ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 445 ยืมนายหนึ่งหมื่นคะแนน (1)
ตอนที่ 445 ยืมนายหนึ่งหมื่นคะแนน (1)
………………..
จางเว่ยอวี่แทบจะตกใจ แต่คนที่เห็นต่างตกตะลึงอยู่บ้างจริงๆ
ไม่นานคนอื่นๆ ก็พบเจอความผิดปกติเช่นกัน
ยอดฝีมือขั้นแปดหลายคนอดมองไปทางอู๋ขุยซานไม่ได้ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของพวกนายนี่มันอะไรกัน?
อู๋ขุยซานไม่ปริปากพูดอะไร อย่ามองฉัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!
—
“สัตว์ปีศาจ!”
“สัตว์ปีศาจมาแล้ว!”
ครู่ต่อมาบนกำแพงก็มีคนหวีดร้องขึ้นมา
จางเว่ยอวี่ตะโกนว่า “เงียบ…ไม่ใช่สัตว์ปีศาจ…ตายแล้ว!”
เป็นสัตว์ปีศาจไม่ผิด ประเด็นสำคัญอยู่ที่ตายแล้ว
จุดที่ไกลจากเมืองความหวังออกไปสามร้อยกว่าเมตร มีร่างคนๆ หนึ่ง…ไม่สิ ร่างของสัตว์ปีศาจปรากฏขึ้นต่อหน้าของทุกคน
ปีศาจสุนัขเม่นขั้นเจ็ด ยาวเกือบห้าเมตร สู้ประมาณสามเมตร
ใหญ่ถึงขนาดนี้แทบจะบังร่างของฟางผิงมิด
ในสายตาพวกเขาเห็นแค่สัตว์ปีศาจเท่านั้น น้อยคนที่จะตระหนักได้ถึงสองขาที่อยู่ใต้ท้องสัตว์ปีศาจ
ข้างนอกเมือง ตอนแรกเฉินอวิ๋นซีตกใจเช่นกัน แต่ไม่นานก็สังเกตอะไรได้ รีบพุ่งไปหาสัตว์ปีศาจ เอ่ยอย่างดีใจว่า “ฟางผิง นายกลับมาแล้ว!”
ฟางผิงยกปีศาจสุนัขเม่นลอยสูงขึ้นอีกหน่อย เอ่ยอย่างแปลกใจ “ขนาดนี้ยังรู้ว่าเป็นฉันอีก?”
เฉินอวิ๋นซีจะเก่งเกินไปแล้ว!
ฉันโผล่แค่ขาสองข้างออกไป เธอจำขนขาฉันได้หรือไง?
ไม่สิ เขาไม่มีขนขาสักหน่อย หลอมกึ่งร่างทองแล้ว ขนบนร่างยังเหลือน้อยเลย
คำพูดนี้จะทำให้คนหลุดคิดไปไกลแล้ว ฟางผิงทำหน้ามึนงง หมายความว่าไง? ฉันหน้าเหมือนปีศาจสุนัขเม่นอย่างนั้นเหรอ?
เห็นว่าข้างหน้ายังมียอดฝีมือพวกนั้นกวาดพลังจิตใจมาทางนี้ไม่ขาดสาย ฟางผิงก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “กลับเมืองก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยคุยกัน!”
พูดจบ ฟางผิงก็แบกร่างสัตว์ปีศาจทะยานขึ้นอากาศ ลอยไปบนกำแพงเมือง
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างและระดับกลางเห็นสัตว์ปีศาจตัวนั้นลอยมาก็อดมองไปทางพวกปรมาจารย์ไม่ได้
เห็นพวกเขาไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน เวลานี้ทุกคนค่อยโล่งอก
มีคนอดเอ่ยไม่ได้ “ฟางผิง?”
“นั่นมันสัตว์ปีศาจขั้นไหน?”
“ใหญ่ขนาดนั้น อีกอย่าง…เหมือนว่าจะแผ่ความกดดันอยู่เล็กน้อย…อย่างน้อยน่าจะขั้นหกหรือกระทั่งแข็งแกร่งกว่านั้น?”
แม้จะเป็นเมืองความหวัง อันที่จริงมีแค่ไม่กี่คนที่เคยเห็นสัตว์ปีศาจระดับสูงเช่นกัน
คนที่เคยเห็นส่วนมากตายไปหมดแล้ว
ทั้งยอดฝีมือปรมาจารย์พวกนี้ บางคนเคยเห็นมาก่อน ประเด็นอยู่ที่แม้พวกเขาจะเคยสังหารสัตว์ปีศาจระดับสูง ก็น้อยนักที่จะหอบร่างปีศาจกลับมาได้ในสภาพที่สมบูรณ์
ไม่มีทางเลือก อันตรายเกินไป
สัตว์ปีศาจอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลจากเมืองความหวังอย่างมาก ไม่พูดถึงประมือแล้วจะสามารถรักษาสภาพสมบูรณ์ได้หรือเปล่า แม้ว่าจะทำได้ อย่างมากคนพวกนี้ก็คว้านแกนหัวใจและแกนสมองออกมาเท่านั้น ไม่อาจพากลับมาทั้งตัวได้
แต่ครั้งนี้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าคนหนึ่งแบกร่างสัตว์ปีศาจขั้นเจ็ดกลับมา!
ใช่แล้ว พวกเขาแยกแยะออก นั่นเป็นร่างของสัตว์ปีศาจขั้นเจ็ด!
นี่ยังไม่ใช่แค่นั้น บนร่างของสัตว์ปีศาจยังมีกระเป๋าอีกหลายใบ
คลื่นพลังงานเข้มข้นจนถึงขั้นพวกเขาสงสัยว่าตัวเองกำลังอยู่ในเขตแหล่งแร่!
“ฟางผิงไปปล้นใครมา?”
นี่ไม่ใช่แค่ปล้นแล้ว น่าจะสังหารล้างบางทั้งรังมากกว่า กระทั่งร่างของสัตว์ปีศาจยังเอากลับมาด้วย!
ยังไม่ใช่แค่นั้น รอฟางผิงกระโดดลงมาบนกำแพง เกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย กระเป๋าที่อยู่บนร่างสัตว์ปีศาจร่วงลงมา ชั่วพริบตาที่ร่วงสู่พื้น ของในนั้นก็กระจัดกระจายกลาดเกลื่อน
ครั้งนี้ทุกคนแทบจะอ้าปากค้าง
โจวฉีเยวี่ยที่อยู่ด้านข้างมองฉินเฟิ่งชิงแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรจะใช้สีหน้ายังไงมองเขาดี
ฉินเฟิ่งชิงไม่พูดอะไร ก้มตัวลงอย่าเงียบๆ หยิบป้ายสถานะที่ตกบนพื้นขึ้นมา
ฉันว่าแล้ว ไม่ควรจะอวดรวยตอนที่ไอ้เวรนี่อยู่…ฉันเป็นยาจกอย่างเห็นได้ชัด
เวลานี้บนพื้นเต็มไปด้วยป้ายสถานะ ป้ายสถานะจำนวนนับไม่ถ้วน!
ป้ายสถานะหนึ่งในนั้นที่เป็นคริสตัลทำให้ยอดฝีมือระดับสูงตกตะลึงไม่น้อย
ในถ้ำใต้ดินป้ายสถานะของระดับสูงไม่เหมือนกับระดับล่างและระดับกลาง
ป้ายสถานะที่เป็นคริสตัล นั่นเป็นเอกสิทธิ์สำหรับยอดฝีมือระดับสูง
เถียนมู่เก็บป้ายสถานะคริสตัลบนพื้นขึ้นมา ตรวจสอบอยู่พักหนึ่งก่อนจะเอ่ยอ้ำอึ้งว่า “ฟางผิง เธอไปทำอะไรมา?”
ฟางผิงเงยหน้ามองแวบหนึ่ง ก่อนจะโยนร่างสัตว์ปีศาจไปด้านข้าง กำแพงเมืองสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ได้ทำอะไรครับ ผมเจอสัตว์ปีศาจขั้นเจ็ดและยอดฝีมือถ้ำขั้นเจ็ดปะทะกันระหว่างทาง รอจนพวกเขาเจ็บหนักทั้งสองฝ่ายเลยถือโอกาสฆ่าซะเลย”
“แค่กๆๆ!”
อู๋ขุยซานอดกระแอมไอออกมาไม่ได้ ตำหนิว่า “พูดดีๆ!”
เธอล้อพวกเราเล่นแล้ว?
เห็นพวกเราเป็นคนไม่มีประสบการณ์หรือไง?
อีกอย่างสัตว์ปีศาจตัวนี้เห็นได้ชัดว่าใช้อาวุธวิเศษของเขาฆ่า
ฟางผิงมองไปรอบๆ หัวเราะแห้งๆ ว่า “จริงๆ นะครับ…”
ระหว่างที่พูด เห็นทุกคนไม่เชื่อ ฟางผิงก็เอ่ยอย่างระมัดระวัง “เอ่อ…ถ้าผมบอกว่าผมออกไปเดินเล่น ไม่ทันระวังเจอสัตว์ปีศาจเกิดขัดแย้งกันภายใน ปีศาจตัวหนึ่งวางแผนกับปีศาจอีกหลายตัว จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ปะทุสงครามขึ้น หลังจากนั้นอีกผมก็ถือโอกาสเก็บของพวกนี้มา ทุกคนจะเชื่อหรือเปล่า?”
ทุกคนทำสีหน้าราวกับว่านายหยุดหลอกฉันได้แล้ว ไม่งั้นจะจัดการให้เจ็บหนักเลยทีเดียว
ฉันว่าแล้ว!
ฉันว่าแล้วถึงพูดความจริงไปพวกคุณก็ไม่เชื่อกัน
ขนาดฉันเองยังไม่กล้าเชื่อเลย
ฟางผิงจนใจ ทำได้แค่เอ่ยว่า “คืออย่างนี้ครับ ผมเห็นว่าสถานการณ์ของถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ไม่ค่อยจะดี เมืองเทียนเหมินก็เป็นศัตรูของผม ดังนั้นผมเลยใช้แผนปลุกระดมให้เจี่ยวของป่าราชันเจี่ยวก่อกบฏ ให้มันเป็นไส้ศึก ช่วยผมพาสัตว์ปีศาจไปโจมตีเมืองเทียนเหมิน สงครามครั้งนี้เมืองเทียนเหมินเจ็บตายนับไม่ถ้วน แม่ทัพขั้นเจ็ดยังตายไปอีกสองคน จากนั้น…ไม่มีจากนั้นแล้ว ยังไงเรื่องก็ประมาณนี้แหละครับ ปรมาจารย์ทุกคน ผมพูดขนาดนี้แล้ว พวกคุณน่าจะเชื่อสินะครับ?”
หลายคนยังอยู่ในท่าทีนิ่งอึ้ง หนานอวิ๋นเยวี่ยกลับเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “พูดให้ละเอียดหน่อย ตกลงเรื่องเป็นมายังไง?”
ฟางชำเลืองมองเธอแวบหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้เผด็จการไม่น้อย
อู๋ขุยซานขยิบตาให้เขา อย่าก่อเรื่อง คนเขาแข็งแกร่งจริงๆ
ฟางผิงเข้าใจทันที แม้จะไม่รู้จัก แต่ยังคงตอบกลับโดยดี “ก็ได้ ผมจะเล่าให้ฟังอย่างละเอียดละกัน อันที่จริงเรื่องเป็นแบบนี้…ผมและอธิการหวงออกไปหาประสบการณ์ด้วยกัน…”
“ฉันก็ไปด้วย!”
ฉินเฟิ่งชิงรีบแทรกตัวเองเข้าไปทันที
ฟางผิงถลึงตาใส่เขา เผยสีหน้าหมดคำพูด เอ่ยต่อว่า “จากนั้นไม่ทันระวังเลยเจอกับสัตว์ปีศาจขั้นเจ็ดตัวหนึ่ง อธิการหวงแสดงอิทธิฤทธิ์ฆ่าสัตว์ปีศาจตัวนั้น นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ เจี่ยวของป่าราชันเจี่ยวจะปรากฏตัวขึ้น ต่อสู้กับสัตว์ปีศาจขั้นแปดอีกตัว เวลานี้พวกเราเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ผมเลยหัวแล่นขึ้นมา จำได้ว่าเคยร่วมมือกับเจี่ยวมาครั้งหนึ่งแล้ว…”
“ร่วมมือ?”
หนานอวิ๋นเยวี่ยตัดบทเขา จ้องมองอย่างไม่ลดละ
ฟางผิงขำแห้ง “ไม่นับว่าร่วมมือเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เจี่ยวจะทะลวงด่าน ขาดแคลนพลังงาน ผมเลยล่อผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำส่วนหนึ่งเข้าไปในป่าราชันเจี่ยวให้มันดูดกลืน…”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าสองคนที่มาใหม่แทบจะมึนงงอยู่บ้าง ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วย?
นึกไม่ถึงว่าเธอจะยังสามารถมีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ ตกลงมีชีวิตรอดได้ยังไงกัน?
“จากนั้น ผมก็เลยให้อธิการหวงช่วยลงมือ ฆ่าสัตว์ปีศาจขั้นแปดตัวนั้น…”
——————
………………..