ่จริงๆ แล้ว!
หากเวลานั้นมาถึงจริงๆ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็คือนำอาวุธวิเศษเข้ามาในถ้ำใต้ดิน ไม่ใช่กลับไปยังเมืองความหวัง
สร้างความวุ่นวายในส่วนลึกของถ้ำใต้ดิน หรือไปเมืองเทียนเหมินโดยตรง ตัวเองทำสงครามตายอยู่ที่นั่นถึงจะสงบเรื่องราวได้
ฟางผิงเกรงว่ายังจะไม่ได้นึกมาถึงจุดนี้
แต่ตระหนักได้ว่ามีโอกาสทำให้ป่าร้อยอสูรและเมืองเทียนเหมินเปิดฉากสงครามกัน หวงจิ่งยังคงตัดสินใจลงพนันสักตั้ง!
ลองดูกันสักตั้ง ใช้ชีวิตของตัวเอง พนันให้สองฝ่ายเปิดฉากสงคราม แม้ว่าจะมีขั้นเก้าตายไปคนหนึ่ง เขาตายก็คุ้มค่าแล้ว ชีวิตของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดแลกกับชีวิตของขั้นเก้าได้กำไรจะตายไป!
เพียงแค่ยังต้องครุ่นคิดให้ดี ทำยังไงถึงจะไม่ให้เกี่ยวพันมาถึงมนุษยชาติทั้งหมด!
หวงจิ่งถอนหายใจเบาๆ มองฟางผิงไปแวบหนึ่ง หากเขามีความสามารถเหมือนฟางผิง เก็บงำลมหายใจได้ เกรงว่าจะสามารถชักนำสองฝ่ายให้เกิดสงครามอย่างง่ายดาย ไม่อาจทำให้มนุษย์ถูกตกเป็นเป้าหมาย
ในตอนที่หวงจิ่งครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยว่า “อธิการ หลังจากทำลายป่าราชันเจี่ยวแล้ว เอาอาวุธวิเศษให้ผม! ผมจะลองเอาไปที่เมืองเทียนเหมินดู!”
หวงจิ่งตกตะลึงไปเล็กน้อย!
เจ้าเด็กนี้ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ได้เหมือนกัน?
“ไม่ได้! เธอเข้าไป หากกลิ่นอายของอาวุธวิเศษถูกเปิดเผย ไม่นานก็จะถูกค้นพบ!”
“ไม่เป็นไร เชื่อผม!”
ฟางผิงมีช่องเก็บของ เว้นแต่จะเป็นฝ่ายเปิดเผยเอง ไม่งั้นเยามู่คงสัมผัสไม่ได้
หวงจิ่งไม่พูดอีก ไว้ค่อยว่ากัน
——————–
…………….