ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 459 เมืองเจิ้นซิง (1)
ตอนที่ 459 เมืองเจิ้นซิง (1)
………………..
ในเวลาเดียวกับที่ฟางผิงพูดคุยกับฝั่งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
บนรถบัส
ทุกคนกำลังถกเถียงเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
ซูจื่อซู่ไม่รู้ว่านึกอะไรได้ เอ่ยปากว่า “เจิ้งหนานฉี หลี่เฟย พรุ่งนี้พวกนายอย่าชนะแบบสบายๆ เกินไป ไว้หน้าให้พวกฟางผิงบ้าง ฟางผิงนิสัยดีไม่น้อย ยังคารวะแบบผู้ฝึกยุทธ์ให้พวกเราด้วย!”
หลี่เฟยครุ่นคิดเล็กน้อย “การประมือของผู้ฝึกยุทธ์ อ่อนข้อถึงจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขา! แน่นอนว่าความสามารถของพวกเขาต่ำกว่าพวกเรา แบบนี้ละกัน พรุ่งนี้ให้เจี่ยงเชาลงสนามคนแรก เจียงซีเหยียนคนที่สอง…ฉันและเจิ้งหนานฉีท้ายสุด”
เจิ้งหนานฉีเอ่ยว่า “ในเมื่อนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้กล้าท้าประลองกับพวกเรา คงไม่ไร้ความสามารถอยู่แล้ว คนอื่นไม่พูดถึง ฟางผิงน่าจะพอมีความสามารถอยู่บ้าง เขาอยู่ขั้นห้าสูงสุดแล้วเหมือนกัน ทุกคนอย่าได้ประมาท เจี่ยงเชาลงสนามคนแรก คงไม่ถึงกับไม่มีใครเอาชนะได้สักคนหรอกมั้ง”
เจี่ยงเชาเอ่ยด้วยใบหน้าขุ่นเคือง โวยวายเสียงดัง “พวกนายหมายความว่ายังไง?”
ซูจื่อซู่หัวเราะว่า “ก็หมายความว่านายคนเดียวเอาชนะห้ารวดไม่ได้ไง”
“ฉันอยู่ขั้นหกตอนกลางแล้ว!”
“ขั้นหกตอนกลางที่อ่อนแอที่สุด” เจิ้งหนานฉีเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง
เจี่ยงเชาด่าในใจ ‘นายน่ะสิอ่อนแอที่สุด นายอ่อนแอที่สุดในครอบครัวแล้ว’
แต่ว่า…ช่างเถอะ ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกเขาแล้ว
เจี่ยงเชาไม่คิดมากอีก เอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “งั้นชนะแล้ว พวกเรายังจะไปแลกเปลี่ยนความรู้กับอาจารย์มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต่อหรือเปล่า?”
“แน่อยู่แล้ว”
หลี่เฟยเอ่ยอย่างมั่นใจ “การต่อสู้วันพรุ่งนี้ถือเป็นโอกาสแสดงฝีมือของพวกเรา ไม่งั้นเกรงว่าอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะคิดว่าพวกเราแค่มาเที่ยวเล่นเท่านั้น”
ทุกคนพูดคุยกันอย่างออกรส สุดท้ายเจี่ยงเชากลับลูบคางว่า “อย่างอื่นไม่พูดถึง ฉันลงสนามคนแรก สุดท้ายแล้วฉันต้องได้เลือกผลไม้พลังงานพวกนั้น ใครก็ไม่อนุญาตให้แย่งฉันทั้งนั้น!”
“แล้วแต่นายเลย ฉันต้องการน้ำแร่ชีวิตและหินพลังงานขั้นเก้าก็เพียงพอแล้ว”
“ฉันอยากได้สัตว์ปีศาจตัวนั้น แน่นอนว่าราคาต่าง กลับไปฉันจะชดใช้ให้ทุกคนเอง”
“…”
พวกเขาหารือกันยกใหญ่ ตกลงวิธีแบ่งกันอย่างจริงจัง
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตอนต้นที่ไม่ถูกเลือกให้ลงสนาม ยังคงไม่พอใจอยู่บ้าง ต่อสู้กับขั้นห้า จำเป็นต้องให้พวกนายลงสนามด้วยหรือไง? เห็นได้ชัดว่าอยากอวดฝีมือ ทั้งยังได้ผลประโยชน์อีก
กลางอากาศนั้น รัฐมนตรีหวังเงยหน้ามองฟ้า ฉันควรจะพูดอะไรดี?
ทางมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้…น่าจะกำลังปรึกษาวิธีแบ่งเหมือนกันสินะ?
—
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ตอนเย็น
ตอนที่หลี่หานซงลงจากรถ ฟางผิงที่ยืนอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยก็เข้าไปกอดเขาทันที เอ่ยด้วยน้ำเสียงซับซ้อนว่า “หัวเหล็ก นายมาแล้ว”
หลี่หานซงร่างแข็งทื่อเป็นหิน วางมือไม้ไม่ถูกอยู่บ้าง
ฟางผิงตบไหล่เขาเบาๆ คลายมือจากเขาแล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ควบคุมตัวเองไม่อยู่น่ะ ครั้งนี้พวกเราต้องต่อสู้ร่วมกันอีกแล้ว! ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ สหายอย่างพวกเราสามารถยืนเคียงกัน เผชิญหน้าร่วมกันอีกครั้ง! ครั้งนี้พวกเรายังคงเป็นเหมือนเวลานั้น รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!”
หลี่หานซงสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ผ่านไปสักพักก็เอ่ยอย่างอัดอั้นตันใจ “ไม่รู้ว่านายกำลังพูดอะไรอยู่”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ชาตินี้พวกเรายังเป็นเพื่อนกัน หรือนายจำเพื่อนอย่างฉันคนนี้ไม่ได้?”
“ฟางผิง…”
หลี่หานซงอยากพูดอะไรสักอย่าง ด้านข้างนั้นหวังจินหยางเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ เอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “จริงหรือไม่จริง ไม่จำเป็นต้องสนใจ ฟางผิง ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมา เข้าประเด็นหลักเถอะ”
หวังจินหยางเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “นายอย่ามายิ้มให้พวกเรา”
ฟางผิงใบหน้าแข็งทื่ออยู่บ้าง หวังจินหยางเอ่ยเสริมว่า “นายยิ้มขึ้นมา ฉันรู้สึกถึงความชั่วร้าย แฝงเจตนาไม่ดียังไงไม่รู้”
ฟางผิงเผยสีหน้าอึมครึม ดูพูดเข้า!
เหล่าหวังเกิดความคิดแบบนี้ได้ยังไงกัน?
พวกเขากำลังคุยกัน เหยาเฉิงจวินที่อยู่ในชุดทหารก็เดินถือหอกเข้ามา เอ่ยมาจากที่ไกลๆ “ฟางผิง ความสามารถของคู่ต่อสู้เป็นยังไง? ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเดียวกัน ยังมีคนเป็นคู่ต่อสู้นายอีกหรือไง?”
พูดจบ จู่ๆ เหยาเฉิงจวินก็มองไปทางหลี่หานซงด้วยแววตาเคร่งขรึม “หลี่หานซง นายทะลวงด่านแล้ว?”
ตอนนี้หลี่หานซงนับว่าเพิ่งจะดึงสติกลับมา ฟังจบก็ถอนหายใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โชคดีน่ะ”
ระหว่างที่พูดยังเอ่ยต่อว่า “นายก็ใกล้แล้วเหมือนกัน เฉิงจวิน ลองบาดเจ็บดูสิ”
“หืม?”
“ช่างเถอะ รอถึงเวลานั้นนายจะเข้าใจเอง”
“หมายความว่ายังไง?”
หลี่หานซงส่ายหน้า “รู้ตอนนี้อาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป”
ฟางผิงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง นิสัยยั่วอยากให้คนอื่นรู้ ไม่ได้เรียนมาจากฉันหรือไง?
เหยาเฉิงจวินทำหน้าหมดคำพูด ไม่ยุ่งย่ามกับเรื่องนี้ต่อ เดินเข้ามาข้างหน้าว่า “พูดสถานการณ์คร่าวๆ มาหน่อย คู่ต่อสู้มีอะไรที่ทำให้คนอย่างนายสนใจ?”
แม้ว่าทุกคนจะไม่อยากยอมรับ แต่เรื่องที่ฟางผิงสังหารขั้นหกสูงสุดกลับเป็นเรื่องจริง ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่น คู่ควรกับชื่อเสียงนี้แล้ว
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เดินไปคุยไปเถอะ ถือโอกาสชมมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ด้วย”
ทุกคนไม่ชักช้าอีก ตามเข้าไปในมหาวิทยาลัยด้วยกัน
พวกเขามองไปรอบๆ เป็นครั้งคราว รอจนเห็นนักศึกษาพวกนั้นของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ทุกคนก็ลอบถอนหายใจ นับวันก็ฝีมือแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ทุกที่ที่กวาดสายตาไปถึงแทบจะไม่มีคนธรรมดาทั่วไปเลย
ฟางผิงเห็นพวกเขามองไปรอบๆ ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีแค่ยี่สิบสามคนที่ยังไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ก่อนจะสิ้นเดือนน่าจะไม่เยอะแล้ว เอาเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”
พูดจบ ฟางผิงก็เอ่ยต่อ “พูดเรื่องคู่ต่อสู้ครั้งนี้ดีกว่า ขั้นหกตอนปลายสองคน ขั้นหกตอนกลางสามคน”
พวกเขาทั้งสามต่างใบหน้าเปลี่ยนสี
ก่อนหน้านี้ฟางผิงไม่ได้พูดชัดเจน พวกเขานึกไม่ถึงว่าความสามารถของคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งขนาดนี้!
“นายบอกว่าอายุไล่เลี่ยกับพวกเรา?”
“ใช่ มากสุดยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด น้อยสุดไม่ห่างจากพวกนายเท่าไหร่”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อีกอย่างผู้อาวุโสของพวกเขาก็เป็นยอดฝีมือขั้นสุดยอดอย่างแท้จริง! ครั้งนี้เรียกพวกนายมาก็เพราะอยากให้พวกนายได้เปิดหูเปิดตา ความสามารถของลูกหลานขั้นสุดยอดพวกนี้ พวกเขาเป็นแค่กลุ่มที่อ่อนแอที่สุด ทั้งประสบการณ์สู้รบจริงไม่เยอะเท่าไหร่”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงยังเอ่ยต่อ “อีกอย่างฉันจะพูดเสริมให้พวกนายพิจารณาว่าควรจะเข้าร่วมการต่อสู้หรือเปล่า พวกเราและอีกฝ่ายเดิมพันกัน…”
ฟางผิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างง่ายๆ ท้ายที่สุดค่อยเอ่ยว่า “ถ้าหลี่หานซงชนะ มหาวิทยาลัยปักกิ่งจะได้รับอาวุธวิเศษหนึ่งชิ้น พวกนายสองคนชนะ แต่ละคนจะได้หินฝึกวิชาหนึ่งจิน อย่าโทษว่าฉันขี้เหนียวเลย…”
“ขี้เหนียว?”
หวังจินหยางเผยรอยยิ้ม “ตอนนี้นายกลับใจป้ำไม่น้อย หินฝึกวิชาในตลาดมืดมูลค่าหนึ่งล้านต่อหนึ่งกรัม! ห้าร้อยกรัม ห้าร้อยล้าน…”
แน่นอนว่าตลาดมืดก็คือตลาดมืด ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้สามสิบคะแนนต่อหนึ่งกรัมเท่านั้น
เมื่อก่อนคะแนนหายาก ใช้เงินก็เป็นเก้าแสน
ตอนนี้คะแนนหาง่ายขึ้น มูลค่าไม่ได้เยอะขนาดนั้นแล้ว
แต่นั่นคือมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ สำหรับสถาบันศึกษาอย่างหนานเจียง รวมถึงมหาวิทยาลัยปักกิ่ง อันที่จริงไม่ได้เงินหนาเหมือนฟางผิงขนาดนั้น
ระหว่างที่หวังจินหยางพูดก็ส่ายหน้าเล็กน้อย “คิดย้อนไปเมื่อสองปีก่อน เหมือนว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิมคนกลับเปลี่ยนไปแล้ว การแลกเปลี่ยนนี้ฉันรับไว้แล้วกัน ฉันก็อยากเปิดหูเปิดตาสักหน่อย ทายาทของขั้นสุดยอดจะแข็งแกร่งขนาดไหน!”
หลี่หานซงกลับเกาหัวเล็กน้อย “เรื่องนี้…เกรงว่าฉันยังต้องถามทางมหาวิทยาลัยก่อน…”
ฟางผิงพยักหน้า “แล้วแต่นายเลย เหล่าเหยา นายล่ะ?”
เหยาเฉิงจวินเผยแววตาคมปราด “ไม่มีปัญหา! ถึงฉันเพิ่งจะอยู่ขั้นห้าตอนกลางก็อยากเปิดหูเปิดตากับความเก่งกาจของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกเหมือนกัน!”
พูดจบ เหยาเฉิงจวินก็เอ่ยว่า “แข่งกันห้ารอบ แล้วคนสุดท้ายเป็นใคร?”
“ฉินเฟิ่งชิง”
“เขา?”
เหยาเฉิงจวินแปลกใจอยู่บ้าง “ฉินเฟิ่งชิงไหวงั้นเหรอ?”
ไม่ใช่ว่าดูแคลนเขา เจ้านั่นเพิ่งจะอยู่ขั้นสี่สินะ?
“เขาทะลวงขั้นห้าแล้ว สะพานฟ้าดินก็กลายพันธุ์อยู่เล็กน้อย แน่นอนว่าไม่ได้คาดหวังให้เขาชนะ เขาแค่เป็นตัวหลอก แพ้แล้วจะได้กู้หน้าอีกฝ่ายหน่อย ส่วนพวกเราล้วนไปเพื่อชนะอีกฝ่าย”
ทุกคนพากันหัวเราะ หวังจินหยางกลับเอ่ยอย่างคาดไม่ถึงอยู่บ้าง “เขาทำให้สะพานฟ้าดินกลายพันธุ์ได้จริงๆ?”
“ใช้หินพลังงานฝึกวิชาไปหกจิน”
“…”
ทุกคนปิดปากลงทันที บ้าไปแล้วสินะ!
ตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีเงินถึงขนาดนี้เลย?
พวกเขาสบสายตากัน กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง เหยาเฉิงจวินกลับรู้มาบ้าง ยังไงครั้งก่อนเขาก็อยู่ในถ้ำใต้ดินเหมือนกัน แค่นึกไม่ถึงว่าฉินเฟิ่งชิงจะสิ้นเปลืองหินพลังงานเยอะขนาดนั้นจริงๆ
ฟางผิงไม่พูดถึงฉินเฟิ่งชิงอีกแล้ว เอ่ยต่อว่า “หัวเหล็กถึงขั้นห้าสูงสุดแล้ว มีโอกาสชนะสูง พี่หวัง นายและเหล่าเหยาระวังหน่อยแล้วกัน”
—————-