ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 461 มิตรภาพเป็นเรื่องหลัก การแข่งขันเป็นเรื่องรอง (1)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 461 มิตรภาพเป็นเรื่องหลัก การแข่งขันเป็นเรื่องรอง (1)
ตอนที่ 461 มิตรภาพเป็นเรื่องหลัก การแข่งขันเป็นเรื่องรอง (1)
………………..
พวกฟางผิงพูดคุยกันอย่างออกรส หัวเราะอย่างสนุกสนาน
ในความเป็นจริง ฉินเฟิ่งชิงแทบจะด่าถึงมารดาแล้ว พูดเล่นไม่กี่ประโยคแล้วก็ก่นด่าว่า “เอายารักษาให้ฉันหน่อยสิ!”
ฟางผิงไม่สนใจเขา มองไปทางหวังจินหยางว่า “เขาหลอมร่างกายเป็นดาบ ใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายตัวเองหลอมเป็นอาวุธใช่หรือเปล่า?”
“อืม”
“เขาหลอมหัวสินะ?”
“ใช่”
“เขายังไม่ได้หลอมกะโหลก อยากจะหลอมให้หัวแข็งแกร่ง…นั่นต้องใช้หัวชนกับแผ่นเหล็กทุกวัน นี่ถึงจะเป็นวิธีหลอมที่เหมาะสมที่สุด?”
“น่าจะอย่างนั้น”
ฟางผิงเข้าใจทันที “ไม่น่าล่ะ ฉันก็ว่าแล้วทำไมสมองเขามีปัญหาขึ้นเรื่อยๆ ที่แท้สาเหตุก็อยู่ตรงนี้นี่เอง!”
ฉินเฟิ่งชิงหน้าดำเป็นก้นหม้อ กัดฟันว่า “ฉันเอาหัวชนแผ่นเหล็ก นายพอใจหรือยัง?”
ความจริง…ฟางผิงพูดถูก แต่เจ้าหมอนี่คิดมากเกินไป
ฉินเฟิ่งชิงก่นด่าในใจ เจ้าพวกนี้ประสาทชัดๆ ฉันใช้ร่างกายหลอมเป็นดาบ ควรจะนับถือฉันไม่ใช่หรือไง?
หากเป็นคนอื่น รู้ว่าเขาทำให้หัวแข็งแกร่งขึ้นมาได้ยังไง น่าจะนับถืออย่างหนักแล้วด้วยซ้ำ?
อยู่กับเจ้าพวกนี่ช่างน่าเศร้าจริงๆ!
ฉินเฟิ่งชิงคร่ำครวญในใจ ก็ถูก เจ้าพวกนี้ได้รับบาดเจ็บแทบเป็นเรื่องปกติ ใช้หัวชนกับแผ่นเหล็กจะนับเป็นเรื่องอะไร
ฟางผิงก่อนหน้านี้ยังถูกคนอัดจนกลายเป็นโครงกระดูกอยู่เลย น่าเสียดายที่ตัวเองไม่เห็น
อาการบาดเจ็บที่เนื้อหนังทั้งหมดพังทลาย พูดเหมือนจะตลก อันที่จริงความเจ็บปวดนั้นยากที่จะจินตนาการอย่างยิ่ง
หากเปลี่ยนเป็นเจ้าพวกที่อยู่ตรงข้ามนั้น…
ฉินเฟิ่งชิงเผยแววตาดูแคลน แม้ไอ้เวรฟางผิงจะชอบหลอกเขา แต่เทียบกับเจ้าพวกนั้นแล้ว ถือเป็นคนจิตใจกล้าแกร่งจริงๆ หากเป็นพวกเขาอาจจะเจ็บจนตายไปแล้ว
ฉินเฟิ่งชิงยังกำลังครุ่นคิด ฟางผิงถอนหายใจว่า “ใช้สมองหน่อย”
ฉินเฟิ่งชิงสีหน้าแทบดูไม่ได้ “ฉันชนะแล้ว!”
“นายชนะ?”
ฟางผิงเผยสีหน้าจนใจ นายใช้ตาข้างไหนมองว่าตัวเองชนะ?
คร้านจะพูดมากเช่นกัน ฟางผิงถอนหายใจว่า “อาการบาดเจ็บของนาย ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะฟื้นฟูได้?”
“ใช้ยาบำรุงสักหน่อย ครึ่งเดือนไม่ก็หนึ่งเดือนอย่างต่ำล่ะมั้ง”
“นายปัญญาอ่อนหรือไง?”
ฟางผิงไร้เรี่ยวแรงอยู่บ้าง กดเสียงว่า “บนเวทีหลักมีขั้นแปดสองคน อีกคนหนึ่งไม่พูดถึง รัฐมนตรีหวังอยู่ที่นั่น นายเป็นนักศึกษา เรียกว่าอาจารย์ก็ได้แล้ว นายเอามือโครงกระดูกของนายไปโบกผ่านหูผ่านตาให้เขาเห็นสักร้อยครั้ง โบกจนใกล้จะหลุดออกมา สิ้นเปลืองสสารไม่แตกดับสักเล็กน้อย นายคิดว่ารัฐมนตรีหวังจะใส่ใจหรือเปล่า? ไม่ได้บาดเจ็บหนักอะไรสักหน่อย วันเดียวเขาก็น่าจะรักษากลับมาได้แล้ว เขาไม่ช่วยนาย นายก็ไม่ต้องไปไหน ยกแขนโครงกระดูกยืนอยู่ข้างเขานั่นแหละ เขาจะขายหน้าหรือนายขายหน้า? นายสนใจเรื่องขายหน้าด้วยหรือไง? ได้สสารไม่แตกดับช่วย นอกจากสามารถรักษาบาดแผลแล้ว ยังจะสามารถเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่ง ฟินดีไหมล่ะ? ปัญญาอ่อน ยังมีเวลาว่างมาโม้กับพวกฉันตรงนี้อีก แถมมีหน้ามาขอยาบำรุงจากฉัน?”
ฟางผิงด่าออกไป ฉินเฟิ่งชิงทำหน้าตื่นรู้ขึ้นมาทันที!
แม่งเหอะ!
เจ้าฟางผิงชั่วร้ายได้ใจจริงๆ!
แม้ว่าเขาจะฉลาดและหน้าหนา แต่ตอนนี้ดูท่า เทียบกับฟางผิงแล้วยังด้อยไปเล็กน้อย
ฉินเฟิ่งชิงหยัดกายขึ้นเตรียมจะวิ่งไปแล้ว ฟางผิงตะโกนว่า “เดี๋ยวก่อน!”
ฉินเฟิ่งชิงหันหน้ามา เผยความงุนงง
“เห็นนายอ้วนนั่นหรือยัง?”
ฉินเฟิ่งชิงชำเลืองมองเจี่ยงเชาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างดูแคลน “เห็นแล้ว แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่ง!”
“นายปัญญาอ่อนหรือไง?”
ไอ้เวรนั่นกำลังอัดยาบำรุง กินผลไม้พลังงาน จากนั้น…แม่งเหอะ ยังดื่มน้ำแร่ชีวิตไปหยดเล็กๆ!
เจ้าอ้วนนั่นบาดเจ็บแค่เล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะสิ้นเปลืองขนาดนี้ บ้าไปแล้วสินะ!
ฟางผิงถอนหายใจว่า “สู้กันก็เข้าใจกันมากขึ้น แม้นายจะสู้กับเขา แต่ลูกหลานคนรวยพวกนี้ นับถือคนใจกล้ามากที่สุด…ไม่ใช่อย่างนายตอนนี้ แต่เป็นเมื่อตะกี้! นายเข้าไป เอ่ยชมสักหน่อย อย่าให้เด่นชัดเกินไป ควรจะพูดยังไง ตัวนายเองรู้ดี ทำทีว่าต่อสู้กันแล้วก็เข้าใจกันขึ้นมา ชมเชยออกไป จากนั้นก็กระอักเลือดสักสามที คนมีเงินอย่างเจ้าพวกนั้นอาจจะให้ยาฟรีๆ ด้วยซ้ำ? พวกเราจน ฉันยังพอว่า แต่นายมีเงินหรือไง? ยังจะสนใจเรื่องหน้าตาอีก? ผูกสัมพันธ์ดีๆ ต่อกัน เจ้าพวกนี้เป็นคนมีเงิน หลังจากนี้ไม่แน่ว่าทรัพยากรที่ใช้ทะลวงขั้นห้า พวกเขาจะส่งให้ฟรีๆ ก็ได้ จริงสิ ฉันเห็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้น ซูจื่อซู่ค่อนข้างใจอ่อน นายพุ่งเป้าไปที่เธอดีกว่า ไม่ไหวจริงๆ ก็ดูว่าพอจะเอาตัวเข้าแลก คบกันได้หรือเปล่า หากเธอติดกับนายจริงๆ หลังจากนี้นายก็มีที่พึ่งพิงแล้ว ส่วนโจวฉีเยวี่ย…แค่กๆ นายมีความสามารถก็กินรวบให้หมด เรื่องนี้ฉันคร้านที่จะสนใจแล้ว”
คนปกติ เวลานี้น่าจะหลุดปากด่าออกมาแล้ว นายเห็นฉันเป็นคนยังไง?
แต่ฉินเฟิ่งชิง…กลับลูบคาง ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ กระซิบขอคำชี้แนะว่า “เอ่อ…ก่อนหน้านี้ฉันบอกว่าตัวเองมีเงิน นี่ไม่ใช่การทำลายภาพลักษณ์หรือไง?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “นายก็พูดไปว่าครั้งนี้ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ของทั้งหมดทั้งมวลล้วนมอบให้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ บุรุษไม่พกเงินสำรองติดตัวอยู่แล้ว เป็นเรื่องง่ายจะตายไป”
“แบบนี้เองเหรอ?”
ฉินเฟิ่งชิงเข้าใจขึ้นมา ครู่ต่อมาไม่จำเป็นต้องให้ฟางผิงสั่งสอนอีก เดินไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างองอาจทันที
พวกหวังจินหยางชำเลืองมองฟางผิงแวบหนึ่ง
ผ่านไปสักพัก หวังจินหยางค่อยเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “คำพูดของนายแทบเชื่อถือไม่ได้สักประโยค”
ฟางผิงแค่นหัวเราะ “ไม่ต้องมาพูดเลย ฉันถามนายหน่อย มีผู้หญิงฝ่ายตรงข้ามชอบนาย ผู้อาวุโสของเธอรับปากว่าจะตามหาอาจารย์ให้นาย ช่วยนายฟื้นฟูมหาวิทยาลัยหนานเจียง ให้นายใช้ร่างกายให้เป็นประโยชน์สักหน่อย จะทำไหมล่ะ?”
“ทำ!”
เหล่าหวังตอบอย่างฉับไว ครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ดูท่าอีกเดี๋ยวต้องอัดพวกเขาให้หนักๆ สักรอบ!”
อัดสักชุดแล้วค่อยว่ากัน ลูกหลานคนรวยพวกนี้ หากคุณไม่มีความสามารถ พวกเขาไม่อาจเห็นค่าของคุณได้
ส่วนเรื่องขายหน้าตา…ยังไงก็ได้ ผู้ชายจะสนใจเรื่องพวกนี้ไปทำไม
หากคนเขาสามารถเกลี้ยกล่อมผู้อาวุโสได้จริงๆ เรื่องพวกนี้แทบจะลองดูได้
ด้านข้างนั้นเหยาเฉิงจวินแค่นเสียงในลำคอ เจ้าพวกมหาวิทยาลัยต่ำช้า!
หลี่หานซงกลับเอ่ยราวกับคิดอะไรอยู่ “ฉันคิดว่าฉินเฟิ่งชิงยังมีหวัง…เหล่าหวัง นาย…แย่ไปหน่อย ฉันคิดว่าตัวเองก็ไม่เลวเหมือนกัน…แต่ว่าถ้าผู้ชายชอบพวกเราขึ้นมาจะทำยังไง?”
“แค่กๆๆ!”
ฟางผิงแทบจะสำลักไอ เจ้าหัวเหล็กเรียนจนเสียคนซะแล้ว!
มุกตลกฝืดๆ นี่มันอะไรกัน!
—
อีกฝั่งหนึ่ง
เห็นฉินเฟิ่งชิงเดินเข้ามาด้วยท่าทีดุดัน พวกหลี่เฟยต่างเผยสีหน้าดูไม่ได้ จะมาโอ้อวดพลังสินะ?
พวกเขาถลึงตามองเจี่ยงเชาที่กำลังกินอย่างบ้าคลั่ง เป็นเพราะเจ้าเวรนี้ ทำขายหน้าจริงๆ!
ฉินเฟิ่งชิงสาวเท้าเข้ามา เห็นทุกคนมองเขาอย่างเยียบเย็น จู่ๆ ก็มองไปทางเจี่ยงเชา เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “นายอ้วน นายแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิดไว้อยู่บ้าง ฉันคิดว่าฉันจะชนะได้ซะอีก นึกไม่ถึงว่าจะยังแพ้”
เจี่ยงเชางุนงงอยู่บ้าง เงยหน้ามองเขา
—————-
………………..