ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 447 จดนายเข้าบัญชีดำ (1)
ตอนที่ 447 จดนายเข้าบัญชีดำ (1)
………………..
พวกฟางผิงเอะอะเสียงดังกัน ปรมาจารย์ยอดฝีมือแทบไม่มีใครสนใจ
ตอนนี้ทุกคนยังจ้องมองไปทางเมืองเทียนเหมิน
เกิดความเงียบอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ หนานอวิ๋นเยวี่ยก็เอ่ยว่า “เจ้าเด็กสองคนนี้ หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้เข้าถ้ำใต้ดินแล้ว!”
อู๋ขุยซานเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ยังมีเรื่องแบบนี้ด้วย?”
หนานอวิ๋นเยวี่ยไม่พูดต่อแล้ว ผู้เฒ่าฟ่านที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกว่า “ผู้อำนวยการหนานแค่ล้อเล่น แต่ว่า…เสี่ยวอู๋ ระวังไว้หน่อยเถอะ”
เขาแก่แล้ว รับเรื่องตื่นเต้นไม่ไหวจริงๆ
สองสามวันขั้นเก้าหลายสิบคนระเบิดพลังครั้งหนึ่ง เขาอกแตกตายกันพอดี
เวลานี้อู๋ขุยซานจนใจอยู่บ้างเช่นกัน ยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้…ยากที่จะควบคุม”
ฉันจะไปควบคุมได้ยังไงล่ะ?
เจ้าเด็กคนนี้เข้าถ้ำใต้ดิน ผลประโยชน์อยู่ที่ไหนก็พุ่งไปทางนั้น ขั้นเก้ายังต้านไม่อยู่ด้วยซ้ำ ฉันจะกล้าไปลากคนกลับมาใกล้หูใกล้ตาของขั้นเก้าหรือไง?
ผู้เฒ่าฟ่านหัวเราะขึ้นมาเช่นกัน เว้นช่วงเล็กน้อย “อาวุธวิเศษของนาย…ช่วงนี้อย่าเพิ่งใช้เลย”
“อืม ฉันรู้แล้ว”
หนานอวิ๋นเยวี่ยและจางเว่ยอวี่มองไปทางอู๋ขุยซานพร้อมกัน หนานอวิ๋นเยวี่ยคล้ายจะนึกอะไรได้ เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “สามปีก่อน เมืองเทียนเหมินถูกคนลอบโจมตี เป็นฝีมือของอธิการอู๋อย่างนั้นเหรอ?”
“อืม”
“อธิการอู๋!”
หนานอวิ๋นเยวี่ยขมวดคิ้วขึ้นทันที “ครั้งหน้าอย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า…”
อู๋ขุยซานมองเธอทันที แค่นยิ้มว่า “สุ่มสี่สุ่มห้า? ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้อำนวยการหนานพูดเท่าไหร่ สุ่มสี่สุ่มห้ายังไง? ฉันเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปด ลอบโจมตีเมืองศัตรู ยังจะกลัวอะไรงั้นเหรอ? เดิมทีก็เป็นศัตรูที่แค้นฝังลึก ฉันไม่ใช่ขั้นเก้าขั้นสุดยอดสักหน่อย คุณบอกว่าขั้นเก้าขั้นสุดยอดลงมืออาจจะทำให้เกิดความโกลาหลได้ ฉันไม่ใช่สินะ? ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันบุกเข้าไปแล้วมันผิดตรงไหน? ผู้อำนวยการหนานอยู่อย่างสุขสบายมาหลายปี เกรงว่าจะทำให้คุณเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับถ้ำใต้ดินแล้ว ในสายตายอดฝีมือถ้ำ อย่าพูดว่าฉันขั้นแปดเลย กระทั่งคุณ…ตอนนี้บุกเข้าไป ยังไม่อาจสร้างผลกระทบอะไรเลยด้วยซ้ำ”
หนานอวิ๋นเยวี่ยขมวดคิ้ว ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “อธิการอู๋ คุณน่าจะรู้ความหมายของฉัน ฉันไม่ได้พูดว่าคุณไม่ควรไป แต่อย่างน้อยควรบอกกล่าวสักหน่อย นี่เป็นเรื่องที่สมควรหรือเปล่า? คุณผลีผลามบุกเข้าไปในเมืองเทียนเหมิน ทั้งครั้งนี้ก็เหมือนกัน นักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของคุณล่อให้ป่าร้อยอสูรและเมืองเทียนเหมินทำสงครามอย่างหุนหันพลันแล่น…”
อู๋ขุยซานยิ้มไม่พูดอะไร
จู่ๆ เถียนมู่ที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยอย่างทนไม่ไหว “หุบปากของเธอไปซะ! จะไปรู้อะไร ต่อสู้นั้นดีที่สุดแล้ว พูดบ้าอะไรไม่รู้อยู่นั่นแหละ!”
“…”
ทุกอย่างตกสู่ความเงียบสงัดทันที!
นอกวงล้อมนั้น ฟางผิงพยายามกลั้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ตบหัวล้านของฉินเฟิ่งชิงเบาๆ แม่งเหอะ เหล่ามู่เจ๋งจริงๆ!
ผู้อำนวยการหนึ่งในสามหน่วยเชียวนะ!
อันดับหนึ่งรองจากขั้นเก้าขั้นสุดยอด!
ผลปรากฏว่าเถียนมู่ที่อยู่ในขั้นแปดกลับอ้าปากด่าออกมาทันที จะเจ๋งเกินไปแล้ว
หนานอวิ๋นเยวี่ยตะลึงไปเช่นกัน ใบหน้าชะงักค้างอยู่อย่างนั้น
ฉันถูกด่างั้นเหรอ?
เถียนมู่ราวกับเพิ่งตระหนักอะไรได้ ไอแห้งๆ ออกไป “ผู้อำนวยการหนานอย่าได้เข้าใจผิด ไม่ได้ด่าคุณ ฉันแค่ติดเป็นนิสัย คุ้นชินเฉยๆ ไม่เชื่อก็ถามรัฐมนตรีจางได้ ฉันถามสารทุกข์สุกดิบถึงญาติเขาบ่อยๆ…”
จางเทา ยอดฝีมือระดับสุดยอดอันดับสองในการจัดอันดับของประเทศจีน อยู่ในขั้นเก้าขั้นสุดยอดอย่างเป็นทางการแล้ว!
ตอนนี้กลายเป็นเป้าหมายในการโยนบาปของเถียนมู่
หนานอวิ๋นเยวี่ยนิ่งไปอีกครั้ง ผู้เฒ่าฟ่านที่อยู่ด้านข้างปวดหัวแทบระเบิด ตำหนิว่า “แม่ทัพเถียน ระวังคำพูดด้วย!”
“ใช่ๆๆ ขอโทษด้วย ครั้งนี้หลุดปากไปจริงๆ ฉันนิสัยหยาบซะแล้ว พูดกับผู้หญิงไม่ทันได้คิดให้ดี”
จางเว่ยอวี่เห็นหนานอวิ๋นเยวี่ยมีแนวน้าวจะปะทุโทสะ จำเป็นต้องแทรกบทสนทนาไป “แม่ทัพเถียน ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ มีอะไรก็พูดตรงๆ เถอะ”
หัวกะทิที่จบจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะเป็นคนกักขฬะได้หรือไง?
นักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ได้มีดีแค่ฝีมืออยู่แล้ว
เถียนมู่สามารถเป็นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายรักษาการณ์ได้ คงไม่ใช้อาศัยนิสัยหยาบช้าเข้าช่วย
หน่วยทหารถึงกระทั่งตั้งใจให้เขากลายเป็นรองผู้บัญชาการ เจ้าหมอนี้แค่ไม่ทำเท่านั้น คนหยาบสามารถซ้อมคนได้ ผู้นำที่นั่งสั่งการอย่างเดียวกลับไม่ใช่แบบนั้น
ส่วนเรื่องที่เถียนมู่ไม่กลัวหนานอวิ๋นเยวี่ยก็ไม่ได้แปลกเช่นกัน
เขาเป็นคนของหน่วยทหาร หนานอวิ๋นเยวี่ยเป็นผู้อำนวยการหน่วยสืบสวน ไม่อาจแทรกแซงถึงเขาได้
แม้ฝีมือจะต่างกันมาก แต่หนานอวิ๋นเยวี่ยคงไม่อาจเอาคำพูดไม่กี่ประโยคนี้มาลงมือกับเขาได้
หนานอวิ๋นเยวี่ยกล้าลงมือกับเขา ผู้บัญชาการหลี่จากหน่วยทหารอาจจะบุกมาถึงหน้าประตูด้วยซ้ำ
เถียนมู่เป็นนักรบที่ห้าวหาญอันดับต้นๆ ของหน่วยทหาร
เป็นยอดฝีมือที่บุกฝ่าสังหารท่ามกลางทะเลเลือด ตั้งแต่ขั้นสามไปจนถึงขั้นแปด ชั่วชีวิตนี้ล้วนหมดไปกับการทำสงคราม เข่นฆ่ามาเกือบห้าสิบปี!
ห้าสิบปีที่ผ่านมา พี่น้อง ภรรยาและลูกๆ แทบจะรบตายในสงครามถ้ำใต้ดินทั้งหมด
กระทั่งจางเทาเขายังอ้าปากด่าออกไปง่ายๆ จางเทายังไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเขาด้วยซ้ำ หนึ่งคือไม่ได้ สองคือไม่กล้า
หลี่เจิ้นให้ความสำคัญกับเถียนมู่อย่างมาก ทั้งไม่อนุญาตให้คนลงมือกับเขาเช่นกัน
เถียนมู่เห็นจางเว่ยอวี่พูดแบบนั้น เวลานี้จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “งั้นฉันจะพูดตรงๆ ละกัน พวกผู้หญิงน่ะสิ แม้จะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ กลายเป็นยอดฝีมือ ก็ยังคงโลเลไม่เด็ดเดี่ยวพอ มาถึงขั้นนี้แล้ว สงครามใหญ่จะเปิดฉากได้ทุกเมื่อ เวลานี้นึกไม่ถึงว่าเธอจะมาบอกว่าก่อเรื่องใหญ่ไม่สมควร? ล้อกันเล่นหรือเปล่า! ถึงเวลานี้แล้ว ตายไปคนหนึ่งก็ลดน้อยไปคนหนึ่ง! ไม่มีฟางผิง ไม่มีอาวุธวิเศษของเหล่าอู๋ ครั้งนี้จะสู้กันขึ้นมาได้หรือไง? หากไม่ทะเลาะกัน แม้จะบอกว่าป่าร้อยอสูรและเมืองพวกนี้ไม่ไปมาหาสู่กัน ในความเป็นจริงเธอรู้หรือว่าปีศาจพวกนี้ไม่มองพวกเราเป็นศัตรูจริงๆ?”
“ตอนนี้บีบให้เจ้าเมืองเทียนเหมินควักอาวุธวิเศษมาใช้ นี่ถึงเป็นเรื่องดี แม้สุดท้ายทั้งสองฝ่ายจะไกล่เกลี่ยกันได้ เกรงว่าคงไม่แน่นแฟ้นเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว กลับจะเพิ่มความระแวงแก่กันมากกว่า อย่าพูดว่าสัตว์ปีศาจไม่โจมตีมาเลย ถึงจะโจมตีแล้วยังไง? สิ่งที่เรียกว่าเผ่าพันธุ์ผู้พิทักษ์ ก็เป็นพืชปีศาจสัตว์ปีศาจไม่ใช่หรือไง? พวกคุณปลอบใจตัวเองหรือคิดว่าถึงสงครามใหญ่จริงๆ ปีศาจพวกนี้จะนั่งดูอยู่เฉยๆ? ผู้อำนวยการหนาน คุณอยู่ในถ้ำใต้ดินที่สงบสุขเกินไปหรือเปล่า? อย่าแม่งบอกฉันนะว่าปีศาจของถ้ำใต้ดินปักกิ่งเห็นคุณเป็นพี่น้อง หยุดไร้สาระซะเถอะ”
เถียนมู่เอ็ดด่าพ่นคำหยาบไม่หยุด พูดจนหนานอวิ๋นเยวี่ยหน้าดำหน้าแดงขึ้นมา
เธอเป็นผู้อำนวยการที่เกือบจะทะลวงขั้นเก้าขั้นสุดยอดแล้ว ถูกคนด่ายังไม่รู้ว่าควรจะด่ากลับไปยังไงดี
ผู้เฒ่าฟ่านที่อยู่ด้านข้างจู่ๆ ก็เตะเขาไปที ตำหนิอีกครั้ง “พูดกันดีๆ!”
เถียนมู่อายุเจ็ดสิบปีเข้าไปแล้ว แต่ผู้เฒ่าฟ่านยังแก่กว่า อายุเป็นร้อยปีแล้ว
ถูกเตะเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร
กระแอมไอแล้ว เถียนมู่ก็หัวเราะว่า “อย่าถือสาเลย พวกคุณเลือกฟังแต่ที่สำคัญละกัน ความหมายของฉันคือไม่จำเป็นต้องสนใจว่าครั้งนี้ฟางผิงตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ นั่นไม่ใช่เรื่องแย่อะไร เป็นเรื่องดีซะอีก! พวกคุณไม่ชอบเจ้าสองคนนี้ แต่ฉันชอบ ถ้ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ควบคุมไม่ไหว มาหน่วยทหารสิ เป็นลูกมือให้ฉัน เป็นแม่ทัพก็ไม่มีปัญหา! ไม่อนุญาตให้ลงถ้ำใต้ดินอะไร เหลวไหลทั้งเพ! แค่กๆ เอาเถอะ ไม่ด่าแล้ว ทุกคนอย่าถลึงตาสิ”
เถียนมู่เห็นตัวเองพูดจบแล้ว ทุกคนยังถลึงตาใส่เขาก็หัวเราะออกมา “สรุปแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องดี เหล่าอู๋บอกว่าเกิดเรื่องเขาจะรับผิดชอบ นี่ไม่มีความจำเป็น มนุษยชาติของเรา ประเทศชาติของเรา ยังไม่ถึงขั้นต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อรักษาหน้าทุกฝ่ายสักหน่อย! หากจะมาจริงๆ ก็แค่ฆ่าเท่านั้น! กลัวที่จะสละชีวิต กลัวตาย นั่นก็ไม่ต้องทำสงคราม ให้ยอดฝีมือถ้ำบุกสู่พื้นโลกเลยดีกว่า พวกเราหนีตายไปในอวกาศด้วยกัน ดีจะตายไป!”
หนานอวิ๋นเยวี่ยขมวดคิ้วว่า “แม่ทัพเถียน ฉันเข้าใจความหมายของคุณ สิ่งที่ฉันจะสื่อคือตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นยอดฝีมือถ้ำและปีศาจพวกนี้จนเกินไป…”
หนานอวิ๋นเยวี่ยไม่ได้กลัวสงคราม ถึงจุดที่ห่างจากขั้นเก้าขั้นสุดยอดแค่ก้าวเดียว เธอก็ทำสงครามมาครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน
แต่ทางปักกิ่ง รวมถึงมนุษยชาติทั้งหมด อันที่จริงกระแสความคิดหลักคือประวิงเวลา
ยืดเวลาให้สงครามใหญ่ไปจนถึงช่วงสุดท้าย!
ช่วงชิงเวลาให้กับมนุษยชาติ!
เถียนมู่หัวเราะอย่างดูแคลน “เข้าใจอะไร แค่ดูก็รู้แล้วว่าเก่งแต่ลงมือไม่เก่งใช้สมอง”
“เถียนมู่!”
หนานอวิ๋นเยวี่ยโมโหขึ้นมา นายคิดว่าฉันไม่สามารถสับนายให้เป็นเนื้อบดได้จริงๆ หรือไง?
เถียนมู่หัวเราะแห้งๆ “ติดเป็นนิสัยซะแล้ว พูดต่อเถอะ ความหมายความของฉันคือไม่อาจจะแสดงความอ่อนแอไปตลอดได้ แบบนี้ไม่ไหว อันที่จริงสิ่งที่ฉันจะบอกคือช่วงเวลาที่จำเป็นต้องทำสงครามใหญ่ออกไปสักครั้ง!”
เถียนมู่ประกายแววตาเย็นเยียบขึ้นมา “เอาแต่แสดงความอ่อนแอ จะทำให้พวกเขาคิดว่ามนุษย์รังแกได้ ทำลายได้ เหยียดหยามได้! คนอ่อนแอไร้สิทธิ์ในการต่อรอง อันที่จริงคำพูดนี้ใช้การได้ พวกคุณเอาแต่คิดประวิงเวลา นั่นไม่มีประโยชน์ ต้องทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดสักหน่อย ให้อีกฝ่ายรู้ถึงความแข็งแกร่งของพวกเรา รู้ว่าพวกเราไม่กลัวที่จะตกตายไปตามกัน แบบนี้ถึงจะรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ได้! ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย พวกเขาก็ไม่กล้าเปิดสงครามอย่างเต็มรูปแบบหรอก!”
“ดังนั้นฉันจึงเสนอกับหน่วยทหารไปแล้ว…แน่นอนว่านั่นคือก่อนหน้านี้ ฉันเสนอว่าหลังจากถ้ำใต้ดินเทียนหนานอุบัติขึ้น พวกเราจะรวบรวมยอดฝีมือจำนวนมาก รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ในหน่วยทหารของพวกเราจะบุกสังหารไปด้วยกัน ฆ่าพวกเขาจนกลายเป็นทะเลเลือด! ตอนนี้ฉันจะแนะนำว่าไม่ต้องรอถ้ำใต้ดินเทียนเหมินอีกแล้ว ใช้ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้เนี่ยแหละ! ฉวยโอกาสตอนที่เผ่าปีศาจและพวกเขาแตกระแหงกัน ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่ลงรอยกัน ทำการใหญ่สักครั้ง! ทำลายเมืองเทียนเหมินและเมืองตงขุยให้สิ้นซาก! สิบสามเมืองถ้ำใต้ดิน เผ่าเยาจื๋อมีหกเมือง ทำลายสองเมืองนี้ยังมีอีกสี่เมือง เมื่อจะทำก็ต้องทำให้ถึงที่สุด ทำลายพวกเขาทั้งหมด! ส่วนลึกของเขาต้านสมุทรยังมีผู้อาวุโสหลายคนนั่งรักษาการณ์อยู่ ครั้งนี้ให้พวกผู้อาวุโสสกัดอีกฝ่ายไว้ แสดงท่าทีต่อสู้เดิมพันด้วยชีวิต ทำให้อีกฝ่ายตกใจกลัว! ทำให้ตกใจไม่ได้ งั้นก็ทำสงครามกันสักครั้ง แม้ว่าจะสูญเสียไปหนึ่งคนสองคนก็ต้องทำให้พวกเขาเกรงกลัวให้ได้! ผู้ฝึกยุทธ์อย่างพวกเรายินดียืนตายอย่างองอาจดีกว่าต้องยอมคุกเข่าร้องขอชีวิต! แค่ต้องดูว่าคนรุ่นใหม่พวกนี้จะกล้าทุ่มสุดชีวิตทำสักครั้งหรือเปล่า!”
———————–
………………..