ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 463 พื้นที่เขตแดน ยุคสมัยผู้ฝึกยุทธ์โบราณ (1)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 463 พื้นที่เขตแดน ยุคสมัยผู้ฝึกยุทธ์โบราณ (1)
ตอนที่ 463 พื้นที่เขตแดน ยุคสมัยผู้ฝึกยุทธ์โบราณ (1)
………………..
“การแข่งรอบที่สี่เริ่มได้!”
รัฐมนตรีหวังรอพวกหวังจินหยางลงจากเวทีแล้วก็ประกาศเริ่มทันที
หลี่หานซงหันไปมองหลี่เฟยที่อยู่ตรงข้ามแวบหนึ่ง พึมพำว่า “ไอ้หนูนี่คงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับผู้บัญชาการหลี่หรอกนะ?”
ปีนี้เขาเพิ่งอายุยี่สิบสาม หลี่เฟยยังอายุมากกว่าเขาอยู่บ้าง
แต่หลี่หานซงพูดว่า ‘ไอ้หนู’ ขึ้นมากลับไม่มีความรู้สึกระคายหูแม้แต่น้อย
ต่อสู้กันสามครั้งแล้ว อย่ามองว่าทุกคนไม่พูดอะไร อันที่จริงยังคงดูแคลนคนที่เผชิญหน้ากันอยู่บ้าง
พวกเขาในที่นี่ ใครไม่เย่อหยิ่งทระนงตัวบ้าง?
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกตอนกลางสามคนของอีกฝ่าย ไม่ค่อยเท่าไหร่จริงๆ
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่ต้องสนใจว่าเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า อย่าประมาท ในกลุ่มคนพวกนี้ฉันพบว่าหลี่เฟยและเจิ้งหนานฉีมีกลิ่นคาวเลือดหนักกว่าคนอื่นหน่อย สองคนนี้ถึงขั้นหกตอนปลาย น่าจะเคยพบเจอความลำบากมาอยู่แล้ว”
“วางใจเถอะ”
หลี่หานซงพยักหน้า สาวเท้าเดินออกไป
หวังจินหยางนั่งลงอยู่พักหนึ่ง ก่อนจู่ๆ จะลุกขึ้นเดินไปทางนั้น
ฟางผิงตกตะลึงไปเล็กน้อย ฉันยังไม่ทันพูดอะไร นายก็ไปซะแล้ว?
นี่นายจะทำอะไร?
แต่คิดดูแล้ว มหาวิทยาลัยหนานเจียงยากจนถึงขั้นนี้ เหล่าหวังจะทำเพื่อทรัพยากรโดยไม่เลือกวิธีการ ฟางผิงกลับเข้าใจไม่น้อย
ตั้งแต่เริ่มรู้จักเหล่าหวัง ที่ไหนมีผลประโยชน์ที่นั่นก็มีเขา
ไม่ว่าจะทำภารกิจ ลงถ้ำใต้ดิน หรือฟางผิงบอกว่าเจอผู้ร้ายหลบหนี เหล่าหวังล้วนกระตือรืนร้น เพราะมีผลประโยชน์ เจ้าหมอนี้แทบไม่สนใจว่าจะขายหน้าหรือเปล่า
เหล่าหวังเป็นฝ่ายเข้าไปตีซี้สามารถเข้าใจได้เหมือนกัน
ฟางผิงเข้าใจได้ ฉินเฟิ่งชิงกลับหน้าดำเป็นก้นหม้อ
แม่งเหอะ นายมาทำไมกัน?
ไม่สนใจเหล่าหวัง ฉินเฟิ่งชิงถือโอกาสคว้าผลไม้ต่อ…พบว่าหมดเกลี้ยงแล้ว!
ด้านข้างนั้นเจี่ยงเชามองเขาอย่างใสซื่อ นายโล้นกินเก่งจริงๆ!
ผลไม้ฉันหมดเกลี้ยงแล้ว!
ฉินเฟิ่งชิงไม่กระอักกระอ่วนใจแม้แต่น้อย หัวเราะตบไหล่เขาว่า “กลับไปฉันจะเลี้ยงข้าวนาย ผลไม้พลังงานกินเยอะไปจะเบื่ออาหาร ผู้ชายอย่างพวกเราควรจะกินเนื้อดื่มสุราให้มากหน่อย สหาย เดี๋ยวตอนกลางวันฉันเลี้ยงเอง ไม่ต้องเกรงใจ!”
เขาคิดไว้ดีแล้ว ตอนกลางวันไปหาข้าวฟรีที่โรงอาหารไม่เลวเหมือนกัน
ด้านข้างนั้นเหล่าหวังไม่สนใจเขา พูดคุยกับคนก่อนหน้านี้ขึ้นมาแทน
เหล่าหวังไม่ได้หลอกอะไร แค่ถกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์กับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าจริงจังเท่านั้น
ฉินเฟิ่งชิงเห็นคนอื่นๆ ต่างเงี่ยหูฟัง ก็รู้สึกจนใจอยู่บ้าง กวาดสายตตามองเจี่ยงเชาแวบหนึ่ง เหมือนเจ้าอ้วนนี้จะไม่ได้สนใจ ดูท่าเป้าหมายของเขาจะอยู่ที่เจ้าอ้วนคนนี้แล้ว
—
พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน นี่ทำให้การแข่งขันแลกเปลี่ยนความรู้กลายเป็นมิตรภาพมาเป็นเรื่องหลัก การแข่งขันเป็นเรื่องรองอย่างแท้จริง
ในสนาม
หลี่หานซงกลับเป็นครั้งแรกที่แสดงความสามารถทั้งหมดของตัวเองออกมา!
หลี่หานซงที่ราวกับมนุษย์ทองและคลั่งดีเดือดนั้น ลงสนามก็ทุ่มสุดกำลัง ระเบิดชกหลี่เฟยทันที
หลี่เฟยใช้ดาบ หลี่หานซงใช้หมัด
คนสองนี้ต่างไม่อ้อมค้อม ลงสนามก็ปะทะตัวต่อตัว
แม้ว่าดาบของหลี่เฟยจะเป็นอาวุธวิเศษ แต่ประสิทธิภาพที่แสดงออกมาจริงๆ กลับแข็งแกร่งกว่าอาวุธระดับ A หน่อยเท่านั้น
ฟางผิงมองอยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่บ้าง
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
กึ่งร่างทองของเจ้าหัวเหล็กเหมือนจะแข็งแกร่งกว่ากึ่งร่างทองของเขาอยู่บ้าง!
หลี่เฟยที่อยู่ขั้นหกตอนปลายใช้อาวุธวิเศษฟันร่างของเขา นึกไม่ถึงว่าจะเหลือไว้แค่รอยดาบตื้นๆ เท่านั้น การป้องกันของหลี่หานซงแข็งแกร่งจริงๆ!
อย่างน้อยในขั้นห้านี้ เจ้าหมอนี้น่าจะไม่มีใครเทียบได้อยู่บ้าง
ตอนนี้หลี่หานซงเหิมเกริมอย่างยิ่ง แม้จะถูกฟันหลายครั้ง กลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฟันอีกสิ! มาเลย ตรงหัวก็ได้!”
พูดจบ หัวของหมอนั่นก็กลายเป็นสีทอง ตะโกนว่า “ฟันมาสิ!”
ไม่ใช่แค่พูด แต่หลี่หายซงยังเป็นฝ่ายพุ่งตัวเข้าไปหา หลี่เฟยฟันออกมาหนึ่งดาบ เขาใช้หัวตัวเองต้านตรงๆ พุ่งหมัดไปที่หัวของหลี่เฟยเช่นกัน
ดูสิว่าใครจะสามารถระเบิดหัวใครได้ก่อน!
หลี่เฟยประกายแววตาโมโห ไม่ยอมถอยเช่นกัน คำรามอย่างต่อเนื่อง ระเบิดปราณระลอกใหญ่ ควันหลงนั้นสั่นสะเทือนจนพื้นดินกระเซ็นปลิวว่อน
ปังๆๆ!
เสียงระเบิดดังขึ้นไม่ขาดสาย
หลี่หานซงแสยะยิ้มออกไป ในใจกลับด่าอย่างบ้าคลั่ง ฟันได้เจ็บชะมัด!
สมองแทบจะหลุดออกมาแล้ว!
อีกฝ่ายไม่สามารถทำลายหัวของเขาได้ แต่หนังศีรษะกลับถูกฟันจนเนื้อหนังแหลกเหลว ประเด็นอยู่ที่พลังสั่นสะเทือนแทรกซึมเข้ามา ทำเอาสมองเขาชาไปหมด
แต่ถึงจะแพ้ก็ขายหน้าไม่ได้ หลี่หายซงไม่สนใจเช่นกัน หลี่เฟยฟันเขา เขาก็โจมตีใส่หลี่เฟยอย่างบ้าคลั่ง
การต่อสู้ของทั้งสองคน ถือเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดจากการต่อสู้ที่ผ่านมาพวกนั้น
ทั้งสองคนไม่มีใครคิดหลบหลีก ปะทะกันตรงๆ
“ปัญญาอ่อน!”
คำนี้ผุดขึ้นในหัวของพวกฟางผิงทันที
หลี่หานซงทำอะไร?
หัวเหล็กของนายคือข้อได้เปรียบ แต่นายเอาแต่ใช้หัวบังอาวุธวิเศษ!
เจ้านี้แทบจะถูกฟันหัวเบะอยู่แล้ว กระโหลกสีทองบนหัวเกือบโผล่ออกมา จะบ้าคลั่งเกินไปแล้ว
แม้ฟางผิงด่าในใจอย่างนั้นกลับไม่พูดออกมา
พวกเจี่ยงเชายิ่งมั่นใจขึ้นว่านักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้พวกนี้ล้วนเป็นพวกบ้าคลั่งทั้งหมด
จะบ้าคลั่งเกินไปแล้ว!
ฉินเฟิ่งชิงบอกว่าพวกเขาฆ่าคนราวกับมด เหมือนจะไม่ใช่เรื่องโกหกจริงๆ
—
เวทีหลัก
ตาเฒ่าหลี่มองจนแทบจะเคลิ้มหลับ สองคนนี้เปลี่ยนกันฟันดาบ แลกกันคนละหมัดอยู่อย่างนั้น
คนหนึ่งอาศัยเรื่องหัวแข็ง อีกคนใช้ปราณมาเป็นเกราะป้องกัน
สู้แบบนี้ต่อไป สุดท้ายยังต้องดูว่าใครจะต้านได้นานกว่ากัน
หัวเหล็กของหลี่หานซงต้องใช้พลังปราณเหมือนกัน แต่หลี่เฟยสิ้นเปลืองมากกว่าอยู่บ้าง ทว่าพลังอีกฝ่ายกลับแข็งแกร่งกว่า ฟื้นฟูไวกว่า หลี่หานซงอาจพล่ากำลังอีกฝ่ายไม่ได้เสมอไป
มองทั้งสองคนสู้อยู่สักพัก
จู่ๆ ตาเฒ่าหลี่ก็มองไปทางหลี่โม่ “พี่หลี่ จะว่าไปแล้วห้าร้อยปีก่อนพวกเรายังเป็นครอบครัวเดียวกัน…”
หลี่โม่มองเขา ไม่ปริปากพูด
“พวกเด็กๆ สู้กันจนถึงตอนนี้ เหลือแค่คนสุดท้ายของสองฝ่ายที่ยังไม่ได้ลงสนาม ขั้นหกตอนปลายของพวกนาย ขั้นห้าสูงสุดของพวกฉัน อยากจะทายสักหน่อยไหมว่าสุดท้ายใครจะเป็นฝ่ายชนะ?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พนันกันสนุกๆ พี่หลี่สนใจพนันกันหน่อยหรือเปล่า?”
หลี่โม่ตอบกลับอย่างฉับไว “ไม่สนใจ”
ตาเฒ่าหลี่ทำสีหน้าเหยเก อะไรกัน?
พนันสักตั้งนายก็ไม่กล้า?
พวกเด็กๆ ของเมืองเจิ้นซิงยั่วยุได้ง่าย รุ่นผู้ใหญ่กลับยากเหลือเกิน
หลี่โม่ไม่ยินดีพนันด้วย ตาเฒ่าหลี่ก็อับจนหนทาง แต่ปากยังคงเอ่ยออกไป “ฉันคิดว่าสู้จนถึงตอนนี้แล้ว ไม่มีอะไรให้กังวลอีก ไม่ว่าหลี่หานซงจะแพ้หรือชนะ แต่ฟางผิงชนะอย่างแน่นอน”
รัฐมนตรีหวังเห็นแบบนั้นก็ตำหนิทันที “คณบดีหลี่!”
เจ้าหมอนี้คิดว่าขั้นแปดยังมีคนโง่อยู่หรือไง?
วิธียั่วยุนี้ของนายใช้ได้กับพวกเด็กๆ เท่านั้นแหละ
รัฐมนตรีหวังเพิ่งจะตำหนิไป จู่ๆ หลี่โม่ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คณบดีหลี่ ไม่จำเป็นต้องยั่วยุฉัน ในเมื่อนายพูดแบบนี้ พวกเด็กๆ ต่อสู้กันไม่น่าสนใจ หรือนายกับฉันจะลองสู้กันสักสนามล่ะ?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันแล้วไปเถอะ ฉันไม่ใช่ขั้นแปดสักหน่อย นายอยู่ขั้นแปดสูงสุด ไม่สู้ให้รัฐมนตรีหวังมาประลองเป็นเพื่อน?”
รัฐมนตรีหวังใบหน้าดำคล้ำ หลี่ฉางเซิงกล้าพูดอีก เขาจะเตะให้ตาย!
หลี่โม่ไม่รับบทสนทนาต่อ นายยอมแพ้ก็จบแล้ว
พวกเด็กๆ ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เหิมเกริม นายกลับเหิมเกริมไม่ได้?
ตาเฒ่าหลี่น่าจะรู้สึกขายหน้าอยู่บ้าง ไอแห้งๆ ว่า “ไม่งั้นรอเหล่าอู๋กลับมาเป็นเพื่อนเล่นคุณหลี่เป็นยังไง?”
หลี่โม่ไม่พูดต่ออีกแล้ว เปลี่ยนไปถามประเด็นอื่น “ตอนนี้สถานการณ์ของเขตแดนเจ็ดทางใต้เป็นยังไงบ้าง?”
รัฐมนตรีหวังเอ่ยว่า “วันก่อนได้รับข้อมูลจากหน่วยทหาร ยังประคองสถานการณ์อยู่! พวกพื้นที่หวงห้าม สัตว์ปีศาจขั้นเก้าเจ็ดตัวลงมือแล้ว ทำสงครามกับคนของเขตหวงห้ามครั้งหนึ่ง…แต่เขตหวงห้ามก็มีสัตว์ปีศาจออกมาจากเขาต้านสมุทร ต่อสู้กันอยู่พักใหญ่ถึงสงบลง ตอนนี้ทางเมืองเทียนเหมินเรียกรวมพลคนของเขตแดนเจ็ดทางใต้ สัตว์ปีศาจากพื้นที่หวงห้ามรวมถึงคนจากเขตหวงห้ามน่าจะเจรจากันแล้ว”
ระหว่างที่พูด รัฐมนตรีหวังยังเอ่ยต่อว่า “อีกอย่าง เกรงว่าเมืองเทียนเหมินต้องอพยพจริงๆ แล้ว ตอนนี้เมืองเทียนเหมินเกิดความสูญเสียอย่างหนัก ไม่เหมาะจะกลายเป็นแนวหน้าจู่โจมเมืองความหวังอีกต่อไป…”
เขากำลังพูด หลู่เฟิ่งโหรวที่เงียบมาโดยตลอดกลับเอ่ยว่า “เมืองเทียนเหมินอพยพหรือถอนทัพ?”
รัฐมนตรีหวังมองเธอไปแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “คณบดีหลู่ ไม่ว่าจะอพยพหรือถอนทัพ เจ้าเมืองเทียนเหมินก็ยังเป็นยอดฝีมือขั้นเก้า ตอนนี้มีอาวุธวิเศษขั้นเก้าในมืออีก พูดถึงเรื่องพลังต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่ขั้นเก้าทั่วไปสามารถเทียบได้ แม้จะเป็นผู้บังคับการอู๋ที่ความสามารถเหนือกว่าอีกฝ่ายช่วงใหญ่ มีอาวุธวิเศษในมือเอาชนะอีกฝ่ายนั้นได้ แต่คิดจะฆ่าเขายังเป็นเรื่องยากอย่างมาก! หากร่วมมือกับต้นเทียนเหมินอีก เกรงว่าผู้บังคับการอู๋คงยากจะต่อสู้กับการร่วมมือของทั้งสองคน ฉันพูดเรื่องพวกนี้ คุณน่าจะเข้าใจความหมายแล้ว…”
หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วว่า “ฉันแค่ถามว่าถอนทัพหรืออพยพ รัฐมนตรีหวังไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ฉันฟังมากมายขนาดนี้”
รัฐมนตรีหวังเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “มีโอกาสถอนทัพสูงกว่า ตอนนี้ในเขตแดนเจ็ดทางใต้เขาถูกพื้นที่หวงห้ามมองเป็นศัตรู รั้งอยู่ในเขตแดนเจ็ดทางใต้ต่อไป บางทีอาจจะเกิดปัญหาบางอย่าง หลักๆ เป็นยังไง ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“ถอนทัพ…ถอนทัพไปอยู่ที่ใจกลางเขตหวงห้ามจากปากของพวกคุณ?”
หลู่เฟิ่งโหรวเผยสีหน้าซับซ้อน เอ่ยต่อว่า “เขตหวงห้าม พวกเราเข้าไปได้หรือเปล่า?”
ด้านข้างนั้นหลี่โม่เอ่ยว่า “เขตหวงห้ามมีอันตรายอย่างยิ่ง ทุกเส้นทางล้วนมียอดฝีมือคุ้มกันอยู่ เข้าไปไม่ได้”
รัฐมนตรีหวังมองเขาแวบหนึ่ง หลี่โม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ส่ายหัวว่า “นั่นเป็นสนามรบของพวกเด็กๆ”
————-
………………..