ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 454 ทีมแลกเปลี่ยน (1)
ตอนที่ 454 ทีมแลกเปลี่ยน (1)
………………..
ในเวลาเดียวกับที่ฟางผิงเข้าด่าน
บนทางด่วนรถบัสคันใหญ่กำลังมุ่งหน้าจากปักกิ่งสู่เซี่ยงไฮ้อย่างรวดเร็ว
บนรถมีคนอยู่สิบกว่าคน ชายหญิงหนุ่มแก่ต่างมีทั้งนั้น
ตอนนี้เด็กหนุ่มอ้วนท้วมที่นั่งแถวหน้าคนหนึ่งหันไปมองผู้หญิงที่อยู่ข้างหลัง หัวเราะว่า “ซู่ซู่ ถึงเซี่ยงไฮ้แล้ว พวกเราออกไปเที่ยวสักหน่อยดีหรือเปล่า หลายปีมานี้อัดอั้นจะตายอยู่แล้ว เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของจีนเชียวนะ…”
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหลังเปียผมยาว ดูอายุยังน้อย รูปร่างไม่สูงมาก แต่หน้าอกกลับไม่เล็กตามขนาดตัว
ถ้าฟางผิงอยู่ที่นี่ เกรงว่าคงจะเปรียบเทียบกับหลิงอีอีไปแล้ว
ดูขนาดตัวแทบไม่ต่างกัน ทำไมคนเขาถึงอวบอิ่มมากกว่าเธอล่ะ?
ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าซู่ซู่ กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะส่ายหน้าว่า “ไม่เที่ยวหรอก พวกเราจะไปแลกเปลี่ยนความรู้กันนะ”
นายอ้วนทำหน้าไม่ใส่ใจ “แลกเปลี่ยนความรู้ไม่เห็นจะสำคัญ แพ้ชนะไม่เป็นไรอยู่แล้ว…”
“เจี่ยงเชา!”
นายอ้วนยังไม่ทันพูดจบ เด็กหนุ่มท่าทีเย็นชาข้างหลังก็เอ่ยว่า “ใครบอกนายว่าแพ้ชนะไม่สำคัญ? ถ้านายมีความคิดแบบนี้ งั้นก็อย่าไปเลย ขายหน้าให้พวกเราซะเปล่าๆ!”
นายอ้วนที่ชื่อเจี่ยงเชาได้ยินชายหนุ่มพูดแบบนี้จึงเบ้ปากว่า “สู้ไม่ไหว นายจะให้ฉันทำยังไง? คนเขาเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ มีใครบ้างไม่เคยทำสงครามถ้ำใต้ดิน…”
ระหว่างที่พูด เจี่ยวเชาก็เอ่ยต่อ “มันก็ถูกที่พวกเราเคยต่อสู้ในถ้ำใต้ดินมาเหมือนกัน…มีขั้นแปดแอบช่วยอยู่ห่างๆ พวกเราอยู่ขั้นหกสู้ขั้นห้า ยังต้องหาคนช่วยประคองหลัง…ยังไงฉันก็รู้สึกว่าพวกเราเอาชนะพวกหน่วยกล้าตายนั่นไม่ได้หรอก หากขึ้นสังเวียนจริงๆ ถูกซ้อมตายขึ้นมาจะทำยังไง?”
ชายหนุ่มหน้าตาเย็นชาคนนั้นใบหน้ากระตุกเล็กน้อย กัดฟันว่า “ยังไม่ทันได้สู้ นายรู้ได้ไงว่าพวกเราจะแพ้? เพราะคนไร้ประโยชน์อย่างนายเยอะเกินไป พวกเราถึงได้ถูกคนดูแคลน!”
เจี่ยงเชาเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “หลี่เฟย นายอย่าโยนทุกเรื่องมาที่ฉันหมดสิ อีกอย่างไปหาคนแลกเปลี่ยนความรู้ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ฉันไม่ได้เสนอสักหน่อย ยังไงฉันก็ไม่ได้คิดจะทะเลาะกับคนของเซี่ยงไฮ้อยู่แล้ว เป็นลูกหลานคนมีอำนาจก็ดีอยู่แล้ว ยังจะฝืนไปเพื่ออะไร ถูกคนซ้อมขึ้นมาจะทำยังไง? ฉันได้ยินว่าเจ้าพวกมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้รับมือยากกันทั้งนั้น…ไม่สิ ปกติไม่เท่าไหร่ แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้นั้นรับมือยากจริงๆ ปรมาจารย์มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พวกนั้นครั้งก่อนบินไปทะเลาะถึงปักกิ่ง ขั้นแปดจะจัดการขั้นเก้าขั้นสุดยอด…รู้แบบนี้แล้วไปมหาวิทยาลัยปักกิ่งจะดีกว่า ยังจะมามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เพื่ออะไร คนเขาไม่สนใจหรอกว่าพ่อแม่บรรพบุรุษนายจะเป็นใคร”
“นาย!”
ทั้งสองคนเพิ่งคิดจะทะเลาะกัน ผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นก็เอ่ยไม่พอใจว่า “พอได้แล้ว เอาแต่เสียงดังอยู่นั่นแหละ น่ารำคาญ! อีกอย่างนายอ้วนเจี่ยง ถ้านายยังพูดว่าสู้ไม่ได้หรือยอมแพ้อีก! ฉันจะโกรธจริงๆ แล้ว! ไม่ได้สู้ จะรู้ได้ยังไงว่าสู้ไม่ได้? ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจไม่ได้แข็งแกร่งมากมายเหมือนกัน พวกเราต่างมีวิชาลับ เป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสุดยอดที่บรรพบุรุษสรรค์สร้างขึ้นมา อีกอย่าง อาวุธและเกราะของพวกเราก็ดีที่สุดแล้ว ต้องสู้ก่อนถึงจะรู้ ถูกหรือเปล่า?”
เจี่ยงเชาเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “แล้วแต่พวกนายเถอะ อีกอย่างการแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มสาวครั้งนี้…ทำไมพวกเราต้องเข้าร่วมด้วย! แม่งเหอะ น่าหงุดหงิดชะมัด!”
เจี่ยงเชาโอดครวญออกมา ก่อนจะบ่นว่า “ฉันไม่อยากเข้าร่วมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ฉันแค่อยากจะกินๆ นอนๆ แล้วตายไปเท่านั้น”
“เจ้าคนไร้อนาคต!”
หลี่เฟยแค่นเสียง เอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “นายสู้ขั้นแปดไม่ได้ คิดจะกินๆ นอนๆ ยังเป็นเรื่องยาก! หากมาถึงวันนั้นจริงๆ แม้นายจะหนีรอด ขั้นหกอย่างนายหาที่อยู่อาศัยไม่ได้ ชั่วชีวิตนี้คงได้นอนอยู่ในแคปซูลอวกาศ! ทะลวงขั้นแปดแล้ว ถึงนายจะหนี อย่างน้อยคงหนีออกจากแคปซูลอวกาศเท่านั้น…”
เจี่ยงเชาหาวหวอด “หนีไม่หนีไว้ค่อยว่ากัน ฉันอยากจะเสวยสุขซะก่อน ไม่หนีก็ไม่เป็นไร ต่อสู้กันขึ้นมา ฉันทำให้ตัวเองอิ่มตาย ตายไปแล้วก็ฟินดีเหมือนกัน”
คนในรถแทบจะหน้าดำเป็นก้นหม้อ เจ้าหมอนี่…จะไม่มีความทะเยอทะยานเกินไปแล้ว!
หลี่เฟยไม่สนใจเขาอีกเช่นกัน กลับเป็นซูจื่อซู่เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “นายไม่เหมือนพี่เจี่ยงเลยสักนิด ทำพี่ชายขายหน้าแล้วจริงๆ”
เจี่ยงเชาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่าพูดถึงเขาได้หรือเปล่า ซู่ซู่ เธอไม่ต้องมาวางแผนกับเจ้าหมอนั่นด้วย เจ้าหมอนั่นเป็นโรคจิตชัดๆ ฆ่าคนเพื่อความสนุกโดยเฉพาะ ฉันได้ยินว่าครั้งนี้เขาหลอกผู้ฝึกยุทธ์หญิงขั้นเจ็ดมาฆ่าได้คนหนึ่ง โหดเหี้ยมจริงๆ”
“ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำถือเป็นผู้กล้าทั้งนั้น!” ซูจื่อซู่เอ่ยแย้งทันที โมโหขึ้นมาอยู่บ้าง
เจี่ยงเชาโวยวายเสียงดังว่า “จะฆ่าก็ฆ่า จะหลอกเพื่ออะไร เจ้าหมอนั่นโรคจิตชัดๆ ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกคนฟันตาย”
“ไม่เป็นอย่างนั้นหรอก!”
“ให้มันจริงเถอะ! คำพูดนี้นายพูดมากี่ปีแล้ว? กลัวตายก็บอกว่ากลัวตายสิ จะทำเป็นชายชาตรีอยู่นั่นแหละ ฉันเกลียดคนอย่างนายที่สุด”
เจี่ยงเชาเอ่ยอย่างดูแคลน ก่อนจะหัวเราะมองชายหนุ่มแถวหลังอีกคนที่ปิดปากเงียบมาโดยตลอด เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจิ้งหนานฉี ฉันได้ยินว่าคุณลุงญาติไกลๆ นั่นของนาย ปรมาจารย์เจิ้งคนนั้น ก่อนหน้านี้ถูกอธิการมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ซ้อมสินะ ครั้งนี้นายคงไม่ไปล้างแค้นหรอกมั้ง?”
ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดดำแถวหลังเก็บสายตากลับมาจากหน้าต่าง หันไปมองเจี่ยงเชาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “นายคิดว่าฉันจะล้างแค้นกับปรมาจารย์ขั้นแปดหรือไง?”
“ไม่ได้พูดถึงอธิการมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ฉันพูดถึงเจ้านั่น…คนที่ชื่อฟางผิง ได้ยินว่าเจ้าหมอนั่นเหิมเกริมอย่างมาก ลุงที่เป็นญาติห่างๆ ของนายถูกคนกัดไม่ปล่อยขนาดนั้น ครั้งนี้ไม่จัดการเขาสักหน่อยหรือไง?”
เจิ้งหนานฉีขมวดคิ้วว่า “เขาเพิ่งจะขั้นห้า อีกอย่างความสัมพันธ์ของครอบครัวฉันและปรมาจารย์เจิ้งหมิงหงก็ห่างไกลกันมากแล้ว ทำไมฉันต้องล้างแค้นด้วย?”
“คนเขาถูกขนานนามว่าเคยสังหารขั้นหกสูงสุด นายไม่คิดจะประลองกับเขาดูหน่อยเหรอ? พูดตามตรง กับอาจารย์พวกนี้ฉันยังเกรงกลัวอยู่บ้าง แต่นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้พวกนี้ เทียบกับฉันแล้วยังด้อยอยู่บ้าง ไม่คิดกลัวพวกเขาเลยจริงๆ”
เจี่ยงเชาหัวเราะว่า “เป็นเพราะนักศึกษาไม่มีขั้นหก ไม่งั้นท้าประลองกับนักศึกษา ฉันไม่กลัวหรอก! พวกเขาเพิ่งจะอายุกี่ปี แม้จะลงถ้ำใต้ดินแล้ว จะสักกี่ครั้งกัน? จะเก่งแค่ไหนเชียว? ต่อให้พวกเราเห็นคาวเลือดน้อยยังไง ก็ยังมีความสามารถอยู่ ประสบการณ์อาจไม่ด้อยกว่าพวกเขาเสมอไป นี่ถึงจะน่าสนใจ แต่ให้จัดการกับอาจารย์ที่สังหารคนมานับไม่ถ้วน เฮ้อ ยิ่งคิดก็ยิ่งท้อแท้ใจขึ้นเรื่อยๆ”
ระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกัน ชายวัยกลางคนที่เงียบมาโดยตลอดด้านข้างก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจี่ยงเชา อย่าดูแคลนนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จะดีกว่า คนอื่นไม่พูดถึง เอาแค่ฟางผิง สามารถอยู่ในอันดับหนึ่งของขั้นห้า ชื่อเสียงไม่ได้มาอย่างไร้เหตุผล ไปมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พยายามอย่าไปหาเรื่องเรื่องเขา เจ้าเด็กนั่นนิสัยไม่ดีเท่าไหร่…”
“นิสัยไม่ดีเท่าไหร่?”
เจี่ยงเชาเอ่ยอย่างยินดีขึ้นมาทันที “หรือเขายังกล้าซ้อมผม?”
รัฐมนตรีจางมองเขาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “ขอแค่ไม่ซ้อมเธอตาย…นั่นก็ไม่เป็นไร เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าซ้อมเธอปางตาย จะให้ผู้อาวุโสเจี่ยงมาปกป้องเธอคงจะไม่ใช่เรื่อง”
เจี่ยงเชาบ่นอุบอิบ “รัฐมนตรีหวัง คำพูดของคุณผมไม่อยากฟังเท่าไหร่ ผมไม่ได้คาดหวังบรรพบุรุษของตัวเองสักหน่อย ผมหมายความว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตอนกลางอย่างผม ยังจะกลัวขั้นห้าอย่างเขาได้งั้นเหรอ? คุณคิดไปทางไหนกัน”
รัฐมนตรีหวังฟังจบก็มองเขา คนอื่นๆ ต่างก็มองเขามาเช่นกัน ครุ่นคิดแล้วจึงเอ่ยว่า “ไปแลกเปลี่ยนความรู้ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ พวกเธอเป็นคนเสนอออกมา นั่นก็ต้องทำตามกฎ แลกเปลี่ยนความรู้แต่โดยดี อาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ล้วนเป็นต้นแบบที่ดี ขอแค่พวกเธอทำตามกฎ พวกเขาก็ไม่เกี่ยงงอนที่จะชี้แนะ อย่าลืมว่าอาจารย์พวกนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือแนวหน้าในการสู้รบ ทั้งมีประสบการณ์การสอนมาหลายปี ไม่ใช่สิ่งที่หน่วยทหารกักขฬะพวกนั้นจะเทียบได้ คนกักขฬะพวกนั้น ต่อสู้เข่นฆ่ายังพอว่า แต่ให้ชี้แนะคนอื่น นั่นก็ด้อยกว่าแล้ว หากพวกเธอคิดจะไปหาเรื่องหรือแฝงเจตนาอื่น นั่นก็ต้องระวังตัวหน่อย มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่มียอดฝีมือขั้นสุดยอด…แต่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อยู่ใต้สังกัดกระทรวงการศึกษา รัฐมนตรีจางไม่อาจปล่อยให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ถูกคนมารังแกถึงหน้าประตูอยู่แล้ว ทุกคนเข้าใจความหมายฉันหรือเปล่า?”
หลี่เฟยขมวดคิ้วว่า “รัฐมนตรีหวังกังวลมากไปแล้ว”
“นั่นย่อมดีที่สุด”
ระหว่างที่รัฐมนตรีหวังพูดก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อีกอย่างการแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มสาว ทุกคนต้องระวังหน่อย ครั้งนี้การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้จัดขึ้นเล่นๆ หรือเอาสนุกอย่างเดียว ให้พวกเธอลงสนาม เป็นความต้องการของพวกผู้อาวุโส พวกเธอก็ถือเป็นแนวหน้าของทุกคนเหมือนกัน พวกผู้อาวุโสคิดว่านักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้และผู้ฝึกยุทธ์หน่วยทหารไม่อาจเป็นตัวแทนความตั้งใจของพวกเขาได้ เชื่อมั่นพวกเธอที่มีเชื้อสายโดยตรงถึงให้พวกเธอลงสนาม แต่หากแพ้ในการแข่งขันจริงๆ…ทุกคน นั่นคงน่าอนาถอย่างหนัก”
เจี่ยงเชาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “มีอะไรให้น่าอนาถกัน แค่โควตาเขตหวงห้ามไม่ใช่หรือไง ผมไม่ไปหรอก เสียไปก็ช่างเถอะ”
รัฐมนตรีหวังมุมปากกระตุก พวกหลี่เฟยที่อยู่ด้านข้างมองเขาอย่างโมโหเช่นกัน
ไม่มีความมุ่งมั่นเอาซะเลย!
สมองพิการ!
ปัญญาอ่อน!
เพื่อช่วงชิงโควตาพวกนี้ บรรพบุรุษที่อยู่แนวหน้าพวกนั้นต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปเท่าไหร่?
หากเสียไปบางส่วน ฟันเจ้าหมอนี้ตายยังชดเชยกลับมาไม่ได้ด้วยซ้ำ
ซูจื่อซู่เผยสีหน้าไม่พอใจ เอ่ยอย่างโมโหว่า “นายอ้วนเจี่ยง แค่ความไร้ประโยชน์ของนายนี้ ชั่วชีวิตนี้ยังคิดว่าจะจีบฉันติดเลย!”
——————