ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 462-2 อะไรที่โม้ได้ก็โม้ไปแล้ว (2)
ตอนที่ 462 อะไรที่โม้ได้ก็โม้ไปแล้ว (2)
………………..
อีกฝั่งหนึ่ง
ตอนนี้ฟางผิงไม่มีเวลาสนใจฉินเฟิ่งชิง
ในสนามหวังจินหยางเริ่มประมือกับคู่ต่อสู้แล้ว
หวังจินหยางลงสนามก็ใช้พลังไขกระดูกทันที ดาบเดียวฟันแหวกความว่างเปล่า พาดผ่านไปทั้งสนามกีฬา!
เจ้าหมอนี้ระเบิดเต็มพลัง ในขั้นห้าตอนต้นก็สามารถปะทะกับขั้นหกสูงสุดได้ถึงสามสิบวินาทีแล้ว ฝีมือไม่อ่อนด้อยอย่างแน่นอน
ฟางผิงหรี่ตามองคู่ต่อสู้ของเขาแวบหนึ่ง กดเสียงว่า “ยิ่งสู้ไปถึงข้างหลัง อีกฝ่ายก็ยิ่งมีประสบการณ์มากขึ้นเท่านั้น ประตูซานเจียงปรากฏขึ้นแล้ว!”
ตอนนี้คู่ต่อสู้ของหวังจินหยางมีประตูซานเจียวสามบานโผล่ขึ้นเหนือหัว บานหนึ่งในนั้นปิดสนิทเป็นที่เรียบร้อย
หนึ่งในสองบานที่เหลือก็ปิดไปบางส่วนแล้ว
ลูกหลานคนรวยพวกนี้ ต่อสู้มาถึงตอนนี้ก็ปล่อยพลังอย่างเต็มที่เช่นกัน คนๆ นี้ระเบิดพลังขึ้นมา แข็งแกร่งกว่าสองคนก่อนหน้านี้ซะอีก ทั้งไม่ได้ลุกลี้ลุกลนเหมือนพวกเจี่ยงเชา
หลี่หานซงเผยสีหน้าหนักแน่นเช่นกัน “อืม…สังเกตได้แล้วสินะ? เคล็ดวิชาของพวกเขาล้วนเหมาะสมกับพวกเขาอย่างยิ่ง น่าจะสร้างให้เข้ากับพื้นฐานร่างกายตัวเอง เกรงว่าเหล่าหวังจะแย่อยู่บ้างแล้ว”
ฟางผิงมองอยู่สักพัก ถอนหายใจว่า “พี่หวังวางแผนจะพังพินาศไปด้วยกัน เขาตั้งใจ”
หลี่หานซงลูบคางว่า “ฉันอยากลองเหมือนกัน”
บาดเจ็บ บางทีอาจจะฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เขายังไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย แต่ตอนนี้พบว่าหลังจากพวกเขาได้รับบาดเจ็บจะฟื้นฟูความสามารถขึ้นมาบางส่วน เวลานี้หลี่หานซงคิดว่าหากตัวเองบาดเจ็บเขาสามารถรับได้
ทั้งสองคนเพิ่งจะคุยกันเสร็จ หวังจินหยางที่อยู่ในสนามก็ระเบิดพลังแล้ว!
เสียงคำรามนั้นพาให้คนสั่นสะท้านในใจ
ครู่ต่อมาวงแหวนก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของหวังจินหยาง สะพานฟ้าดิน!
พวกหลี่เฟยหน้าเปลี่ยนสี คนที่เผชิญหน้ากับหวังจินหยางก็ไม่ต่างกัน จะระเบิดตัวเองงั้นเหรอ?
เมื่อครู่ฉินเฟิ่งชิงบอกว่าหากพวกเขาเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่ง อาจจะระเบิดสะพานฟ้าดินตัวเอง เขาก็ได้ยินเช่นกัน
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!
นี่คือจะระเบิดตัวเอง?
คนๆ นี้รีบกระโดดออกห่างไปช่วงใหญ่ หวังจินหยางไม่ได้จะระเบิดตัวเอง เขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น
ครู่ต่อมาหวังจินหยางก็ทำเรื่องที่ทุกคนคาดไม่ถึง
เจ้าหมอนี้ใช้มือคว้าสะพานฟ้าดินที่เป็นวงแหวนนั้นไว้ ชั่วพริบตาก็บีบสะพานฟ้าดินจนกลายเป็นครึ่งวงกลม…ไม่สิ คันธนู!
ดาบยาวในมือใช้แทนลูกธนู บนดาบนั้นระเบิดปราณสีดำมืดมิด หวังจินหยางน้าวธนูยิงออกไปทันที
“เปรี้ยง!”
ตลอดทางที่ดาบยาวเคลื่อนผ่าน เกิดระเบิดในอากาศ ประกายไฟลุกโชนจนเผาไหม้ขึ้นมา
ฟางผิงแทบจะนิ่งอึ้งไป!
ไม่ใช่แค่ฟางผิง คนที่อยู่ในเหตุการณ์แทบจะตกตะลึงไปหมด!
นี่ก็ได้งั้นเหรอ?
ยังไม่เคยเจอผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้สะพานฟ้าดินเป็นอาวุธมาก่อนเลย เจ้าหมอนี้ไม่กลัวว่าสะพานฟ้าดินจะพังหรือไง?
—
บนเวทีหลัก
หลี่โม่อดไม่ไหวจริงๆ ส่งเสียงออกไปว่า “นักศึกษาพวกนี้…ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่”
ไม่ใช่ว่าด่าคน แต่ไม่ค่อยปกติจริงๆ
ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป หากทำแบบหวังจินหยางนี้สะพานฟ้าดินคงพังไปแล้ว
แต่เจ้าเด็กนี้ไม่ได้ทำสะพานฟ้าดินพัง กลับทำให้เกิดแสงสีทองวาบผ่านบนสะพานฟ้าดินได้ด้วยซ้ำ หลี่โม่กวาดสายตามองแวบหนึ่ง ในใจพอจะคาดเดาได้บ้างแล้ว นั่นคือ…สสารไม่แตกดับ!
ดาบยาวไม่ได้พุ่งออกไปเหมือนลูกธนูปกติ หวังจินหยางใช้ดาบแทนธนู นึกไม่ถึงว่าดาบยาวที่ออกห่างจากร่างกายจะแสดงเคล็ดวิชาต่อสู้ได้!
ใช่แล้ว ดาบกำลังแสดงเคล็ดวิชาต่อสู้ คล้อยหลังที่ดาบยาวพุ่งไปเข้าใกล้คนที่อยู่กลางอากาศก็ระเบิดพลังงานอันแข็งแกร่งมากขึ้นไปอีก!
ไม่รู้ว่านึกอะไรได้ จู่ๆ หลี่โม่ก็เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้ เหมือนฉันเคยได้ยินมาก่อน!”
“หืม?”
รัฐมนตรีหวังรับบทสนทนาทันที “พี่หลี่ เมืองเจิ้นซิงมีข้อมูลพวกนี้ด้วย?”
หลี่โม่สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ไม่ใช่…ตอนที่พวกผู้อาวุโสคุยเรื่องในอดีต ฉันเคยได้นั่งฟังข้างๆ อยู่ครั้งหนึ่ง เหมือนจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เวลานั้นฉันยังเด็ก จำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ สสารไม่แตกดับ…เอาแบบนี้ละกัน กลับไปถ้าผู้อาวุโสกลับมาฉันจะลองไปถามดูอีกครั้ง คนพวกนี้…ทุกคนให้ความสำคัญอย่างมาก”
รัฐมนตรีหวังสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปมาไม่หยุด ตาเฒ่าหลี่และหลู่เฟิ่งโหรวปิดปากเงียบ
ยอดฝีมือที่อยู่ในขั้นสุดยอดเคยพูดเกี่ยวกับเรื่องคนพวกนี้?
อย่าลืมว่าคนพวกนี้เพิ่งปรากฏตัวได้ไม่นาน อายุอานามยังน้อย
หลี่โม่ดูเหมือนอายุไม่มาก ความจริงปาเข้าไปแปดสิบแล้ว ตอนที่เขายังเด็ก…นั่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ตาเฒ่าหลี่เงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “เมืองเจิ้นซิง ไม่เปิดกว้างต่อภายนอกจริงๆ งั้นเหรอ?”
หลี่โม่ตอบกลับด้วยความเงียบ
ตาเฒ่าหลี่แค่นหัวเราะ เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ช่างเถอะ ยังไงก็เป็นบ้านของพวกนาย คนแก่อย่างพวกเราไม่เป็นไรหรอก…แค่อยากให้พวกเด็กๆ รู้อะไรบ้างเท่านั้น…”
หลี่โม่ชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง มาเรียกตัวเองว่าเป็นคนแก่ต่อหน้าฉัน นายยังไม่ถึงขั้นนั้นเถอะ
แต่เขาคร้านที่จะพูดมาก ครุ่นคิดพักหนึ่งก็เอ่ยว่า “ค่อยว่ากันอีกที…”
เมืองเจิ้นเซิงเป็นบ้านของพวกเขา ทั้งยังเป็นแดนสุขาวดีของยอดฝีมือระดับสุดยอดหลายคนด้วยเช่นกัน
ทำสงครามอยู่ข้างนอก ตรากตรำลำบากมานาน ผู้อาวุโสพวกนี้ก็อ่อนล้าอย่างหนัก บางทีการมีอยู่ของเมืองเจิ้นซิง อาจจะเป็นดินแดนสุขาวดีในฝันที่พวกเขาอยากสร้างขึ้น
ให้คนนอกเข้ามา ดินแดนบริสุทธิ์เล็กๆ แห่งนี้อาจจะไม่สงบสุขอีกแล้วก็ได้
เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดังขึ้นไม่ขาดสาย ประกายไฟลุกโชนทั่วสารทิศ
ยอดฝีมือขั้นหกตอนกลางที่อยู่กลางอากาศระเบิดเต็มกำลังเช่นกัน กลับถูกดาบยาวฟันจนถอยหลังไปไม่หยุดหย่อน
บนพื้น หวังจินหยางกระโดดตัวขึ้น ชั่วพริบตาก็มาถึงเบื้องหน้าอีกฝ่าย จับดาบยาวไว้ เกิดประกายแสงสว่างเจิดจ้าจนถึงขีดสุด เสียงระเบิดดังกึกก้องติดต่อกัน
“พอสักที!”
คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโมโหอย่างถึงที่สุด ถูกไล่ต้อนต่อเนื่องหลายครั้ง เขาได้รับมาพอแล้ว!
นอกจากตกเป็นรองแล้ว เสี้ยวพริบตาที่ดาบยาวพุ่งมาโจมตี เสื้อผ้าทั่วร่างของเขาก็ขาดกระจุย ตอนนี้นอกจากจุดที่มีเกราะข้างใน ตำแหน่งอื่นๆ ต่างมีรอยดาบเต็มไปด้วย ถูกซ้อมจนน่าอนาถไปแล้ว!
ครู่ต่อมาคนๆ นี้ก็เปิดประตูบานที่สองของประตูซานเจียวที่ปิดครึ่งหนึ่งออกมา!
ภายในประตูซานเจียวที่ถูกเปิดออก มีพลังงานที่แข็งแกร่งทะลักออกมา ผู้ฝึกยุทธ์ที่ก่อนหน้านี้ก็แข็งแกร่งกว่าหวังจินหยางไปช่วงใหญ่ จู่ๆ ก็ระเบิดพลังปราณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมอีก!
หอกยาวในมือประกายแสงอย่างเจิดจ้า กวาดไปหาหวังจินหยางทันที!
—
“เหล่าหวังน่าอนาถจริงๆ”
ฟางผิงพึมพำ นี่ทำได้แค่โทษที่นายเหิมเกริมเกินไป ซ้อมจนคนเขาเสียสติไปแล้ว
ขั้นหกตอนกลางถึงตอนปลายต้องปิดผนึกประตูซานเจียวบานที่สอง เดิมทีคนๆ นั้นปิดไปครึ่งหนึ่งแล้ว ตอนนี้เปิดออกมา เจ้าหมอนี้ทำได้แค่เริ่มปิดผนึกใหม่อีกครั้ง เกิดความเสียหายหนักเช่นกัน
หากไม่ใช่สถานการณ์จำเป็น น้อยครั้งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกจะทำเรื่องแบบนี้
หลี่หานซงเอ่ยอึกอักว่า “เดี๋ยวขั้นหกตอนปลายของพวกเขาคงไม่ทำแบบนี้กันหมดหรอกนะ?”
ขั้นหกตอนปลาย หากเปิดประตูซานเจียวขึ้นมาจริงๆ เขาอาจจะรับมือไม่ไหว
“ไม่ต้องกลัว นายหลอมหัวกระดูกเป็นเหล็กไปแล้ว เขาซ้อมนายไม่ตายหรอก เขากล้าเปิดประตูซานเจียว นายก็โหม่งหัวทำลายประตูของเขาไปเลย! เทียบเรื่องความใจเด็ดแล้ว ฉันไม่เชื่อว่าเจ้าพวกนี้จะใจเด็ดกว่า!”
อีกฝ่ายเปิดประตูซานเจียวที่ปิดผนึกครึ่งหนึ่ง ภายใต้ความสามารถที่เพิ่มขึ้น ชั่วพริบตานั้นก็ต้านหวังจินหยางได้ทันที
ความแตกต่างของฝีมือยังคงมีอยู่ ทั้งไม่ใช่น้อยๆ
หวังจินหยางเผยสีหน้าเยือกเย็น จู่ๆ สะพานฟ้าดินก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ครู่ต่อมาสะพานฟ้าดินกลับขยายใหญ่ขึ้นจนถึงขีดสุด ร่างของหวังจินหยางปะทุปราณทั้งหมดออกมา ชั่วพริบตาก็หลอมรวมกับสะพานฟ้าดิน ต่อจากนั้น…ก็คว้าสะพานฟ้าดินทุบไปยังประตูซานเจียวของอีกฝ่าย!
ประตูซานเจียวอยู่ระหว่างความเป็นจริงและความว่างเปล่า ไม่อาจโจมตีได้
แต่เวลานี้สะพานฟ้าดินถูกทุบออกไป บนเวทีหลักนั้นพวกยออดฝีมือต่างสีหน้าเปลี่ยน
สะพานฟ้าดินและประตูซานเจียวเสริมสร้างซึ่งกันและกัน อาวุธอย่างอื่นไม่อาจจู่โจมได้ ยกเว้นสะพานฟ้าดิน นี่หากปะทะกันขึ้นมา ไม่ว่าจะสะพานฟ้าดินหรือประตูซานเจียวพังทลาย ล้วนไม่ใช่สิ่งที่พวกเขารับไหว
หลี่โม่มองหลี่ฉางเซิงอย่างรวดเร็ว ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างไม่คิดรับผิดชอบ “ไม่ใช่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของพวกเรา”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตายก็ช่าง ฉันไม่สนใจ
หลี่โม่แทบจะโมโหตาย รัฐมนตรีหวังที่อยู่ด้านข้างกลับไม่คิดจะพูดอะไร ยื่นมือออกไปทันที ระยะห่างเกือบร้อยเมตร ปรากฏฝ่ามือหนึ่งขึ้นกลางอากาศ จับสะพานฟ้าดินของหวังจินหยางโยนกลับไปทันที
“การแลกเปลี่ยนความรู้จบเพียงเท่านี้!”
รัฐมนตรีหวังขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถือว่าเสมอกัน!”
หวังจินหยางไม่ปริปากพูด เก็บสะพานฟ้าดินของตัวเองกลับไป คนที่อยู่ตรงข้ามเผยสีหน้าขุ่นเคือง ก่อนจะกัดฟันหมุนตัวกลับไป
แม่งเหอะ บ้าไปแล้ว!
เสียสติกันหมด!
การแลกเปลี่ยนความรู้ครั้งนี้ เขาสมองทื่อไปแล้วหรือไงถึงตอบรับออกไปได้ ไม่ทันไรก็ทุ่มสุดชีวิต ใช้สะพานฟ้าดินและประตูซานเจียวอย่างกับเป็นของเล่น เจ้าเด็กพวกนี้คิดยังไงกัน?
แม้สะพานฟ้าดินของอีกฝ่ายอาจจะไม่สามารถทำลายประตูซานเจียวของเขาได้เสมอไป แต่ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันล่ะ!
หวังจินหยางสามารถบิดสะพานฟ้าดินเป็นคันธนู ใครแม่งจะรู้ว่าสามารถใช้ทำลายได้หรือเปล่า หากทำลายไม่ได้ เขาระเบิดตัวเองอีกทีจะทำยังไง?
ไม่รู้จะสู้ยังไงแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าฝีมืออีกฝ่ายสู้พวกเขาไม่ได้ กลับถูกไล่ต้อนเกือบทุกทาง น่าอัดอั้นเกินไปแล้ว
ด้านฉินเฟิ่งชิง ตอนนี้ยังกำลังกินผลไม้พลังงานคำใหญ่ เอ่ยออกไปอย่างส่งๆ ว่า “ไม่ต้องสนใจ พวกเราก็สู้กันแบบนี้แหละ คุ้นชินหน่อยก็ดีแล้ว”
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก คุ้นชินหน่อยก็ดีแล้ว?
พวกนายมีชีวิตจนถึงตอนนี้ได้ยังไงกัน?
ทุกครั้งสู้กันจนเป็นสภาพนี้ นายมีสะพานฟ้าดินให้ระเบิดกี่อันกัน?
หรือว่าเจ้าโล้นนี้จะโม้เกินจริง?
ขณะที่พวกเขากำลังสงสัย ฉินเฟิ่งชิงทำราวกับไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ เอ่ยเสริมว่า “ระเบิดแล้วก็หลอมรวมใหม่ เสียเวลาเล็กน้อยเท่านั้น พวกเรามีประสบการณ์ ตายไม่ได้หรอก”
ทุกคน “…”
————–
………………..