ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 460 การต่อสู้รอบแรก (1)
ตอนที่ 460 การต่อสู้รอบแรก (1)
………………..
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
สนามกีฬาหมายเลขหนึ่ง
บนเวทีหลัก
ตาเฒ่าหลี่มองออกไปไกลๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
หลู่เฟิ่งโหรวเลิกคิ้วเช่นกัน เอ่ยว่า “ขั้นแปดสองคน ขั้นเจ็ดหนึ่งคน มียอดฝีมือขั้นแปดเพิ่มขึ้นมาอีกคน”
ตาเฒ่าหลี่ลูบคางว่า “นี่ถ้ามีเรื่องขึ้นมา เหล่าหวังไม่สอดมือยังพอว่า สอดมือแล้ว พวกเราคงจัดการได้ยาก”
หลู่เฟิ่งโหรวสีหน้าแทบดูไม่ได้ กวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “นายกำลังคิดอะไรอยู่?”
เจ้าหมอนี้กำลังคิดอะไรในใจ?
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ชนะได้อาวุธวิเศษห้าชิ้น แม้จะเป็นคนพวกนั้นก็ต้องปวดใจอยู่ดี หากแตกหักกันขึ้นมาล่ะ ไม่ควรจะคิดเผื่อไว้ก่อนหรือไง?”
“ที่นี่คือเซี่ยงไฮ้!”
“เซี่ยงไฮ้ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่กล้าทำอะไร ใครจะรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ ยังไงก็เตรียมตัวไว้ก่อนดีกว่า”
ระหว่างที่พูด ตาเฒ่าหลี่ก็เอ่ยต่อ “อาวุธวิเศษห้าชิ้น เดิมพันกันแล้ว ก็ต้องเป็นของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของเรา ไม่อาจจะเอาออกไปได้ง่ายๆ!”
ด้านข้างฟางผิงกระซิบว่า “อาจารย์ ไม่ถึงขนาดนั้นมั้งครับ? พวกเขาล้วนเป็นคนมีเงินกัน อาวุธวิเศษห้าชิ้นเท่านั้น…”
“เท่านั้น?”
ตาเฒ่าหลี่ชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ไอ้หนู เธอนี่มันบ้ากว่าฉันซะอีก!
ไม่สนใจเขา ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไว้ค่อยว่ากันเถอะ อย่างมากก็ไม่เอาแล้ว ไม่เป็นอะไร รอหลังจากนี้เธอมีความสามารถแล้วค่อยไปปล้นรังของพวกเขา!”
ฟางผิงกระซิบเสียงเบา “คุณรู้เหรอว่าอยู่ที่ไหน?”
ตาเฒ่าหลี่หัวเราะว่า “น่าจะอยู่ทางนั้น หลักๆ อยู่ที่ไหนไม่แน่ใจเท่าไหร่”
“คนของพวกเขาน่าจะไม่เยอะใช่หรือเปล่า หรือซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน?”
“อาจเป็นไปได้”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ขั้นเก้าสุดยอดมีความสามารถไม่น้อย บางทีอาจจะเหนือกว่าที่เธอคาดการณ์ ม่านพลังจิตใจเธอน่าจะรู้จักดี ถึงขั้นเก้าสุดยอดแล้วปิดผนึกสถานที่แห่งหนึ่ง เธอคิดว่าทำได้หรือเปล่าล่ะ?”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พึมพำว่า “มีความเป็นไปได้เหมือนกัน คุณพูดแบบนี้ ผมกลับนึกถึงตำนานเรื่องเล่าบางอย่างขึ้นมา ที่อยู่ของเทพเซียนคุณเคยได้ยินสินะ? ก่อนหน้านี้คุณพูดว่าสำนักซ่อนเร้นร่างทองขั้นแปดไว้บางส่วน คุณว่าจะซ่อนไว้ในสถานที่แบบนี้หรือเปล่า? ยังไงก็มียอดฝีมือซ่อนอยู่จริงๆ แม้ตอนนี้สำนักจะยังคงลึกลับ แต่ยอดฝีมืออย่างคุณเข้าใกล้ น่าจะสัมผัสได้ พวกเขาคงไม่อาจอยู่เหมือนหนู เก็บงำลมหายใจไม่ขยับไปไหนชั่วชีวิตสินะครับ?”
ตาเฒ่าหลี่ส่ายหัวว่า “อย่าสืบหาเลย หากสืบลึกลงไป เธอจะพบว่าลึกลับซับซ้อน หากมีสถานที่แบบนั้นจริงๆ ไม่ได้หมายความว่าสำนักก็มีขั้นเก้าสุดยอดเหมือนกันงั้นเหรอ?”
“คุณอย่าลืมว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เพิ่งจะมารุ่งเรืองในสมัยปัจจุบัน ตั้งแต่โบราณกาลล้วนมีสำนักเป็นหลัก ตอนนี้ซ่อนเร้นขั้นเก้าสุดยอดบางส่วน หรือยังจะมาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ได้? ผมคิดว่าบางคนอาจจะมาจากสำนักนั่นแหละ”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างครุ่นคิด “นี่ก็ถูก ช่างเถอะ ไม่สนใจแล้ว ถึงเธอจะรู้เรื่องพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์ หรือเธอยังคิดจะไปขุดสมบัติของพวกเรากลับมา?”
ฟางผิงเอ่ยหยอกว่า “ตอนนี้ผมยังไม่มีความสามารถนั้น”
ตาเฒ่าหลี่มองเขาแวบหนึ่ง สรุปแล้วถ้าในอนาคตมีความสามารถ คิดจะไปจริงๆ สินะ?
พูดคุยกันไม่กี่ประโยคแล้ว ตาเฒ่าหลี่ก็เอ่ยว่า “คนมาถึงแล้ว พวกเธอจะจัดการยังไง?”
“ฉินเฟิ่งชิงอันดับแรก เหยาเฉิงจวินอันดับสอง หวังจินหยางอันดับสาม หลี่หานซงอันดับสี่ ผมคนสุดท้าย”
ตาเฒ่าหลี่พยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร หยัดกายขึ้นว่า “ไปดูกันเถอะ ผู้อาวุโสของอีกฝ่ายมาหรือเปล่า ฉันค่อนข้างสงสัยเรื่องเกี่ยวกับพวกเขาอยู่ ในการจัดอันดับ…เหมือนจะไม่มีชื่อของพวกเขา”
หลู่เฟิ่งโหรวลุกขึ้นเช่นกัน เดินไปทางด้านล่างเวทีพร้อมกัน สำหรับคนพวกนี้เธอก็อยากรู้อยากเห็นไม่น้อย
—
“เขาหลอมร่างทองล่วงหน้า”
“น่าสนใจอยู่บ้าง”
หลี่โม่หัวเราะ มองไปทางหลู่เฟิ่งโหรว ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “นั่นคือ…ลูกสาวของหลู่เจิ้น?”
รัฐมนตรีหวังพยักหน้า “ใช่”
“นึกไม่ถึงว่าจะโตถึงขนาดนี้แล้ว เวลาชั่วพริบตาก็เข้าสู่ขั้นเจ็ดแล้ว”
หลี่โม่สะท้อนใจ วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ
เขาดูเหมือนจะอายุน้อย ในความเป็นจริงกลับเป็นบุคคลรุ่นเดียวกับหลู่เจิ้นแล้ว
เวลานั้นเขาก็คบค้าสมาคมกับหลู่เจิ้นเช่นกัน รู้จักหลู่เฟิ่งโหรวไม่ใช่เรื่องแปลก เมืองเจิ้นซิงไม่ได้ตัดขาดกับโลกภายนอก เขาแค่ไม่ได้มามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้นานแล้วเท่านั้น ยอดฝีมือจากที่นี่ก็เคลื่อนไหวที่ทางเหนือน้อยครั้ง ไม่งั้นทุกคนอาจจะได้พบเจอกันแล้ว
ไม่นานทั้งสองฝ่ายก็เจอกัน
เห็นหลี่โม่ แววตาของหลู่เฟิ่งโหรววูบไหวเล็กน้อย เอ่ยขึ้นทันที “ฉันเคยเห็นคุณ”
หลี่โม่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “สามสิบปีแล้วล่ะมั้ง น่าจะหลายปีมาแล้ว เวลานั้นพ่อของเธอพาเธอไปที่เขาซีซาน พวกเราเคยเจอกัน”
ระหว่างที่พูด หลี่โม่ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยินดีด้วย นึกไม่ถึงว่าเวลาชั่วพริบตา สาวน้อยในเวลานั้นจะกลายเป็นขั้นเจ็ดซะแล้ว”
หลู่เฟิ่งโหรวผงกหัวเบาๆ ไม่พูดมากอีก
รัฐมนตรีหวังเห็นแบบนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะแนะนำทุกคนให้รู้จักกันสักหน่อย คณบดีหลี่ฉางเซิงของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ คณบดีหลู่เฟิ่งโหรว คนนี้คือ…”
“หลี่โม่จากเมืองเจิ้นซิง”
หลี่โม่เป็นฝ่ายเอ่ยปาก
“หลี่โม่…”
จู่ๆ ตาเฒ่าหลี่ก็เอ่ยขึ้น “ฉันเคยได้ยินอาจารย์พูดมาก่อน น่าจะประมาณห้าสิบปีก่อน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เพิ่งก่อตั้งไม่กี่ปี มีผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะคนหนึ่งมาท้าประลองเขา ชื่อหลี่โม่เหมือนกัน”
ตาเฒ่าหลี่หัวเราะว่า “ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน”
หลี่โม่มองเขาอย่างลึกล้ำ แค่นยิ้มว่า “เวลานั้นฉันแพ้ แต่คนที่เหมือนกับเขา จะมีอีกสักกี่คน?”
อธิการคนก่อนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ บางทีอาจไม่มีชื่อเสียงเท่าไหร่ กลับเป็นผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะอย่างแท้จริง
ควบคุมมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่อายุยังน้อย ค่อยๆ นำพามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แข็งแกร่งไปทีละก้าว อันที่จริงการฝึกวิชาถูกถ่วงรั้งไม่น้อย ไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะเข้าสู่ขั้นเก้าไปนานแล้ว
ตาเฒ่าหลี่ไม่ปฏิเสธคำพูดของอีกฝ่ายเช่นกัน กระบี่อมตะอย่างเขาก็นับเป็นอัจฉริยะของยุค แต่เทียบกับอาจารย์แล้ว ยังห่างชั้นอยู่มาก
ไม่สนใจเรื่องนี้อีก ตาเฒ่าหลี่เอ่ยว่า “เมืองเจิ้นซิง? พวกคุณไม่ใช่ปิดบังไว้มาโดยตลอด ซ่อนตัวไม่ยอมออกมาหรือไง? ครั้งนี้ทำไมถึงเปิดเผยได้ล่ะ”
หลี่โม่คลี่ยิ้มว่า “บางทีพวกคุณอาจจะเข้าใจผิดแล้ว เมืองเจิ้นซิงออกไปข้างนอกเหมือนกัน ทั้งไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอก พวกเรามีภารกิจของพวกเรา ทุกคนต่างมีความรับผิดชอบต่างกันออกไป สาเหตุที่ไม่เคลื่อนไหวในโลกภายนอก ไม่ได้เอาแต่จะหลบหนีเหมือนที่พวกคุณคิด ก่อนหน้านี้อธิการอู๋ของมหาวิทยาลัยคุณเอ่ยเรื่องนี้ออกมา น่าจะไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ฉันยังอยากพูด สิ่งที่เรียกว่าแผนเก็บเมล็ดพันธุ์ แค่ให้ความหวังเล็กๆ กับเด็กบางส่วน ให้การปลอบโยนกับผู้อาวุโสพวกนั้น อันที่จริงแผนนี้อยู่มาหลายปีแล้ว แต่ไม่ถึงช่วงเวลาสิ้นหวัง ใครจะละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน ออกร่อนเร่พเนจรไปทั่วได้? ตอนนี้หลายคนล้วนออกมาจากเมืองเจิ้นซิง เป็นเพราะแผนเก็บเมล็ดพันธุ์ในเวลานั้นเช่นกัน ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น แน่นอนว่าบางทีพวกคุณอาจคิดว่าฉันไม่อาจเป็นตัวแทนอะไรได้ งั้นผู้บัญชาการหลี่เจิ้นจากหน่วยทหาร คงเพียงพอจะพิสูจน์หลายเรื่องได้แล้วสินะ?”
ตาเฒ่าหลี่สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “ผู้บัญชาการหลี่ มาจากเมืองเจิ้นซิง?”
“ถูกต้อง จะว่าไปแล้วยังมีความเกี่ยวข้องทางเครือญาติกับฉันเล็กน้อย”
หลี่โม่หัวเราะว่า “ไม่ใช่แค่ผู้บัญชาการหลี่เจิ้น อันที่จริงหน่วยทหารยังมีคนไม่น้อยที่ถือกำเนิดจากเมืองเจิ้นซิง คนพวกนี้เวลานั้นก็คือหนึ่งในคนที่หลบหนีในสายตาของพวกคุณ แต่วันนี้พวกเขาก็บากบั่นต่อสู้อยู่ในแนวหน้าเช่นกัน เหลือความหวังเล็กๆ ให้กับทายาทรุ่นหลังบางส่วน ให้พวกเขาไม่ถึงกับสิ้นหวัง ถึงขั้นนั้นแล้วพวกเขาย่อมตัดสินใจทางเดินของตัวเอง อันที่จริงเมล็ดพันธุ์หลายคนแทบไม่ได้ฆ่าศัตรูน้อยไปกว่าพวกคุณ มีแต่จะมากขึ้นเท่านั้น วันนี้พูดไปขนาดนี้แล้ว แค่ไม่อยากให้พวกเราแตกความสามัคคีกัน เป้าหมายของทุกคนล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน”