ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 443-2 ถ้ำใต้ดินเป็นบ้านของฉัน ไม่อยากจากไปเลย (2)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 443-2 ถ้ำใต้ดินเป็นบ้านของฉัน ไม่อยากจากไปเลย (2)
ตอนที่ 443 ถ้ำใต้ดินเป็นบ้านของฉัน ไม่อยากจากไปเลย (2)
………………..
เจ้าเมืองเทียนเหมินเผยสีหน้ามืดครึ้ม แววตาเย็นยะเยือก
แม้จะสูญเสียแร่ไปเล็กน้อย ชาวเมืองตายไปบางส่วนก็ไม่เป็นไร!
รวมถึงขั้นเจ็ดสองคนนั้นด้วย ถึงจะปวดใจก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
สิ่งที่ทำให้เขาเป็นกังวลอย่างแท้จริงคือเมืองเยามู่…เหมือนจะอยู่เหนือการควบคุมของเขาอยู่บ้างแล้ว
นึกไม่ถึงว่าเทพมู่จะเลี้ยงพรรคพวกเอาไว้?
หรือคิดจะให้แทนที่ของเขา?
ขั้นเก้าถึงจะเรียกว่าราชาได้ เขาตายไปแล้ว เทพมู่ต้องร่วมมือกับขั้นเก้าอีกคน ไม่งั้นคงไม่สามารถสร้างเมืองได้ เขตหวงห้ามไม่ยอมรับอยู่แล้ว
คนที่เร้นกายผู้นั้น เป็นขั้นราชาที่เทพมู่เลี้ยงดูเอาไว้?
ในใจของเจ้าเมืองเทียนเหมินมีข้อสงสัยและความกังวลผุดขึ้นมามากมาย
ตกลงเพื่ออะไรกัน?
คิดว่าความสามารถของตัวเองต่ำเกินไป หรือคิดว่าตัวเองฟังคำสั่งจากเขตหวงห้ามเปิดฉากสงครามกับผู้ฝึกยุทธ์ดินแดนแห่งการเกิดใหม่ทำให้เกิดความสูญเสียเยอะเกินไป?
เจ้าเมืองเทียนเหมินใบหน้าเยียบเย็นอย่างถึงที่สุด!
อีกอย่างเรื่องของอาวุธวิเศษก็เปิดเผยออกไปแล้ว นี่เป็นอีกปัญหาใหญ่
กลางอากาศ เยามู่สะบัดกิ่งก้าน เห็นได้ชัดว่าขุ่นเคืองอยู่บ้าง กวัดแกว่งบนพื้นดินไม่หยุดหย่อน ทำให้เกิดการพังถล่มอีกครั้ง
พลังจิตใจที่แข็งแกร่งไม่กวาดเสาะหาโจรชั่วผู้นั้นอีก แต่ปลดปล่อยไปทางเจ้าเมืองเทียนเหมินแทน
เวลานี้หนึ่งคนกับหนึ่งปีศาจไม่มีความคิดจะค้นหาขโมยต่อ ทั้งไม่คิดจะไล่ตามสัตว์ปีศาจสามตัวนั้นเช่นกัน
สัตว์ปีศาจจากป่าร้อยอสูรไม่ใช่อยากฆ่าก็ฆ่าได้
หากฆ่าอีกฝ่ายจริงๆ ต่อไปคงต้องทำสงครามกับพื้นที่หวงห้ามหลายแห่งแล้ว
เจ้าเมืองเทียนเหมินสงสัยว่าเทพมู่ทรยศเขา เทพมู่ก็สงสัยเช่นกันว่าอาวุธวิเศษของราชามู่มาจากที่ไหน!
ไกลออกไปนั้น แรงกดดันหลายสายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว
ในตอนที่หนึ่งคนกับอีกหนึ่งปีศาจกำลังรักษาบรรยากาศเงียบงันอย่างผิดปกติ ครู่ต่อมาเงาหลายร่างก็กระโดดลงมาจากอากาศ
“เจ้าเมืองมู่ ใครบอกพวกเราได้บ้าง ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น!”
ตอนนี้กลางอากาศมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งอยู่สี่คน เทียบกับเจ้าเมืองเทียนเหมินแล้วไม่อ่อนด้อยแม้แต่น้อย ถึงกระทั่งแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ
ผู้ที่เป็นหัวหน้าเอ่ยเสียงดัง ยอดฝีมือผู้หญิงคนหนึ่งด้านข้างเอ่ยอย่างโมโหยิ่งกว่า “ป่าร้อยอสูรบอกว่าเมืองเยามู่สังหารผู้คุ้มกันของพวกมันจึงเข้ามาขอคำตอบ! เหตุใดถึงเกิดสงครามได้?”
“เจ้ายังกล้าเปิดเผยอาวุธวิเศษ…”
“หุบปาก!”
ยอดฝีมือหญิงพูดได้ครึ่งเดียว หัวหน้าวัยกลางคนก็ตะเบ็งเสียง หันไปมองเธอแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเยือกเย็น “อาวุธวิเศษอะไร?”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา หญิงขั้นเก้าก็ปิดปากฉับลงทันที
ชายกลางคนที่เป็นหัวหน้ามองไปทางเจ้าเมืองเทียนเหมินที่ปิดปากเงียบ เอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “ทำไมถึงลงมือ?”
“อีกอย่างทำไมถึงสังหารปีศาจของป่าร้อยอสูร?”
เจ้าเมืองเทียนเหมินเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “เรื่องที่ป่าร้อยอสูรถูกโจมตี ข้าไม่รู้เรื่อง! สาเหตุที่ลงมือเป็นเพราะป่าร้อยอสูรไม่ฟังคำอธิบายจากข้า สังหารชาวเมืองเทียนเหมิน ถึงกระทั่งฆ่าแม่ทัพสองคนด้วย! ราชาจระเข้และราชาสิงโตลงมือกับข้าเต็มกำลัง ไม่สู้คงจะไม่ได้!”
หัวหน้าวัยกลางคนขมวดคิ้วทันที ยอดฝีมือหญิงด้านข้างตะโกนออกมาอีกครั้ง “งั้นเจ้าก็ไม่ควรใช้อาวุธ!”
เจ้าเมืองเทียนเหมินมองเธออย่างเยือกเย็น เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “หรือข้าควรจะปล่อยให้ป่าร้อยอสูรฆ่า? หลายปีมานี้เมืองเทียนเหมินบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน ตอนนี้มาถูกป่าร้อยอสูรหาเรื่อง เมืองราชาถูกทำลาย! นี่ก็คือท่าทีของเขตหวงห้ามที่มีต่อเมืองเยามู่อย่างนั้นหรือ? ผลประโยชน์ที่เขตหวงห้ามให้คำมั่นสัญญา หลายปีที่ผ่านนี้ข้าแทบมองไม่เห็นแม้แต่น้อย! เรื่องนี้เขตหวงห้ามไปแก้ไขเอาเอง หากป่าร้อยอสูรมาหาเรื่องเมืองเยามู่อีก ข้าจะพาคนออกจากเขตแดนเจ็ดทางใต้!”
“เจ้ากล้ารึ!”
ยอดฝีมือหญิงปะทุโทสะขึ้น เจ้าเมืองเทียนเหมินเอ่ยอย่างเยียบเย็น “เจ้ายังไม่ถึงขั้นสุดยอด ไม่มีคุณสมบัติมาตะโกนใส่ข้า!”
“ข้ากราบเป็นศิษย์ราชาไหวแล้ว! เจ้ากำลังท้าทายราชาไหวงั้นหรือ?”
“เจ้า!”
“พอได้แล้ว!”
หัวหน้าชายกลางคนตะโกนเสียงดัง ตัดบทสนทนาของทั้งสองคน
มองไปรอบๆ รอจนเห็นเยามู่ที่อยู่ด้านข้าง ชายกลางคนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากคำพูดของป่าร้อยอสูร ผู้ที่สังหารผู้คุ้มกันของพวกมันคือเยามู่ของเมืองเยามู่
เป็นฝีมือเยามู่จริงๆ งั้นหรือ?
ครั้งนี้ราชามู่ยังเปิดเผยอาวุธวิเศษออกไปอีก นี่ทำให้เขาปวดหัวอย่างมาก
หากเรื่องนี้จัดการได้ไม่ดีจะเกิดปัญหาใหญ่แน่นอน
อีกอย่างตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ยังมีจุดที่ผิดแปลกอยู่บ้าง อยู่ดีๆ เมืองเยามู่จะหาเรื่องป่าร้อยอสูรไปทำไม?
หรือเพราะสัตว์ปีศาจขั้นแปดนอกเมืองตัวนั้น?
สัตว์ปีศาจที่เพิ่งเข้าขั้นแปดตัวนั้น ต่อให้เป็นภัยคุกคามขนาดไหนก็ไม่ถึงกับทำให้เมืองเยามู่เสี่ยงเข้าตาจน ทำเรื่องอย่างลอบสังหารได้หรอก
นี่ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นอยู่ที่ลอบสังหารแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะไม่สามารถฆ่าสัตว์ปีศาจตัวนั้น ปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้ ทั้งยังกลับไปร้องเรียนที่ป่าร้อยอสูร นี่เป็นความอัปยศอดสูสิ้นดี!
ตอนนี้ยอดฝีมือขั้นเก้าที่ออกมาจากเขตหวงห้ามผู้นี้รู้สึกปวดหัวอยู่บ้างแล้ว
กดความไม่พอใจและโทสะไว้ในใจ หัวหน้าวัยกลางคนเอ่ยว่า “ไป ไปอธิบายที่จวนเจ้าเมืองอย่างละเอียด!”
เจ้าเมืองเทียนเหมินไม่พูดมากเช่นกัน ลอยไปทางเมืองชั้นในอย่างรวดเร็ว
แต่เห็นเมืองชั้นในถูกทำลายจนเละเทะวุ่นวาย เจ้าเมืองเทียนเหมินก็ประกายแววตาเย็นเยียบขึ้นมาอีกครั้ง
เมืองชั้นใน หลักๆ ไม่ใช่ฝีมือของป่าร้อยอสูร แต่เป็นเทพมู่ต่างหาก
เมืองเยามู่ถูกทำลายไปกว่าครึ่ง!
บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน!
ทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับเมืองความหวัง…
เจ้าเมืองเทียนเหมินเผยแววตามืดมนขึ้นมา เรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนจริงๆ!
ตกลงเทพมู่ยังเป็นพวกเดียวกับเขาอยู่หรือเปล่า?
—
ในตอนที่คนของเขตหวงห้ามมา เริ่มคิดวิธีแก้ไขปัญหากัน
ฟางผิงก็โผล่หัวขึ้นในจุดที่ไกลจากเมืองเทียนเหมินหลายพันเมตร
“ตื่นเต้นชะมัด!”
ฟางผิงสั่นสะท้านนใจ ขั้นเก้าเยอะเกินไปแล้ว!
รวมทั้งหมดมีขั้นเก้าแปดคน!
ชั่วชีวิตนี้เขายังไม่เคยเห็นยอดฝีมือขั้นเก้าเยอะถึงขนาดนี้มาก่อนเลย ครั้งนี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
ในขณะที่เจี่ยวหนีออกไป เขาก็เริ่มหนีเช่นกัน
เมืองเทียนเหมินมีท่อระบายน้ำใต้ดินเหมือนกัน ฟางผิงมุดลงไปในท่อระบายน้ำ สัมผัสได้ถึงลมหายใจของขั้นเก้าบนท้องฟ้า หัวใจแทบจะหลุดกระเด็นออกมาแล้ว
รับรู้ได้ทันทีว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย!
“โชคดีที่ยอดฝีมือจากป่าร้อยอสูรดึงดูดความสนใจของพวกเขา…”
ฟางผิงอดรู้สึกโชคดีขึ้นมาไม่ได้ ส่วนครั้งนี้ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ตกลงจะถูกตรวจสอบ เปิดเผยเรื่องตัวเองหรือเปล่า…นี่พูดยากแล้ว
หากตรวจสอบขึ้นมาจริงๆ…เขตแดนเก้าทางใต้ก็เคยถูกคนแฝงตัวเข้าไปเหมือนกัน
หากทั้งสองฝ่ายรายงานข้อมูลแก่กัน ทั้งยังรายงานเรื่องนี้ขึ้นไป ฟางผิงคิดว่าอาจจจะถูกเดาได้ว่าเป็นฝีมือของตัวเอง
แต่ถึงจะเดาได้ ฟางผิงคิดว่าก็ไม่เป็นไร
เดิมทีทั้งสองฝ่ายก็เป็นศัตรูกัน ทั้งยังเป็นศัตรูที่เกี่ยวพันกับความเป็นความตาย
ประเด็นหลักเขายังกังวลว่าท้ายที่สุดจะทำให้สัตว์ปีศาจและพืชปีศาจในป่าพวกนั้นหาเรื่องมนุษยชาติขึ้นมา?
“ไม่สนใจล่ะ เรื่องนี้ฉันไม่คาดคิดเหมือนกัน เป็นฝีมือของเจี่ยวทั้งนั้น!”
จู่ๆ ฟางผิงก็รู้สึกว่าตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรม เรื่องนี้เขาไม่ได้อยากทำจริงๆ เป็นฝีมือของเจี่ยว เขายังจะสามารถทำอะไรได้
“ใช่สิ ครั้งนี้ฉันกลับไป จะถูกไล่ออกไปหรือเปล่า?”
ฟางผิงพลันตระหนักได้ถึงปัญหาหนึ่ง!
ครั้งนี้เขากลับเมืองความหวัง เมืองความหวังจะไล่เขาไปหรือเปล่า?
มีโอกาสสูง!
ควรจะเก็บเป็นความลับ แสร้งว่าฉันไม่รู้เรื่องดีหรือเปล่า?
แต่เก็บเป็นความลับ ผลงานของฉันคงไม่มีแล้ว
วันนี้ฉันฆ่าระดับสูงไปห้าคน ระดับกลางนับร้อย ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามลงไปอีกนับหมื่น ทำลายเมืองเทียนเหมินกว่าครึ่งใหญ่ ทำให้เกิดขัดแย้งภายในทั้งสองฝ่าย…
ผลงานใหญ่แบบนี้ ขั้นเก้ายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ?
ปิดบังไว้ นั่นคงเป็นวีรบุรุษไร้นาม
ไม่ปิดบัง งั้นก็เตรียมถูกไล่ออกไปได้เลย เกรงว่ายอดฝีมือเมืองความหวังคงอยากซัดเขาให้ตายด้วยซ้ำ
“ฉันยังวางแผนจะอยู่ที่นี่ตั้งหลายวัน…”
ฟางผิงถอนหายใจ ฉันเพิ่งจะเข้ามาวันเดียวเอง!
ตอนนี้ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างเลย
จากเมื่อวานจนถึงตอนนี้ยังผ่านไปไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง นี่จะถูกไล่ออกไปแล้ว น่าขายหน้าอะไรอย่างนี้
“เป็นเพราะไอ้เวรฉินเฟิ่งชิงนั่นแหละ รายงานข้อมูลมั่วซั่ว!”
ฟางผิงโยนให้ฉินเฟิ่งชิงเป็นแพะรับบาปทันที หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าหมอนั่นรายงานข้อมูลไม่ตรง คงไม่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้หรอก
อีกอย่าง…จะถูกจดชื่อในบัญชีดำหรือเปล่า?
ฟางผิงหวาดกลัวอยู่บ้าง งั้นหลังจากนี้ฉันจะไปขุดแร่ที่ไหนล่ะ?
ระหว่างทางจากป่าราชันเจี่ยวกลับมาเมืองความหวัง ฉินเฟิ่งชิงบ่นพึมพำว่า “แค่อาวุธห่วยๆ ห้าชิ้นเนี่ยนะ เพราะไอ้เวรฟางผิงคนเดียว สมบัติของเจี่ยวต้องถูกเขาอุบไว้แน่ๆ!”
ขุดอยู่ค่อนวันก็ได้แค่อาวุธซอมซ่อไม่กี่ชิ้น
อาวุธสามชิ้นความแข็งแกร่งเทียบเท่าโลหะผสมระดับ C หนึ่งชิ้นระดับ D มีเพียงชิ้นเดียวที่นับว่าคุณภาพดีอยู่บ้าง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นอาวุธสนับมือระดับ B ได้ของน้อยจนน่าตกใจ!
ฉินเฟิ่งชิงแทบจะระเบิดโทสะแล้ว!
รังของขั้นแปดแทบจะได้กำไรนิดเดียว
ตอนที่เจี่ยวหนี แผ่ลมหายใจออกมา เขาแทบจะตกใจจนฉี่ราด
เสี่ยงอันตรายขนาดนี้ ผลปรากฏว่ากลับได้แค่หยิบมือ เขาทำหน้าระรื่นได้ก็แปลกแล้ว
“ฟางผิงไอ้หมอนั่นคงไม่ได้ตายอยู่ในเมืองเทียนเหมินหรอกนะ?”
“แร่ของฉันยังไม่ได้แบ่งกันเลย!”
“เจ้าหมอนั่นจะหาจุดที่ฝังแร่เจอหรือเปล่า?”
“หรือฉันควรจะไปดูแถวเขาสุนัขเม่นอีกรอบ บางทีอาจจะเจอตำแหน่งที่เขาฝังเอาไว้?”
ความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมาในหัวของฉินเฟิ่งชิง เขาไม่อยากกลับเมืองความหวังเท่าไหร่
กลับไปแล้ว…เกรงว่าตัวเองจะถูกโยนออกไป
ครั้งนี้เขาก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน!
ฉินเฟิ่งชิงรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่บ้าง เรื่องนี้เป็นเพราะฟางผิงและเจี่ยวทั้งนั้น เขาไม่ได้ทำอะไรเลย
พูดกันดีแล้วว่าจะฆ่าสัตว์ปีศาจขั้นเจ็ด ผลปรากฏว่ากลับมีขั้นแปดออกมา ยังไม่ใช่แค่ขั้นแปด จากนั้นยังมีขั้นเก้าอีก ทั้งยังไม่ใช่ขั้นเก้าแค่ตัวเดียว…ท้ายที่สุดยังมีขั้นเก้าหลายตัว!
หากลุกลามใหญ่โตกว่านี้ จะทำให้ยอดฝีมือขั้นสุดยอดออกมาหรือเปล่า?
“คงไม่ใช่ถูกจดชื่อลงในบัญชีดำหรอกนะ? ถ้ำใต้ดินหนานเจียงไปไม่ได้แล้ว หากถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ก็เข้าไม่ได้อีก…ฉันจะทำยังไงล่ะเนี่ย?”
ฉินเฟิ่งชิงเผยสีหน้าเศร้าซึม นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเขาถูกจดชื่อลงในบัญชีดำของถ้ำใต้ดินทั้งหมด หลังจากนี้จะให้ทำยังไงล่ะ?
ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงและฟางผิงต่างโศกเศร้าอยู่บ้าง กลัวถูกจดชื่อในบัญชีดำ ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา
หากเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางคนหนึ่ง ทางการไม่อนุญาตให้เขาลงถ้ำใต้ดิน แม้ปากจะไม่พูดอะไร ในใจน่าจะรู้สึกดีไม่น้อย
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางหลายคน ภายใต้สภาวะจนใจ ทุกปีถูกบังคับให้ทำภารกิจถึงได้ลงถ้ำใต้ดิน
ในความคิดของคนส่วนมาก เข้าไปก็แทบมีโอกาสรอดชีวิตกลับมาน้อย
ส่วนจะถูกทางการจดชื่อในบัญชีดำ ไม่อนุญาตให้ลงถ้ำหรือเปล่า…ร้อยปีมานี้ ประเทศจีนไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน ยกเว้นแค่ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตเท่านั้น
————————-