ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 448 การเดินทางหนึ่งวันของถ้ำใต้ดินสิ้นสุดแล้ว (1)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 448 การเดินทางหนึ่งวันของถ้ำใต้ดินสิ้นสุดแล้ว (1)
ตอนที่ 448 การเดินทางหนึ่งวันของถ้ำใต้ดินสิ้นสุดแล้ว (1)
………………..
อู๋ขุยซานคิดว่าตัวเองอวดดีแล้ว
ฟางผิงกลับยังอวดดีกว่าเขาซะอีก
ถูกอู๋ขุยซานถีบออกไป ฟางผิงเลยถือโอกาสนั้นคว้าหัวล้านของฉินเฟิ่งชิงเอาไว้
ฉินเฟิ่งชิงเผยแววตาแฝงไอสังหาร เจ้าหมอนี้ไม่ใช่คนที่ต่อกรง่าย ตอนนี้ได้หินพลังงานมาอยู่ในมือแล้ว ฟางผิงยังกล้ารังแกเขา เขาจะต่อต้านให้ดู
แค่พอเห็นว่าฟางผิงยัดผลไป๋ชุ่ยลูกหนึ่งใส่กระสอบของเขา ฉินเฟิ่งชิงก็ยื่นหัวออกไปด้วยรอยยิ้มทันที “ไม่เป็นไร ลูบไปเถอะ ใช่สิ หรือจะเก็บค่าจับตามเวลาดี? หนึ่งนาทีแลกกับหนึ่งลูก?”
“แม่งเหอะ!”
ทุกคนที่อยู่ด้านข้างแทบจะลอบด่าไม่หยุด!
คำว่าศักดิ์ศรีรู้จักหรือเปล่า?
สู้เขาสิ!
แค่ผลไป๋ชุ่ย ของให้ทานแบบนี้ก็ยังเอา ขายหน้าหรือเปล่าล่ะ!
‘ทิ้งไปซะ’
หลายคนตะโกนในใจอย่างบ้าคลั่ง ทิ้งไปแล้ว พวกเขาเก็บขึ้นมาก็ไม่ขายหน้าแล้ว
เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิ่งชิงไม่ใช่คนแบบนั้น ล้อกันเล่นแล้ว หนึ่งผลตั้งหนึ่งพันกว่าคะแนน ประเด็นอยู่ที่หาซื้อไม่ได้ คนโง่เท่านั้นที่จะทิ้ง
โดนลูบหัวล้านหน่อยจะเป็นไรไป ไม่ได้เสียหายตรงไหนสักหน่อย
แต่เจ้าหมอนี้คิดแบบนี้ในใจ รอฟางผิงลูบไปไม่กี่วินาที เขากลับทนไม่ได้แล้ว สะบัดหัวหนีจากมือฟางผิง
ฟางผิงหัวเราะ ไม่ทรมานหมอนี้ต่อเช่นกัน หันไปมองปรมาจารย์ที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง
คนพวกนี้เผยสีหน้าทั้งโมโหและแย้มยิ้ม ผ่อนคลายขนาดนั้นจริงๆ หรือไง?
ขั้นเก้านับสิบปลดปล่อยแรงกดดัน หากปะทุสงครามใหญ่ขึ้น เกี่ยวพันไปถึงเมืองความหวัง คนพวกนี้จะล่าถอยไปหรือเปล่า?
เถียนมู่ด่าหนานอวิ๋นเยวี่ย หนานอวิ๋นเยวี่ยเป็นพวกกลัวสงครามจริงๆ งั้นเหรอ?
หากกลัว เธอคงไม่มาหรอก
เธอถูกขนานนามว่าเป็นคนที่อยู่รองจากขั้นเก้าขั้นสุดยอด นั่นแล้วยังไง?
เธอสามารถต่อกรกับขั้นเก้าได้กี่คน?
สามคน?
หรือว่าห้าคน?
ข้างหลังนั้นคือปากทางเดิน ทางเดินที่เชื่อมต่อกับโลกมนุษย์ เซี่ยงไฮ้ที่มีประชากรหลายสิบล้าน
หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน คนอื่นๆ อพยพออกไปได้ แต่พวกเขาไปได้งั้นเหรอ?
กำหนดพื้นที่สงครามไว้ในถ้ำใต้ดิน!
นี่เป็นความคิดที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมานับร้อยปีของมนุษย์
ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้เทียบกับถ้ำใต้ดินเทียนหนานไม่ได้ ถ้ำใต้ดินเทียนหนานปิดผนึกได้ ทางเดินถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้มั่นคงมาหลายปีแล้ว แม้ว่าจะสามารถปั่นป่วนพลังงาน สร้างความวุ่นวาย อย่างมากก็ต้องใช้เวลาสามถึงห้าวันถึงจะสงบลงได้
สถานการณ์แบบนี้ ยอดฝีมือปรมาจารย์แทบจะพกความคิดที่พร้อมตายทุกเมื่อมาแล้ว
—
เห็นพวกเด็กหนุ่มสาวเอะอะโวยวายกัน อู๋ขุยซานเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าหนูนี่ ทางที่ดีรักษาตำแหน่งไว้ให้ได้ตลอดละกัน วันไหนถูกคนล้ำหน้าเข้า ฉินเฟิ่งชิงไม่ได้ต่อกรง่ายๆ อีกไม่นานคงจะซ้อมเขาตาย”
เถียนมู่เอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ซ้อมตายก็สมควรแล้ว แต่ว่า…อันตรายอยู่บ้าง”
ฟางผิงก้าวหน้าเร็วเกินไปแล้ว ฉินเฟิ่งชิงคิดจะล้ำหน้าเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น
ระหว่างที่พูด จู่ๆ เถียนมู่ก็เอ่ยอย่างอึมครึมว่า “คนพวกนี้ถึงจะเป็นเสาหลักของมนุษยชาติ!”
“กล้ารบไม่หวั่นกลัวสงคราม!”
“น่าเสียดาย…พวกเราไม่สามารถประวิงเวลาให้พวกเขาได้นานกว่านี้”
คนพวกนี้รั้งตัวอยู่ไม่มีประโยชน์จริงๆ หากสงครามใหญ่ปะทุขึ้นมา พวกเขาจะกลายเป็นเนื้อบดได้ในชั่วพริบตา
สวี่โม่ฟู่ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “แม่ทัพใหญ่ สงครามใหญ่ยังไม่เกิด หน่วยทหารไม่อาจถอนกำลัง!”
เถียนมู่ย้ายสายตาไปยังกองกำลังทหารที่เต็มไปด้วยไอสังหารภายในเมืองพวกนั้น จู่ๆ ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เสียทีที่เป็นกำลังทหารพี่น้องประเทศจีนของพวกเรา ดีมาก! งั้นรั้งตัวจนถึงช่วงสุดท้าย แต่ว่า…ต่ำกว่าระดับกลางให้ถอนตัวออกไปก่อน ไม่มีความจำเป็นต้องรั้งอยู่ที่นี่”
“แม่ทัพใหญ่!”
“ฟังคำสั่ง!”
เถียนมู่เอ่ยเสียงดัง สวี่โม่ฟู่ยืดอกขึ้นทันที
“ภายในเมืองเหลือแค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางขึ้นไป คนอื่นๆ ทยอยออกไปได้!”
“ทราบ!”
สวี่โม่ฟู่ไม่พูดมากอีก คำสั่งทางทหารสำคัญดุจขุนเขา ตอนนี้เถียนมู่ก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่งที่มียศทหารสูงที่สุดในหน่วยทหารเช่นกัน ในเมื่อเขาออกคำสั่งแล้ว นั่นก็ต้องปฏิบัติตาม
—
สวี่โม่ฟู่ไปจัดการเรื่องแล้ว ภายในเมืองก็มีเสียงของยอดฝีมือในหน่วยทหารดังขึ้นเช่นกัน
“คนที่ไม่ใช่สมาชิกในหน่วยทหารไปรวมตัวที่ลานความหวัง ทยอยออกไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย!”
“ทุกคนปฏิบัติตามคำสั่ง!”
“รีบไปรวมตัวกันเร็วเข้า!”
“…”
บนกำแพง ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่ใช่หน่วยทหารบางส่วนมีท่าทีไม่ยินยอมและเศร้าซึมอยู่บ้าง
ฟางผิงกลับเดินไปข้างร่างของสัตว์ปีศาจก่อนจะแบกขึ้นมา หมุนตัวกระโดดลงไปทางในเมือง
มีคนเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ฟางผิง นายจะไปง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ?”
ฟางผิงเดินไปก็เอ่ยไปพลาง “ไม่มีทางเลือก ฝีมืออ่อนเกินไป รั้งตัวอยู่ไม่มีประโยชน์”
พูดจบ ฟางผิงก็หันไปมองปรมาจารย์ที่ยืนอย่างผึ่งผายบนกำแพงเมือง หัวเราะว่า “ไม่ต่อสู้กันจะดีที่สุด ต่อสู้กันขึ้นมา ฉันว่า…ปรมาจารย์สิบแปดคน ตายไปหนึ่งคน รอฉันฝึกวิชาสำเร็จแล้ว จะสังหารขั้นราชาคนหนึ่งฝังไปพร้อมกับทุกคน งั้น…ศิษย์ขอตัวก่อนแล้วกัน ปรมาจารย์ทุกท่านระวังตัวด้วย หากตายจริงๆ ผมแค่ขี้โม้ไปเท่านั้น อย่าคิดเป็นจริงเป็นจังนะครับ”
“ไสหัวไป!”
เถียนมู่เอ็ดออกไป เอ่ยทีเล่นทีจริง “แช่งพวกเรา?”
“ไม่ใช่นะครับ ผมแค่กลัวพวกคุณจะตายจริงๆ ผมต้องถูกด่าน่ะสิ?”
ฟางผิงหัวเราะว่า “อย่าตายเด็ดขาดนะครับ ไม่งั้นผมคงใช้ชีวิตต่อไปได้ยากแล้ว กลับไปต้องมีปัญหาแน่ ผู้อาวุโสทุกคนระวังตัวด้วย ช่วงเวลาที่ควรทำตัวอ่อนแอก็แสร้งอ่อนแอเสียหน่อย ไม่ไหวจริงๆ ก็โยนอธิการออกไปเป็นแพะรับบาป ไว้ผมจะกลับมาล้างแค้นให้อธิการอีกที”
อู๋ขุยซานใบหน้าดำคล้ำ ถลึงตามองเขาอย่างดุดัน
ฟางผิงหัวเราะแห้งๆ “อธิการอย่าโกรธสิครับ ผมแค่ล้อเล่น แต่คุณวางใจเถอะ เจ้าเมืองเทียนเหมินไอ้แก่นั่น ผมจะช่วยคุณสังหารเขาแน่ ไม่ช้าก็เร็วนี่แหละ อีกอย่างถ้าคุณไม่กลับไป สักสองสามวันผมก็เตรียมจะเป็นอธิการแทนแล้ว…”
“รีบไสหัวออกไป!”
อู๋ขุยซานด่าออกมา เจ้าเด็กนี้พูดแทงใจจริงๆ
ฟางผิงเบะปากหัวเราะ แบกสัตว์ปีศาจเข้าไปในเมือง ไม่หันหน้ากลับมาอีก
คนอื่นๆ ตอนนี้ไม่ส่งเสียงแล้วเช่นกัน เริ่มตามเขาเข้าไปในเมือง
—
เดินไปข้างหน้าจนถึงลานกว้างตรงทางเดิน
ฟางผิงหันไปมองแวบหนึ่ง ตอนนี้บนกำแพงเมืองมีร่างกว่าสิบคนยืนนิ่งองอาจราวกับภูผา
“พวกเรานับว่าเป็นเสาหลักมนุษย์ชาติอะไรกัน?”
ฟางผิงยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง พึมพำว่า “พวกคุณต่างหาก!”
คนพวกนี้เป็นเสาหลักของมนุษย์อย่างแท้จริง
ชั่วชีวิตของปรมาจารย์วพวกนั้นทำสงครามตั้งแต่เหนือยันใต้ ได้รับบาดเจ็บนับไม่ถ้วน เสียเลือดเสียเนื้อไปตั้งเท่าไหร่?
เทียบกับพวกปรมาจารย์แล้ว คนอย่างพวกเขาสังหารแค่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางและระดับล่าง ไม่ควรค่าให้หยิบยกมาพูดด้วยซ้ำ
“วันนี้ไม่มีความสามารถพอที่จะช่วย ไม่ได้หมายความว่าพรุ่งนี้ยังจะเป็นเหมือนเดิม!”
ฟางผิงพึมพำอยู่ในใจ จู่ๆ ก็กระตือรือร้นขึ้นมา หัวเราะว่า “ไปเถอะๆ การเดินทางหนึ่งวันของถ้ำใต้ดินสิ้นสุดแล้ว!”
ครู่ต่อมาฟางผิงก็ก้าวสู่ห้องโลหะผสม เข้าไปในกระแสน้ำวน
—
ข้างนอกทางเดิน
ทุกคนเดินออกมาอย่างเงียบๆ ผู้เฝ้าประตูรู้เหมือนกันว่าในถ้ำใต้ดินเกิดเรื่องขึ้น มองทุกคนถอนตัวออกไปอย่างเงียบเชียบ
แต่ครู่ต่อมา จู่ๆ ผู้เฝ้าประตูก็เผยสีหน้าตื่นตระหนก คำรามเสียงดัง “ฆ่า!”
“อย่าครับๆ!”
น้ำเสียงของฟางผิงดังขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้เฝ้าประตูหยุดการเคลื่อนไหวอย่างสุดชีวิต
ด้านหลังประตูนั้น ฟางผิงพยายามยัดร่างสัตว์ปีศาจออกมาข้างนอก ถอนหายใจว่า “ประตูแคบเกินไป ครั้งหน้าขยายหน่อยสิครับ นี่แค่สัตว์ปีศาจขั้นเจ็ด ถ้าครั้งหน้าผมเอาขั้นเก้ากลับมา ไม่ใช่จะติดอยู่ในประตูหรือไง?”
————————-
………………..