ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 451 ปล่อยให้ลอยไปกับสายลม (1)
นอกห้องแหล่งพลังงาน
ฟางผิงยังคงพูดคุยกับหลี่หานซงต่อ
ฟางผิงถามไม่กี่ประโยคแล้ว จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “ช่วงนี้ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”
“ได้รับบาดเจ็บมาก่อน ก่อนหน้านี้ถ้ำใต้ดินปักกิ่งเกิดความวุ่นวาย ฉันบังเอิญอยู่ที่นั่นพอดี…”
“เคยฟื้นฟูสสารไม่แตกดับหรือเปล่า?”
“อะไรนะ?”
หลี่หานซงไม่เข้าใจอยู่บ้าง
บางเรื่องเขาแทบไม่รู้ข้อมูลอะไรเลย
ยอดฝีมือสมัยโบราณฟื้นคืนชีพ นี่เป็นความลับ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้รู้ นั่นเพราะว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ใช้สถานการณ์ของฟางผิงคาดเดาเรื่องนี้
หวังจินหยางรู้เพราะฟางผิงเป็นคนบอก
คนอื่นๆ รวมถึงอู๋ชวน อันที่จริงแทบจะรู้อย่างครึ่งๆ กลางๆ
บางเรื่องรัฐบาลไม่อาจแพร่งพรายต่อข้างนอก โดยเฉพาะเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์อย่างแท้จริง
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หลังจากนายได้รับบาดเจ็บ ฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็วใช่หรือเปล่า?”
“อืม นี่เกี่ยวข้องกับ…สสารไม่แตกดับที่นายพูดถึง?”
หลี่หานซงใจเต้นระรัว มักรู้สึกเหมือนว่ากำลังฟังความลับที่อาจจะทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปทั้งชั่วชีวิต
ฟางผิงถอนหายใจเบาๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้นมา “อันที่จริง…ฉันเคยบอกนายก่อนหน้านี้แล้ว…แต่ฉันคิดว่าอดีตก็เป็นแค่อดีต พวกนายยังไม่ตื่นรู้ ฉันไม่ควรไปรบกวนพวกนาย เวลานั้น…ฉันทำผิดต่อพวกนายเอง ช่างเถอะ ไม่เอ่ยถึงแล้ว บางเรื่องปล่อยให้หายไปตามลมจะดีกว่า เวลาหมุนเวียนไปอย่างรวดเร็ว พวกนายเป็นเพื่อร่วมรบชาติก่อนของฉันไปแล้ว ชาตินี้ฉันไม่อาจจะทำให้พวกนายติดร่างแหได้อีก เจ้าหัวเหล็ก…เรื่องในเวลานั้นปล่อยให้มันผ่านไปซะเถอะ”
“ฟะ…ฟางผิง…”
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว แต่นายแค่หลอมกึ่งร่างทองเท่านั้น ปัญหาไม่ใหญ่มาก กะโหลกนายฟื้นตัวแล้ว น่าจะสามารถรองรับไหว” ฟางผิงเอ่ยต่อ “จริงสิ เทพสงคราม…ไม่สิ หวังจินหยางก็เคยมีประสบการณ์ทำนองนี้เหมือนกัน นายถามเขาดูได้ อีกอย่างไม่จำเป็นต้องถามเรื่องในเวลานั้นแล้ว หวังจินหยางก็ไม่กระจ่างชัดเหมือนกัน พวกนายไม่จำเป็นต้องซักไซ้ไล่เลียงอีกแล้ว”
“ฟางผิง…ตกลงเรื่องเป็นมายังไงกันแน่?” หลี่หานซงแทบจะระเบิดอยู่แล้ว นายพูดออกมาอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ ในใจฉันแทบไม่อาจสงบสุขได้แล้ว
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรจริงๆ เจ้าหัวเหล็กตั้งใจฝึกวิชาดีๆ เถอะ”
“ฟางผิง…”
ฟางผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “วางล่ะ มีเรื่องสำคัญติดต่อฉันได้ทุกเมื่อ แม้จะบุกน้ำลุยไฟ! พวกนายก็เคยหลั่งเลือดเพื่อฉันมาก่อน…ฉันไม่อาจลืมได้”
“ฟางผิง!”
“…”
ฟางผิงวางสายไปแล้ว ปลายสายนั้นหลี่หานซงกลัดกลุ้มแทบหัวจะระเบิด
ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
ฟางผิงกำลังพูดเรื่องอะไร?
หลี่หานซงรู้สึกราวกับว่าตัวเองได้รับรู้ถึงความลับระดับจักรวาล แต่ฟางผิงเปิดหัวข้อกลับตัดจบไปเฉยๆ นี่ทำให้เขาอยากรู้ขึ้นไปอีก
ครุ่นคิดแล้ว หลี่หานซงก็โทรศัพท์หาหวังจินหยางทันที
ฟางผิงไม่พูด เหมือนว่าหวังจินหยางจะรู้อะไรเหมือนกัน เขาต้องขุดความลับนี้ออกมาให้ได้!
—
ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่หลี่หานซงโทรหาหวังจินหยาง
เวลานี้แววตาของตาเฒ่าหลี่แปลกไปแล้ว มองฟางผิงอย่างลึกล้ำอยู่สักพัก ไอ้หนูเริ่มหลอกคนอีกแล้ว?
ฟางผิงทำหน้าเรียบนิ่ง “ผมไม่ได้พูดอะไรเลย ไม่เกี่ยวกับผม”
ฉันยังเกรงใจบอกเขาว่าถ้ามีปัญหาขอความช่วยเหลือจากตัวเองได้ด้วยซ้ำ คนปรารถนาดีที่ไม่หวังผลแบบนี้ ทั่วโลกมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
ตาเฒ่าหลี่แทบจะสำลักตาย นี่มันใช้กลยุทธ์แกล้งปล่อยเพื่อจับชัดๆ…ต่ำเกินไปแล้ว!
“เจ้าเด็กนี่พูดมาดีๆ ตกลงมันเรื่องจริงหรือไม่จริงกันแน่?”
ตาเฒ่าหลี่เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้ว บางเรื่องไม่อาจคิดลึกลงไปได้ จะทำให้บางคนอกแตกตายจริงๆ แล้ว
ผู้ฝึกยุทธ์กลายพันธุ์ ตกลงเป็นผู้ฝึกยุทธ์โบราณที่กลับมาเกิดใหม่จริงๆ?
ถ้าใช่ ก่อนหน้านี้ที่แวดวงผู้ฝึกยุทธ์มีข่าวลือเรื่องเทพเซียนในตำนานพวกนั้น อันที่จริงล้วนเป็นยอดฝีมือผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดงั้นเหรอ สิ่งที่เรียกว่าเทพเซียนก็คือยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ในทุกวันนี้
หากกลับมาเกิดใหม่จริงๆ อาจไม่ใช่แค่คนพวกนี้เสมอไป
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ งั้นเหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นภายในนั้นก็มากเกินไปแล้ว
รวมถึงพลังของผู้ฝึกยุทธ์โบราณบางส่วน ผู้ฝึกยุทธ์โบราณมีผู้นำเหมือนกัน มีศูนย์กลางอำนาจ จะเกิดขัดแย้งกับรัฐบาลในตอนนี้หรือเปล่า?
ฟางผิงเห็นตาเฒ่าหลี่เริ่มเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแล้วจึงเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนทันที “ผมจะไปรู้ได้ยังไง”
“เธอไม่รู้?”
ตาเฒ่าหลี่แทบจะโมโหจนกระอักเลือด เธอไม่รู้ว่าแล้วพูดมั่วซั่วออกมาทำไม!
เธอไม่รู้ แต่กล้าหลอกคนอื่นไปทั่วเนี่ยนะ?
เจ้าเด็กนี้เสียสติไปแล้วหรือไง?
ฟางผิงเห็นคนอื่นๆ ต่างมองทางเขาก็กดเสียงเบาลงทันที หัวเราะแห้งๆ ว่า “ผมแค่พูดออกไปอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ หยั่งเชิงก่อนเท่านั้น นี่หากวันไหนตื่นรู้ขึ้นมาจริงๆ…”
“พวกเขาจะฆ่าเธอน่ะสิ!” ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างหงุดหงิด
ฟางผิงหัวเราะว่า “คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้งครับ? อีกอย่าง…หากมีวันนั้นจริงๆ ผมก็ไม่กลัวคนพวกนี้เหมือนกัน แต่จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้เหมือนพวกเขาจะฟื้นฟูไวขึ้น ไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุจากอาการบาดเจ็บหรือว่าเป็นสาเหตุของระดับขั้น จริงสิ มหาวิทยาลัยของเราช่วงนี้มีผู้ฝึกยุทธ์กลายพันธุ์ปรากฏขึ้นบ้างหรือเปล่า?”
“ดูท่าผู้ฝึกยุทธ์กลายพันธุ์จะมีไม่เยอะจริงๆ ตอนนี้ที่ผมรู้มีแค่พวกเราไม่กี่คน จริงสิ มหาวิทยาลัยหนานจิงเหมือนจะมีอาจารย์อยู่หนึ่งคน…”
ฟางผิงครุ่นคิดแล้วก็ไม่แปลกใจ
ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แทบไม่รู้ว่าตกลงคนพวกนี้เป็นยอดฝีมือยุคสมัยไหน ใครจะรู้ว่าเวลานั้นมีคนตายกลับมาเกิดใหม่เท่าไหร่
ครุ่นคิดแล้ว จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยว่า “เจ้าหมอนี้ขั้นห้าสูงสุดแล้ว ไม่ใช่ว่าตามฉันทันแล้วหรือไง!”
ฟางผิงขมวดคิ้วทันที กัดฟันว่า “ดูท่าฉันจะฝึกวิชาอย่างสบายๆ ไม่ได้แล้ว ช่วงนี้ก็ไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากรอะไร มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็เหมือนกัน ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงฝึกวิชาเป็นหลัก ต้องรีบทำเวลาเข้าสู่ขั้นหกให้เร็วที่สุด พอดีที่ช่วงนี้สถานการณ์นิ่งลง ด้านหนึ่งคือต้องรอให้ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้สงบลงก่อน อีกด้านหนึ่งคือรอให้อาจารย์ถังทะลวงด่าน…ส่วนคุณ…”
ฟางผิงมองหลี่ฉางเซิง ก่อนจะถอนหายใจไม่พูดอะไร ทำสีหน้าราวกับผิดหวัง
ตาเฒ่าหลี่สีหน้าดูไม่ได้อย่างยิ่ง!
ฉันมันทำไม?
จากพลังจิตใจไม่ถึงห้าร้อยเฮิรตซ์จนถึงตอนนี้เกือบจะแปดร้อยเฮิรตซ์แล้ว การพัฒนานี้เร็วจนชั่วชีวิตของใครหลายคนยังไม่อาจทำสำเร็จได้ด้วยซ้ำ
เป็นอะไร ดูแคลนฉันอย่างนั้นเหรอ?
ระหว่างที่ตาเฒ่าหลี่หงุดหงิดปนโมโห ในห้องฝึกวิชาฉินเฟิ่งชิงก็เดินออกมา
ฉินเฟิ่งชิงเผยสีหน้าเหิมเกริมอย่างยิ่ง
ฟางผิงไม่รอให้เขาเอ่ยปากก็พูดอย่างรวดเร็ว “หลี่หานซงเข้าสู่ขั้นห้าสูงสุดแล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงเพิ่งจะอ้าปาก กลับไม่อาจหุบลงได้ง่ายๆ ผ่านไปสักพักก็หัวเราะแห้งๆ ว่า “อย่ามาล้อเล่น…”
“ไม่ได้ล้อเล่น”
ฟางผิงส่ายหน้า เฉินอวิ๋นซีที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าเช่นกัน “เมื่อกี้รุ่นพี่หลี่โทรศัพท์มาบอก”
ฉินเฟิ่งชิงลูบหัวล้านของตัวเอง ลูบอยู่อย่างนั้นไม่หยุด…ลูบจนหนังหัวแดงไปหมดแล้ว เวลานี้จึงเอ่ยว่า “เหยาเฉิงจวินล่ะ”
———————–