ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 456 ฟางผิงเป็นคนดี (1)
ฟางผิงราวกับถูกแทงใจ เงียบไปพักหนึ่ง
แต่ไม่นานฟางผิงก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทำให้ทุกคนเห็นเรื่องตลกซะแล้ว”
“ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าสมาชิกทีมเข้าแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มสาวทั่วโลกจะมาแลกเปลี่ยน ฉันคิดว่าตัวเองก็เป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในหมู่คนรุ่นใหม่ นึกไม่ถึงว่าจะไม่ถูกจัดอยู่ในนั้น ชั่วเวลาสั้นๆ จึงอิจฉาทุกคนอยู่บ้าง ตอนนี้เพิ่งเข้าใจว่าฉันสายตาคับแคบ ประสบการณ์น้อย วันนี้นับว่าได้เข้าใจคำที่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ขอบคุณรุ่นพี่ทุกคนที่ทำให้ฉันได้รับบทเรียน นี่บางทีอาจจะเป็นก้าวที่สำคัญก้าวหนึ่งในเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ของฉัน ขอบคุณทุกคนจริงๆ”
ฟางผิงเผยสีหน้าจริงใจ ไม่ยิ้มปลอมๆ อีกแล้ว เอ่ยด้วยแววตาใสกระจ่าง “เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์เต็มไปด้วยสีสัน เป็นฉันที่เส้นผมบังภูเขาเอง ดูแคลนอัจฉริยะในใต้หล้า!”
เมื่อประโยคนี้ออกมา คนที่ก่อนหน้านี้ขมวดคิ้วอยู่บ้างก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้นมา
ซูจื่อซู่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นแบบนี้นี่เอง ฉันก็ว่าแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ที่ทะลวงขั้นห้าภายในสองปี ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ฟางผิง ไม่เป็นไร นายพูดแบบนี้ พวกเรากลับเข้าใจนายแล้ว”
เจี่ยงเชาหัวเราะเช่นกัน “คนเลวอย่างโจ่งแจ้งดีกว่าพวกเสแสร้งปลอมๆ ซะอีก นายกลับน่าสนใจไม่น้อย”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ฉันถูกโจมตีอย่างจังแล้วจริงๆ แต่แบบนี้ก็ดี หลังจากนี้เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์จะได้มีแรงกระตุ้นขึ้น”
ด้านข้างเจิ้งหนานฉีที่ดูเย็นชาก็เอ่ยปากขึ้นในเวลานี้ “นายดีกว่าข่าวลือที่ได้ยินมาไม่น้อย…”
“ข่าวลือ?”
ฟางผิงแค่นยิ้มว่า “ถ้ารุ่นพี่เจิ้งไม่ถือสา พูดได้หรือเปล่าว่าในข่าวลือฉันเป็นคนแบบไหน?”
เจิ้งหนานฉีเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง หน้าซื่อใจคด ชั่วช้าไร้ยางอาย…”
ฟางผิงเผยสีหน้าจนใจ เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนว่า “รุ่นพี่เจิ้ง ยังมีข่าวลือแบบนี้ด้วย? ฉันก็ไม่ได้ไปล่วงเกินใคร จำเป็นต้องใส่ความฉันขนาดนี้เลย?”
เจิ้งหนานฉีไม่พูดมาก คำพูดนี้หลานของเจิ้งหมิงหงเป็นคนบอกเขา
แน่นอนว่าคำนวณดูแล้ว เจ้าเด็กนั้นยังเป็นรุ่นหลานของเขาด้วยซ้ำ
แม้ก่อนหน้านี้จะน่ารำคาญอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็จริงใจพอ
ฟางผิงไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้เหมือนกัน แม้ในใจจะอยากชกเขาให้ตายสักหมัด แต่ยังคงเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้ม “งั้นก็ไม่ต้องดูของพวกนี้แล้ว พวกเราไปดูทิวทัศน์เขตทางใต้ดีกว่า วิวทะเลของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่เลวเลย ผ่อนคลายจิตใจสักหน่อย ทุกคนคิดว่าเป็นยังไง?”
“ได้”
ทุกคนต่างพยักหน้า สิ่งอำนวยความสะดวกฝึกวิชาพวกนี้ พวกเขาไม่มีความสนใจจริงๆ
ดูวิวทิวทัศน์ก็ไม่เลวเหมือนกัน
ฟางผิงเห็นแบบนั้นก็กดสายโทรออกไป เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เก็บกวาดพื้นที่เขตทางใต้สักหน่อย อย่าทำให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ขายหน้า”
—
เขตทางใต้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
หน้าประตูทางเข้า
จางอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ฉินเฟิ่งชิง เหมาะสมหรือไง?”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “อะไร?”
“ฟางผิง…ฟางผิงทำแบบนี้ ไม่เหมาะสมอยู่บ้างหรือเปล่า?”
ฉินเฟิ่งชิงแค่นหัวเราะว่า “ไม่เหมาะสมยังไง? ฉันถามนายหน่อย พวกเราไปปล้นพวกเขาหรือไง?”
จางอวี่ส่ายหัว
“ขโมยของพวกเขา?”
จางอวี่ส่ายหัวอีกครั้ง
“ก็แค่นั้น ไม่ได้ปล้นไม่ได้ขโมย จะเป็นไรไป?”
ฉินเฟิ่งชิงลูบหัวล้าน เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “นายคิดว่าพวกเขาจะใส่ใจเงินเล็กน้อยแค่นี้? แน่นอนว่าพวกเขามีเงินก็ถือเป็นความสามารถ แต่พวกเราก็ต้องใช้ความสามารถในการหาข้าวกิน ไม่ได้ปล้นอย่างโจ่งแจ้งสักหน่อย รัฐมนตรีหวังไม่ใช่บอกให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของพวกเราเพิ่มโอกาสให้การฝึกประสบการณ์ให้พวกเขาหน่อยหรือไง? ฉันถามนายหน่อย ความซับซ้อนของมนุษย์นับเป็นการฝึกประสบการณ์หรือเปล่า?”
จางอวี่นิ่งไปเล็กน้อย ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “นายพูดเก่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ไร้สาระ ฉันพูดเก่งมาโดยตลอดอยู่แล้ว!” ระหว่างที่ฉินเฟิ่งชิงพูด ก็เอ่ยอย่างท้อแท้ใจว่า “แค่ไม่ได้พูดเก่งเหมือนฟางผิง! เจ้าหมอนี้ใจดำจริงๆ เขาจะเล่นบทเป็นพระเอก ให้พวกเราแสดงบทผู้ร้ายให้ได้ ยังไม่รู้ว่าสุดท้ายจะมอบผลประโยชน์ให้พวกเราเท่าไหร่”
จางอวี่ยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันกลับหวังให้คนของทีมแลกเปลี่ยนฉลาดขึ้นมาหน่อย โง่เกินไปแล้ว…เกรงว่าสุดท้ายถูกขายแล้วยังต้องช่วยนับเงินอีก”
“นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเราแล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงทำหน้าไม่สนใจ
เวลานี้มือถือดังขึ้นแล้ว รับโทรศัพท์เสียงของฟางผิงก็กระจายมาตามสาย “เก็บกวาดเขตทางใต้สักหน่อย อย่าทำให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ขายหน้า!”
“เข้าใจแล้ว!”
ตัดสายโทรศัพท์แล้ว ฉินเฟิ่งชิงก็ฉีกยิ้มทันที “มีเงินกันจริงๆ กอบโกยได้ก้อนโตแล้ว!”
“พวกนาย…”
“อย่ามาไร้สาระ อีกเดี๋ยวอย่าลืมให้ความร่วมมือด้วย ไม่งั้นถูกฟางผิงหักหลัง อย่ามาโทษว่าฉันไม่เตือนนาย”
จางอวี่จนใจ หากรู้แบบนี้ฉันคงไม่ออกด่านหรอก
ช่างเถอะ…ยังไงก็เพื่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
พูดให้ระคายหูหน่อย ของดีตกอยู่ในมือคนพวกนี้ สิ้นเปลืองอยู่บ้างจริงๆ
ถ้ามาอยู่ในมือมหาวิทยาลัย บางทีอาจจะมีคนตายน้อยลง ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำได้เยอะขึ้น
แน่นอนว่ายังไงก็เป็นของของคนอื่น
ทั้งยังเป็นของที่บรรพบุรุษของพวกเขาต่อสู้หลั่งเลือดเพื่อให้ได้มา อิจฉาริษยานั้นได้ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องเกลียดชัง
“ความสามารถพวกเราแข็งแกร่งขึ้น…ก็เพื่อมนุษย์ชาติ…เป้าหมายของทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน…”
จางอวี่ปลอบใจตัวเองเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นพวกเราก็แค่พูดไม่กี่ประโยคเท่านั้น หากอีกฝ่ายไม่หลงกลจริงๆ นั่นก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน?
—
ในเวลาเดียวกัน
ฟางผิงพาทุกคนไปยังเขตทางใต้
“อาวุธวิเศษสิบชิ้นเป็นอย่างต่ำ!”
“หินพลังงานขั้นเก้าอีกไม่น้อย”
“ยังมี…เกราะในอีกสินะ? เกรงว่าคงจะทำจากหนังสัตว์ปีศาจระดับสูง?”
“ผลไม้พลังงานน่าจะมีไม่น้อยเหมือนกัน…เจ้าอ้วนนั่นกินอย่างกับเป็นขนม ฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว!”
ตอนที่ฟางผิงยังกำลังประเมินทรัพย์สินของพวกเขา เจี่ยงเชาก็ดูเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเล็กๆ ควักผลไม้หลายลูกมากินราวกับเป็นของว่าง
นั่นเป็นผลไม้พลังงาน!
ผลไป๋ชุ่ย ผลบ่มจิตใจของพวกนี้ล้วนมองเป็นผลไม้พลังงานได้
แน่นอนว่าผลไม้ที่เจี่ยงเชากิน ด้อยกว่าผลไป๋ชุ่ยอยู่เล็กน้อย พลังงานไม่ได้อุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างถือเป็นของที่ล้ำค่าอย่างมากเช่นกัน
“มีเงินจริงๆ!”
“น่าเสียดาย ปล้นไม่ได้”
“ต้องทำให้หลงกลให้ได้ ไม่หลงกล บ่อเงินบ่อทองคงหายไปแล้ว”
ฟางผิงพึมพำในใจยกใหญ่
ลูกหลานคนมีอำนาจพวกนี้ อันที่จริงนิสัยไม่เลวเลย หรืออาจจะคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น ไม่ได้มีท่าทีเกลียดชังฟางผิง คิดจะรังแกเขาอะไรแบบนั้น
พวกเขาไม่เป็นฝ่ายรังแกตัวเองก่อน หากเป็นสถานการณ์ทั่วไป ฟางผิงคงไม่หาเรื่องเหมือนกัน
แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้…จนจริงๆ!
หลู่เฟิ่งโหรวยังขาดแคลนอาวุธวิเศษหนึ่งชิ้น ยังต้องหาวิธีสร้างให้ถังเฟิงอีกสักชิ้นด้วย
ส่วนตาเฒ่าหลี่ก็ควรมีเหมือนกัน
คำนวณก็เป็นอาวุธวิเศษสามชิ้นแล้ว
เขาจะไปหาจากไหน?
อาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ลงถ้ำใต้ดินไปฆ่าสัตว์ปีศาจ นั่นแทบจะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ครั้งก่อนหวงจิ่งเกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว โชคดีที่เจี่ยวตัวนั้นเป็นไส้ศึก
“ขอโทษด้วยละกัน ไม่ใช่ว่าจะรังแกพวกนายให้ได้ ของพวกนี้พวกนายเก็บไว้อาจไม่ได้ใช้ประโยชน์เสมอไป ทั้งไม่ได้คาดหวังให้พวกนายนำทัพฆ่าศัตรู คิดว่าพวกเรายืมใช้ละกัน รอมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ร่ำรวยแล้ว จะคืนให้พวกนายก็ไม่สาย”
บรรพบุรุษของพวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือขั้นสุดยอด สังหารสัตว์ปีศาจขั้นเจ็ดแทบไม่ได้ยากอะไร
แน่นอนว่าไม่ถึงกับสังหารอย่างไม่กลัวเกรง ไม่งั้นอาจจะปะทุสงครามใหญ่ได้
แต่อาวุธวิเศษอยู่ในมือคนพวกนี้ ไม่ได้มีประโยชน์เท่าไหร่จริงๆ ดีกว่าใช้อาวุธโลหะผสมระดับ A แค่เล็กน้อยเท่านั้น
น่าจะพอๆ กับดาบผิงล่วน
ไม่ถึงขั้นเจ็ด ใช้ของพวกนี้ถือว่าสิ้นเปลืองเกินไป
————–