ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 449 ปรมาจารย์เพิ่มขึ้นมาอีกคน (1)
ตอนที่ 449 ปรมาจารย์เพิ่มขึ้นมาอีกคน (1)
………………..
เขตทางใต้ ห้องประชุมเล็ก
ได้ฟังคำอธิบายของฟางผิง ตาเฒ่าหลี่ก็พึมพำว่า “ยังเกี่ยวข้องกับเธอจริงๆ ด้วย!”
ฟางผิงยิ้มขมขื่น “ผมก็ไม่คิดเหมือนกัน”
หลัวอี้ชวนที่ตามมาเมื่อกี้ถอนหายใจว่า “ประสบการณ์ชั่วชีวิตของพวกเรายังไม่หลากหลายเท่าเธอในวันเดียวเลย”
ครั้งนี้เจ้าหมอนี้ทำอะไรลงไปอีกแล้ว?
ฆ่าสัตว์ปีศาจขั้นเจ็ดขั้นแปด กระตุ้นให้พื้นที่หวงห้ามและเมืองถ้ำใต้ดินเป็นปฏิปักษ์กัน สร้างความวุ่นวายได้ขนาดนี้
ระหว่างที่พูด หลัวอี้ชวนเอ่ยต่อว่า “กลัวก็แต่ว่าหากเกี่ยวพันมาถึงเมืองความหวังจริงๆ นั่นก็เป็นปัญหาแล้ว พวกอธิการยังอยู่ในถ้ำใต้ดินกันหมด”
ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัวว่า “นี่ก็ช่วยไม่ได้ ทำได้แค่พนันไม่ให้เรื่องถูกลากมาโยงเกี่ยวกับพวกเรา”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “พวกเหล่าอู๋ไม่พูดถึง หากเปิดฉากสงครามใหญ่จริงๆ พวกเราก็ควรต้องเตรียมพร้อมด้วยหรือเปล่า? ทางมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ นักศึกษาบางส่วนก็ต้องออกจากเซี่ยงไฮ้เหมือนกัน”
“คณบดีหลี่ นี่…”
หลัวอี้ชวนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ฟางผิงกลับขมวดคิ้วว่า “อาจารย์ เมืองเซี่ยงไฮ้ของพวกเราไม่มีขั้นเก้าขั้นสุดยอดนั่งรักษาการณ์จริงๆ เหรอครับ?”
“มีความเป็นไปได้น้อยมาก”
ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจ “หากมีจริงๆ ตอนนี้พวกเหล่าอู๋คงจะกลับมาแล้ว เหลือแค่ขั้นเก้าไม่กี่คนเอาไว้ ถึงเวลานั้นต้องสู้ไปด้วยถอยไปด้วย เตรียมพร้อมที่จะอพยพ หากถูกบุกออกมาจริงๆ มีขั้นเก้าขั้นสุดยอดอยู่ สกัดไว้คงไม่มีปัญหา สังหารพวกที่บุกออกมาจนล่าถอยไป แต่ตอนนี้กระทั่งพวกเหล่าหวงยังถูกรั้งตัวอยู่ในนั้น นั่นหมายความว่าไม่อาจให้อีกฝ่ายทะลวงออกมาได้ เซี่ยงไฮ้น่าจะไม่มีขั้นเก้าขั้นสุดยอด ไม่ก็อาจจะมีภารกิจอื่น ตอนนี้ดึงกำลังคนออกมาไม่ได้จริงๆ”
ประเทศจีนในตอนนี้เปิดเผยขั้นเก้าขั้นสุดยอดออกมาแค่สี่คนเท่านั้น
ทุกคนต่างมีภารกิจของตัวเองอาจหาเวลามาไม่ได้เสมอไป
ฟางผิงเอ่ยอย่างอัดอั้นว่า “งั้นอย่าเกี่ยวพันมาถึงพวกเราจะดีที่สุด ผมว่าปรมาจารย์พวกนั้นต่างมีความคิดที่รบจนตัวตาย หากเกิดเรื่องจริงๆ ผมก็ยุ่งแล้ว”
“แม้พวกเขาจะเกิดเรื่องก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เหตุไม่คาดฝันมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ใครก็คาดไม่ถึงอยู่แล้ว”
ฟางผิงเอ่ยด้วยยิ้มเจื่อนๆ “ไม่ใช่เรื่องนี้ ผมหมายถึงผมรับปากพวกเขาไปว่าถ้ามีคนตายหนึ่งคน ผมจะฆ่าขั้นเก้าขั้นสุดยอดล้างแค้นให้พวกเขา นั่นคงจบเห่จริงๆ แล้ว ผมต้องฆ่าถึงสิบแปดคน อาจารย์ คุณคิดว่าผมจะทำได้หรือเปล่าล่ะ?”
“แค่กๆๆ!”
ตาเฒ่าหลี่ใจแทบจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เจ้าเด็กนี่เอาเรื่องจริงๆ กล้าโม้ถึงขนาดนี้
กำลังพูดคุยกัน จู่ๆ ทุกคนก็มองไปทางข้างนอก นั่นเป็นทิศทางของห้องแหล่งพลังงาน
“ทะลวงด่านแล้ว?”
ตาเฒ่าหลี่พึมพำ เอ่ยอย่างรวดเร็ว “ไป หลู่เฟิ่งโหรวเหมือนจะทะลวงด่านแล้ว!”
พวกเขาไม่ชักช้า รีบหยัดกายขึ้น วิ่งออกไปข้างนอก
—
ห้องแหล่งพลังงาน
ตอนนี้กลางอากาศของห้องแหล่งพลังงานมีนิมิตเกิดขึ้น!
มีหลายคนกำลังล้อมดูอยู่ข้างนอก
ตอนที่พวกฟางผิงมาถึงก็เจอกับขั้นตอนของการปรากฏนิมิตพอดี
สะพานฟ้าดินที่มีลักษณะเป็นวงแหวน ลอยกลางอากาศเบาๆ ก่อนวงแหวนจะถูกทำลายกลายเป็นสะพานที่ยืดยาว
สะพานขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มีความรู้สึกราวกับจะบดบังดวงอาทิตย์อยู่บ้าง
ไม่นานบนสะพานก็ปรากฏประตูสามบาน ประตูสามบานที่อยู่ระหว่างความจริงและเสมือนจริง จู่ๆ ก็ตั้งอยู่บนสะพาน
ฟางผิงมองแวบหนึ่ง พึมพำว่า “ด่านทางด่วนหรือไง?”
ตาเฒ่าหลี่ใบหน้าดำคล้ำ เธอกำลังนึกไปถึงไหนกัน?
นี่ยังไม่จบแค่นั้น ในเวลานี้เกิดเสียงร้องของนกเฟิ่งหวงดังขึ้น
“การปรากฏของพลังจิตใจ”
“การปรากฏของพลังจิตใจ?”
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด ตอนที่พลังจิตใจเพิ่งปรากฏจะแสดงสิ่งที่ตัวเองปรารถนาขึ้นมา แน่นอนว่าไม่ใช่จะเป็นอะไรก็ได้ นับว่าเป็นการยึดติดอย่างหนึ่ง ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์จะปรากฏเป็นวัตถุต่างๆ แต่ในสถานการณ์ทั่วไปจะเป็นอาวุธเป็นหลัก ถ้าเป็นฉัน สิ่งที่ปรากฏขึ้นน่าจะเป็นกระบี่อมตะ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำกลับเป็นพืชปีศาจหรือสัตว์ปีศาจ อันที่จริงอาจจะเป็นของอย่างอื่นได้เหมือนกัน การปรากฏของพลังจิตใจยิ่งซับซ้อนเท่าไหร่ หมายความว่าจะยิ่งปรากฏยากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าอานุภาพก็ยิ่งแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน อย่างเช่นบางคนปรากฏเป็นภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง เธอสามารถมองเป็นภูเขาที่แท้จริงได้ ซัดภูเขาลูกหนึ่งออกมา แทบไม่ต้องคิดก็น่าจะรู้ว่าอานุภาพแข็งแกร่งขนาดไหน แน่นอนว่าปรากฏเป็นภาพลวงตาอย่างเดียวไม่มีประโยชน์ ไม่งั้นต่อให้ภูเขาลูกใหญ่ขนาดไหนก็ถูกฉันทำลายด้วยกระบี่เดียวอยู่ดี หลู่เฟิ่งโหรว…แปลกออกไปอยู่บ้าง เธอจะเอานกเฟิ่งหวงออกมาทำไม?”
ตาเฒ่าหลี่งุนงงอยู่บ้าง ทำสิ่งนี้ออกมามีประโยชน์หรือไง?
นกเฟิ่งหวงไม่ได้แข็งแกร่งกว่าอาวุธเสมอไป
นึกถึงตรงนี้ ตาเฒ่าหลี่ก็เอ่ยว่า “ฉันยังคิดว่าเธอจะปรากฏเป็นหมัดใหญ่ออกมาซะอีก ทำไมถึงเป็นของพรรค์นี้ได้?”
กำลังพูดเรื่องนี้ ตาเฒ่าหลี่กลับสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
นกเฟิ่งหวงยังไม่ใช่การปรากฏที่สมบูรณ์
ในเวลานี้ข้างหน้าของนกเฟิ่งหวงมีต้นไม้ที่มีชีวิตต้นหนึ่งเกิดขึ้น
“ต้นเทียนเหมิน?”
“ไม่สิ นี่มันการปรากฏพลังจิตใจของเจ้าเมืองเทียนเหมิน! แน่นอนว่าก็คือต้นเทียนเหมินด้วย ไม่ได้ต่างกันเลย”
ระหว่างที่ตาเฒ่าหลี่พูด ฉากต่อมาก็ทำให้เขาแปลกใจอีกครั้ง นกเฟิ่งหวงขนาดใหญ่ จู่ๆ บนร่างก็ประกายสีแดงขึ้นมาราวกับจุดเปลวเพลิง เผาไม้ต้นไม้ใหญ่นั้นในชั่วพริบตา
ครู่ต่อมาต้นไม้ก็หายวับไป
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างสั่นสะท้านอยู่บ้าง “แม่งเหอะ ไม่แปลกใจที่เธอหลอมรวมปราณและจิตใจไม่ได้สักที! ผู้หญิงคนนี้…ยึดติดเกินไปแล้ว”
ฟางผิงเอ่ยอย่างงุนงง “อาจารย์ หมายความว่ายังไง?”
“ก่อนหน้านี้เธอมีปราณเต็มเปี่ยม พลังจิตใจแข็งแกร่งมากเช่นกัน แต่เธอยึดติดเกินไป ในสมองมีความคิดนี้ฝังรากลึก อันที่จริงการหลอมปราณและจิตใจก็คือการร่างเค้าโครง เธอทำออกมาซับซ้อนขนาดนี้ ต้องหลอมรวมไม่ได้อยู่แล้ว”
ตาเฒ่าหลี่ส่ายหน้าระรัว เผยสีหน้าจนใจ เอ่ยว่า “ผู้หญิงก็คือผู้หญิง ต้องทำซับซ้อนขนาดนี้เลยหรือไง ยังไม่สู้ปรากฏเป็นหมัดออกมา ทุบออกไปก็จบแล้ว ยังต้องทำนกบินมาเผาต้นไม้ ว่างมากหรือไง”
ฟางผิงหมดคำพูดเช่นกัน ไม่ใช่กับหลู่เฟิ่งโหรว แต่เป็นตาเฒ่าหลี่นี่แหละ
“อาจารย์…การเคลื่อนไหวของการทะลวงด่านนี้ เจ๋งเกินไปแล้ว! อาจารย์ผมเพิ่งจะขั้นเจ็ด…คุณ…คุณเป็นขั้นแปดปลอมๆ นี่คงไม่นับว่าใส่ร้ายสินะครับ”
“ฉัน…”
ตาเฒ่าหลี่สีหน้าแทบดูไม่ได้ กัดฟันถลึงตาใส่ฟางผิง แก้ต่างว่า “เธอจะเข้าใจอะไร! อาจารย์เธอเพิ่งจะทะลวงด่าน ไม่สามารถเก็บพลังงานได้ พลังจิตใจปรากฏ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ฉันไม่เหมือนกัน ฉันควบคุมพลังงานที่เป็นของตัวเองได้”
“งั้นเหรอครับ?”
ฟางผิงทำหน้าสงสัย ไม่เชื่ออยู่บ้าง
ตาเฒ่าหลี่โมโหปนเขินอาย เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “อีกอย่างเวลานั้นในถ้ำใต้ดิน พวกเรายังถูกคนไล่ฆ่า ฉันจะสามารถเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ได้หรือไง? ไม่ใช่ฉันทำไม่ได้ แค่ไม่อยากทำ!”
ระหว่างที่ตาเฒ่าหลี่พูดก็ขุ่นเคืองอยู่ในใจ รอพลังจิตใจฉันปรากฏแล้ว เธอรอดูเถอะ ฉันจะเคลื่อนไหวให้ยิ่งกว่าหลู่เฟิ่งโหรวไปเลย
ตาเฒ่าหลี่แทบจะระเบิดอยู่รอมร่อ ฟางผิงไม่ยั่วโมโหเขาต่อ
แต่ขั้นเจ็ดทะลวงด่านเคลื่อนไหวซะขนาดนี้ ฟางผิงแปลกใจอยู่บ้าง
ตอนนี้ยังไม่สิ้นสุดเลย
นกเฟิ่งหวงเผาต้นไม้นั้นแล้วก็เริ่มบินว่อนบนสะพาน ก่อนประตูหนึ่งในสามบานนั้นจะเปิดออกให้นกเฟิ่งหวงบินเข้าไป
ฟางผิงทำหน้าแปลกใจ ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “เข้าประตูซานเจียวไปบ่มเพาะพลัง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
“คุณก็ทำได้เหรอครับ?”
“ไสหัวไป!”
ตาเฒ่าหลี่ด่ากราดออกมา ฉันยังไม่ถึงหนึ่งพันเฮิรตซ์ จะไปบ่มเพาะการปรากฏของพลังจิตใจได้ยังไง
แม้จะด่าไปอย่างนั้น ตาเฒ่าหลี่ยังเอ่ยว่า “รู้ไหมว่าอาวุธวิเศษซ่อนอยู่ที่ไหน?”
“ในประตูซานเจียว?”
“ใช่”
ตาเฒ่าหลี่พยักหน้าว่า “ประตูซานเจียว เมื่อถึงขั้นเจ็ด อันที่จริงสามารถเปิดได้ ไม่เหมือนขั้นหกที่ต้องหาวิธีปิดผนึก ขั้นเจ็ดขึ้นไปก็สามารถเปิดได้ตามใจแล้ว ภายในประตูซานเจียงบ่มเพาะพลังและพลังงานมหาศาลไว้ บ่มเพาะพลังจิตใจหรือบ่มเพาะอาวุธวิเศษล้วนได้ทั้งนั้น พวกเราไม่มีวิชาที่ฝึกพลังจิตใจโดยเฉพาะ ในความเป็นจริงพลังจิตใจอาจจะไม่สามารถฝึกอย่างเดียวได้ ขั้นหกอาศัยปราณและจิตใจฝึกร่วมกัน ขั้นเจ็ดขึ้นไปก็สามารถใช้ประตูซานเจียวมาบ่มเพาะ แน่นอนว่าสะพานฟ้าดินสำคัญมากเหมือนกัน เมื่อกี้เธอเห็นแล้วใช่หรือเปล่า?”
“อะไรเหรอครับ?”
“โง่! ประตูซานเจียวตั้งอยู่บนสะพานฟ้าดิน ดังนั้นผู้ที่มีพลังแข็งแกร่ง สะพานฟ้าดินของตัวเองก็ต้องแข็งแกร่ง ไม่งั้นสะพานฟ้าดินจะไม่อาจรับน้ำหนักของประตูซานเจียวได้ แบบนั้นคงไม่อาจหลอมรวม…”
“ซับซ้อนขนาดนี้เลย?”
ฟางผิงยังคงมึนงง ครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “งั้นการปรากฏพลังจิตใจซับซ้อน คุณบอกว่าจะอานุภาพแข็งแกร่ง แข็งแกร่งแค่ไหนเหรอครับ?”
“ต้องดูสถานการณ์ อันที่จริงมีส่วนเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งอ่อนแอของพลังจิตใจตัวเอง แน่นอนว่ายิ่งซับซ้อน หมายความว่าพลังจิตใจยิ่งแข็งแกร่ง หลู่เฟิ่งโหรวน่าจะเยอะกว่าหนึ่งพันเฮิรตซ์ ไม่งั้นคงปรากฏออกมาไม่ได้”
“อ่อ”
———————
………………..